เสี่ยวหลันจื่อที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนวัวะโลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงยกเอาตะกร้าที่ใส่ของลงมาด้วย หน้าบ้านสกุลหลิวมีหญิงสาวหลายคนยืนอยู่หนึ่งในนั้นมีหลิวหลีรวมอยู่ด้วย
"พวกเ้ากลับมาแล้ว "
หลิวหลีส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เซียวอี้เหิง ก่อนที่มันจะเจือนลง เมื่อมีหญิงงามแต่งตัวหรูหรางดงามเหมือนกับคุณหนูที่มาจากในเมือง
“นางเป็ใครเหตุใดนางถึงมากับพวกเ้า”
หลิวหลีหันมาถามเสี่ยวหลันจื่อ
“ข้าคือหลู่หลิงเซียน บุตรสาวคหบดีหลู่แห่งอำเภอหยู่ปิง” พูดจบนางก็เดินเดินเชิดหน้ามายืนเซียวอี้เหิง
“แล้วคุณหนูหลู่ ผู้สูงส่งมาทำอะไรที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้” หลิวหลีถามเสียงประชดประชัน
“ข้ามาทำอะไรที่นี่เกี่ยวอันใดกับเ้าแล้วนี่เ้าเป็ใคร”
หลู่หลิงเซียนเมินหลิวหลี ไปโดยปริยาย มองประตู เรือนที่ดูผุพังเหมือนถูกสร้างมาแล้วหลายสิบปี
“ที่นี่คือบ้านของเ้าหรือ” หลู่หลิงเซียงถามเสี่ยวหลันจื่อ
“ใช่แล้วที่นี่คือบ้านของข้า”
“เข้าบ้านเถอะ” เซียวอี้เหิง จูงมือเสี่ยวหลันจื่อเดินผ่านหญิงสาวหลายคนที่มายืนรุมล้อมอยู่หน้าบ้านสกุลหลิว
หลู่หลิงเซียนที่ถูกเมินก็ถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่พอใจนัก
เมื่อเข้ามาถึงในเรือน หลู่หลิงเซียนก็ใช้สายตามองดู เรือนหลังเล็กที่ดูซอมซ่อด้วยความดูถูก
“ท่านพักที่นี่จริงหรือ ความจริงแล้วตระกูลข้ามีเรือนเช่าหลายแห่งในอำเภอถ้าหากว่าท่าน้าข้าสามารถให้ท่านไปอยู่ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า อยู่ได้นานเท่าที่ท่าน้า”
หลู่หลิงเซียน ยื่นข้อเสนอให้เซียวอี้เหิง หลังจากที่เห็นเรือนสกุลหลิว
“ไม่จำเป็” เขาพูดแค่นั้นก็ผละจากไป ผู้เฒ่าทั้งสองที่เห็นว่ามีแม่นางหน้าตางดงามตามมาด้วยเขาก็ คิดว่าเป็สหายของเสี่ยวหลันจื่อ จึงนำน้ำชามาต้อนรับอย่างยินดี
“แม่หนูเชิญดื่มน้ำชาก่อนเป็สหายของจื่อเอ๋อของเราหรือ”
หลู่หลิงเซียน มองชายหญิงชาาวบ้านแต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายเนื้อหยาบก็รู้สึกดูแคลน นางไม่แม้แต่จะหยิบถ้วยชาขึ้น นั่งหลังตรงเชิดคอไม่พูดสิ่งใดออกมา
ผู้เฒ่าทั้งสองไหนเลยจะมองไม่ออกว่านางรังเกียจและดูแคลนตนเอง พวกเขาจึงทิ้งนางเอาไว้แล้วเดินออกมาจากห้องโถงเเละเจอกับเสี่ยวหลันจื่อ ที่เพิ่งเก็บของเสร็จพอดี
” จื่อเอ๋อ แม่นางคนนั้นเป็ใครกันนางดูไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปเหมือนพวกเรา” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้า
"ใช่แล้วท่านตาท่านยายนางเป็แขกของเซียวอี้เหิง ข้าว่าไม่ต้องไปยุ่งกับนางหรอกปล่อยนางไว้อย่างนั้นแหละให้เซียวอี้เหิงจัดการเองเถอะ"
เสี่ยวหลันจื่อดันหลังสองผู้เฒ่าเดินออกไปลานบ้าน ความหล่อเหลาของเขาเป็เหตุก็ให้เขาแก้ไขเองเถอะ
เซียวอี้เหิงไหนเลยจะสนใจ เมื่อเวลาผ่านไปนานแต่กลับไม่เห็นคนที่อยู่ในเรือนออกมาต้อนรับนาง นางก็รู้สึกหงุดหงิดหลู่หลิงเซียน จึงลุกขึ้นเดินออกจากเรือนไปนอกเรือนสกุลหลิว เผื่อว่าจะสืบได้อะไรจากชาวบ้าน เมื่อนางเดินออกมาก็เจอกับหญิงสาวหลายคนที่ยังไม่ได้ผละไปจากที่นี่
นางจึงเรียกหนึ่งในพวกนั้นมาสอบถาม สาวใช้ของหลู่หลิงเซียน ยื่นเงินเล็กน้อยให้หญิงสาวนางนั้นหลังจากถามไปหลายคำถาม
“ดูเหมือนว่า จะไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนักทุกอย่างเหมือนที่ข้าให้คนมาสืบก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของสองคนนั้น ข้าอาจจะต้องอยู่ที่นี่หลายวันเ้ากลับไปแล้วแจ้งท่านพ่อของข้าว่าข้ามาพักที่บ้านสหายสักหลายวัน” หลู่หลิงเซียน สั่งสาวใช้ของนาง
จากนั้นถิงถิงสาวใช้ของหลู่หลิงเซียนจ้างเกวียนวัวในหมู่บ้านให้ไปส่งนางเดินทางเข้าอำเภอ
หลู่หลิงเซียน กลับมาที่บ้านสกุลหลิวอีกครั้งแล้วบอกกับเสี่ยวหลันจื่อว่า นางจะพักที่นี่
“คุณหนูหลู่ เช่นนี้คงไม่เหมาะสมกระมังเ้าก็เห็นอยู่ว่าบ้านของข้ามีแค่สามห้องนอนถ้าหากว่าเ้า้าพักที่นี่ดูเหมือนว่าจะไม่มีห้องว่างแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อปฏิเสธ
“ข้าพักห้องเดียวกับเ้าก็ได้”
“ไม่ได้”เป็เซียวอี้เหิง ที่ตอบปฏิเสธทันควัน
เสี่ยวหลันจื่อยักไหล่ บนใบหน้าเขียนว่าข้าบอกเ้าแล้วเห็นหรือยัง
“ข้าว่าเ้ากลับไปเถอะ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ไม่เหมาะกับคุณหนูที่ร่ำรวยอย่างเ้าหรอก ถ้าหากว่าเกิดอันตรายกับเ้าพวกเรารับผิดชอบไม่ไหว” เสี่ยวหลันจื่อให้เหตุผล
“ข้าจะให้ฉีเหลย ไปส่งเ้าเข้าอำเภอก็แล้วกัน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วท่านพ่อของเ้าจะเป็ห่วงเอา”
เสี่ยวหลันจื่อแสดงความหวังดี
“ไม่จำเป็ถ้าข้า้าจะพักที่นี่ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ” หลู่หลิงเซียนยืนกราน จากนั้นจึงเดินออกจากบ้านสกุลหลิวไป
หลังจากหลู่หลิงเซียน เดินออกไปแล้วคนทั้งหกในบ้านสกุลหลิวต่าง ไม่มีใครสนใจเื่ของนาง ทุกคนใช้ชีวิตปกติ จนกระทั่งตอนเช้า หลู่หลิงเซียนก็มาปรากฏตัวที่บ้านสกุลหลิวอีกครั้ง เสียวหลันจื่อมองนางด้วยความสงสัย
"คุณหนูหลู่เมื่อวานเ้าพักอยู่ที่ไหนหรือ"
หลู่หลิงเซียนถลึงตามองนาง แต่ไม่ตอบคำถามนาง เสี่ยวหลันจื่อเองก็ไม่สนใจจึงพาเสี่ยวหงออกไปเดินเล่น นางกำลังคิดว่าจะทำอะไรเพื่อให้ได้เงินมากๆ นางเดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงต้นไม้ใหญ่ตรงเชิงเขาจึงนั่งลงใช้ความคิด เมื่อวานใช้เงินซื้อของไปไม่น้อยแต่เงินเก็บรวมกันหลายวันมานี้มีแค่สี่ร้อยสามสิบตำลึง
นางนั่งเหม่อลอย ปล่อยความคิดให้โลดแล่นไปไกล แต่เสียงพูดคุยก็ดังมาจากทางด้านหลัง เสี่ยวหลันจื่อชะโงกหน้าออกไปมองจึงเห็นว่าเป็หลู่หลิงเซียนกับเซียวอี้เหิงที่เดินมาด้วยกัน นางจึงแอบอยู่หลังต้นไม้ไม่ให้พวกเขาทั้งสองคนเห็น
เสียงพูดดังขึ้นเรื่อยๆ นางคิดว่าพวกเขาอยู่อีกฟากของต้นไม้
“คุณชาย ท่านรับข้อเสนอของข้าเถอะข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่าน้าท่านจะได้ไม่ต้องมาลำบากอยู่ที่หมู่บ้านทุรกันดารแห่งนี้” หลู่หลิงเซียนโน้มนาวและพูดต่อไปเมื่อเห็นว่าเขา ยังคงนิ่งเงียบ
"ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่าน้าอะไรข้าจะได้หามาให้ถูกใจท่าน"
เซียวอี้เหิงปรายตามองนางอย่างเ้าเล่ห์เเล้วขยับเข้าหานาง
“เ้าพูดจริงหรือ” หลู่หลิงเซียนพยักหน้าใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจเต้นแรง เหมือนว่านางจะมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว คนเราทุกคนมีใครบ้างทนต่ออำนาจเงินได้ต่อให้เป็พระภิกษุก็ต้องมีความ้าไม่สิ่งใดก็สิ่งหนึ่ง ดูเหมือนว่านางจะมาถูกทาง
เสี่ยวหลันจื่อที่เเอบดูพวกเขาอยู่ก็หัวใจเต้นแรงเหมือนกัน นางใจจดใจจ่ออยู่กับคำตอบเซียวอี้เหิง นางอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
เซียวงอี้เหิง ดึงร่างของหลู่หลิงเซียนเข้ามาในอ้อมแขนตนจากนั้นใช้วิชาตัวเบาทะยานหายไปในูเา เสี่ยวหลันจื่อที่เเอบมองอยู่ก็รู้สึกหัวใจวูบโหวงไปทันที หัวใจของนางบีบรัดจนรู้สึกหายใจไม่ออก ในหัวของนางมันขาวโพลนไปหมด ไม่รู้ว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน จนกระทั่งเสียงเรียกของฉีเหลยดังขึ้น
"เเม่นางอวี้ ข้าตามหาเ้าตั้งนานเห็นว่าใกล้จะมืดแล้วแต่เ้าไม่กลับมาซะทีผู้เฒ่าทั้งสองต่างเป็ห่วงจึงให้ข้ามาตามเ้า"
เสี่ยวหลันจื่อตอบ ออ ไปหนึ่งทีแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนั่งอยู่ที่เดิมมานานทำให้ขาของเสี่ยวหลันจื่อชาจนไม่มีความรู้สึก นางลุกขึ้นยื่นได้ครู่หนึ่งจึงล้มลงฉีเหลยรีบถลาเข้ามาประคองนาง
"ขาของเ้าเป็อะไร" ฉีเหลยรีบตรวจดูแต่เสี่ยวหลันจื่อห้ามเอาไว้
ข้าแค่นั่งท่าเดิมนานไปหน่อยมันจึงช้าจนไร้ความรู้สึกอีกสักครู่ก็คงจะหายดี"
ฉีเหลยพยักหน้ารับรู้
"ถ้าอย่างนั้นให้ข้าอุ้มเ้าเถอะจะได้รีบกลับเรือนตายายของเ้าเป็ห่วงแล้ว"
ตอนนี้เสี่ยวหลันจื่อไม่อยาก คิดอะไรนางเพียงแค่อยากจะนอนหลับไปและอยากจะลืมภาพที่นางเห็นเมื่อตอนบ่าย อยากลบมันทิ้งไปให้หมด
เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้า จากนั้นฉีเหลยจึงก้มลงอุ้มนางเดินกลับเรื่อนสกุลหลิวไป
ทันทีที่เข้ามาในเรือนสองผู้เฒ่าเห็นว่าเสี่ยวหลันจื่อ ถูกอุ้มกลับมาก็คิดว่านางาเ็
“เกิดอะไรจื่อเออขาของเ้าเป็อะไร” สองผู้เฒ่ารีบเข้ามาดู
“ไม่ได้เป็อะไร เพียงแต่ข้านั่งท่าเดิมนานเกินไป จึงทำให้เกิดเหน็บชาชั่วคราวเท่านั้นอีกสักพักก็หาย”
เสี่ยวหลันจื่อบอกทั้งสองให้คลายกังวล เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้องโถงก็เห็นว่ามีเซียวอี้เหิงกับหลู่หลิงเซียน นั่งอยู่ข้างกัน เสี่ยวหลันจื่อจึงก้มหน้าลงไม่สบตาพวกเขา
“ท่านยายข้ารู้สึกไม่สบายนิดหน่อยขอตัวไปพักผ่อนก่อน” พูดเสร็จเสี่ยวหลันจื่อก็ให้ฉีเหลยอุ้มนางเข้าห้องไป
เมื่อเข้ามาในห้องของตัวเองเเล้ว เสี่ยวหลันจื่อเอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด จากนั้นภาพที่นางเห็นเซียวอี้เหิงกอดหลู่หลิงเซียนก็ฉายซ้ำในหัวนาง
เ้าคงจะพานางไปดูป่าท้อมาสินะ เหมือนที่เ้าพาข้าไป เสี่ยวหลันจื่อเสียใจมาก คิดว่าตนเองเป็เ้าของภาพนั้นแต่เพียงผู้เดียว ในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ยิ่งคิดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ทั้งวันก็พลันไหลบ่าออกมาราวทำนบแตก นางไม่รู้ว่าตนเองเป็อะไร ความรู้สึกที่เหมือนหายใจไม่ออก มันเหมือนนางกำลังจะขาดใจตาย นางรู้สึกเจ็บที่ตรงหน้าอกด้านซ้าย ตรงหัวใจ
เสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ในผ้าห่มจนหลับไป
ผ่านไปสักพักเสียงเปิดของประตูดังขึ้นเบาๆ ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆในความมืด เพราะห้องไม่ได้จุดเทียนจึงมีเพียงแสงสลัว ของพระจันทร์ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เขามองเห็นร่างเล็ก ที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มนอนขดอยู่ตรงมุมด้านในของเตียง
เซียวอี้เหิงค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกอย่างเบามือ จนกระทั่งมองเห็นร่างเล็กของเสี่ยวหลันจื่อ ที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ขอบตาบวมแดงที่เกิดจาการร้องไห้อย่างหนัก เซี่ยวอี้เหิงถอนหายใจ
“เ้าเป็คนบังคับให้ข้าทำเช่นนี้เอง หาเ้าไม่เอาเเต่ดื้อดึงผลักไสข้า.....” เซียวอี้เหิงพูดเพียงเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ออกไปเอากะละมังใส่น้ำอุ่นเข้ามา ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามใบหน้าของนางอย่างแ่เบาและทะนุถนอมดังเช่นสิ่งล้ำค่าที่สำคัญที่สุดในชีวิต