เซียวิจูกลับบ้านด้วยท่าทางดีอกดีใจวิ่งเข้าไปในห้องครัว เห็นบิดามารดากำลังเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัว ท่านป้าสี่เห็นเซียวิจูกลับมาแล้วเดิมคิดจะว่ากล่าวกับนางสักสองประโยค คิดอีกทีหนึ่ง กำลังจะเอ่ยปาก สุดท้ายก็เปลี่ยนคำพูด“กลับมาแล้วงั้นหรือ? รีบมาช่วยอีกแรงเ้าถนัดทำอาหารหลายอย่างไม่ใช่หรือ? อาหารเที่ยงวันนี้ให้เ้าทำแล้วกัน”
เซียวิจู้าทำเช่นนั้นอยู่แล้วนางมองท่านป้าสี่ ภายในใจรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดมารดาของตนเองถึงเปลี่ยนใจเร็วนัก แต่เห็นบิดาอยู่ข้างๆก็เข้าใจทันที รีบเข้าไปช่วย “ได้เ้าค่ะ ข้าทำเอง! ”
เมื่อท่านลุงสี่เห็นสองแม่ลูกคืนดีกันดังเดิมแล้วก็ยิ้มจนตาหยี “วันนี้เดี๋ยว...”
ท่านป้าสี่เหลือบมองเขาแวบหนึ่งเกรงว่าเขาจะบอกเซียวิจูเื่ที่เซียวหยวนจะมาด้วย จึงพูดขัดเขาทันที “พูดอะไรกัน? ที่นี่ไม่มีธุระของเ้าแล้ว รีบจูงวัวไปกินหญ้าไป อย่ามาวุ่นวายตรงนี้!”
กล่าวจบ ก็ผลักท่านลุงสี่ออกจากประตูสองแม่ลูกเตรียมอาหารเที่ยงด้วยกัน
อาหารมื้อนี้ ท่านป้าสี่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเพียงล้างผักหั่นผัก จากนั้นจึงใส่ฟืน เื่ทำอาหารปล่อยให้เซียวิจูทำเพียงคนเดียว
เซียวิจูคิดแต่จะทำอาหารอร่อยให้เซียวยวี่ได้ลิ้มลองจึงทุ่มเทความพยายามทั้งหมด ทำอาหารที่นางถนัด
ทางเซี่ยยวี่หลัวก็เริ่มเตรียมอาหารเที่ยงแล้วนางไปสวนหลังบ้านจับปลาขนาดปานกลางมาสองตัว ขอดเกล็ดและนำเครื่องในออก กรีดบนตัวปลาสองทีทาเกลือบางๆ หนึ่งชั้นไว้ทั่วตัวแล้วจึงวางไว้ข้างๆ
ตักหน่อไม้ดองชามใหญ่ออกมาจากไหหมักดองหั่นกระเทียม ขิง และพริกเตรียมไว้
หม้อใบเล็กด้านในใช้หุงข้าวเซี่ยยวี่หลัวใช้ใยบวบล้างกระทะใหญ่ด้านนอกสามรอบ ใช้ไฟแรงอุ่นกระทะจนร้อน เทน้ำมันกระทะร้อนน้ำมันเย็น ใส่ปลาลงไป ใช้ไฟอ่อนทอดจนหนังปลากลายเป็สีเหลืองทองทั้งสองด้านตักขึ้นมาวางไว้ข้างๆ
ในกระทะยังเหลือน้ำมันเจียวกระเทียม พริก และขิงที่หั่นไว้จนหอม จากนั้นใส่หน่อไม้ดอง ซีอิ๊ว และเกลือ ผัดครู่หนึ่งเติมน้ำลงไป รอน้ำเดือดแล้วจึงใส่ปลาที่ทอดไว้ลงในกระทะ ต้มพร้อมกัน เมื่อเดือดอีกครั้งจึงนำไปตั้งบนเตาถ่านเล็กต้มต่อด้วยไฟอ่อน
เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าเซียวยวี่จะกินข้าวที่บ้านวันนี้จึงนำผักตี้เอ่อแห้งหนึ่งถ้วยไปแช่น้ำไว้ ผัดผักตี้เอ่อผัดพริก ผัดครู่หนึ่งก็ตักขึ้นจากกระทะข้าวในหม้อด้านในหุงเสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวใช้ไข่ไก่สี่ฟองทำไข่ตุ๋น ตุ๋นเสร็จแล้วนำอาหารทั้งสามไปวางบนโต๊ะ เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะให้เด็กๆ ไปตามเซียวยวี่มากินข้าว
ประตูห้องข้างๆ เปิดออกดังแกร๊กเซียวยวี่เดินออกมา
เขาไม่มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยซ้ำกล่าวกับเด็กสองคน "ข้าออกไปก่อน"
จากนั้นจึงมองอาหารบนโต๊ะก่อนเดินออกไป
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"กินข้าวเสร็จค่อยไปทำธุระก็ได้"
ไม่ว่าจะมีธุระอะไร อย่างน้อยก็ควรกินข้าวก่อน!
เซียวยวี่หันมองเซียวจื่อเซวียนเซียวจื่อเซวียนเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าเขาลืมบอกพี่สะใภ้ใหญ่เื่ที่พี่ใหญ่จะออกไปกินข้าวข้างนอก
เขาเปิดปากกำลังจะกล่าวแต่พอคิดได้ว่าพี่ใหญ่ของตนก็อยู่ที่นี่ เมื่อครู่เพราะพี่ใหญ่บอกว่าจะอ่านตำรา จึงให้เขามาช่วยบอกแต่ขณะนี้เ้าตัวอยู่ต่อหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดพี่ใหญ่ถึงไม่พูดเอง ต้องให้เขาช่วยพูดด้วย?
เซียวจื่อเซวียนปิดปากไม่กล่าวอะไร หันมองไปทางเซียวยวี่โดยเลียนแบบท่าทางพี่สะใภ้ใหญ่ ทำท่าทีเหมือนจะบอกว่าท่านอธิบายเองข้าจะไม่ปริปากพูดอะไร
เซียวยวี่ทอดถอนใจด้วยความอ่อนใจเด็กคนนี้ มีความคิดเป็ของตัวเองแล้ว
"ท่านลุงสี่เชิญข้าไปกินข้าวไม่ได้บอกเ้า" เซียวยวี่หันไปทางเซี่ยยวี่หลัว กล่าวประโยคที่สมบูรณ์หนึ่งประโยคอย่างหาได้ยากนัก
เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจทันทีดูท่าที่เซียวิจูมาในตอนเช้า คงมาด้วยธุระเื่นี้
นางไม่แสดงท่าทีแง่งอนเพียงกล่าว "อ่อ เช่นนั้นเ้าก็รีบไปเถอะ จื่อเซวียนจื่อเมิ่ง เรากินข้าวกัน"
เซี่ยยวี่หลัวหันไปพาเด็กสองคนนั่งลงตรงโต๊ะตักข้าวให้เด็กสองคนจนพูนชาม ไม่สนใจเซียวยวี่ที่ทำสีหน้าถมึงทึงอยู่ด้านหลังแม้แต่น้อย
เซียวยวี่ขมวดคิ้วขณะมองดูอาหารสามจานบนโต๊ะชามหนึ่งเป็ปลา ปลานั่นใส่ไว้ในชามใบใหญ่ ในนั้นมีวัตถุดิบอื่นด้วย กลิ่นเปรี้ยวลอยล่องอยู่ในอากาศแค่ได้กลิ่นก็แทบน้ำลายสอ
ยังมีอาหารสีดำคล้ำอีกหนึ่งอย่างไม่รู้ว่าคืออะไร เซียวยวี่มองอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังดูไม่ออก เหมือนว่าเขาไม่เคยกินอาหารชนิดนี้มาก่อนในนั้นแต่งแต้มด้วยพริกแห้งสีแดง สีดำสลับแดง ดูดียิ่งนัก ข้างๆ มีไข่ตุ๋นชามใหญ่ ไข่ตุ๋นถูกตุ๋นจนเป็สีเหลืองทอง้ามีน้ำมันและหมูสับหนึ่งชั้น พอใช้ช้อนตักลงไป ไข่ด้านในถูกตุ๋นจนอ่อนนุ่ม สีสันดูสดใหม่เซียวจื่อเมิ่งตักมาหลายช้อน คลุกกับข้าว กินอย่างเอร็ดอร่อย
"พี่สะใภ้ใหญ่ ปลานี่อร่อยเหลือเกินขอรับทั้งเปรี้ยวทั้งหอม อร่อยมากๆ เลยขอรับ! " เหมือนเซียวจื่อเซวียนจะจงใจ หันไปยักคิ้วอย่างได้ใจให้เซียวยวี่ที่ยังไม่ได้ออกไปพร้อมใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาโยกไปมา
รสเปรี้ยวของหน่อไม้ดองและกลิ่นหอมของเนื้อปลาผสานกันอย่างลงตัวปลาตัวนั้นทั้งนุ่มทั้งอร่อย แฝงเร้นด้วยรสเปรี้ยว อร่อยจนแทบกัดลิ้น
เซียวจื่อเซวียนกินคำแล้วคำเล่าท่าทางที่ดูเกินจริงนั่น ทำให้เซียวยวี่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เซียวิจูผัดอาหารจานสุดท้ายเสร็จกำลังจะทำความสะอาดห้องครัว ท่านป้าสี่หยิบผ้าขี้ริ้วมา กล่าวกับเซียวิจู"เ้ากลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อก่อน ดูสิบนตัวมีแต่กลิ่นน้ำมันกับควันไฟ ในตู้เสื้อผ้าเ้ามีเสื้อสีแดงกุหลาบที่ทำขึ้นใหม่เ้ายังไม่เคยสวมไม่ใช่หรือ? วันนี้จะได้นำมาสวมพอดี!"
“ท่านแม่...” เซียวิจูไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองนางไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่ ท่านแม่กำลังให้นางไปแต่งเนื้อแต่งตัวให้งดงามที่สุดงั้นหรือ?
นางก็มีความคิดเช่นนี้เช่นกัน!
ท่านป้าสี่กล่าวเป็เชิงให้กำลังใจ“รีบไปเถอะ จำไว้ว่าแต่งตัวให้ดูดีเข้าไว้”
เซียวิจูตักน้ำอุ่นที่สะอาดหนึ่งอ่างออกจากห้องครัวไปด้วยความดีใจกลับห้องไปแล้ว
ขณะที่นางออกไป ผ้าขี้ริ้วในมือท่านป้าสี่ก็หยุดชะงักไปชั่วขณะหันกลับไปมองท่าทางดีอกดีใจของบุตรสาวตนเอง ส่ายหน้าพร้อมทอดถอนใจ!
เซียวิจูล้างมือและหน้าจนสะอาดเลือกเสื้อและกระโปรงที่นางคิดว่าสวยที่สุดและขับผิวให้ดูเด่นที่สุดออกมาจากตู้เสื้อผ้าทำทรงผมที่สวยที่สุด ปักปิ่นที่นางคิดว่าดูดีที่สุด หญิงสาวบ้านไหนบ้างจะไม่มีเครื่องประทินโฉมเซียวิจูนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ใช้เครื่องประทินโฉมที่นางไม่ได้ใช้มาสามเดือนกว่า
ถึงแม้เซียวิจูจะไม่เคยเรียนหนังสือแต่ก็มักจะได้ยินคนกล่าวว่า นักรบยอมพลีชีพเพื่อสหายรู้ใจ สตรีแต่งแต้มโฉมเพื่อคนที่ตนมีใจ
นางไม่เข้าใจความหมายของคำพูดประโยคแรกแต่ประโยคหลัง นางเข้าใจ
เซียวยวี่คือคนที่นางมีใจให้นางจะแต่งกายให้สวยสดงดงาม เพื่อเดินเข้าไปในใจเขา
ท่านป้าสี่ยกอาหารเข้าไปในห้องเก็บกวาดห้องครัวเสร็จแล้ว จึงยืนชะเง้อคอรอคอยอยู่หน้าประตู
ภายในใจนางคิดถึงแต่ชื่อเซียวหยวนเซียวหยวน และแล้ว คนที่เดินมาจากทางบ้านเซียวหยวน ก็คือเซียวหยวนไม่ใช่หรือ?
เด็กคนนั้นมาแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้