หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ซินเยว่กับมารดาจึงขอตัวออกมาจัดการธุระกับหัวหน้าฝู นั่นก็คือการจ่ายเงินที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ส่วนเสี่ยวหลานนางให้ไปจัดการเื่ที่พัก
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ขอรับ” หัวหน้าฝูเอ่ยถามเป็กันเอง“เรียบร้อยดีเ้าค่ะ ถือว่าข้ายังโชคดีที่คนที่รู้จักยังคงอยู่ที่นี่ พวกท่านจะเดินทางกลับเมืองหลวงหรือจะพักที่นี่ก่อนเ้าคะ”
“พวกข้าคิดว่าจะเดินทางกลับวันนี้เลย เช่นนั้นข้าขออวยพรให้พวกท่านเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่เมืองนี้อย่างราบรื่นและมีความสุขนะขอรับ” หัวหน้าฝูตอบลี่หลินพร้อมกับคำอวยพร
“ขอบคุณเ้าค่ะ /ขอบคุณเ้าค่ะท่านลุง” พอร่ำลากันเสร็จสองแม่ลูกจึงเดินกลับเข้าโรงเตี๊ยมไปอีกครั้ง
“คุณหนูเ้าขา...” เสียงหวาน ๆ เรียกซินเยว่ไว้ก่อนจนนางต้องหยุดเดิน มีเพียงลี่หลินที่ไปพูดคุยกับเถ้าแก่เซียวต่อ
“พี่เสี่ยวหลานเรียกข้ามีอะไรหรือเ้าคะ”
“คือว่า…บ่าวอยากจะขอน้ำหวานที่รสซ่า ๆ อีกหน่อยได้หรือไม่เ้าคะ แหะ ๆ ๆ”
ซินเยว่ก็นึกว่าเสี่ยวหลานมีเื่อะไรเสียอีก ที่แท้นางก็ติดใจน้ำอัดลมที่เคยให้ลองดื่มระหว่างเดินทางนี่เอง
“ข้าให้พี่เสี่ยวหลานเอาไปดื่มได้ แต่หลังจากที่ดื่มแล้วอย่าเผลอไปอยู่ใกล้ท่านแม่เล่า ประเดี๋ยวก็ไปเรอให้ท่านแม่ได้ยินอีกมีหวังพี่โดนบ่นจนหูชาแน่”
“ด้านหน้าโรงเตี๊ยมไกลพอหรือไม่เ้าคะคุณหนู” เสี่ยวหลานถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ตรงไหนก็ได้ที่ไม่อยู่ใกล้ท่านแม่ก็พอเ้าค่ะ” พูดจบซินเยว่ก็เอาน้ำอัดลมที่ใส่แก้วไม้ไผ่ไว้ออกมาให้เสี่ยวหลานหนึ่งแก้ว เพื่อเป็การตอบแทนที่ตามนางไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ไม่เคยขัดสักครั้ง
เมื่อเสี่ยวหลานได้ของที่้าแล้ว จึงได้ปล่อยให้ซินเยว่เข้ามาหาเถ้าแก่เซียวกับมารดา เดินมาถึงซินเยว่ก็ถามกับเถ้าแก่เซียวเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทันที
“ท่านตาท่านเคยคิดอยากปรับปรุงโรงเตี๊ยมบ้างหรือไม่เ้าคะ”
“ตาแก่แล้วถึงอยากจะทำก็ทำไม่ไหว อีกอย่างคนงานก็ลาออกไปหมด จะเหลือก็แค่อาเซ่อคนเดียวที่ยังอยู่”
“แล้วท่านตาเคยคิดจะขายที่นี่ให้พ่อค้าคนอื่นไหมเ้าคะ”
“ตาก็เคยคิดนะแต่มันทั้งเก่าทั้งทรุดโทรม จะมีใครยินดีมาซื้อล่ะ”
เมื่อได้ฟังคำตอบจากเถ้าแก่เซียว ซินเยว่จึงหันไปสบตากับมารดาของนางทันที
“ท่านลุงถ้าหากว่าข้าจะขอซื้อโรงเตี๊ยมเล่าท่านจะว่าอย่างไรเ้าคะ” แค่นางมองตาบุตรสาวก็รู้แล้วว่าอยากได้โรงเตี๊ยมแห่งนี้
“เอาเช่นนี้เป็อย่างไรข้าจะยกที่นี่ให้เ้าโดยไม่คิดเงิน แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่ว่าในเมื่อเ้าและบุตรสาวมาอาศัยอยู่เมืองเหลียงซาน ไร้ญาติขาดมิตรส่วนตัวข้าเองก็แก่ชราขึ้นทุกวัน ไม่มีบุตรหลานให้พึ่งพิง
อีกอย่างข้าก็เอ็นดูพวกเ้าเหมือนบุตรหลาน ข้าจึงคิดว่าจะรับเ้าเป็บุตรธรรมยินดีหรือไม่” ตัวเขาอายุมากขึ้นทุกวันมีเพียงโรงเตี๊ยมเก่า ๆ ส่วนลี่หลินนางนิสัยอย่างไรเขานั้นรู้ดี จึงกล้าตัดสินใจที่จะรับนางเป็บุตรบุญธรรม
ลี่หลินใเล็กน้อยก่อนที่จะพาซินเยว่ เดินเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าเถ้าแก่เซียวเพื่อทำความเคารพ
“ลี่หลินคารวะท่านพ่อเ้าค่ะ /ซินเยว่คารวะท่านตาเ้าค่ะ” ลี่หลินร้องไห้หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ
“ฮ่า ๆ ๆ เด็กดี ๆ” ท่านตาพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
แต่เหมือนจะขาดอะไรไปบางอย่าง ซินเยว่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออกว่าขาดอะไร นั่นก็คือน้ำชาอย่างไรล่ะพอนึกออกจึงรีบบอกเสี่ยวหลานไปเตรียมมาให้ทันที
“พี่เสี่ยวหลานช่วยไปเตรียมน้ำชามาให้ข้าหน่อยเ้าค่ะ”
“หืม คุณหนูกระหายน้ำหรือเ้าคะ”
“ใช่ ข้ากระหายน้ำมากฉะนั้นรีบไปเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย” พอได้ยินว่าคุณหนูของตนอยากดื่มน้ำ เสี่ยวหลานก็รีบวิ่งไปเตรียมน้ำชามาให้อย่างรวดเร็ว
“จากนี้ไปโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็เป็ของพวกเ้าสองแม่ลูกแล้วนะ อยากจะปรับปรุงอย่างไรพวกเ้าก็ตัดสินใจได้เลย” เถ้าแก่เซียวกล่าวกับสองแม่ลูกอย่างอารมณ์ดี
“ท่านตาของข้าใจดีที่สุดเลย ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านให้ดีที่สุดเ้าค่ะ” ซินเยว่เข้าไปกอดท่านตาคนใหม่ แล้วหันไปยักคิ้วให้มารดากับเสี่ยวหลานสองที
‘เ้าตัวแสบมาถึงเพียงครึ่งวันก็ล่อลวงท่านตา จนท่านยอมยกโรงเตี๊ยมให้น่าตีจริง ๆ’
‘เกิดอะไรขึ้นข้าออกไปเตรียมน้ำชาให้คุณหนูเพียงครู่ คุณหนูก็ได้กิจการมาแล้วหรือนี่ โอ้! คุณหนูของข้าช่างเก่งกาจจริง ๆ เ้าค่ะ’
จากนี้ก็คงต้องเตรียมตัวสำรวจการค้าขายของที่นี่ และแผนงานการปรับปรุงโรงเตี๊ยมต่อไป ส่วนมารดาซินเยว่คิดว่าคงต้องหาอะไรให้นางทำสักอย่าง จะปล่อยให้อยู่เฉย ๆ มารดาของตนไม่ยอมเป็แน่
