ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง
สตรีกลางคนผู้แข็งแกร่งสี่ท่านยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ที่หน้าประตู ราวกับเขาไท่ซานสี่ลูกที่กำลังกดทับนางอยู่ มืดมิดเสียจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
อวิ๋นอี้รู้สึกหายใจมิออก
นางถอนหายใจออกมา
ด้านนอกประตูมีูเาที่แข็งแกร่ง ภายในประตูมีกองหนังสือที่น่ากลัวนัก
ของเหล่านี้...ไว้ให้นางท่องหมดเลยหรือ?
อวิ๋นอี้เกาหัว นึกถึงกู่ซือฝาน ก็อดกัดฟันกรอดมิได้
ยิ่งนึกถึงไทเฮา ยิ่งอดมิได้ที่จะสบถออกมา ช่างร้ายกาจนัก คิดจะใช้วิธีนี้ลงโทษนาง!
นี่มันลงโทษนางที่ใดกัน นี่มันอยากจะฆ่านางชัดๆ!
อวิ๋นอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ อารมณ์พลุ่งพล่านจนแทบจะะโโลดเต้นด้วยความแค้น
แต่ะโได้ครึ่งทาง นางก็ต้องอดกลั้นไว้ ขาของนางรัดกันแน่นอย่างเขินอาย ไม่กล้าจะคลายออกมา เกือบลืมไปแล้วว่าห้ามตื่นตระหนกมากนัก ตื่นเต้นคราหนึ่งอาจจะฉี่รดกางเกงเอาได้
โตเช่นนี้แล้วยังฉี่รดกางเกง นางจะยังมีหน้าอยู่ในเมืองหลวงได้อีกหรือ?
อวิ๋นอี้สูดหายใจลึกๆ เตือนตัวเองให้สงบสติอารมณ์ มิอยากเข้าห้องน้ำเลยสักนิด
ย้ำเตือนตัวเองไปซ้ำๆ ดูเหมือนจะเป็ผล
เห้อ...
รีบท่องจำเถิด
อวิ๋นอี้ปรับอารมณ์ แค่ท่องจำมิใช่หรือ มิใช่ว่านางจะไม่เคยท่องเสียเมื่อไหร่ ตราบใดที่นางตั้งใจ จากระดับสติปัญญาของนางแล้ว นางย่อมทำได้ในไม่กี่นาที นางใจเย็นลงแล้วเปิดอ่านหน้าแรกของหนังสือคุณธรรมสตรี
อืม...อักษรหน้านี้เยอะแยะไปหมด ดูเหมือนจะมีเนื้อหามากมาย
อืม... มีเนื้อหาเยอะเสียจริง แต่นางอ่านไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
นี่มันอักษรจากยุคใดกันแน่!
ก่อนหน้านี้ในจวนอวิ๋นกับจวนองค์ชาย นางเคยได้เห็นม้วนหนังสือและสมุดพับ
แม้ว่าอักษรจีนจะมีความคลาดเคลื่อนไปบ้างแต่ส่วนใหญ่นางจะรู้จักและแยกแยะได้ บางตัวเหมือนกับอักษรจีนที่นางเคยเรียนมา มิมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในครานั้นนางก็ยังแอบดีใจ คิดในใจว่าข้ามเวลาก็แค่ข้ามเวลา อย่างน้อยนางก็มิต้องเริ่มต้นใหม่ในการเรียนรู้ตัวอักษร
แต่ แต่ แต่นี่มันกระไรกัน!
อักษรสีดำราวกับภาพวาดนามธรรมซับซ้อนกระไรมิรู้
มิเข้าใจ มิเข้าใจเลย นางอ่านเข้าใจสิถึงจะแปลก!
อวิ๋นอี้มั่นใจมากว่าไทเฮาตั้งใจจะแกล้งนาง
นางวิ่งไปที่ประตูอย่างไม่ยอม เคาะประตูปัง ไม่นานประตูก็เปิด ูเาทั้งสี่ก็จ้องมองนางด้วยท่าทางองอาจ
อวิ๋นอี้ยืดหลังให้ตรงแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า "หนังสือที่พวกท่านให้ข้ามันคือกระไรกัน? ข้าอ่านมิเข้าใจ!"
“พระชายาอ่านมิเข้าใจเป็เหตุผลหรือเพคะ?” สตรีกลางคนคนที่เป็หัวหน้าส่ายหน้า “อักษรต้าจวนน่ะสิเพคะ สตรีมากความสามารถอย่างคุณหนูซูเมี่ยวเออร์ยังอ่านรู้เื่"
"นางอ่านออก ก็ให้นางมาท่องสิ!" อวิ๋นอี้เย้ยหยัน "ถึงอย่างไรข้าก็อ่านมิเข้าใจ จะให้ข้าท่องได้อย่างไร?"
"ไทเฮามีรับสั่ง หากท่านท่องมิได้ก็ออกไปมิได้เพคะ พระชายาบอกว่าอยากไปท่ามิใช่หรือเพคะ? กระไรกัน เพลานี้อั้นอยู่แล้วหรือเพคะ?"
อวิ๋นอี้ถูกพูดเตือน หัวเราะเหอะ "อั้นไม่ไหว ข้าจึงจะไปท่าก่อน เข้าท่าเสร็จถึงจะมีใจมาท่องหนังสือ”
“พระชายากลับไปท่องเสียเถิดเพคะ พูดพร่ำมิได้ช่วยกระไร”
สตรีกลางคนหัวโจกพูดด้วยท่าทีหยาบคายจบ ก็เหยียดมือผลักอวิ๋นอี้เข้าไปในห้องทันที
นางล้มลงกับพื้น มองดูประตูที่ปิดลง โกรธจนจะหัวเราะออกมาแล้ว
มันจะมากเกินไปแล้ว!
เพราะว่านางกำลังถูกลงโทษ ทุกคนจึงลงโทษนางอย่างจริงจัง ทำกับนางอย่างที่้า แต่เห็นได้ชัดว่าไทเฮามิได้จะลงโทษนาง แต่อยากทำให้นางทรมาน
ตามการคาดเดาของอวิ๋นอี้ แม้ว่านางจะท่องมันได้จริงๆ ย่อมต้องมีเื่อื่นอีก
กระนั้นนางมิทำกระไรเลยเสียจะดีกว่า
นางตัดสินใจ โยนม้วนหนังสือออกไป ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ย้ายไปที่เตียงแล้วนอนต่อ
มีเงาตามติดอยู่ที่จวนองค์ชาย ไม่ว่านางจะไปที่ใดก็จะตามไปด้วยทุกที่
อวิ๋นอี้ไม่เชื่อว่าเกือบทั้งคืนที่นางไม่กลับบ้าน หรงซิวจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลย!
ตราบใดที่หรงซิวมาหานาง เวลานั้นดูสิว่าผู้ใดจะกล้าทำกระไร
นางหลับตาและเริ่มนับ
จากหนึ่งถึงร้อย เป็พัน เป็หมื่น
ท้องฟ้าเริ่มเป็ท้องมัจฉาขาว แสงยามเช้าจางๆ ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสีเขียว หญิงสาวบนเตียงลืมตาอย่างช้าๆ นางประหลาดใจที่พบว่าคืนนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ส่วนหรงซิวที่นางรอคอยมาแสนนาน กลับไม่เห็นหัว!
อวิ๋นอี้ขยี้ตา และมองไปที่ประตู ยังคงมีูเาสีดำอยู่สี่ลูกเช่นเดิม
นางเกาหัวอย่างหดหู่และเศร้าใจ รู้สึกหงุดหงิดและคับข้องใจอย่างที่มิเคยเป็มาก่อน
ที่แท้ ความรักล้วนเป็เมฆลอย ล้วนเป็ของปลอม
โดยเฉพาะความรักจากปากของบุรุษนั้นเชื่อมิได้เสียจริง
ในเวลาที่ไม่อยากเจอเขา เขามักจะทำหน้าหล่อเหลามาอยู่ข้างๆ
แต่ในตอนที่หวังให้เขาอยู่จริงๆ เขากลับมลายหายไป ไม่เห็นแม้แต่เงา
บ้าจริง!
อวิ๋นอี้ลุกขึ้นพลางสบถ ไอ้หรงซิว เป็ผู้ชายอย่างไรกัน นางพึ่งตัวเองคงจะดีเสียกว่า!
หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อย อวิ๋นอี้ก็เคาะประตูอีกครั้ง ครานี้ไม่ใช่การเจรจาด้วยน้ำเสียงดีๆ แต่เป็การส่งเสียงร้องโหยหวน "เปิดประตู! เปิดประตู! ข้าจะฉู่ๆ! จะเปิดหรือไม่เปิด? ไม่เปิดใช่หรือไม่! ข้าจะฉู่ใส่กาน้ำชาแล้วนะ...”
“ปัง!”
ประตูถูกเปิดจากด้านนอกอย่างแรง อวิ๋นอี้ใจนตัวสั่นแล้วก้าวถอยหลัง
ภายใต้แสงไฟ ร่างสูงเดินตรงเข้ามา นางมองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจนของบุรุษผู้นั้น จนกระทั่งเขาเดินเข้ามาถึงด้านหน้า ลมหายใจหอมหวานที่คุ้นเคยก็ห้อมล้อมนางทันที อวิ๋นอี้เรียกด้วยน้ำเสียงแ่เบาอย่างไม่มั่นใจ "หรงซิว?"
"ข้าเอง" เขาก้มลง ริมฝีปากขดเป็รอยยิ้ม "ฉู่ๆ คือกระไร"
"ท่า!" นางพูดอย่างโกรธเคืองเมื่อเห็นเขาลดตัวต่ำลง นางจึงดันเขาออกอย่างแรง “อย่ามาขวางทางข้า!”
มีหรงซิวอยู่เพลานี้ อวิ๋นอี้สามารถออกไปได้ สตรีกลางคนผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ก็ไม่หยุดนางไว้แล้ว เพียงแค่เดินตามหลังนางไป กลัวว่านางจะหนี
อวิ๋นอี้ด่าในใจ แต่มิมีเวลาสนใจ จึงรีบเข้าห้องน้ำก่อน
เมื่อนางออกมา สตรีกลางคนทั้งสี่ก็แสดงท่าทียื่นมือออกมา "พระชายาได้โปรดกลับไปกับพวกเราด้วย"
"เข้าใจแล้ว" อวิ๋นอี้โบกมือให้ เพลานี้นางหนีไม่พ้น แต่อย่างไรหรงซิวก็มาแล้ว เดี๋ยวเื่ก็คลี่คลาย
นางกลับไปที่ห้อง ก็มีคนมาดูแลการแต่งตัว
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว หรงซิวที่พิงประตูอยู่ก็เดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างหลังนางแน่นิ่งราวกับหยก จ้องมองนางในกระจก
ดวงตาใสๆ คู่นั้นราวกับจะพูดได้ เขาหรี่ตาด้วยรอยยิ้ม แล้วจับคางของนางด้วยนิ้วเย็นเฉียบทันที
อวิ๋นอี้เม้มปาก เขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ แล้วพูดช้าๆ ว่า "ดูเหมือนว่าอวิ๋นเออร์จะไม่ได้พักผ่อนให้ดีเมื่อคืนนี้ มีรอยคล้ำใต้ตาด้วย"
"......”
พี่ชาย นี่มันเื่สำคัญหรือไร!
ความงามของนางมิสมควรได้รับการชื่นชมหรือไร?
ช่างเถิดช่างเถิด ทนมิไหวแล้ว
อวิ๋นอี้สะบัดมือเขาออก ยืนขึ้นแล้วพูดว่า "ข้าจะหลับสบายได้อย่างไร ข้ารอให้ฝ่าามาช่วยข้าจากน้ำไฟ แต่ท่านกลับมาช้า เงาตามติดอย่างเมื่อก่อนนี้ไปอยู่ที่ใดแล้วเพคะ หรงซิว ข้าคิดว่าท่านจงใจ!”
นางกัดฟัน ผลักเข้าที่อกของเขา “ตั้งใจจะดูข้าลำบาก คำว่ารักที่ท่านเคยบอก กระไรพรรค์นั้น ข้าจะมิมีวันเชื่ออีกแล้ว!”
อวิ๋นอี้พองแก้ม ดูแล้วช่างน่ารักเสียจริง
หรงซิวรู้ดีว่านางโกรธ เขาโอบกอดนางอย่างอดทน พูดอย่างเอ็นดูว่า “ข้ามาช้าเอง เป็ความผิดของข้า แต่เมื่อคืนที่ข้ารู้ว่าเ้าอยู่ในวังก็ดึกมาก หมดเวลาเข้าวังแล้ว ข้าจึงมาแต่เช้า อย่าโกรธข้าเลยนะ อีกเดี๋ยวข้าจะทำให้เ้าได้ระบายความโกรธ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้