เหยาเชียนเชียนเพ่งมองมันอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่เห็นแววหวาดกลัวจากแมวดำเลยแม้แต่น้อย จึงรู้สึกหมดสนุกไปเอง
“ชิงผิงอ๋องไม่อยู่” หญิงสาวอุ้มแมวดำเดินวนไปวนมาสองรอบ เมื่อเห็นอาภรณ์บนราวแขวนก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ “เย็นมากแล้วยังผลัดอาภรณ์ออกไปที่ใดอีก”
แล้วเหตุใดเ้าถึงไม่พูดบ้างว่าเย็นย่ำป่านนี้แล้วมาหาเปิ่นหวังมีธุระอันใด
เหยาเชียนเชียนเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่จึงคิดว่าควรออกไปจากที่นี่ ส่วนเื่ปัญหาการศึกษาของเด็กน้อยนางจะหาเวลาไปคุยกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังอีกที ่วัยกำลังโตนั้นสำคัญมาก จะเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลยเหมือนชิงผิงอ๋องไม่ได้
เมื่อออกมาจากห้อง แมวดำถึงได้ตื่นตัวว่าสตรีผู้นี้้าจะพาตนไปด้วยกันจึงดิ้นอย่างเสียไม่ได้
เขาแค่อยากกลับร่างเดิมเพื่อผ่อนคลายชั่วครู่เท่านั้น ผู้ใดเล่าจะคิดว่าเหยาเชียนเชียนจะเข้ามาอย่างกะทันหัน พอซ่อนตัวก็ยังถูกนางพบเข้าอีก เดิมทีขู่ขวัญนางไปสักหน่อยก็ควรสิ้นเื่แล้ว เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงยัง้าอุ้มเขากลับไปด้วยกันอีก
“เ้าเลิกดิ้นได้แล้ว” เหยาเชียนเชียนกดตัวแมวดำไว้ในอ้อมแขนอย่างแ่า “ไม่รู้ว่าชิงผิงอ๋องจะกลับมาเมื่อไร เ้าไปนอนกับข้า ข้าจะอาบน้ำแปรงขนให้เ้า แล้วก็จะเกาพุงให้ด้วย ดีหรือไม่?”
แมวดำเห็นท่าทางหมาป่าเ้าเล่ห์ของนางก็ยิ่งดิ้นรุนแรงมากขึ้น ปล่อยเปิ่นหวัง เ้าจะดูเปิ่นหวังอาบน้ำ แล้วยังคิดจะรวบหัวรวบหางเปิ่นหวังอีก ไม่เคยเห็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ
“เสี่ยวไกวไกว เ้าดูนี่สิ!” นางกล่าวอย่างตื่นเต้น
ห้ามเรียกชื่อนี้!
แมวดำดิ้นรนพยายามะโออกจากอ้อมแขนของเหยาเชียนเชียน แต่กลับถูกนางยัดเข้าไปในสถานที่มืดมิดแห่งหนึ่ง ที่ทำให้พูดไม่ออกยิ่งกว่าคือนางมุดตัวเองเข้ามาด้วย
“เ้าดูรังนี้สิ” เหยาเชียนเชียนตาเป็ประกายด้วยความตื่นเต้น “เ้าชอบหรือไม่ ข้าทำอยู่หลายวันเลยกว่าจะเสร็จ”
ปล่อยเปิ่นหวังไปนะ แมวน้อยที่ซบอยู่กับแขนของนางพยายามดันตัวออก เ้าขวางทางอยู่!
“เ้ารู้จักอ้อนแล้วหรือ” เหยาเชียนเชียนซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด นางช้อนแมวดำเข้าสู่อ้อมแขน “ชิงผิงอ๋องแค่ดูแวบเดียวก็บอกว่าเ้าไม่ชอบแล้ว แต่ข้าคิดว่าเ้าดูจะชอบมันนะ”
ตาข้างใดของนางที่ดูแล้วคิดว่าเขาชอบหรือ แมวดำถูกนางทั้งกอดทั้งอุ้ม ไม่เพียงแค่ลูบหัว แต่ยังถูกจับพุงอีกด้วย กระทั่งหางก็หนีไม่พ้นถูกนางเอาไปพันรอบนิ้วหลายตลบเสียจนเขารู้สึกคันยุบยิบในใจ
าเ็อยู่แท้ๆ แต่ยังอยู่ไม่สุขเช่นนี้อีก
“วันนี้เคราะห์ดีที่ข้าฉลาด จึงสยบศัตรูได้อยู่หมัด” เหยาเชียนเชียนสามารถกล่าวถึงความชอบธรรมอันยิ่งใหญ่ออกมาได้ก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าแมวดำตัวน้อยที่พูดไม่ได้เท่านั้น
ทว่านางไม่ได้สังเกตสีหน้าซับซ้อนที่สัตว์ไม่น่าจะทำออกมาได้ของแมวดำ
หากไม่ใช่เพราะเปิ่นหวังได้รับข่าวและรีบไปถึงได้ทันเวลา เ้าคงถูกแทงจนพรุนเป็ตะแกรงไปแล้ว ฉลาดอะไรกัน ช่างมีแววในด้านการหลอกลวงแมวเสียจริง
“เหอะ! อวี๋เฟยผู้นั้นก็เหลือเกิน ข้าไม่ยอมเล่นไปตามนาง นางก็หมายจะกำจัดข้าให้สิ้นซากเสียอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ข้าบอกนางไปแล้วว่าข้าเป็คนของชิงผิงอ๋องแล้ว แต่นางก็ไม่ฟัง ผลสรุปเป็อย่างไรเล่า ฮ่า!”
ฮ่าอะไรเล่า ผลสรุปคือเ้าเกือบถูกนางฆ่าตายน่ะสิ มือใช้การไม่ได้ไปครึ่งหนึ่ง หากไม่ใช้เวลานานนับเดือนก็ไม่อาจฟื้นฟูจนหายดีได้ และสุดท้ายก็เพราะยืมพระนามของเสด็จแม่ถึงสามารถพลิกสถานการณ์มาอยู่เหนือกว่าได้ ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดน่าภูมิใจกัน
“หวังว่าความวุ่นวายคงไม่เข้ามาหาข้าอีกนะ ข้าแค่อยากอยู่อย่างสงบสุข หากรวบรวมเงินได้มากพอเมื่อไรข้าจะพาอาเหยียนออกท่องเที่ยวไปทุกหนทุกแห่ง เป็สตรีผู้ร่ำรวยที่สันโดษและงดงาม แต่ไม่รู้ว่าความหวังเล็กๆ อันเรียบง่ายนี้จะกลายเป็จริงเมื่อใด”
เ้าจะไป?
แมวดำเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตัว ั์ตาสีมรกตหดเล็กลง หากเหยาเชียนเชียนสังเกตเห็นก็จะพบแต่ความขุ่นเคืองและความสงสัยที่แฝงอยู่ภายในนั้น
แม้ในคราแรกเขา้าสมรสพระราชทานจากเสด็จพ่อ แต่หากเหยาเชียนเชียนไม่ยินยอม เช่นนั้นก็ไร้หนทางอย่างสิ้นเชิง
ทว่านางกลับตอบรับการแต่งงานครั้งนี้เพื่อเป็สายลับให้เป่ยเซวียนเฉิง และเพื่อลงมือฆ่าอาเหยียนน้อย
แต่สองสามวันมานี้นางแสดงความในใจต่อเขาหลายครั้ง กล่าวตรงไปตรงมาว่านางไม่ใช่คุณหนูสามตระกูลเหยาเหมือนดังคราแรกอีกแล้ว ซึ่งเขาย่อมไม่เชื่อนางอยู่แล้ว
ทว่าวันนี้ นางกลับ้าจะจากไป
เ้าอยากไปก็ได้ แต่ยังคิดจะพาอาเหยียนไปด้วยอีกหรือ แมวดำแยกเขี้ยวคม ฝันไปเถิด!
“เมื่อถึงยามนั้น ข้าจะลองคิดดูว่าสามารถพาเ้าไปด้วยได้หรือไม่” เหยาเชียนเชียนลูบขนมันอย่างมีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า ราวกับได้มองเห็นอนาคตอันสวยงามแล้ว
“หากชิงผิงอ๋องเห็นด้วยก็ดี แต่หากเขาไม่ยินยอม เช่นนั้นข้าก็จะแอบพาพวกเ้าไป วางใจเถิด เมื่อถึงยามนั้นข้าต้องรวบรวมเงินได้มากพอเป็แน่ ข้าจะพาพวกเ้าไปกินอาหารรสเลิศทั่วหล้า พวกเราจะไม่ต้องทนคับข้องใจอยู่ในจวนแห่งนี้อีก”
เ้าเป็ชายาของชิงผิงอ๋อง นอกจากเปิ่นหวัง ผู้ใดกล้าทำให้เ้าคับข้องใจ
แมวดำไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติในคำกล่าวนั้น เขาอ้อนวอนแทบตายกว่าจะสู่ขอนางเข้าจวนได้ แต่สุดท้ายนางกลับบอกว่าเมื่อมีเงินมากพอก็คิดจะลักพาร่างเดิมและลูกของเขาหนีไป ในใต้หล้ามีเื่ที่ง่ายดายเช่นนั้นด้วยหรือ
มันโน้มเข้าไปหมายจะกัดเข้าที่คางเรียวเล็กนั้นเพื่อเรียกนางให้ตื่นจากฝันไร้สาระนั้นอย่างเต็มตา ทว่าปลายจมูกกลับได้กลิ่นคาวเืเจือจางเสียก่อน
นี่มันเืของอาเหยียน!
แมวดำผุดลุกขึ้นโดยพลัน ท่าทีเชื่อฟังเมื่อครู่สลายหายไปในชั่วพริบตา มันส่งกรงเล็บแหลมคมจ่อที่บริเวณลำคอของเหยาเชียนเชียน เพียงแค่เฉือนผ่านเบาๆ ก็สามารถทำให้เืกระเด็นไปทั่วพื้นที่
“เป็อะไรไป” แม้เหยาเชียนเชียนจะไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาฆ่าตน แต่ก็ยังััได้ถึงความตื่นตัวของแมวดำ “เสี่ยวไกวไกว เ้าอยากบอกอะไรกับข้าหรือ?”
เืของอาเหยียน ในปากของเ้ามีเืของอาเหยียนอยู่ได้อย่างไร?
เป็กลิ่นของอาเหยียน เขาจำไม่ผิดแน่ แมวดำะโลงจากอ้อมแขนของนาง ก่อนจะวิ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“นี่!” เหยาเชียนเชียนมุดออกมาจากรังแมวอย่างรีบร้อน แต่ก็ไม่พบร่องรอยของแมวดำแล้ว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
แมวดำตามกลิ่นมาจนพบอาเหยียนที่นอนอยู่ในห้องของเหยาเชียนเชียน
“ท่านพ่อ?”
อาเหยียนขยี้ตาเบาๆ เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาด้วยความหิว และกำลังจะไปหาผู้เป็แม่เพื่อรับประทานอาหารเย็นอยู่พอดี
“เหตุใดถึงให้นางดื่มเืของเ้า เ้ารู้หรือไม่ว่าเืของเ้ามีค่ามากเพียงใด?”
อาเหยียนยู่ปากเล็กน้อย ท่านแม่ไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย อีกอย่างระยะนี้ท่านแม่ก็ได้รับาเ็บ่อยครั้ง ถ้ามีพันธสัญญาของเขา เขาก็จะสามารถรับรู้ได้ว่านางกำลังอยู่ในอันตรายหรือไม่ และเขาก็ไม่อยากให้ท่านแม่แบกรับความเ็ปเพียงลำพัง
“ข้าสามารถแบกรับความเ็ปครึ่งหนึ่งของท่านแม่ได้ และสามารถมีความสุขเช่นเดียวกับท่านแม่ได้ มีสิ่งใดไม่ดีหรือ?”
แมวดำะโขึ้นไปบนขาของเขา นั่นย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน
ไม่ดีตรงที่คนผู้นั้นไม่ใช่แม่แท้ๆ ของอาเหยียน และไม่อาจปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจเช่นเดียวกับเขาได้ แม้คำกล่าวนี้อาจโหดร้ายไปสักหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็เป็ความจริงและอาเหยียนก็ควรรู้
“จะให้ข้าพูดอีกสักกี่ครั้ง นางไม่ได้เป็เช่นที่เ้าคิด ถึงนางอาจจะไม่พยายามฆ่าเ้าแล้ว แต่นางก็ไม่มีค่าพอให้เ้าทำเช่นนี้ หากเ้าอยากปกป้องนาง ข้าก็จะไม่ฆ่านาง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ไหนเลยที่เ้าจะต้อง...”
“ไม่ฟัง” อาเหยียนปิดหูและไล่ผู้เป็พ่อออกไปอย่างไม่พอใจ “เห็นได้ชัดว่าท่านแม่ดีกับอาเหยียนมาก อาเหยียนััได้ เหตุใดท่านพ่อจึงไม่ชอบท่านแม่ถึงเพียงนี้ ท่านแม่รักอาเหยียน อาเหยียนรู้”
เหตุใดอย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่าเป็เพราะนางเกือบทำสำเร็จในคืนวันอภิเษกสมรสอย่างไรเล่า!
แมวดำะโขึ้นบนโต๊ะและเดินวนไปมาอย่างขุ่นเคือง อาเหยียนในยามนี้ไม่ฟังคำของเขาแล้ว เด็กน้อยทุ่มเททั้งใจให้เหยาเชียนเชียน กระทั่งมอบชีวิตครึ่งหนึ่งให้เชื่อมโยงกับนางโดยไม่เสียดาย
น่าตายนัก!
สตรีผู้นี้คงไม่ได้วางพิษกู่กับเขาอีกคนหรอกนะ!
“ท่านพ่อ ท่านแม่ดีมากจริงๆ นะขอรับ”
อาเหยียนยังคงพยายามพูดโน้มน้าว “ข้ารู้ว่าท่านพ่อเป็ห่วงข้า ั้แ่เล็กจนโต แม้ตกอยู่ในอันตรายท่านพ่อก็สามารถปกป้องอาเหยียนให้พ้นอันตรายโดยไร้รอยขีดข่วนได้ทุกครั้ง ท่านแม่ก็เหมือนกับท่านพ่อ อาเหยียนเข้าใจไม่ผิดหรอก”
ช่างเถิด แมวดำถอนใจ
บัดนี้ถึงเขาพูดมากไปกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ พันธสัญญานี้เมื่อทำแล้วจะไม่สามารถถอนได้ นอกเสียจากคนใดคนหนึ่งจะตายจากไป มิเช่นนั้นก็จะเกี่ยวพันกันเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
ยามนี้อาเหยียนทุ่มเทให้สตรีผู้นั้น ในเมื่อโน้มน้าวไม่สำเร็จ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงลดทอนอันตรายจากนางที่มีต่ออาเหยียนให้น้อยลงที่สุด
จื่อหมู่กู่... ั์ตาสีมรกตของแมวดำหดเล็กลง
ปัญหาที่เดิมทีเขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่ยามนี้กลับจำเป็ต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นหากถึงกำหนดที่พิษกู่กำเริบครั้งต่อไปอาเหยียนก็จะทรมานร่วมไปด้วย
“อ้าว เ้ามาอยู่ที่นี่เอง” เหยาเชียนเชียนมองแมวดำอย่างประหลาดใจ นางวิ่งเหยาะๆ หมายจะเข้าไปอุ้มมัน แต่กลับถูกแมวดำหลีกหนีได้อย่างสบาย สายตาซับซ้อนมองไปปราดหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
“เหตุใดจึงหนีไปอีกแล้วเล่า” นางเม้มปากอย่างสิ้นหวัง “ก็คิดว่ามันยอมรั้งอยู่กับพวกเราแล้วเสียอีก”
อาเหยียนน้อยเข้ามาดึงแขนเสื้อของนาง “ท่านแม่ อาเหยียนหิวแล้ว”
จริงด้วย นางเกือบลืมเื่อาหารเย็นแล้วเชียว เหยาเชียนเชียนจูบเขาเบาๆ อย่างขอโทษ และรีบสั่งให้ห้องเครื่องยกอาหารมา
แมวดำกลับไปถึงเรือนของตน เขาะโเข้าไปในห้องในจังหวะที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เื้ัฉากบังลมปรากฏแสงสว่างวาบขึ้น ก่อนเป่ยเหลียนโม่จะเดินออกมาจากด้านข้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ไปสืบมา พิษหมู่กู่อยู่บนตัวผู้ใด”
ครั้งที่แล้วเขาถามอย่างง่ายๆ ไปสองสามประโยค ในเมื่อต้องเลี้ยงพิษกู่ ก็ไม่น่าจะวางไว้ในขวดนิ่งๆ ได้ และยิ่งไปกว่านั้นมันคือจื่อหมู่กู่
จื่อกู่อยู่ในตัวเหยาเชียนเชียน เช่นนั้นหมู่กู่ต้องอยู่ในตัวผู้ใดสักคนเป็แน่ ถ้าฆ่าคนผู้นั้นได้ก็จะสามารถกำจัดอันตรายในอนาคตได้อย่างถาวร
คำพูดของอาเหยียนวนเวียนอยู่ข้างใบหูของเขา ดูเหมือนว่าในความคิดของอาเหยียน เหยาเชียนเชียนเป็มารดาที่มีเมตตาและอ่อนโยน บริสุทธิ์และไร้พิษภัย นั่นโกหกทั้งเพ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ที่นางและอาเหยียนไม่ใช่สายเืเดียวกัน ลำพังสิ่งที่นางเคยทําในอดีตก็ไม่สามารถเปิดเผยอย่างง่ายดายเช่นนี้
รั้งบังเหียนม้าเมื่อถึงหน้าผาชัน [1] ก็ยังมีโอกาสรั้งบังเหียน ไม่เช่นนั้นก็ต้องพุ่งชนเข้าไป เขายอมให้โอกาสนี้แก่เหยาเชียนเชียนเพราะเห็นแก่อาเหยียน แต่หากนางมีเจตนาไม่ซื่อตรงแม้เพียงเล็กน้อย เพื่ออาเหยียนแล้วเขาก็จะกำจัดนางเพื่อสนองอารมณ์เช่นกัน
วันต่อมาเหยาเชียนเชียนตั้งใจตื่นแต่เช้าตรู่ แต่ก็ยังไม่ทันไปดักเจอเป่ยเหลียนโม่
เหล่าบ่าวไพร่บอกว่ายามนี้ชิงผิงอ๋องต้องไปเข้าเฝ้ายามเช้า เวลากลับไม่แน่นอน เหยาเชียนเชียนจึงจำต้องกลับห้อง เมื่อเห็นอาเหยียนกำลังสวมอาภรณ์และแต่งทรงผมเองอย่างเชื่อฟังก็รู้สึกปลื้มปีติไปชั่วครู่
หากนางมีลูกที่เชื่อฟังรู้ความเช่นนี้สักคนก็คงดี นางยื่นมือออกไปบีบหน้ากลมเหมือนก้อนแป้งของอีกฝ่าย
“อาเหยียน วันนี้แม่พาเ้าออกจากจวนไปเที่ยวดีหรือไม่” อุดอู้อยู่ในจวนทั้งวัน ร่างกายของเด็กจะขาดชีวิตชีวาเอาได้ “ข้างนอกมีขนมและของเล่นมากมาย เ้าชอบสิ่งใดแม่จะซื้อให้ทั้งหมด”
ออกจากจวนหรือ ดวงตาของอาเหยียนฉายแววเป็ประกายแวบหนึ่ง แต่ก็มืดแสงลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อจะไม่พอใจเอาได้”
มองปราดเดียวก็รู้ว่าโดยปกติแล้วชิงผิงอ๋องเข้มงวดกับเขามาก เหยาเชียนเชียนลูบหัวเขาอย่างสงสาร
“ไม่เป็ไร ไม่มีผู้ใดจำพวกเราได้ พวกเราออกไปเงียบๆ แล้วก็กลับมาเงียบๆ แค่ออกไปเที่ยวเล่นครู่เดียวเท่านั้น ท่านพ่อไม่รู้ก็จะไม่โกรธ”
ราวกับเป็การตัดสินใจครั้งใหญ่หลวง อาเหยียนน้อยพยักหน้า หลังจากสองแม่ลูกตกลงกันได้แล้วก็เปลี่ยนเป็ชุดเรียบง่ายและหนีออกไปทางประตูหลัง องครักษ์ที่มีหน้าที่เฝ้าประตูมองหน้ากัน หวังเฟยผู้นี้ไม่ได้หยุดพักผ่อนเลยจริงๆ
เชิงอรรถ
[1] รั้งบังเหียนม้าเมื่อถึงหน้าผาชัน เป็การเปรียบเปรยว่า ยังไม่สายเกินการณ์ เพราะเมื่อควบม้าไปถึงจุดที่เป็หน้าผาชัน หากไม่รั้งม้าให้หยุดและดึงดันวิ่งต่อไปก็จะต้องตกหน้าผาตาย ดังนั้นถ้าหากยังดึงดันทำความเลวต่อไป เช่นนั้นก็จะพบกับจุดจบไม่ดีอย่างแน่นอน
