ผู้ใดจะรู้ว่าหนิวซื่อกลับถลึงตาใส่นาง“ของพวกนี้น่ะ ท่านแม่ของข้าให้มา ตอนนั้นลูกชายข้าป่วยหนักเคยคิดจะเอาของนี่ออกไปขายแต่ผู้ใดจะรู้ว่าเขากล้ากดราคา ยามนั้นเขาตีราคาให้ข้าเพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้นแค่น้ำหนักของกำไล มันจะมีค่าเพียงหนึ่งตำลึงได้ที่ใด ขาดทุนย่อยยับพอดี เงินเท่านั้นช่วยข้าไม่ได้ดังนั้นพวกข้าสองสามีภรรยาจึงมีความคิดจะเอาตนเองขายเป็ทาส ชาตินี้น่ะโชคดีที่ครอบครัวของพวกเราได้เจอกับท่าน ครอบครัวของพวกเราในวันนี้ได้รวมตัวอยู่กันพร้อมหน้าไม่พอสามีที่กล้าหาญองอาจของข้าบอกว่าเขายินดีทำตามความ้าของนายหญิงมีหนทางให้ทำกิน ส่วนลูกชายของข้า จากการสั่งสอนของนายหญิง ในวันนี้จึงสามารถจดจำตัวหนังสือได้หลายร้อยตัวและข้า เหอะๆ…ตื้นตันใจมากนัก ดังนั้นนายหญิง ของขวัญคู่นี้ไม่ขาดทุนเลยหากท่านไม่รับไปเท่ากับดูถูกพวกข้าสองสามีภรรยา”
หนิวซื่อพูดถึงเพียงนี้แล้วหากเฉินเนี้ยนหรานปฏิเสธ เช่นนั้นคงจะดูแง่งอนมากจริงๆ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรมากยอมรับกำไลคู่นี้มา
ต่อมาเป็คนสกุลจ้าวแน่นอนว่ายังไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเฉินเนี้ยนหรานจึงให้เครื่องประดับหนึ่งชิ้น
ส่วนเหล่าป้าๆที่เชิญมาเข้าร่วมต่างมาแค่เพื่อดำเนินพิธี เป็เพียงการเฉลิมฉลองพิธีนี้เท่านั้น
กว่าจะทำพิธีสีซานเสร็จเฉินเนี้ยนหรานเหนื่อยล้าจนล้มพับลงบนเตียง อย่างไรก็เป็คนที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาสามารถอยู่ได้จนถึงตอนนี้ถือว่าไม่ง่าย
หลังจากพักผ่อนได้สิบวันเฉินเนี้ยนหรานจึงกลับมามีเรี่ยวแรง
เพราะเื่ที่ทำก่อนหน้านี้คนในจวนสกุลโจวจึงไม่มาหาเื่อีก
ฮูหยินผู้เฒ่าหลังจากได้ยินว่าโจวอ้าวเสวียนนกเขาไม่ขันจึงไม่เคยคิดจะมาหาเฉินเนี้ยนหรานอีก บรรดาคนที่้าปีนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งฮูหยินของโจวอ้าวเสวียนยิ่งยินยอมให้นางหายตัวไปเลยจึงจะดีที่สุดแม้กระทั่งหลังจากที่คนในจวนรู้ว่านางคลอดแล้ว กลับยังไม่มีผู้ใดพูดเื่นี้กับฮูหยินผู้เฒ่า
ดังนั้นชีวิตของเฉินเนี้ยนหรานถือว่าได้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
หลังจากคลอดลูกออกมาแล้วไม่พูดไม่ได้เลยว่าวันเวลาในทุกๆ วันล้วนไม่เหมือนเดิม
เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่ถึงสิบสองวันเด็กน้อยทั้งสองคนที่ตัวเล็กเหมือนลูกหนูในวันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็เด็กน้อยตัวขาวอมชมพู
แม้ใบหน้าเล็กๆจะยังไม่ใหญ่ แต่ผิวกลับเนียนลื่นจนทำให้คนเห็นแล้วอยากจะฟัด โดยเฉพาะปากเล็กๆแวววาวราวกับวุ้นของเด็กทั้งสองคน ยิ่งยั่วยวนให้คนอยากจะกัดมันเข้าไป
“ฮือ…”เด็กน้อยที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา ตอนนี้เริ่มลืมตาร้องไห้โยเยหาของกิน
เฉินเนี้ยนหรานเข้าไปหาด้วยความไม่พอใจก่อนจะเปิดเสื้อออกแล้วส่งหน้าอกเข้าไปในปากของเชวียนเชวียน “เฮ้อคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ข้ากลายเป็อาหารไปเสียแล้ว เ้าเด็กดื้อ นานถึงเพียงนี้แล้วยังไม่มองแม่อย่างจริงจังเลยพอตื่นขึ้นมาก็รู้จักแต่ดื่มนม ในสายตาของเ้าข้ากลายเป็แหล่งอาหารไปแล้วหรือ”
“พรูด…”หนิวซื่อที่ยังเช็ดตัวเสี่ยวถวนถวนอยู่ด้านข้างได้ยินเข้าจึงหัวเราะออกมา
“นายหญิงไม่ใช่ข้าจะว่าอะไรนะเ้าคะ ก่อนที่ลูกจะอายุได้สองเดือน แม่ในสายตาของพวกลูกๆ น่ะเป็แหล่งอาหารจริงๆ เด็กในระยะนี้จะต้องทานให้อิ่ม นอนให้พอ จึงจะเติบโตไว หากไม่ทานไม่ดื่มท่านต้องกังวลแล้ว อ่ะ ถวนถวนก้นสะอาดแล้ว ให้ป้าอุ้มสักหน่อยนะ”
ถวนถวนคือเด็กชายที่ออกมาก่อนสองนาทีส่วนเชวียนเชวียนคือเด็กหญิงที่เกิดตามออกมา จากคำพูดของเฉินเนี้ยนหรานเชวียนเชวียนมีความหมายว่าท่าทางอ่อนโยนสง่างาม ดังนั้นจึงใช้เป็ชื่อเล่นว่าถวนถวน เชวียนเชวียน
ส่วนชื่อจริงนั้นเฉินเนี้ยนหรานคิดอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจว่าค่อยตั้งทีหลัง แม้นางจะไม่อยากยอมรับว่าเด็กๆคือลูกของโจวอ้าวเสวียน แต่ไม่ว่าอย่างไร โจวอ้าวเสวียนได้ช่วยนางไว้จากจวนสกุลโจวดังนั้นนางจึงเก็บสิทธิ์ในการตั้งชื่อจริงของลูกๆ ไว้ รอให้โจวอ้าวเสวียนกลับมาตั้งตอนนี้หรือ ก็ใช้ชื่อเล่นไปก่อน
“แม่หนูน้อยโตขึ้นไปแล้วจะเหมือนผู้ใดกันนะ? ดูจมูกเล็กๆตาเล็กๆ นี่สิ มารดาของเ้าไม่ได้ตาเล็กเช่นนี้นะ” ปลายนิ้วของเฉินเนี้ยนหรานลูบไปที่คิ้วบางของลูกสาวบนใบหน้ามีรอยยิ้มเรียบของแม่มือใหม่
“หากให้ข้าพูดนะลูกสาวปกติแล้วจะหน้าตาเหมือนบิดามากกว่าดูเหมือนว่าต่อไปเชวียนเชวียนจะหน้าตาเหมือนพ่อของนางมาก”เมื่อมองหน้าตาของเชวียนเชวียน เหมือนกับคุณชายห้ามาก แม้จะยังเด็ก แต่คิ้ว ตา และจมูกขอแค่มองดีๆ ก็เป็ลูกของคุณชายห้าจริงๆ พอพูดประโยคนี้เสร็จ หนิวซื่อจึงรู้สึกว่าการพูดถึงบิดาของเด็กคล้ายจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใด จะต้องรู้ว่าจากในนามแล้วเด็กสองคนนี้ถือเป็…ลูกนอกสมรสของโจวอ้าวเสวียน
“เหมือนพ่อหรือก็ได้นะ บิดาของนางหน้าตาไม่เลว ลูกสาวเหมือนพ่อโตไปจะต้องเป็สตรีที่หน้าตางดงามแน่นอน”เฉินเนี้ยนหรานรับคำออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอย่างที่หนิวซื่อคิดเลยสักนิด
“นายหญิงหลังจากครบเดือนแล้ว พวกเรากลับเรือนกันเถิดเ้าค่ะเด็กสองคนนี้ท่านคิดหรือยังว่าจะให้พวกเขาปรากฏตัวต่อหน้าคนในหมู่บ้านอย่างไร?” ยิ่งใกล้ครบเดือนความจริงที่จะต้องกลับไปยังหมู่บ้านปาเจียวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วที่มาที่ไปของเด็กนี่สิเป็ปัญหา!
“ข้าจะอุ้มถวนถวนกลับหมู่บ้านก่อนส่วนเชวียนเชวียนก็ให้อยู่ที่นี่กับคนสกุลจ้าวไปก่อน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยมารับพวกนางไป”เฉินเนี้ยนหรานเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายถึงจะเอ่ยการตัดสินใจออกมา
ใช่ว่าไม่อยากจะพาลูกทั้งสองคนกลับไปด้วยกันแต่เพราะไปบอกกับคนอื่นว่าเก็บเด็กได้สองคนมันไม่มีเหตุผล ดังนั้นเพื่อป้องกันนางจึงทำได้แค่ให้จ้าวซื่ออยู่ที่นี่สักพักผ่านไปแล้วค่อยบอกว่าเก็บเด็กมาได้อีกคน
เมื่อเป็เช่นนี้แม้คนในหมู่บ้านจะสงสัย ก็ไม่สามารถพูดอะไร
“เป็เช่นนี้ก็ดีร่างกายของเชวียนเชวียนอ่อนแออยู่เล็กน้อย อยู่ที่นี่มีคนดูแลก็พอสะดวกบ้าง”หนิวซื่อไม่มีปัญหาอะไร และเห็นด้วยกับความเห็นของนาง ความจริงแล้วนาง้าจะเสนอความคิดนี้อยู่เหมือนกัน
“อืมพี่ชายสกุลจ้าวตอนนี้ก็ทำงานนี้เข้ามือแล้ว อีกทั้งยังต้องช่วยท่านลุงทำกิจการอาหารตุ๋นส่งของอะไรพวกนี้ ส่วนจ้าวซื่อคอยดูแลเด็กอยู่ที่เรือนก็พอ”
ส่วนหนิวซื่อนางจำเป็ต้องพากลับไปด้วยตอนนี้ใกล้จะฤดูใบไม้ผลิแล้ว นางจะต้องกลับหมู่บ้านไปได้แล้ว
ที่ดินพวกนั้นยังต้องมีการปลูกพืชอย่างมีแบบแผนทุกอย่างจำเป็ต้องมีนางไปดูแล ดังนั้นนางจึงยังออกจากหมู่บ้านไม่ได้ส่วนงานของหนิวซื่อในตอนต่อไป นางได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าหลังจากทำเื่ราวในหมู่บ้านได้เข้าที่เข้าทางแล้วจะให้พวกเขาคอยดูแลเื่ในหมู่บ้านทั้งหมด ที่ดินเป็ของนางดังนั้นในส่วนตรงนั้นจะต้องให้คนที่ไว้ใจได้เป็คนคอยดูแล
งานเลี้ยงครบเดือนจัดแบบเรียบง่ายเฉินเนี้ยนหรานได้ซื้อนมแพะไว้ให้ลูกแล้ว แบบที่สามารถได้ดื่มนมแพะสดใหม่ได้ทุกวันและลดปัญหาความยุ่งยากของที่นางจะต้องเก็บสำรองนมด้วย
ส่วนถวนถวนที่อุ้มกลับหมู่บ้านนางไม่ต้องกังวลเื่นมของเด็กคนนี้ นางกับหนิวซื่อยังอยู่ใน่ให้น้ำนมได้การที่จะป้อมนมเด็กทั้งสองคนจึงไม่ใช่ปัญหาดังนั้นที่พาหนิวซื่อกลับไปด้วยเพราะว่านางสามารถให้นมได้อย่างเปิดเผยส่วนน้ำนมของตัวนางเองจะต้องป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็น สำหรับคนที่ยังไม่ออกเรือนและมีลูกในยุคสมัยนี้ต้องปกปิดเื่พวกนี้ให้มิดชิด
ตอนที่พวกนางนั่งรถม้าเข้าไปในหมู่บ้านได้กลิ่นอายของพื้นดินมาแต่ไกล เฉินเนี้ยนหรานพูดกับถวนถวนเบาๆ “ถวนถวนพวกเรากลับมาเรือนแล้วนะ ฮี่ๆ ต่อไปที่นี่เ้าจะเป็วีรบุรุษบนโลกนี้ แน่นอนว่าเ้าไม่ต้องเป็วีรบุรุษขี้โคลนก็พอแล้ว”
ตอนนั้นเองที่เด็กน้อยตื่นขึ้นมาเพราะทานอิ่มแล้วจึงมองไปภาพทิวทัศน์ด้านนอกอย่างแปลกใจ แม้สายตาของเด็กน้อยจะยังมองไปได้ไม่ไกลมากแต่ท่าทางของเขาเช่นนี้ยังทำให้เฉินเนี้ยนหรานมีความสุข
“ไปข้างหน้าอีกหน่อยจะเป็ที่นาของพวกเราแล้วแม่คิดเอาไว้แล้วนะว่าที่ดินทรายผืนนี้ข้าจะทำมันหวาน ส่วนบึงนั่นต้องนำมาใช้ประโยชน์อย่างแน่นอนหนึ่งคือเลี้ยงปลา สองหรือ ทางที่ดีที่สุดคือปลูกพืชน้ำ จะให้ดีที่สุดนะคือทำพืชที่ตรงนี้เปลี่ยนเป็แปลงนา”
ั้แ่ตอนที่มาเฉินเนี้ยนหรานก็เข้าใจพืชของที่นี่แล้ว นางยังพบโดยบังเอิญว่า คนที่นี่ไม่มีผู้ใดปลูกพวกมันหวาน
มันหวานน่ะหากปลูกสำเร็จจะเป็ของระดับสูงเชียว
แม้จะบอกว่าพื้นที่ดินทรายจะใช้ได้ไม่เท่าใดแต่หากปลูกมันหวานแล้วถือว่าดีนัก
อีกอย่างที่สำคัญที่สุด พื้นดินทรายจะต้องใส่ปุ๋ยให้ดีจึงจะปลูกพืชผักสำเร็จเพราะเหตุนี้นางจึงลงมือทำสิ่งต่างๆ มากมายกับพื้นที่ดินทรายผืนนี้
ดินโคลนในบึงถูกจัดการขึ้นมาริมฝั่งมาทำเป็ปุ๋ยดิน เช่นนี้จึงทำให้นางมีปุ๋ยดินเป็จำนวนมากแล้ว ดังนั้นยามที่เฉินเนี้ยนหรานซื้อพื้นที่ดินทรายผืนนี้จึงไม่รู้สึกขาดทุนเลยสักนิด กลับกัน จากตรงนี้นางสามารถเห็นถังทองถังแรกของนางแล้ว
พื้นที่ดินทรายสุดท้ายแล้วจะกลายเป็ผืนดินทองของนาง!
จะดูแลที่ดินให้ดีต้องมีคนงาน
เื่หาคนงานมาก่อนที่นางจะคลอดได้ให้หวงเต๋ออันจัดการแล้ว
“นายหญิงตอนนี้คนงานระยะยาวที่เราจ้างมามีสิบคน ระยะสั้นยี่สิบคน ที่ดินว่างเปล่าได้ใส่ปุ๋ยตามที่ท่านได้บอกเอาไว้แล้วส่วนูเาว่างเปล่านั้น เพราะว่านายหญิงยังไม่ได้ออกคำสั่งมา ดังนั้นพวกข้าจึงคงไว้เหมือนเดิมเสียก่อนขอรับ”
หวงเต๋ออันหลังจากรายงานเื่ของหลายเดือนนี้เสร็จแล้วเฉินเนี้ยนหรานจึงพยักหน้า “อืม ที่ดินว่างพวกนี้ไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมดอีกอย่างดินโคลนในบึงไม่เยอะแล้ว จัดการปีนี้ไปก่อนแล้วกันปีหน้าค่อยจ้างคนมาอีกหน่อย คนงานระยะยาวมีเพียงสิบคน จำนวนคนเท่านี้อาจจะน้อยไปเสียหน่อย สิบคนนี้ต่างพักที่เรือนของตนเองหรือ?”
“ขอรับนายหญิงสิบคนนี้ส่วนใหญ่เป็คนในหมู่บ้าน แต่ก่อนพวกเขาออกไปทำงานข้างนอกตอนนี้มีนายหญิง้าจ้างงานคน ค่าจ้างที่ให้ไม่น้อยไปกว่าที่ข้างนอกจ่ายดังนั้นพวกเขาจึงยินดีทำขอรับ”
“ดีแผนในปีนี้อยู่ที่ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจวนจะถึงแล้ว ข้า้าให้เ้าไปซื้อมันหวานมามีข่าวมาบ้างหรือไม่?ยังมีเมล็ดข้าวโพด ของพวกนี้จะขาดไม่ได้ส่วนในบ่อบึง ให้ปล่อยลูกปลาลงไป ส่วนรากบัวได้ไปสอบถามมาแล้วหรือยัง?”
พูดถึงรากบัวหวงเต๋ออันขมวดคิ้ว
“นายหญิงของพี่ท่านพูดพวกนี้ ข้าไปหาตาเฒ่าหูที่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ สิ่งที่ท่านบรรยายมาเขาบอกว่าคงจะนำพันธุ์กลับมาได้บ้าง แต่จะปลูกสำเร็จหรือไม่นั้นไม่แน่ใจ”
ของที่นายหญิง้าส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้จะเป็มันหวาน หวงเต๋ออันก็เพิ่งจะได้ยินครั้งแรก พูดถึงข้าวโพดของพวกนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน โชคดีที่พูดตามที่นายหญิงว่า ตาเฒ่าหูพอมีช่องทางอยู่บ้างมันหวานกับข้าวโพดต่างหาพันธุ์มาได้จำนวนน้อยมาก ส่วนรากบัวของพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้ง่ายๆ เลย
