การปรากฏตัวของเผ่าปีศาจสร้างความฮือฮาอย่างมากในดินแดนหลงเสีย
หลังจากนั้นโหยวเสี่ยวโม่ก็อยู่แต่ในทัพพิภพ ฉะนั้นไม่ค่อยรับรู้เื่ราวภายนอกเท่าไร ทว่าเคยได้ฟังจากศิษย์คนอื่นคุยกัน
กล่าวกันว่าสำนักเทียนซินและสำนักต่างๆ พากันไปกดดันสำนักชิงเฉิง เพื่อให้ทางสำนักเชิงเฉิงแถลงไขเื่นี้ เพราะถึงอย่างไรลั่วซานก็เป็ถึงหลานชายเ้าของสำนัก อีกทั้งยังแปลงร่างท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย หลังแปลงร่างรูปลักษณ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็ลั่วซานตัวปลอม
เ้าสำนักชิงเฉิงเองคิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าลั่วซานจะเป็มนุษย์ปีศาจไปเสียได้ พอตรวจสอบจึงพบกับเงื่อนงำที่น่าใ
ลั่วเฉิงอวิ๋นซึ่งเป็น้องชายของลั่วเฉิงหยวน คือบิดาของลั่วซาน เมื่อยังหนุ่มเคยออกจากสำนักชิงเฉิงไปทัศนาจรเพื่อฝึกฝน ในตอนนั้นลั่วเฉิงอวิ๋นเป็ชายหนุ่มสง่างามองอาจและรักอิสระ จำนวนคนที่ชื่นชอบเขาว่ากันว่าล้อมรอบสำนักสองรอบได้ เพียงแต่ไม่มีใครถูกตาต้องใจลั่วเฉิงอวิ๋นเลย
ต่อมาพึ่งลงเขาทัศนาจรได้ไม่นาน ก็พบกับมารดาของลั่วซาน
มารดาของลั่วซานเป็มนุษย์ครึ่งปีศาจ มนุษย์ครึ่งปีศาจที่พูดถึงก็คือ สายเืที่เกิดจากปีศาจและนักฝึกตน
เพราะมีสายเืของมนุษย์อยู่ครึ่งหนึ่ง จึงถูกเรียกว่ามนุษย์ครึ่งปีศาจ สิ่งที่แตกต่างจากปีศาจเต็มตัวมากที่สุดคือ มนุษย์ครึ่งปีศาจมีรูปโฉมเช่นเดียวกับมนุษย์ ดูจากภายนอกแทบไม่เห็นถึงสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าเป็ปีศาจ
มารดาของลั่วซานคือหนึ่งในคนสอดแนมที่เผ่าปีศาจส่งมาดักซุ่มอยู่ในกลุ่มมนุษย์ มารดาของลั่วซานรูปโฉมงดงาม ความคิดฉลาดหลักแหลม จากนั้นก็ดึงดูดความสนใจจากลั่วเฉิงอวิ๋นได้ในเวลาอันสั้น
ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองได้ครองรักกันจนกระทั่งท้องลั่วซาน ทั้งสองแต่งงานกันเงียบๆ โดยไม่ได้แจ้งข่าวให้ลั่วเฉิงหยวน เื่ราวต่างสลับซับซ้อน จนท้ายสุดลั่วเฉิงหยวนก็รับรู้ว่าน้องชายตนแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังมีลูกชายอ้วนท้วนสมบูรณ์มีนามว่า ลั่วซาน
หลังแต่งงาน ลั่วเฉิงอวิ๋นพาภรรยากลับสำนักชิงเฉิง
ระหว่างทางที่กำลังกลับไป ลั่วเฉิงอวิ๋นบังเอิญเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของภรรยา และรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าหาตนเพียงเพื่ออยากแฝงตัวเข้าสำนักชิงเฉิง ด้วยความโมโหแทบคลั่งจึงฆ่าตัวตายพร้อมภรรยาในคืนนั้น ทิ้งไว้เพียงลูกชาย
แต่คำกล่าวจากพยานที่พบเห็นคือ คู่สามีภรรยานั้นถูกลอบฆ่า ท้ายสุดก็ตายไปพร้อมกับผู้ลอบสังหาร
ทว่าลั่วซาน ก็หายตัวไปในคืนนั้น บ้างว่าถูกฆ่าตาย บ้างว่าถูกคนที่ผ่านมาเก็บไป อย่างไรก็ตามเื่ราวถูกพูดไปต่างๆ นานา อันที่จริง ลั่วซานที่พึ่งคลอดมาไม่นาน นั้นยังไม่ตาย และไม่ได้ถูกอุ้มไป
หากแต่ถูกพรรคพวกของมารดาพาตัวไป ซึ่งพวกเขามีจุดมุ่งหมายแบบนี้แต่แรก เพราะลั่วซานมีทางเป็ไปได้ที่จะทำงานได้ดีกว่าแม่เขา เพราะว่ามีสายเืปีศาจแค่หนึ่งในสี่ แบบนั้นแล้วโอกาสในการกลายร่างเป็ปีศาจนั้นไม่มากนัก ถูกตรวจสอบได้ยาก
จุดมุ่งหมายของเผ่าปีศาจเป็เช่นนี้ จากนั้นพาตัวลั่วซานกลับไปฝึกฝนแต่เยาว์วัย ดีกว่าค่อยกลับมานับญาติตอนโต
ลั่วซานถูกพบตัวและรับกลับไปสำนักชิงเฉิงตอนอายุสิบขวบ ลั่วเฉิงหยวนที่รู้สึกผิดกับครอบครัวของน้องชายมาตลอด ถ้าเขาส่งคนไปรับพวกเขาแต่เนิ่น ก็คงไม่ต้องโดนจู่โจมและจากไปแบบนั้น
เมื่อรับตัวลั่วซานกลับไปแล้ว ลั่วเฉิงหยวนค่อนข้างเลี้ยงแบบตามใจ เพราะเช่นนี้จึงทำให้ลั่วซานมีนิสัยกำเริบเสิบสานไม่เห็นหัวใคร นี่คงมีความเกี่ยวข้องกับสายเืเผ่าปีศาจที่ปนอยู่
ลั่วซานที่อายุสิบขวบเชื่อฝังหัวแล้วว่าตัวเองคือเผ่าปีศาจ และมนุษย์ก็คือคู่แค้นกัน
สำนักชิงเฉิงไม่อาจปิดบังเื่นี้ ไม่นานข่าวก็สะพัดออกไปโด่งดังไปทั่ว
ผู้คนที่ตามข่าวนี้ต่างก็พากันระมัดระวังตัวกัน ถ้าครั้งนี้ไม่มีข่าวการปรากฏตัวของลั่วซาน ผู้คนคงยังไม่รู้ว่าเผ่าปีศาจมีจุดมุ่งหมายเช่นนี้ ถึงขั้นส่งคนสอดแนมมาแฝงตัวท่ามกลางผู้คน สักระยะเกิดศึกระหว่างสองเผ่า ฝั่งตรงข้ามก็แทงพวกเขาจากข้างหลังได้ง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ สำนักต่างๆ จึงเริ่มพลิกสำนักตามล่ามนุษย์ครึ่งปีศาจกันยกใหญ่
กล่าวกันว่า ผลกระทบจากเื่นี้ลากยาวไปเกือบสามเดือน อีกทั้งสำนักใหญ่ทั้งหลายสามารถจับตัวมนุษย์ครึ่งปีศาจได้หลายตน
เทือกเขาคูโหลวแดนเหนือ เมื่อได้รับข่าวนี้ ผู้นำเผ่าปีศาจเดือดแค้นราวกับสายฟ้าฟาดทันใด พร้อมฆ่าคนนำสาส์นทิ้งทันที ยังไม่คลายความโมโห แรงอาฆาตหมุนวนเวียนอยู่ในวิหาร เล่นเอาคนเบื้องล่างแทบไม่กล้าหายใจ
จากทีแรกร้องเล่นเต้นรำกันสนุกสนาน ชั่วครู่เดียวกลับเงียบกริบ เหล่าปีศาจสาวที่กำลังร่ายรำนั้นต่างพากันหดตัวเป็กลุ่มก้อนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม
“บอกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนที่สอดแนมอยู่ในสำนักใหญ่ทั้งหลายถึงถูกจับได้?”
ใบหน้ามัวหมองของท่านผู้นำเผ่าปีศาจ สายตาเดือดดาลจดจ้องอยู่ที่คนนำสาส์นอีกคนหนึ่ง เพียงการกระทำอันโง่เขลาก็ทำให้ถูกฉีกเป็ชิ้นๆ ได้
ปีศาจตนนั้นเห็นเพื่อนที่มาด้วยกันถูกฆ่าก็กลัวจนขาสั่น เหงื่อแตก เมื่อได้ยินคำถาม ก็รีบตอบอย่างไม่ปล่อยให้มีช่องว่างแม้วินาทีเดียว จากนั้นเล่าเื่ที่สืบมาอย่างละเอียด น้ำเสียงเลิ่กลั่กราวกับกลัวว่าจะหลุดคำพูดคำใดออกไป
เมื่อได้ฟังจนจบ ผู้นำเผ่าปีศาจค่อยๆ ปิดตา เมื่อลืมตาขึ้น แรงอาฆาตโมโหโทโสนั้นปะทุกว่าเดิม พร้อมเอ่ยน้ำเสียงเยือกเย็น “เ้าหมายความว่า หน่วยสอดแนมที่เราส่งไปสำนักชิงเฉิงเมื่อสิบห้าปีก่อน ถูกคนของสำนักเทียนซินจับได้สินะ?”
“ชะ ใช่แล้วขอรับ เห็นว่าเป็ยอดคนของแขนงการต่อสู้แห่งสำนักเทียนซิน เป็ที่เชิดชูของศิษย์รุ่นใหม่ นามว่า หลินเซียว”
“หลินเซียว?” ผู้นำเผ่าปีศาจทวนชื่อน้ำเสียงเย็นเยียบ “เขาค้นพบสถานะของลั่วซานได้ยังไง แม้จะเป็ยอดคนเพียงใดก็ไม่น่าเก่งถึงขั้นแยกลั่วซานที่มีสายเืปีศาจแค่หนึ่งในสี่ส่วนออกได้”
“เื่นี้ ไม่มีใครทราบได้ขอรับ” ตอนนั้นเขาเองก็สงสัย แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลย
ตอนนี้เอง ปีศาจหนุ่มที่ยืนอยู่คนแรกเบื้องล่างผู้นำเผ่าปีศาจก็ลุกขึ้นมา สองมือประสานระดับหน้าอกพร้อมกล่าว “ท่านผู้นำ ข้าเห็นว่า หลินเซียวผู้นี้ต้องกุมเคล็ดลับบางอย่างที่สามารถแบ่งแยกรูปลักษณ์ปีศาจได้ ไม่งั้นคงไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์แท้จริงของลั่วซานได้เพียงพริบตาเดียว ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ สำนักเทียนซินน่าจะลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่รอถึงตอนนี้แน่”
“เ้าพูดถูก ดูท่าจะปล่อยเ้าหลินเซียวนี่ไว้ไม่ได้ สำนักเทียนซินมีคนของเราอยู่หรือไม่?” ผู้นำเผ่าปีศาจก็ใช่ว่าไร้สมอง เมื่อได้ยินก็ตกลงเห็นชอบกับลูกน้อง
ปีศาจหนุ่มกล่าว “มี แต่มีแค่ตนเดียว อีกทั้งตำแหน่งไม่ถือว่าต่ำในสำนักเทียนซิน ถ้าลงมือส่งๆ อาจทำให้เผยตัวตนได้ อีกหน่อยถ้าอยากส่งคนเข้าไปเห็นทีจะยาก”
ผู้นำเผ่าปีศาจปัดมือ เอ่ยอย่างไม่สนใจ “เื่ถูกเปิดเผยตัวตนยังไม่ต้องสนใจ ถ้าเขากุมเคล็ดลับบางอย่างไว้จริง ปีศาจตนนั้นก็คงถูกจับได้ไม่ช้าก็เร็ว สู้กำจัดเขาเสียตอนนี้ ถือเป็ตัดไฟั้แ่ต้นลม”
“ท่านผู้นำกล่าวถูกต้อง ข้าน้อยจะรีบจัดการทันที” ปีศาจหนุ่มไม่เอ่ยต่อ
ยามนี้หลิงเซียวยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็ก้างขวางคอของเผ่าปีศาจที่อยากกำจัดเขา ถ้าหากรู้คงรู้สึกน่าสนใจ และยิ่งคาดหวังการปรากฏตัวของคนคนนั้น
ทว่า ถ้าเป็หลินเซียวคนก่อนคงนั่งไม่ติดแล้ว เพราะถ้าคนสอดแนมนั้นตำแหน่งสูงจริงในสำนักเทียนซิน จากกำลังของหลินเซียวคงยากจะรับมือ
ในเวลาที่คับขันเช่นนี้ สำนักเทียนซินก็มีการจัดการประลองประจำปีของแขนงการต่อสู้ขึ้น