ณ ลานหลังเขาตระกูลเสิ่น เสิ่นล่างยืนด้วยปลายเท้า มือทั้งสองไพล่หลัง เขาย่างมาเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้ามาถึงในลานได้แล้ว
“นี่คือทักษะต่อสู้ขั้นปฐีอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นล่างมองเสิ่นเสวียนที่เพิ่งแสดงเคล็ดวิชาคมหมัดปะทุออกมาเมื่อครู่นี้ เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ในความทรงจำของเขา ตระกูลเสิ่นไม่มีทักษะวิชาขั้นปฐี ทักษะวิชาขั้นสูงที่สุดเป็เพียงทักษะวิชาขั้นลึกลับเท่านั้น นั่นคือ ‘สิงโตคลั่งคำราม’
“ขั้นปฐี? เรียกอย่างนั้นก็ได้”
เสิ่นเสวียนได้ยินดังนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าว คมหมัดปะทุคือเคล็ดวิชาพร์ หากคิดคำนวณแล้ว เรียกว่าขั้นปฐีคงไม่มากเกินไป
“เป็เช่นนั้นจริงๆ! เ้ามีความลับแอบซ่อนอยู่อีกเท่าไรกันแน่!”
เสิ่นล่างมองเสิ่นเสวียนด้วยความสงสัย ทว่าแม้จะสงสัยเขาก็ไม่ได้ถามให้มากความ หากเสิ่นเสวียนอยากบอก ไม่ต้องรอให้เขาถามก็คงบอกมาแล้ว หากไม่อยากบอก ถามไปก็เสียเวลาเปล่า
“ประลองกับข้าสักตั้ง”
แม้เสิ่นล่างไม่ได้ถาม แต่จิตใจอยากเอาชนะกลับกระตุ้นให้เขาโจมตีใส่เสิ่นเสวียน
เสิ่นล่างปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเสิ่นเสวียนด้วยท่าร่างแปลกๆ จากนั้นเขาก็ซัดพลังฝ่ามือใส่หน้าอกเสิ่นเสวียน
เสิ่นเสวียนออกแรงต้านไว้ทันที แต่ยังโดนพลังรุนแรงจากฝ่ามือซัดให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว ฉับพลันนั้นเสิ่นล่างปล่อยพลังหมัดโจมตีต่อเนื่อง เสิ่นเสวียนจึงทำได้เพียงตั้งรับ
หลังจากสู้กันไปกว่าสิบกระบวนท่า สุดท้ายแล้วเสิ่นเสวียนก็มิอาจต้านทานพลังโจมตีของเสิ่นล่างได้ ฝ่ามือโจมตีเข้าใส่ร่างทำให้เขาถอยหลังไปหลายจั้งกว่าจะตั้งหลักได้ ที่เสิ่นเสวียนยังรอดชีวิตอยู่เพราะเสิ่นล่างยั้งมือไว้
ขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุด มีพลังยุทธ์ที่น่ากลัวมากจริงๆ
“คนที่สามารถรับมือข้าได้ถึงสิบกระบวนท่า ในเมืองอวี่ฮว่ามีไม่ถึงห้าคนด้วยซ้ำ เ้าทำได้ดี”
เสิ่นล่างพยักหน้า รู้สึกปลื้มปีติเป็อย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากเสิ่นเสวียนได้รับแต่งตั้งเป็ผู้นำตระกูลแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเติบใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมีพลังพอเผชิญหน้ากับตนได้
“ผู้าุโใหญ่ ทางตระกูลหานเป็อย่างไรบ้าง”
เสิ่นเสวียนถามระหว่างฟื้นฟูพลังไปด้วย
“ตระกูลหานอย่างนั้นหรือ เหอๆ เ้าลงมือรุนแรงมากจริงๆ!” เสิ่นล่างคิดย้อนไปถึงการต่อสู้เมื่อสามวันก่อน รู้สึกเศร้าอย่างอดไม่ได้ เสิ่นเสวียนตั้งใจโจมตีถึงตาย ไม่สนใจถึงผลที่ตามมาเลย
“ด้วยพลังของเ้าในวันนั้น หานเฟิงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้ว เดิมทีตระกูลหานคิดจะมาแก้แค้น แต่โดนคุณชายเจี้ยนผู้นั้นห้ามไว้ ทั้งคุณชายเจี้ยนยังเอาตัวหานเฟิงไปด้วยแล้ว จึงยังไม่เดือดร้อนถึงตระกูลเสิ่นในตอนนี้”
“อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เ้าเป็ผู้นำตระกูล หลังจากนี้ต้องจับจ้องตระกูลหานและสำนักกระบี่เอาไว้ให้ดี ทั้งสองอำนาจนี้ไม่ใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นล่าง เสิ่นเสวียนพยักหน้ารับคำในทันที คุณชายเจี้ยนผู้นั้นไม่ธรรมดาเลย อำนาจเื้ัของเขายิ่งน่ากลัวมากกว่า อีกทั้งการต่อสู้ที่ผ่านมาเขาพบว่า ที่หานเฟิงมีพลังถึงขั้นบรรพบุรุษได้ไม่ใช่เพราะวิชาลับของตระกูล แต่เป็ไปได้มากว่าเพราะฝีมือของคุณชายเจี้ยนผู้นั้น
“ดูเหมือนร่างกายของเ้าจะฟื้นฟูเกือบสมบูรณ์แล้ว ตามข้าไปยังหอประชุมสักหน่อยเถอะ ผู้นำตระกูลคนใหม่อย่างเ้าต้องกล่าวอะไรบ้าง”
“ได้ ข้าอยากเจอหน้าเสิ่นเหวินเทาอยู่พอดี”
เสิ่นเสวียนกระตุกยิ้มมุมปากแปลกๆ
ณ หอประชุมตระกูลเสิ่น
เทียบกับไม่กี่วันก่อน ตอนนี้มีคนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คนในตระกูลเสิ่นั้แ่ผู้าุโและผู้ดูแล ไปจนถึงคนหนุ่มสาวทั้งหลาย มารวมตัวกันที่นี่หลายร้อยคนเลยทีเดียว ข้างในมีที่นั่งไม่พอก็ไปยืนล้อมอยู่ที่หน้าประตู
ทุกคนมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เพราะวันนี้ผู้นำตระกูลของพวกเขาฟื้นแล้ว
การต่อสู้ระหว่างเสิ่นเสวียนและหานเฟิงบนลานประลองทำให้คนตระกูลเสิ่นส่วนใหญ่ยอมรับในตัวเขาแล้ว และแน่นอนว่ายังมีบางส่วนที่ไม่เป็เช่นนั้น
อย่างเช่นเสิ่นเหวินเทา
ตอนนี้เสิ่นเหวินเทานั่งทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ในที่ของเขา ไม่พูดไม่จา
เดิมทีคิดว่าพึ่งพาตระกูลหานแล้วจะทำให้เขาได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะพังทลายลงเช่นนี้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวว่าเสิ่นเสวียนจะเติบใหญ่ขึ้น
พลังของเสิ่นเสวียนก้าวหน้าไปอย่างก้าวะโ แม้แต่ขั้นบรรพบุรุษยังทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างน้อยพลังของตนตอนนี้ก็สู้เสิ่นเสวียนไม่ได้แล้ว คิดถึงก่อนหน้านี้ที่ตนเองเกือบสู้กับเสิ่นเสวียนยิ่งทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ที่แท้ เจตจำนงสังหารในแววตาของอีกฝ่ายตอนนั้น สามารถสังหารตนได้จริงๆ
ทันใดนั้นเอง เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างก็ย่างเข้ามาในหอประชุม
ทุกคนในตระกูลเมื่อเห็นเสิ่นเสวียนเข้ามาก็พากันหันมองด้วยความยินดี เสิ่นเสวียนหมดสติไปหลายวันทำให้พวกเขากระวนกระวายใจมาก ได้เห็นว่าเสิ่นเสวียนไม่เป็อะไรพวกเขาก็วางใจ
“คารวะผู้นำตระกูล”
เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างเดินผ่านประตูเข้ามา คนตระกูลเสิ่นทั้งหมดต่างโค้งกายคารวะพร้อมกล่าวเสียงดัง
เสิ่นเสวียนเดินผ่านทุกคนไปด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
เทียบกับหลายวันก่อนที่เขามาที่นี่ ในสายตาของทุกคนมีแต่ความเหยียดหยามดูถูก ทว่าตอนนี้คนเหล่านี้ยอมรับในตัวตนของเขาแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
แม้ชาติก่อนจะฝึกฝนจนเป็เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ ได้ชื่อว่าเป็อันดับหนึ่งรองจากอาณาจักรเซียน แต่ความจริงแล้วเขาไม่เคยสร้างอำนาจของตนเองขึ้นมาเลย ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเมื่อก่อนนี้ จากขั้นหยวนก่อกำเนิดถึงขั้นแยกเทวะและขั้นะ ผู้ที่อยู่ในรุ่นเดียวกันต่างสร้างอำนาจของตนเองขึ้นมาแล้ว ทว่าเขากลับต้องตกต่ำลงมากลายเป็เซียนพเนจร นี่จึงเป็ครั้งแรกที่ได้ัักับความรู้สึกนี้
ระหว่างที่เดินไป เสิ่นเสวียนมองเหล่าผู้คนที่เคยเหยียดหยามตนกำลังก้มหัวให้ จนกระทั่งถึงที่นั่งของผู้นำตระกูลจึงนั่งลง
“ทุกคนต่างเป็ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธีนัก เื่ที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้เป็อดีตไป ภายหน้าข้าจะทำให้ตระกูลเสิ่นรุ่งเรืองยิ่งขึ้น”
เสิ่นเสวียนนั่งลงที่ตำแหน่งผู้นำตระกูล กล่าวประโยคที่เหมาะสมกับตำแหน่ง
ทุกคนรู้สึกใที่เสิ่นเสวียนจริงจังขึ้นมารวดเร็วขนาดนี้ เพราะเสิ่นเสวียนเพิ่งจะอายุสิบหกปีเท่านั้น ในที่นี้มีผู้าุโอยู่มากมายที่ต้องถ่อมตัวลง แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แม้คนอื่นจะคิดแบบเดียวกัน แต่ก็ยังรับคำโดยพร้อมเพรียง
“ขอบคุณท่านผู้นำ”
เสียงนั้นหนักแน่น แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในตัวเสิ่นเสวียน
“ดี ในเมื่อข้าได้เป็ผู้นำตระกูลแล้ว ข้าก็ควรต้องทำอะไรสักหน่อย ข้าคิดว่าพวกเ้าไม่น่าคัดค้าน”
“ไม่เลย ไม่เลย”
ผู้ดูแลและผู้าุโทั้งหลายกล่าวขึ้นทันที
“เช่นนั้นก็ดี เสิ่นเหวินเทาออกมา”
เสิ่นเสวียนเรียกเสิ่นเหวินเทาในฉับพลัน
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนต่างตกตะลึง แล้วพวกเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เมื่อได้อำนาจมาครอง ผู้ชนะคือาา ผู้แพ้ควรต้องล่าถอยออกไป
เสิ่นเหวินเทาที่นั่งอยู่แม้สีหน้าจะเคร่งเครียด แต่เขายังลุกขึ้นโค้งกายน้อยๆ ให้เสิ่นเสวียน “คารวะผู้นำ”
ผ่านไปไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้เสิ่นเหวินเทาได้นั่งในตำแหน่งผู้นำตระกูลอย่างเย่อหยิ่ง ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกตรงกันข้าม ตกต่ำลงอย่างสิ้นเชิง!
“เสิ่นเหวินเทากักขังข้าไว้สามปี และเมื่อไม่กี่วันก่อนยังคิดใช้ยาสลายจิตสังหารข้าอีกด้วย ข้าขอสั่งถอดถอนเขาจากตำแหน่งผู้ดูแลใหญ่ และให้เสิ่นโจวเข้ารักษาการแทนไปก่อน”
คำของเสิ่นเสวียนหาใช่การปรึกษาหารือ ทว่าเป็การประกาศให้ทราบ ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าเสิ่นเหวินเทาคิดวางยาสังหารเขากลับไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้เขาเป็ผู้นำตระกูลแล้ว คำของเขาไม่มีใครสงสัยอีก
เสิ่นเหวินเทาก้มหน้ากัดฟันแน่น แต่ยังยอมรับในคำตัดสิน
“ขอรับท่านผู้นำ”
ส่วนเสิ่นโจวที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ดูแลตระกูลเสิ่น เมื่อได้ยินคำสั่งของเสิ่นเสวียนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณท่านผู้นำ”
จากผู้ดูแลธรรมดาๆ ได้เลื่อนตำแหน่งเป็ผู้ดูแลใหญ่ของตระกูล เรียกได้ว่าเป็การเลื่อนขั้นอย่างก้าวะโ
“เ้าไม่อยากกล่าวอะไรบ้างหรือ”
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นเหวินเทา กำลังรอให้เขาโต้เถียงกลับมา เพราะถ้าเป็อย่างนั้นจะได้สังหารเขาทันที แต่จิตใจของเสิ่นเหวินเทาเด็ดเดี่ยวกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ข้ากระทำผิด ละอายใจต่อบรรพบุรุษตระกูลเสิ่น แต่ข้าคิดถึงผลประโยชน์ของตระกูลเสิ่นมาตลอด ไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ข้าจะพยายามเพื่อตระกูลเสิ่นอย่างสุดความสามารถ”
เสิ่นเหวินเทาเฉลียวฉลาดมาก เขาคิดว่าตราบใดที่ยังมีชีวิตรอดก็ยังมีหวังในอนาคต แม้เสิ่นเสวียนจะยอดเยี่ยม แต่เขากลับล่วงเกินสำนักกระบี่ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องตายด้วยเพลิงโทสะของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาขอเพียงได้มีชีวิตรอดต่อไปเพื่อรอคอยโอกาส
“ฮ่าๆๆ ดี เห็นแก่ที่เ้าพยายามเพื่อตระกูลเสิ่นมานาน ข้าจะไว้ชีวิตเ้า ไปยังูเาด้านหลังแล้วหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิด หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้าห้ามออกมาเด็ดขาด”
“ขอรับ ขอบคุณท่านผู้นำที่ไว้ชีวิต”
เสิ่นเหวินเทากล่าวขอบคุณ ขณะเดียวกันใบหน้ากลับฉายรอยยิ้มเยียบเย็นออกมา ทว่ามันไม่ได้มีความสำคัญต่อเสิ่นเสวียนเลย
แรกทีเดียวเขาเป็อุปสรรคขวากหนามแสนหนักหนา ทว่าตอนนี้เขาเป็ได้แค่หินที่ใช้เหยียบขึ้นไป้าเท่านั้น มิอาจสร้างความเดือดร้อนใดๆ ได้อีก
“รายงานท่านผู้นำ ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ขอเข้าพบ”
ขณะนั้นเอง เสียงขององครักษ์พลันดังขึ้นที่ด้านนอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้