สตรีอายุยี่สิบปีเป็วัยกำลังสะพรั่ง หากเป็หญิงสาวคนอื่นๆ ป่านนี้พวกนางคงแต่งงานมีคู่ ครองรักกันทุกค่ำคืน บางคนอาจมีลูกสองสามคนแล้ว แต่นางกลับต้องมาอยู่บนยอดเขาลำพังเพียงผู้เดียว
หลินโม่เหนียงกำลังสงสัยว่าความ้าและความเหงาเปลี่ยวอาจทำให้นางเห็นภาพหลอน แต่คิดอย่างไรััชัดเจนเช่นนั้นคงไม่อาจเป็ความคิดฝ่ายเดียวของนางไปได้ แม้นางจะเคยแต่งงานผ่านการเข้าหอมาแล้ว แต่เพียงคืนเดียวคงไม่ทำให้นางรู้แจ้งจนนำมาคิดเพ้อเป็เื่ราวได้แน่
หญิงสาวตัดสินใจลองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
แต่วันรุ่งขึ้นหรือวันถัดมา ต่อให้นางนั่งใต้น้ำตกนานขึ้นเท่าไรก็ไม่อาจััถึงสายน้ำอบอุ่นได้เลย จนผ่านไปหลายวัน หลินโม่เหนียงเริ่มแน่ใจว่าอาจเป็ความคิดเพ้อฝันของนางเพียงผู้เดียว
“ขอบคุณ” หลินโม่เหนียงกล่าว วันนี้เป็วันที่จะมีทหารมาส่งอาหารแห้งและเมล็ดธัญพืชให้นาง
“ไม่เป็ไร เป็หน้าที่ข้าอยู่แล้ว หากแม่นางโม่อยู่คนเดียวไม่สะดวกอย่างไร ข้าจะมาหาเ้าให้บ่อยขึ้นก็ย่อมได้ เ้าไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มในชุดทหารมองหลินโม่เหนียงด้วยสายตาชื่นชม
‘สตรีงดงามเช่นนี้ กลับต้องอยู่เดียวดายบนเขา ช่างน่าเสียดาย’ นายทหารครุ่นคิด
“...” หลินโม่เหนียงเงียบ เวลาที่ถูกบุรุษจ้องมองเช่นนี้นางรู้สึกว่าอึดอัดยิ่งนัก
“หรือเ้าอยากจะลงเขาไปกับข้าก็ได้นะ ท่านนักพรตไม่ได้บังคับ เขามีเมตตายิ่ง เ้าไม่ต้องกังวล” นายทหารพูดเกี้ยว เขาจะพยายามเช่นนี้ทุกครั้งที่ได้พบหลินโม่เหนียง แม้นางจะไม่เคยตอบกลับเลย
“...”
“เ้าอยู่บนเขาเพียงผู้เดียว ไม่เงียบเหงาบ้างหรือ เ้า..อยากจะ..เอ่อ ไปกับข้า ..เ้าอย่าเข้าใจผิด ข้า..ข้าเพียงอยากถามว่าเ้าอยากลงเขาไป..กับข้าหรือไม่ ถึงเ้าจะอายุมากแล้ว แต่ข้าไม่ถือ เ้าไม่ต้องกังวล” นายทหารหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ข้ามีคำจะฝากท่านไปบอกท่านนักพรต ฝากบอกเขาว่าข้าเริ่มััได้ถึงสายน้ำอบอุ่นแล้ว ขอให้เขาช่วยมาชี้แนะขั้นต่อไปให้ข้าด้วย ขอบคุณ”
กล่าวคำที่้าพูดเสร็จหลินโม่เหนียงก็เข้าบ้านปิดประตู ไม่รอให้คนส่งของได้พูดอะไรตอบ ทหารคนนั้นได้แต่พยักหน้ากับประตูและขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจแม่นางประหลาดผู้นี้
ตลอดหลายปีมานี้ นางอยู่คนเดียวมานาน ลืมไปหมดแล้วว่าควรรักษามารยาทต่อผู้คนอย่างไร และด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำเื่ผิดประเพณีกับนางที่อยู่ที่นี่ลำพัง หญิงสาวจึงเลือกไม่พูดคุยไม่สบตามาตลอด
ทุกครั้งหากนางได้ยินว่ามีคนขึ้นเขามา นางจะเดินเข้าไปอยู่ในป่า รอให้คนส่งของกลับก่อนจึงจะออกมา นอกจากบางครั้งที่นาง้าคำชี้แนะจากท่านนักพรตจึงจะออกมารอคนส่งของ ถึงแม้นักพรตจะไม่เคยตอบกลับคำถามของนางเลยสักครั้ง
“เฮ้อ เสียดาย แม้จะหน้าตางดงาม แต่กลับ..”
หลินโม่เหนียงได้ยินทหารบ่นกับตัวเองระหว่างเดินลงเขาไป นางรู้สึกหายใจทั่วท้องขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากอึดอัดกับสายตาของอีกฝ่ายตลอดการสนทนา นางรู้ว่าเขาไม่ได้เป็คนเลว แม้เขาจะพยายามเกี้ยวนางหลายครั้ง แต่นางไม่้า
หลังจากเก็บเมล็ดธัญพืชและอาหารแห้งไว้ในครัวเสร็จ หญิงสาวยังต้องผ่าฟืนที่ตัดมาเก็บไว้ เพราะตัวคนเดียวจึงต้องทำงานหนักเองทั้งหมด แต่หลินโม่เหนียงก็ยังพึงพอใจชีวิตเช่นนี้ยิ่ง
เมื่องานหนักจบลง ดวงอาทิตย์เริ่มหลบเข้าหลังเขา หญิงสาวที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อรีบไปล้างเนื้อล้างตัวที่บ่อน้ำ นางไม่อยากต้มน้ำอาบเพราะเสียดายฟืนที่ต้องใช้แรงกายมากมายกว่าจะผ่าเสร็จ นาง้าเก็บฟืนไว้สำหรับทำอาหารเท่านั้น
ถึงอย่างไรหญิงสาวก็แช่น้ำเย็นทุกวันอยู่แล้ว การอาบน้ำเย็นจึงไม่ได้น่ากลัวมากเท่าไรนัก
หลินโม่เหนียงถอดเสื้อลงน้ำ นางไม่กลัวว่าจะมีใครมาพบ เพราะที่นี่มีเพียงนาง แต่ทันทีที่ปลายเท้าของหญิงสาวก้าวลงน้ำ สายน้ำอบอุ่นสายเดิมก็วนมาล้อมรอบตัวนางทันที โม่เหนียงใจนเกือบจมน้ำ แต่สายน้ำอุ่นนั้นกลับโอบอุ้มนางขึ้นมาเหนือน้ำ มันไม่พยายามปกปิดตัวตนสักนิด
“อย่าไป ห้ามไป” เสียงไพเราะทุ้มต่ำของบุรุษเอ่ยออกมาก่อนที่สายน้ำจะรวมตัวเป็ร่างโปร่งใสและรวบกอดโม่เหนียงเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
โม่เหนียงทำตัวไม่ถูก ทั้งััอบอุ่นของสายน้ำและแรงกอดกระชับ นางไม่แน่ใจว่าตนเองเห็นภาพหลอนไปคนเดียวอีกหรือไม่ แต่ทุกอย่างกลับดูชัดเจนจนคล้ายว่าเกิดขึ้นจริง
ยังไม่ทันได้คิดตรึกตรองว่าเื่ประหลาดนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ร่างมวลน้ำอุ่นก็เริ่มกดจูบลงไปที่ริมฝีปาก เริ่มแรกััอุกอาจนั้นยังเป็เพียงน้ำอุ่น แต่เมื่อจูบนานเข้าโม่เหนียงกลับรู้สึกถึงปลายลิ้นและริมฝีปากที่เปียกชุ่มของอีกฝ่าย ราวกับเขามีตัวตนอยู่จริง
ริมฝีปากนั้นจูบดุดันราวกับจะ่ชิงลมหายใจ หญิงสาวพยายามลืมตาดูว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เห็นคือร่างมวลน้ำที่เคยโปร่งใสยามนี้กลับคล้ายร่างบุรุษซ้อนทับเลือนราง
โม่เหนียงออกแรงผลักแผงอกแต่กลับทะลุออกไป นางไม่อาจััเขา แต่ยังคงรู้สึกถึงแรงกอดกระชับของเขา นางทั้งใและหวาดหวั่น ในใจนึกว่าตนเองอาจพบเจอปิศาจเข้าแล้ว แต่ไม่อาจหยุดยั้งริมฝีปากที่เริ่มไล่จูบลงมาที่คอระหง เขาขบกัดบริเวณคออย่างแรงราวกับจะกัดให้เืออก
“โอ๊ยย..เจ็บ” โม่เหนียงะโออกไป
