บนบริเวณยอดเขาที่หลงหว่านชิงเคยพักอาศัยนั้น มีบ้านเรือนปลูกอยู่มากมาย
กู่ไห่และพวกที่ถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลเมฆหมอก มาถึงยอดเขาอย่างรวดเร็ว โดยรอบด้านนั้น มีกลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรและซ่งเซิงผิงคอยรุมล้อมอยู่ ทว่าทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่จ้องค่ายกลใหญ่ตรงหน้าด้วยความเจ็บใจ
เพราะค่ายกลเมฆหมอกนี้ ทำให้ทุกคนหวาดกลัว
“ท่านหัวหน้าสำนัก จะไม่มีปัญหาใดใช่หรือไม่?” ศิษย์ครึ่งอสูรถามเสียงเบา
“ฟู่เสวี่ยเดาถูก กู่ไห่ไปสำนักซ่งเจี่ย เพื่อหาวิธีที่จะเรียกไต้ซือหลิวเหนียนกลับมา” ซ่งเซิงผิงกล่าวอย่างร้อนรน
“นายท่าน พวกเรามาถึงแล้ว!” เฉินเทียนซานะโบอก
“ซ่างกวนเหิน” กู่ไห่ร้องเรียก พลางสั่งเสียงต่ำ “เริ่ม!”
“ขอรับ!”
คนโฉดสิบกว่าคนพลันกระจายตัวออกไป และใช้หินิญญาที่เหลือสร้างค่ายกลอย่างรวดเร็ว ตามที่กู่ไห่เคยสอนเอาไว้
ท่ามกลางเมฆหมอก ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เอาเลย!” กู่ไห่สั่งเสียงดัง
“ขอรับ!”
กลุ่มคนโฉดทุกคนปล่อยมือพร้อมกัน ทันใดนั้น เมฆที่เคยก่อตัวก็สลายไป
ทันทีที่ไอหมอกเลือนหาย ภาพตรงหน้าก็ปรากฏเด่นชัด ท่าทีของศิษย์สำนักซ่งเจี่ยพลันแปรเปลี่ยนทันที
“อ่า! นี่ไม่ใช่ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น”
“นี่คือการรวมพลัง ในรูปแบบของค่ายกลกระบี่์?”
หลายคนยังจำได้ ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่กลุ่มคนของกู่ไห่ บุกเข้าโจมตีพรรคต้าเฟิงและหลี่เหว่ย
“กู่ไห่ เ้ากล้าโกหกข้าหรือ?” ซ่งเซิงผิงถลึงตา ก่อนฟันกระบี่ออกไป
“เมื่อครู่ไม่ใช่ ตอนนี้สิของจริง... ค่ายกลทำงาน!” กู่ไห่ะโเสียงดัง
ตูม!
ทันใดนั้น หมอกสีขาวก็ลอยขึ้นจากพื้นเบื้องล่าง เข้ามาปกคลุมูเาทั้งหมด
“ทำลาย!” เสียงะโของเซี่ยงอวี่ดังขึ้น จากกลุ่มเมฆหมอก
ฉึกๆ!
ทวนวงเดือน์ฟันออกไปอีกครั้ง
ตูม!
คลื่นกระบี่สลายตัวไป ทันทีที่เห็นเช่นนั้น ใบหน้าของซ่งเซิงผิงพลันแปรเปลี่ยน แล้วรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว
“กู่ไห่ ข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไว้เด็ดขาด!” ซ่งเซิงผิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
หมอกหนาเข้าครอบคลุมูเาทั้งลูก กลุ่มคนโฉดต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหัวเราะเสียงดัง พร้อมมองไปยังกู่ไห่
“ค้นหาหินก้อนนั้น... เร็ว!” กู่ไห่ะโสั่ง
“ขอรับ!”
คนโฉดทั้งสามพันคน รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่พุ่งตรงไปยังห้องที่หลงว่านชิงเคยพัก แม้ว่าเกาเซียนจือจะได้ข่าวมาจากองครักษ์ทั้งสาม แต่หินก้อนนั้นมีลักษณะอย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจรู้ได้
ทุกคนทำการค้นหาอย่างรวดเร็ว
“อา? นั่นหัวหน้าสำนักนี่!” เฉินเทียนซานกล่าวอย่างดีใจ
ไม่ไกลกันนัก หลี่ชิงเหอนอนหมดสติอยู่บนแท่น ร่างกายดูอ่อนแรงยิ่ง
เฉินเทียนซานกำลังจะก้าวไปข้างหน้า
“หัวหน้าเฉิน... อย่า!” เกาเซียนจือร้องเตือน
“มีอะไรหรือ?” เฉินเทียนซานถลึงตาใส่
“นายท่าน ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หาหินก่อนเถอะ แล้วค่อยช่วยหลี่ชิงเหอทีหลัง” เกาเซียนจือเอ่ย
“แต่ว่า... พวกเ้าก็หาหินนั่นกันไป ส่วนข้าจะ...” เฉินเทียนซานะโตอบ
“เ้าลืมเหตุการณ์ที่ดินแดนแรกสาบสูญไปแล้วหรือ?” เกาเซียนจือโต้กลับเสียงดัง
สีหน้าของเฉินเทียนฉานเปลี่ยนไป จากนั้นก็ค่อยๆ พยักหน้า
กลุ่มคนโฉดกระจายตัวกันตามหาหินที่ว่า ในบ้านทุกหลังอย่างรวดเร็ว
บนแท่น หลี่ชิงเหอแสร้งทำเป็หมดสติ แต่ในใจกลับขุ่นเคืองสุดขีด
หลี่ชิงเหอไม่คิดว่าตนจะน่าสังเวชขนาดนี้ คนพวกนี้ไม่ใช่จะมาช่วยเขาหรอกหรือ... รู้จักเห็นอกเห็นใจกันบ้างหรือไม่?
พวกเขากำลังตามหาอะไรกันแน่?
“ข้าเจอแล้ว นายท่าน!” ฮวางบูร้องด้วยความดีใจ
“หืม?”
ทุกคนวิ่งออกจากบ้านที่ตัวเองกำลังทำการค้นหา มารวมตัวกันข้างนอก
ชายหน้าบากถือหินก้อนหนึ่ง เดินเข้าไปหากู่ไห่
“นายท่าน รีบเรียกไต้ซือหลิวเหนียนกลับมาเถอะ หินิญญาของเราจะหมดแล้ว” ซ่างกวนเหินพูดอย่างร้อนใจ
หินิญญาจะหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?
ท่าทีของทุกคนพลันเปลี่ยนไป
“ทุบหินให้แตก... เร็ว!” กู่ไห่ะโบอก
ไกลออกไป ดวงตาที่เคยปิดสนิทของหลี่ชิงเหอได้เปิดขึ้น พร้อมะเิพลังออกมา
ตูม!
พันธนาการบนร่างถูกปลดออก เขากระโจนเข้าใส่หินในมือฮวางบูทันที
กลุ่มคนโฉดเบิกตากว้างด้วยความใ
“ท่านหัวหน้าสำนัก?” เฉินเทียนซานมองภาพตรงหน้า อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา!” เสียงคำรามดังกึกก้อง
เวลานี้ มีเพียงกู่ไห่ซึ่งมีสติมากที่สุด เขาจึงเรียกสัตว์อสูรเมฆาออกมา เพื่อตั้งรับทันที กลุ่มหมอกได้ก่อตัวขึ้นเป็ทวนวงเดือน์
ตูม!
ทวนวงเดือนฟาดฟันข้าใส่หลี่ชิงเหอทันที
ปัง!
“อ๊าก!”
หลี่ชิงเหอหลบการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด แต่แขนขวากลับถูกฟันจนเป็แผล เขากุมแขนของตนไว้ พลางมองกู่ไห่ด้วยความหวาดหวั่น
“ท่านหัวหน้าสำนัก ท่านจะทำอะไร?” เฉินเทียนซานร้องถามด้วยความประหลาดใจ
“จบสิ้นแล้ว นายท่าน หินิญญากำลังจะแตกเป็เสี่ยงๆ” อีกด้านหนึ่ง คนโฉดที่รับผิดชอบในการวางค่ายกล กล่าวอย่างกระวนกระวายใจ
ฟุ่บ!
ฮวางบูรีบบดขยี้หินในมือทันที
ฟึ่บ!
ห้วงอากาศเพียงสั่นะเืเล็กน้อย แล้วก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก
“คนล่ะ?” เกาเซียนจือถามด้วยความงุนงง
“ทำไมไต้ซือหลิวเหนียนไม่ออกมา? เราถูกหลอกอย่างนั้นหรือ?” เฉินเทียนซานเอ่ยอย่างสับสน
“ไม่! พวกเราไม่ได้ถูกหลอก แต่ตอนนี้ไต้ซือหลิวเหนียนน่าจะเพิ่งได้รับข่าว คงต้องใช้เวลาสักพักในการเดินทางกลับมา” กู่ไห่กล่าว
“นายท่าน หินิญญามีไม่พอ จะทำอย่างไรดี?” กลุ่มคนโฉดที่รับผิดชอบในการวางค่ายกลถามอย่างกลัดกลุ้ม
“ฮ่าๆๆ! มีหินิญญาไม่พอ ค่ายกลไม่อาจใช้การได้” หลี่ชิงเหอหัวเราะ
“ท่านหัวหน้าสำนัก พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยท่าน แล้วทำไม? เหตุใดท่านถึงได้...” เฉินเทียนซานกล่าวอย่างร้อนรน
ได้ยินเช่นนั้น หลี่ชิงเหอก็ค่อยๆ มีท่าทีที่เปลี่ยนไป
“ช่วยข้า? ป่านนี้พวกเ้าเพิ่งมาถึง มันจะมีประโยชน์อะไร?” หลี่ชิงเหอตวาดด้วยความโกรธ
“แต่ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ?” เฉินเทียนซานะโตอบ
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ร่างของหลี่ชิงเหอก็รายล้อมไปด้วยพลังชี่สีแดงเข้ม
ฟึ่บๆๆๆ!
เส้นผมบนศีรษะของเขา เปลี่ยนไปเป็อสรพิษจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่พวกมันจะส่งเสียงขู่คำราม และพุ่งเข้าหาทุกคน
“ปีศาจ?” ทุกคนหน้าถอดสีทันที
“จะมีประโยชน์อะไร? มันแก้ไขอะไรมิได้แล้ว?” หลี่ชิงเหอแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราด
“ท่านเ้าสำนักหลี่ มีอะไรค่อยพูดจากันเถอะ” กู่ไห่ร้องบอก
“ฮึ่ม! สายไปแล้ว พวกเ้าทุกคนจงกลายเป็หินเสียเถอะ” หลี่ชิงเหอกล่าวเสียงเย็น
ภายใต้น้ำเสียงเย็นะเื ดวงตาของเขาพลันส่องประกายแสงสีแดงสด
กลายเป็หิน?
ทุกคนดูจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยเท่าใดนัก... หมายความว่าอย่างไร?
มีเพียงกู่ไห่ที่คล้ายจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเบิกตากว้าง ก่อนะโบอก “อย่ามองตาเขา!”
ระหว่างที่ะโ ก็โบกมือขึ้นทันที
“เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา!”
ทวนวงเดือน์โผล่ออกมา ก่อนจะฟันลงไปยังร่างของหลี่ชิงเหอ
“อ๊าก..!”
ท่ามกลางเสียงร้องของเหล่าคนโฉด ร่างของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไปทีละน้อย เริ่มที่จะขยับตัวไม่ได้ และแข็งไปในที่สุด ร่างของทุกคนในตอนนี้ กลายเป็สีเทา หยุดนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเป็ก้อนหินไปเสียแล้ว
“ย๊าก!” หลี่ชิงเหอจู่โจมไปยังทวนวงเดือน์
เคร้ง!
ทวนวงเดือน์โต้กลับ ก่อนจะหายวับไป และโผล่ขึ้นมาโจมตีหลี่ชิงเหออีกครั้ง
ตูม!
หลี่ชิงเหอปะทะเข้ากับทวนวงเดือน์ จนเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
ตูม!
หลี่ชิงเหอถูกทวนวงเดือน์ฟาด จนร่างกระเด็นไปไกล ร่างเต็มไปด้วยาแ ที่หัวไหล่ขวาและเอวซ้าย มีาแขนาดใหญ่ จนทำให้อวัยวะภายในไหลออกมา
ตูม!
ร่างของหลี่ชิงเหอลอยกระเด็น ไปตกอยู่ที่ตีนเขานอกค่ายกล
พร้อมกันนั้น ทวนวงเดือน์ก็พังทลายลงในพริบตา หินิญญาที่เตรียมมา ถูกใช้จนแทบจะหมดสิ้น กู่ไห่ไม่สามารถสร้างทวนวงเดือน์ขึ้นมาได้อีกแล้ว
ฟึ่บๆๆๆ!
นอกจากกู่ไห่ ที่สามารถหลบสายตาของหลี่ชิงเหอได้ทัน เหล่าคนโฉดสามพันคนที่เหลือ ต่างก็กลายเป็หินอยู่บนยอดเขา
กู่ไห่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่กลายร่างเป็หิน เขาสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเอ่ยเสียงแ่ “เมดูซา[1]? มนุษย์ผมงู? พลังที่สามารถทำให้กลายเป็หิน?”
“เฉินเทียนซาน เกาเซียนจือ ฮวางบู ซ่างกวนเหิน!” กู่ไห่ร้องเรียกสี่คนสนิท
ทว่า ทุกคนในตอนนี้ กลายเป็รูปปั้นหินไปเสียแล้ว
ส่วนไต้ซือหลิวเหนียน เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดกว่าอีกฝ่ายจะกลับมา แต่ค่ายกลใหญ่ในตอนนี้ หินิญญาได้ถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว จึงไม่สามารถสร้างทวนวงเดือน์ได้อีก เหลือเพียงกลุ่มหมอกสีขาวที่ปกคลุมอยู่เท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ได้อีกนานเท่าใด
...
ด้านนอกของตีนเขา
ตอนนี้ หลี่ชิงเหอนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ร่างเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสด รอบตัวมีศิษย์ครึ่งอสูรยืนห้อมล้อมอยู่
“หลี่ชิงเหอ เ้ายังไหวหรือไม่?” ซ่งเซิงผิงหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาป้อนเขาอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่มีเรี่ยวแรง แต่ก็กำจัดพวกมันไปหมดแล้ว ค่ายกลใหญ่นั่นไม่อาจใช้การได้อีก หากไม่มีหินิญญา ก็ไม่สามารถสร้างทวนวงเดือน์ขึ้นมาได้ รีบเข้าไปข้างใน… เร็วเข้า!
พวกมันทำลายหินก้อนนั้น เพื่อเรียกไต้ซือหลิวเหนียนแล้ว ไม่ช้าเขาต้องกลับมาแน่” หลี่ชิงเหอเอ่ยอย่างอ่อนแรง
ร่างเขาเกือบจะแตกเป็เสี่ยงๆ การที่รอดชีวิตมาได้นั้น เป็เพราะมีพลังมหาศาล แต่คงจะไม่สามารถโจมตีค่ายกลได้อีกแล้ว
“ไต้ซือหลิวเหนียนจะกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของซ่งเซิงผิงเปลี่ยนไปทันตา
“เร็วเข้า! เข้าไปข้างใน ตอนนี้พวกมันกลายเป็หินไปแล้ว ค่ายกลใหญ่ก็ไม่สามารถใช้การได้… เร็ว!” หลี่ชิงเหอะโขึ้น
“กลายเป็หิน? ค่ายกลใช้การไม่ได้?” ดวงตาของซ่งเซิงผิงเป็ประกาย
“ทุกคนจงฟัง...” ซ่งเซิงผิงะโเสียงดัง เพื่อเรียกคนครึ่งอสูรทั้งหมดมารวมกัน
ในค่ายกลั์ เมื่อกู่ไห่ได้ยินเสียงของซ่งเซิงผิง จึงหยุดสำรวจรูปปั้นหิน ก่อนตวาด “ซ่งเซิงผิง พวกเ้ายังอยากจะเข้ามารนหาที่ตายอยู่อีกหรือ?”
เสียงะโของกู่ไห่ ทำให้ซ่งเซิงผิงชะงักทันที
“ไม่ใช่เ้าบอกว่าทุกคนกลายเป็หินไปหมดแล้วหรอกหรือ?” ซ่งเซิงผิงจ้องมองหลี่ชิงเหอ
“เหลือแค่กู่ไห่ ที่หลบสายตาข้าไปได้ แต่มีเพียงเขาคนเดียว เราก็บีบให้ตายได้ทุกเมื่อ” หลี่ชิงเหอร้องบอก
ทว่า ในใจของซ่งเซิงผิงตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยความลังเล
“ค่ายกลใหญ่ไม่มีพลังจากหินิญญาแล้ว รีบไปจับตัวกู่ไห่มาเร็วเข้า” หลี่ชิงเหอตะเบ็งเสียงอีกครั้ง
ซ่งเซิงผิงมองหลี่ชิงเหอ สลับกับค่ายกลขนาดมหึมาตรงหน้า อย่างไรก็ยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงชีวิตเข้าไป
ขนาดหลี่ชิงเหอที่ถูกเปลี่ยนให้เป็ปีศาจ มีพลังอันแข็งแกร่ง ยังโดนโจมตีจนสาหัสขนาดนี้ ที่เขาจึงยังไม่ตายนั้น ก็เป็เพราะมีพลังชีวิตมาก แต่ถ้าถูกทวนวงเดือน์ฟันซ้ำอีกครั้ง ก็คงจะตายทันที
ค่ายกลใหญ่ใช้การไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ?
ซ่งเซิงผิงรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะไต้ซือหลิวเหนียนใกล้จะกลับมาแล้ว ดังนั้น จึงต้องรีบทำอะไรสักอย่าง
“ทุกคนจงฟัง ค่ายกลนี่ไม่มีพลังแล้ว อีกทั้งคนโฉดทั้งหมดก็กลายเป็หินไปเป็ที่เรียบร้อย ตอนนี้เหลือเพียงกู่ไห่ ที่ยังอยู่ข้างในนั้น รีบไปจับตัวมาให้ข้า... เร็วเข้า! จับกู่ไห่มาให้ได้” ซ่งเซิงผิงสั่งเสียงดัง
กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรต่างมองหน้ากัน ในที่สุดก็พยักหน้ารับ พลางดึงกระบี่ของตนออกมา แล้วเดินตรงไปยังกลุ่มหมอกตรงหน้า
ศิษย์ครึ่งอสูรแปดร้อยคนค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ค่ายกลใหญ่
กู่ไห่มองรูปปั้นหินของกลุ่มคนโฉดสามพันคน อย่างขมขื่นใจ
บัดนี้ ค่ายกลั์ไร้ประโยชน์แล้ว เมื่อไร้ซึ่งหินิญญา ก็ไม่มีพลังทำลายใดๆ อีกทั้ง ไต้ซือหลิวเหนียนก็ยังไม่กลับมา เหลือเพียงเขา ที่ต้องเผชิญหน้ากับคนครึ่งอสูรกว่าแปดร้อยคนและซ่งเซิงผิง ด้วยตัวคนเดียว
“ค่ายกลไม่ได้จู่โจมข้า มันใช้การไม่ได้แล้วจริงๆ... ฮ่าๆๆ! รีบตามข้าไปทีู่เา” เหล่าศิษย์ครึ่งอสูรเมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างก็วิ่งปรี่เข้าไปในค่ายกลหมอกทันที
กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรที่บุกเข้ามาในค่ายกล เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ซ่งเซิงผิงประคองหลี่ชิงเหอเอาไว้ ดวงตาของพวกเขามองดูกลุ่มคนที่วิ่งหายเข้าไปในสายหมอกด้วยความตื่นเต้น ขณะนี้ ทำได้แค่รออยู่ข้างนอกเงียบๆ เท่านั้น
กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรแปดร้อยคน วิ่งตรงมายังเนินเขา ซึ่งเหลือกู่ไห่เพียงผู้เดียว
ดวงตากู่ไห่สั่นระริก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนฉีกเสื้อของตนออก
ฟึ่บ!
ไอสีดำลอยออกจากร่างกู่ไห่ บริเวณหน้าอกของเขา กระดูกซี่โครงซี่หนึ่ง แทงผ่านิัออกมา ก่อนจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็ด้ามจับของกระบี่เจวี๋ยเซิง
“สู้ไปพร้อมข้าเถอะ!” ดวงตาของกู่ไห่วาวโรจน์
ฉึก!
กล่าวจบ ก็ดึงกระบี่ออกจากหน้าอกของตน พลันไอพลังสีดำก็พวยพุ่งออกมา
-----------------------------------------------
[1] เมดูซา ในเทพปกรณัมกรีก เมดูซาเป็สัตว์ประหลาด ที่มีร่างเป็หญิงสาว แต่มีเส้นผมเป็งูพิษ หากจ้องตาเธอโดยตรง จะถูกเปลี่ยนให้เป็รูปปั้นหิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้