“หรือว่าที่นี่จะมีคนชื่อจ้าวเฉินอีกคน?” นักดาบแขนเดียวกล่าวเสียงเย็น
“ไม่คิดว่าเ้าจะอยากตายมากขนาดนี้ ในเมื่อเป็เช่นนี้ข้าก็ยินดีสงเคราะห์!” จ้าวเฉินกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจ จากนั้นจ้าวเฉินเดินออกมา ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เขตประลองที่ที่นักดาบแขนเดียวอยู่ก่อนแล้ว
พลังปราณปะทุออกจากร่างจ้าวเฉินอย่างฉับพลัน เขาเป็ถึงบุตรแห่งเซิ่งอ๋อง เงื่อนไขและทรัพยากรในการฝึกฝนที่จ้าวเฉินมีย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเอื้อมถึง อีกอย่างเขายังมากพร์ ตอนอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาก็เข้าสู่รายนามขั้นบ่มเพาะกายาได้ในเวลาไม่นาน บัดนี้เขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 2 และยังเข้าสู่รายนามขั้นรวมชี่ระดับสูง ๆ เื่นี้เหล่านี้จ้าวเฉินภาคภูมิใจเป็อย่างยิ่ง ทว่าก่อนหน้านี้นักดาบแขนเดียวที่อยู่ระดับเดียวกับจ้าวเฉินได้ทำร้ายเขา บัดนี้กล้าท้าเขาตรง ๆ เขาย่อมต้องใช้วิธีโหดที่สุดจัดการ
“ตายซะเถอะ!” จ้าวเฉินแผดเสียงะโ จากนั้นเหวี่ยงหมัดโจมตีนักดาบแขนเดียว พลันสายลมพัดโหม เศษฝุ่นปลิวว่อน นักดาบแขนเดียวเผยสีหน้าเย็นเยียบ ก่อนจะหลบหมัดของจ้าวเฉิน แม้จะหลบหมัดนี้ได้ กลับมีรังสีหมัดอีกมากมายกระหน่ำโจมตีนักดาบแขนเดียว ราวกับไม่อยากปล่อยให้นักดาบแขนเดียวมีโอกาสลงมือ
ประสาทััของเขาดีเยี่ยม นักดาบแขนเดียวจึงรับรู้ได้ถึงวิถีโคจรของรังสีหมัดและหลบหลีกได้อย่างแม่นยำ
“เปล่าประโยชน์ ตราบใดที่เ้าไม่ชักดาบ ช้าเร็วก็ต้องถูกข้าโจมตีจนาเ็สาหัส!” จ้าวเฉินแสยะยิ้มขณะมองนักดาบแขนเดียวหลบหลีกการโจมตีไม่หยุด ส่วนนักดาบแขนเดียวไม่พูดอะไร เขายังคงใช้ย่างก้าวที่เชี่ยวชาญหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา
“วิธีโจมตีของพี่แขนเดียวเรียบง่ายเกินไป” เย่เฟิงพึมพำกับตัวเองพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ดาบของนักดาบแขนเดียวจะว่องไว แต่กระบวนท่านั้นเหมาะที่จะเป็นักฆ่าเพราะเรียบง่ายเกินไป หากหาโอกาสชักดาบไม่ได้และอีกฝ่ายโจมตีหนักเกินไป ก็จะกลายเป็ฝ่ายเสียเปรียบ ดังนั้นจ้าวเฉินจึงใช้จุดอ่อนนี้ของนักดาบแขนเดียวโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสแม้แต่นิด กระหน่ำโจมตีไม่หยุดยั้ง ทำให้นักดาบแขนเดียวไม่มีเวลาพักหายใจ
“เมื่อครู่นักดาบแขนเดียวยังอวดดีอยู่เลย ดูตอนนี้สิเอาแต่หนีไม่สู้กลับ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวดูถูก เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย จ้าวเฉินขึ้นเวทีประลองก็กำราบนักดาบแขนเดียวทันที ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์จากจวนเซิ่งอ๋องที่ดูอยู่บนอัฒจันทร์เผยรอยยิ้มได้ใจ
“สวะ เ้ายังไม่ตายอีกหรือ!” จ้าวเฉินกล่าว จากนั้นเขาวาดฝ่ามือ พลันพลังแห่งการทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วอากาศ กลายเป็ค้อนทำลายล้าง ก่อนจะฟาดโจมตีนักดาบแขนเดียว จนต้องถอยหลังไปหลายก้าว แต่แววตาของเขายังคงไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ
“วูบ!” การโจมตีอันโเี้ของจ้าวเฉินมาเยือนอีกครั้ง พลังก็ดูเหมือนแกร่งขึ้นหลายเท่า นักดาบแขนเดียวจำต้องถอยหลังไปอีกครั้ง
“สวะ เ้ายังคิดจะหนีอีกหรือ?” จ้าวเฉินกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเขาเดินออกมา พร้อมกับวาดฝ่ามือโจมตีนักดาบแขนเดียว พลังนั้นไร้เทียมทาน ฝ่ามือที่พุ่งมานั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น จนถึงขั้นที่น่าใ
“ตายซะ!” ดวงตาของจ้าวเฉินเปี่ยมด้วยความบ้าคลั่ง จากนั้นเขาปล่อยการโจมตีอีกครั้งและหลอมรวมกับฝ่ามือั์ที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลเมื่อครู่ หมายสังหารนักดาบแขนเดียวในกระบวนท่านี้
“กระบวนท่านี้ของจ้าวเฉินน่าสะพรึงกลัวมากเกินไปแล้ว เป็กระบวนท่าสังหารอย่างแท้จริง นักดาบแขนเดียวคนนี้จบเห่แล้ว!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าจ้าวเฉินที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 2 จะปลดปล่อยการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวใน่เวลาสำคัญ กระทั่งการโจมตีนี้ก้าวข้ามขีดจำกัดของจ้าวเฉิน เป็วิชาสังหารที่แท้จริง แล้วนักดาบแขนเดียวจะต่อต้านได้อย่างไร?
นาทีนี้ทุกคนต่างมองจ้าวเฉินและนักดาบแขนเดียวอย่างไม่วางตา พวกเขาอยากดูว่าจ้าวเฉินจะฆ่านักดาบแขนเดียวอย่างไร
เมื่อเย่เฟิงรับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของการโจมตีที่จ้าวเฉินปล่อยออกมาก็เผยสีหน้าตึงเครียดจาง ๆ แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่า นักดาบแขนเดียวปลอดภัยแน่นอน
แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของจ้าวเฉิน แต่นักดาบแขนเดียวกลับไม่หลบหนี เพียงยืนนิ่ง ๆ อยู่ที่เดิม
“หมอนี่ยอมแพ้แล้วงั้นหรือ?” ผู้คนคิดในใจ พลางรู้สึกเสียใจแทนนักดาบแขนเดียว นักดาบมากฝีมือเช่นนี้ถูกจ้าวเฉินฆ่าตายบนเวทีประลองแห่งนี้ แม้จะผิดกฎ แต่ทางสำนักยุทธ์ไม่มีทางลงโทษแน่นอน ดังนั้นนักดาบแขนเดียวคงได้ตายเปล่า
จ้าวเฉินเผยรอยยิ้มชั่วร้าย นักดาบแขนเดียวตั้งตัวเป็ศัตรูกับเขา เช่นนั้นก็ต้องตาย
ทว่าวินาทีที่ฝ่ามือของจ้าวเฉินเข้าใกล้นักดาบแขนเดียว จู่ ๆ มีพลังบางอย่างแผ่ออกจากร่างนักดาบแขนเดียว ก่อนจะปกคลุมร่างฉับพลัน นาทีต่อมาร่างนักดาบแขนเดียวค่อย ๆ จางลง ทำให้ฝ่ามือของจ้าวเฉินโจมตีอากาศธาตุ ส่วนนักดาบแขนเดียวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับเคลื่อนย้ายมิติ นี่ทำให้จ้าวเฉินใ เขาไม่คิดว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ นักดาบแขนเดียวใช้วิชาผิดทำนองคลองธรรมอะไรกันแน่ ส่วนฝ่ามือของเขาที่โจมตีอากาศธาตุ มิอาจชักกลับมาได้ในเวลาอันสั้น และจู่ ๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงลางร้าย
ฝ่ามือของจ้าวเฉินวาดผ่านตำแหน่งเดิมที่นักดาบแขนเดียวอยู่ แต่ทันใดนั้นนักดาบแขนเดียวปรากฏตัวที่ด้านหลังจ้าวเฉิน พร้อมแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา
“แย่แล้ว!” เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากจวนเซิ่งอ๋องต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป การปรากฏตัวครั้งนี้ของนักดาบแขนเดียวมีอันตรายถึงชีวิตของอ๋องเล็กพวกเขา จากนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องคนหนึ่งทะยานร่างขึ้นฟ้าโดยไม่คิดอะไรมาก ก่อนจะพุ่งไปยังเวทีประลองด้วยความเร็วดุจลูกศร แต่ขณะเดียวกันนักดาบแขนเดียวก็เคลื่อนไหว เมื่อตวัดดาบ แสงเยือกเย็นพลันปรากฏและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจนตาเปล่ามองไม่เห็นวิถีโคจรของดาบ
“คนชั่ว กล้าทำร้ายอ๋องเล็ก เ้าต้องตายสถานเดียว!” เสียงของผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องคนนั้นมาถึงก่อนตัว เสียงนี้คล้ายมีคลื่นเสียงไร้เทียมทาน สั่นะเืแก้วหูของเหล่าผู้คนจนตัวต้องสั่นสะท้าน
“ฟิ้ว!” ในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องคนนั้นปล่อยการโจมตีออกมา
“ปัง!” เสียงปะทะะเิดังสนั่น การโจมตีของคนนั้นเข้าปะทะกับแสงดาบของนักดาบแขนเดียว พลังอันมหาศาลทำให้นักดาบแขนเดียวตัวสั่นสะท้าน และด้วยพลังนี้ยังทำให้เขาถอยหลังไปหลายก้าวและเืไหลออกตรงมุมปาก
“ตาย!” ตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องก็มาถึงแล้ว ดวงตาของเขาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร จากนั้นวาดฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังทำลายล้างเข้าโจมตีนักดาบแขนเดียว
ห้วงอากาศสั่นไหวและยังเต็มไปด้วยไอสังหารที่น่ากลัว จากนั้นมันเข้าปกคลุมร่างนักดาบแขนเดียว ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ ทำได้แต่มองฝ่ามือนั่นกัดกร่อนร่างตน
“เลวทราม!” เย่เฟิงที่รออยู่ขอบเวทีสบถคำด่า แต่ทันใดนั้นร่างเย่เฟิงเปล่งแสงดาวพร้อมพลังดาราโคจรรอบกาย จากนั้นเขาเดินออกมาและเคลื่อนไหวดุจดาวตก ที่แฝงด้วยท่วงทำนองพิเศษ ก่อนจะไปเยือนตรงกลางระหว่างนักดาบแขนเดียวและผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องคนนั้น เขาปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่แฝงด้วยพลังหอกออกไป ซึ่งขณะนั้นอำนาจฟ้าดินขั้นผันแปรปกคลุมร่างเย่เฟิง ทำให้ฝ่ามือที่เขาปล่อยออกไปเปี่ยมด้วยอำนาจฟ้าดิน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ฝ่ามือภูผาพิฆาตของเย่เฟิงเข้าปะทะกับฝ่ามือของอีกฝ่าย ทันใดนั้นคลื่นพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วอากาศ
อีกฝ่ายเป็ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 9 จึงไม่ใช่คนอย่างเย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 3 จะต่อต้านได้ เย่เฟิงจึงถูกซัดกระเด็นออกไปพร้อมกระอักเื สีหน้ายังเปลี่ยนไปขาวซีด
“กล้ายุ่งเื่ของจวนเซิ่งอ๋องข้า ตายซะเถอะ!” ผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องคนนั้นเห็นเย่เฟิงทำลายแผนการของเขา จึงแผดเสียงะโด้วยความกราดเกรี้ยว ขณะที่พูดก็เห็นเขาไปเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิง และคิดจะวาดฝ่ามือที่แฝงด้วยพลังแห่งความตายโจมตีเย่เฟิง
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ทว่าผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นยังไม่ทันลงมือก็มีเสียงเย็นเยือกดังมาจากอัฒจันทร์หลัก เสียงนี้น่าเกรงขามและทำให้ผู้คนยอมเชื่อฟังแต่โดยดี เมื่อผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องคนนั้นได้ยินเสียงนี้ก็หยุดชะงัก เขาปรายตามองเย่เฟิงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองที่มาของเสียงนี้
“ทางที่ดีจวนเซิ่งอ๋องอย่าแทรกแซงงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎของงานประลองนี้” ผู้าุโฉินกล่าวกับผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องคนนั้น อีกฝ่ายชะงักนิ่งและเผยสีหน้าไม่พอใจ “เมื่อครู่อ๋องเล็กตกอยู่ในอันตราย หรือว่าจะปล่อยให้เกิดขึ้น?”
“เ้าก็เลยคิดแทรกแซงงั้นหรือ?” ผู้าุโฉินได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนพูดต่อไปว่า “เมื่ออยู่บนเวทีประลองของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้า ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ต่อให้เป็ผู้สูงส่งมาจากไหน แต่เมื่อฝึกอยู่ในสำนักยุทธ์ข้าก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เ้าถอยไปเสีย ข้าจะไม่พูดเป็ครั้งที่สองอีก!”
แม้เสียงนี้จะนิ่งเรียบ แต่กลับแฝงด้วยความเกรงขาม และคำเตือน
ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ไม่มีผู้ใดกล้ากังขาคำพูดของผู้าุโฉิน ต่อให้เ้าเป็คนของราชวงศ์ก็ไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับอีกฝ่ายที่เป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่งของจวนเซิ่งอ๋อง
เหล่าผู้คนดูอย่างเงียบ ๆ ไม่นึกว่าการประลองรอบสุดท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ พลังของนักดาบแขนเดียวผู้นั้นเกินความคาดหมายของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะท่าร่างที่นักดาบแขนเดียวใช้ หลบหลีกการโจมตีของจ้าวเฉินได้อย่างแม่นยำ ส่วนเย่เฟิงปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องโดยไร้ความเกรงกลัวใด ๆ แม้ได้รับาเ็ แต่กลับต่อต้านการโจมตีของอีกฝ่ายได้ อาศัยเื่นี้ก็ทำให้เย่เฟิงภูมิใจได้แล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 9 เป็การดำรงอยู่ที่ใกล้ชิดกับขั้นยุทธ์แท้ การโจมตีของเขาสามารถฆ่าผู้อยู่ต่ำกว่าขั้นรวมชี่ที่ 5 ทั่วไปได้ง่ายดายราวปอกกล้วยเข้าปาก จึงไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงจะต่อต้านได้
“ถือว่าพวกเ้าโชคดีไป!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้ยินคำพูดของผู้าุโฉินก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวด้วยสายตาเย็นเยียบพร้อมกล่าวเช่นนั้น
จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็เดินไปหาจ้าวเฉิน ก่อนกล่าวว่า “อ๋องเล็ก ท่านเป็ไรหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่เป็ไร เ้าออกไปก่อนเถอะ” จ้าวเฉินเผยสีหน้าไม่สู้ดี ขณะมองเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวด้วยสายตาเย็นะเื เขาแพ้แล้ว ไม่คาดคิดว่าในนาทีที่ลงมือฆ่านักดาบแขนเดียว อีกฝ่ายจะหาโอกาสลอบโจมตีเขาได้ หากผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องช่วยไม่ทัน เขาคงถูกดาบของนักดาบแขนเดียวปาดคอไปแล้ว
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ ความเกลียดชังต่อนักดาบแขนเดียวและเย่เฟิงที่อยู่ในใจของจ้าวเฉินก็ทวีคูณขึ้นหลายเท่า
“ถึงกับให้ลูกสมุนเข้ามาช่วย นี่น่ะหรือจวนเซิ่งอ๋อง ช่างมีคุณธรรมสูงส่งยิ่ง”
เย่เฟิงพูดจาถากถางขณะมองจ้าวเฉิน เมื่อครู่นี้หากเขาปรากฏตัวไม่ทันเวลา นักดาบแขนเดียวอาจได้รับาเ็สาหัส
แม้เย่เฟิงจะใช้ฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยความรู้ทั้งหมดที่มีโจมตี แต่เมื่อปะทะกับอีกฝ่าย ก็ยังคงได้รับาเ็ไม่น้อย เห็นชัดว่าช่องว่างระหว่างพลังของเย่เฟิงกับผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 9 คนนั้นห่างกันมากเพียงใด