ทันทีที่พวกเขาเลี้ยวเข้าสู่ถนนซึ่งเป็ที่ตั้งของจวนอัครเสนาบดี อี้จื่ออีและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าสิ่งที่ศิษย์จงหลีซานพูดเมื่อครู่นั้นเป็ความจริง
จวนอัครเสนาบดีถูกกั้นไว้ด้วยค่ายกลทั้งหมด แผ่ขยายทั่วท้องฟ้าเหนือลานในจวน ภายใต้แสงจันทร์มีเงาดํากลิ้งไปทุกทิศทาง มีเสียงครวญครางและเสียงกรีดร้องไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมเสียงดังอึกทึกราวกับสนามรบ!
“นี่มัน...” อี้จื่ออีบ่นพึมพำ ด้านข้างมีผู้าุโที่อายุมากกว่าอยู่ผู้หนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าผู้าุโจากสำนักใดกำลังะโจนเสียงแหบแห้ง “ผีนับร้อยทะยานมา! ผีนับร้อยทะยานมา!!! “
อี้จื่ออีขมวดคิ้วมุ่นก่อนออกคำสั่งกับศิษย์พี่ศิษย์น้องที่อยู่ด้านหลัง “ศิษย์ใหม่อยู่ที่นี่ป้องกันค่ายกลเซียน! หากภูตผีหนีออกมายังค่ายกลชั้นแรกจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ผู้บ่มเพาะระดับปราณทองขึ้นไปตามข้ามา!”
“ขอรับ!”
ภายในจวน หนีอิ๋นเสวี่ย หนีรั่วหลีและคนอื่นๆ ยุ่งอยู่กับการปราบผีกันเป็พัลวัน ทว่าภูตผีเ่าั้ยังคงมาอย่างไม่มีสิ้นสุด ทุกคนต้องต่อสู้และถอยหนีกันอย่างขันแข็ง สุดท้ายแล้วรวมตัวกันในเขตอาคมที่ได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดภายในห้องของจวนอัครเสนาบดี
อิ๋นเสวี่ยะโในขณะที่แกว่งดาบ “ศิษย์พี่! ยามนี้เรียบร้อยแล้วจริงหรือ?” เส้นผมของเขายุ่งเหยิง ใบหน้าแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าต่อสู้อย่างดุเดือดมาเป็เวลานาน
หนีรั่วหลีไม่ตอบ เขาเหวี่ยงดาบอย่างมีชั้นเชิงด้วยใบหน้าที่เ็าราวกับน้ำแข็ง ระบายความโกรธด้วยการฟันผีที่เหมือนเงาดําตรงหน้า แสงรัศมีที่ปลายดาบกะพริบ ผีที่ถูกฟาดฟันส่งเสียงกรีดร้องน่ากลัวออกมา หลังจากนั้นหมอกควันสีดำที่รวมตัวกันก็กระจายก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อย่างไรก็ตาม หลังจากสังหารไปหนึ่งตนกลับมีมาอีกมากมาย นักพรตในชุดคลุมแม่น้ำรั่วจำนวนมากที่อยู่ทางด้านไป๋เจ๋อจวินรวมตัวเป็ม่านแสงโดยตรงเพื่อแยกภูตผีให้อยู่ภายนอก ทั้งยังเพื่อให้ไป๋เจ๋อจวินและคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในได้มีเวลาหายใจกันเล็กน้อย
“ประตูหยิน ผีนับร้อย าาผี ชีวิตของผู้สูงศักดิ์...ทุกสิ่งมากันพร้อมหน้า!” สวี่ฮ่วนเจ๋อกล่าวในขณะที่ถือเครื่องรางิญญากับวาดค่ายกลิญญาสำหรับต่อสู้กับผีทั้งหมด
หนีอิ๋นเสวี่ยเอ่ยขึ้นมา “เช่นนั้นก็บอกได้ว่านี่เป็เพียงจุดเริ่มต้น! ผู้ที่จะปรากฏตัวในไม่ช้า...คือผู้ที่บงการอยู่เื้ั!”
ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านี้เอ่ยออกมา ใบหน้าของทุกคนพลันซีดเซียวไร้สีเื
“ฉิงชางจวินใช่หรือไม่?” หนีรั่วหลีกัดฟันของเขาในทันใด จากนั้นหมุนดาบในมือ หลอดเืดำบนหน้าผากปูดออกมา “ให้เขามาเถอะ! ได้เวลาพบกับาาผีในตำนานผู้นั้นแล้ว!”
หนีอิ๋นเสวี่ย สวี่ฮ่วนเจ๋อและคนอื่นๆ ต่างขมวดคิ้ว เฝ้ารออย่างเคร่งเครียด
.............................
ในเวลาเดียวกัน หลินอวิ๋นกำลังฮัมเพลงเล็กน้อย เขาเหินอยู่บนดาบเหล็กสีนิลเล่มนั้นของตน
มีเสียงหนึ่งในความคิดกล่าว “ทำไมถึงเหินดาบ?! ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไม่ได้หรือ?”
หลินอวิ๋นระบายยิ้มบอก “ฮิๆ เช่นนั้นทำไมยามที่ท่านผู้เฒ่ามาทำให้ข้าสิ้นเปลืองพลังิญญาอย่างยิ่งถึงไม่คิดเผื่อยามนี้บ้างเล่า?”
“ฮึ่ม! เ้ามนุษย์! ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!!!”
หลินอวิ๋นคร้านจะคุยกับอีกฝ่าย
ยามนี้เอง มีแสงรัศมีสว่างวาบอีกครั้งในจิตสำนึก ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขาอยู่ ฉับพลันหลินอวิ๋นกลับเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบลงไปดู เขาวาดค่ายกลอัญเชิญ หลังจากนั้นไม่นานเงาร่างของอวี่ซูพลันปรากฏขึ้นที่ใจกลางของค่ายกล
อวี่ซูทำความเคารพ “สิ่งที่คุณชายรับสั่งอวี่ซูนั้นสำเร็จลุล่วงทั้งหมด ใต้เท้าเสวียนชิงได้สืบค้นในบันทึกหลัวเซิงแล้ว...แต่ว่าเขาให้ข้ามาถามท่าน ว่าปาจื้อที่ท่าน้าค้นหาคืออันใด? “
หลินอวิ๋นงุนงง “อันใด? อะไรคืออันใด?”
อวี่ซูหยุดกล่าวไปชั่วครู่ เขาหงุดหงิดตนเองเล็กน้อยที่ไม่บอกให้ชัดเจน กล่าวขอโทษและบอกอีกครั้ง “เป็เช่นนี้ ปาจื้อนั้นที่คุณชายให้มา...เป็ของพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่งที่เกิดเวลาใกล้เคียงกัน ถึงแม้ว่าจะเป็ฝาแฝด...แต่ชะตากลับไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ดังนั้น...”
ไม่รอให้เขากล่าวจบ หลินอวิ๋นเอ่ยด้วยความใ “นั่นคือคู่พี่น้องฝาแฝดหรือ?!”
อวี่ซูพยักหน้ารับ
.............................
จวนอัครเสนาบดี
มีเงาดำมากขึ้นเรื่อยๆ บนอากาศ กระทั่งกลายเป็เมฆสีดำปกคลุมจวนสกุลหลิวอย่างไม่รู้จบ ภายในเมฆดำมีเสียงกรีดร้องไม่ขาดสาย หลังจากได้ยินล้วนทำให้จิตใจผู้คนหวาดผวา
ศิษย์สำนักเต๋าที่ปกป้องค่ายกลเซียนอยู่รอบนอก ทุกคนต่างมีใบหน้าเคร่งครึม บริเวณรอบนอกสุด แม้กระทั่งผู้คนธรรมดามากมายที่ไม่ทราบอะไรยังมารวมตัวกัน พวกเขาล้อมรอบ ต่างเฝ้าดูความครึกครื้นพลางสนทนา
ภายในจวนอัครเสนาบดี เหล่าศิษย์สำนักเต๋าหรือแม้แต่ไป๋เจ๋อจวินและคนอื่นๆ ไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป ทุกคนพยายามที่จะกางค่ายกลภายใต้คำสั่งของไป๋เจ๋อจวิน ทั้งโจมตีและป้องกัน
“ศิษย์พี่อี้!!!”
อี้จื่ออีกำลังปราบผีอย่างห้าวหาญ ทันใดนั้นเขาได้ยินศิษย์น้องจากไท่ซื่อซานผู้หนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังะโเรียกเขาด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นไม่ได้รับการสนับสนุน อี้จื่ออีจึงต้องต่อสู้ไปด้วยพลางถอยกลับไปช่วย ยังไม่ทันได้สั่งให้อีกฝ่ายออกไปจากเขตอาคม อี้จื่ออีกลับต้องเบิกตากว้างเพราะเห็นอะไรบางอย่าง
บริเวณชายขอบของค่ายกลบนกำแพงของจวนอัครเสนาบดี ร่างเล็กที่คุ้นเคยปีนข้ามกำแพงสูง เวลานี้ร่างนั้นกําลังนั่งอยู่บนกําแพงแล้วมองลงมา ราวกับว่ากำลังมองหาบางสิ่ง
อี้จื่ออีตกตะลึงจนิญญาแทบหลุดออกจากร่าง เขารีบะโออกมา “ไป้เอ๋อร์น้อย! เ้ากำลังทำอะไร? ออกไปจากที่นี่! นี่ไม่ใช่ที่ที่เ้าควรมา!!!”
ทว่าไป้เอ๋อร์ยังคงมองไปโดยรอบแล้วะโ “ท่านอาจารย์!!! ท่านอาจารย์ของข้าอยู่ในนี้หรือไม่?!”
อี้จื่ออีกล่าว “อาจารย์ของเ้าไม่ได้อยู่ที่นี่! รีบถอยออกไป!!!”
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของไป้เอ๋อร์เบิกกว้างเมื่อเห็นนักพรตชุดดำผู้หนึ่งที่สูงไล่เลี่ยกับหลินอวิ๋นถูกภูตผีโจมตีเข้าที่หน้าอก แววตาเบิกกว้างหลังจากที่กระอักเืออกมา เขายืนขึ้นพร้อมเรียก “ท่านอาจารย์” เขาไถลเท้าลงมา ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะะโลงจากกำแพงแล้วเข้ามาในลาน
“ไป้เอ๋อร์น้อย!!!” อี้จื่ออีเรียกอย่างใ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสังหารภูตผีที่ตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม ภูตผีที่อยู่เต็มลานเ่าั้จะให้โอกาสเขาไปช่วยได้อย่างไร? เพียงพริบตา ราวกับว่าชิ้นเนื้อสดถูกโยนเข้าไปในฝูงหมาป่าที่หิวโหยและคลุ้มคลั่ง ต่างไม่สนใจรอบข้างอีกต่อไป ทำให้ร่างเล็กของไป้เอ๋อร์จมดิ่งลงในทันที
”ไป้เอ๋อร์น้อย!”
ถึงอย่างนั้น ด้วยเสียงคำรามที่แหบแห้งของอี้จื่ออี กลุ่มผีที่รายล้อมไป้เอ๋อร์พลันกรีดร้องและถูกสะท้อนกลับด้วยแสงสีแดงที่พุ่งออกมาจากหน้าอกของไป้เอ๋อร์ พวกมันโหยหวนอย่างเศร้าสร้อยก่อนแตกกระเจิง
อี้จื่ออีเบิกตากว้าง แม้แต่ทุกคนที่หอบหายใจอยู่ในค่ายกลต่างก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้า
“ศิษย์พี่!!!” ศิษย์ของไท่ซื่อซานผู้นั้นที่ถูกช่วยเหลือจากอี้จื่ออีเมื่อครู่ะโเรียก หลังจากนั้นชี้ไปที่เขตอาคมของไป๋เจ๋อจวินและคนอื่นๆ ส่งสัญญาณให้เข้าไปหลบ
ในที่สุดอี้จื่ออีก็สังหารเหล่าภูตผีฆ่ามาจนถึงตรงต่อหน้าของไป้เอ๋อร์ จากนั้นถึงไป้เอ๋อร์ที่นอนกุมศีรษะอยู่บนพื้นและหอบหายใจด้วยความใจากภูตผีขึ้นมา ประคองเข้าไปหลบในเขตอาคมด้วยความยากลำบาก
อี้จื่ออีกับไป้เอ๋อร์นั่งอยู่บนพื้นกันทั้งคู่ ยังไม่ทันมีเวลาหายใจกลับมีเสียงรองเท้าดังขึ้น หลายคนเดินเข้ามาทำให้ทั้งสองคนต้องเงยหน้าขึ้นมอง
ไป๋เจ๋อจวินพาหนีรั่วหลีและคนอื่นๆ เดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าของไป้เอ๋อร์ด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไป๋เจ๋อจวินขมวดคิ้วด้วยสีหน้าไม่ดี ทว่ายังคงพยายามรักษาน้ำเสียงสุภาพเอาไว้ “คุณชายน้อยท่านนี้...ข้าขอบังอาจถาม อาวุธวิเศษคุ้มกายบนตัวเ้าเมื่อครู่คืออะไร?”
ไป้เอ๋อร์ไหนเลยจะเคยมีประสบการณ์การต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ฉะนั้นจึงทำได้เพียงเบิกตากว้าง จ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบสนองอยู่นาน หนีรั่วหลียื่นมือไปเปิดอกเสื้อของเขาอย่างไร้มารยาท นำหยกคู่เพลิงสุวรรณบนร่างของไป้เอ๋อร์ออกมา
ไป้เอ๋อร์ลนลานขึ้นมา เขาะโขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ้าจะแย่งคืนมาจากฝ่ามือของรั่วหลีพลางะโ “คืนมาให้ข้า! คืนมาให้ข้าเร็วเข้า!!! นั่นมันของของข้า!!!”
หนีรั่วหลีไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ เขาใช้ประโยชน์จากความสูงชูมันขึ้นสูง หลังจากมองอย่างละเอียดก็เบิกตากว้างโดยพลัน เขาไม่อาจเชื่อถือจึงตรวจสอบเป็เวลานานแล้วอุทานอย่างใ “หยกคู่เพลิงสุวรรณ?!”
ทันทีที่ถ้อยคำนี้ถูกเอ่ยออกมา ศิษย์สำนักเต๋าทุกคนที่ซ่อนตัวในเขตอาคมและหยุดพักอยู่จึงหันไปจ้องมองหยกสีแดงขนาดเล็กทรงพระจันทร์เสี้ยวที่มีพู่สีจางห้อยลงมาบนฝ่ามือนั้น
หลังจากหนีรั่วหลีเอ่ยจบ ราวกับ้าหลักฐาน จึงโยนหยกคู่เพลิงสุวรรณในมือไปที่ฝ่ามือของไป๋เจ๋อจวินที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไป๋เจ๋อจวินเองตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบก่อนที่จะบอก “ถูกต้อง เป็หยกคู่เพลิงสุวรรณอย่างแน่นอน”
“คืนมาให้ข้า!!!” ไป้เอ๋อร์กำลังจะพุ่งไปหาไป๋เจ๋อจวิน ทว่าอี้จื่ออีรีบดึงเขาไว้แล้วเกลี้ยกล่อม “ไป้เอ๋อร์น้อย อย่าหยาบคายกับไป๋เจ๋อจวิน!!!”
ไป้เอ๋อร์กัดและดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ด่าทอด้วยความโกรธ “เอาคืนมาให้ข้า!!! เ้าพวกหัวขโมย!!!”
หนีรั่วหลีแค่นเสียงอย่างเ็าเมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของไป๋เจ๋อจวินไม่มีความเฉยเมยเฉกเช่นปกติอีกต่อไป เขาค่อนข้างจริงจัง กล่าวเสียงดัง “หยกคู่เพลิงสุวรรณเป็สมบัติของตระกูลจิ้งจอกเพลิงสามเศียร เมื่อปีนั้นหลังจากตระกูลจิ้งจอกเพลิงถูกกำจัดออกไป ทำให้ไป๋เจ๋อจวินรุ่นที่สามมีวาสนาได้รับมา แล้วมอบให้จักรพรรดิจงซานในราชวงศ์ปัจจุบัน ภายหลังมีข่าวลือว่าได้มอบให้กับองค์รัชทายาทแห่งิจง...กล่าวคือ...หยกคู่เพลิงสุวรรณเป็หนึ่งในสมบัติของราชวงศ์ ผู้ที่สามารถได้ต้องเป็คนในราชวงศ์เท่านั้น แต่คุณชายน้อยกลับพูดว่า...หยกชิ้นนี้เป็ของเ้าอย่างนั้นหรือ?”
ถ้อยคำของเขานั้นช่างสุภาพ แม้ว่าไป้เอ๋อร์จะเข้าใจเพียงครึ่งเดียวก็เดาได้คร่าวๆ ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายถามคืออะไร ดังนั้นจึงตอบอย่างมั่นใจ “หยกชิ้นนี้เป็ท่านอาจารย์ของข้ามอบให้!!! แน่นอนว่าย่อมต้องเป็ของข้า! ไม่เช่นนั้นจะเป็ของเ้าหรือ?”
“อาจารย์ของเ้า?” ไป๋เจ๋อจวินขมวดคิ้ว
อี้จื่ออีกล่าวเสริมอย่างเร่งรีบ “คือคุณชายหลินท่านนั้น”
ทุกคนตกตะลึง ไป๋เจ๋อจวินกับหนีรั่วหลีสบตากันด้วยความเข้าใจโดยปริยายอย่างที่หาได้ยาก ทั้งคู่ต่างเห็นความไม่เชื่อในดวงตาของกันและกัน
หนีรั่วหลีก้าวไปข้างหน้า มองไป้เอ๋อร์เป็เวลานาน ไป้เอ๋อร์กลืนน้ำลายด้วยความตระหนก จากนั้นนึกได้ว่าหลินอวิ๋นบอกให้เขายืนหยัดยามเผชิญต่อหน้าผู้คนเพื่อมิให้เสียเปรียบ เขารีบยืดหน้าอกเล็กแล้วจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
หนีรั่วหลีถามอย่างเ็า “อาจารย์ของเ้าเป็ผู้ใดกันแน่?”
ไป้เอ๋อร์ตอบอย่างมั่นใจ “แน่นอนว่าท่านอาจารย์ของข้าก็คืออาจารย์ของข้า!!!”
หนีรั่วหลีแค่นเสียงอย่างเ็า จากนั้นยื่นมือไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายและคว้าปกเสื้อ ยกร่างกายเล็กๆ ของเขาขึ้นไปในอากาศ ไป้เอ๋อร์ทั้งถีบเท้าทั้งสาปแช่งอย่างดิ้นรน “ปล่อยข้านะ!!! ปล่อยข้า!!! เ้าพวกโจรไร้ยางอาย! ถุย!!!” เขาหอบหายใจอยู่นาน คิดอยากถ่มน้ำลายใส่หนีรั่วหลี เสียดายที่เขามีแรงไม่พอ น้ำลายจึงตกลงบนพื้น
หนีรั่วหลีบอก “ยังจะปากแข็งอยู่อีกหรือ? หากเ้าไม่พูดความจริงอีก ข้าจะโยนเ้าออกไปเสีย เ้าเห็นกลุ่มผีร้ายภายนอกหรือไม่? ตอนนี้เ้าไม่มีหยกคู่เพลิงสุวรรณอยู่กับตัว ผีกลุ่มนั้นสามารถกัดกินเ้าจนิญญาแหลกสลายได้ในทันที!!!”
ไป้เอ๋อร์เตะเขา “ท่านอาจารย์ของข้าก็คืออาจารย์ของข้า!!! เ้ายังจะให้ข้าพูดอะไรอีก?!”
หนีรั่วหลี “หยกคู่เพลิงสุวรรณของอาจารย์เ้าได้มาอย่างไร?”
ไป้เอ๋อร์ “ข้าไม่รู้!”
อี้จื่ออีตกตะลึง มองไปที่หนีรั่วหลีกับไป้เอ๋อร์ อยากพูดเกลี้ยกล่อมสักสองประโยคกลับเห็นว่าหนีรั่วหลียกคอเสื้อของไป้เอ๋อร์เดินไปที่่สุดขอบของเขตอาคม กำลังจะโยนไป้เอ๋อร์ออกไป
“นักพรตหนี!!! อย่าถือสากับเด็กน้อยเลย...” อี้จื่ออีรีบวิ่งไปข้างหน้า กลับทำให้อาจารย์ลุงสวีที่ยืนอยู่ภายในซึ่งมองความบันเทิงอยู่เป็เวลานานผู้นั้นขยิบตา ก่อนถูกศิษย์พี่น้องร่วมสำนักขวางเอาไว้
ไป้เอ๋อร์ยังคงดิ้นรน “ปล่อยข้า!!!”
หนีรั่วหลีมองเด็กน้อยในมือ ทั้งยังมองไปยังภูตผีที่เกลือกกลิ้งอยู่ภายนอก เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนโยนเด็กน้อยออกไปนอกเขตอาคมอย่างโเี้
“อย่า!”
“อา!!!” ตามด้วยเสียงร้องใของอี้จื่ออี ไป้เอ๋อร์กรีดร้องแล้วล้มลงไปนั่งบนพื้น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นพลันเห็นภูตผีพุ่งเข้ามาโจมตี เขาใจนขวัญหนีดีฝ่อ ขดตัวปกป้องตนเองตามสัญชาตญาณ
เพียงชั่วพริบตา ลมเย็นะเืที่พัดเข้าหาเขานั้นกลับถูกแทนที่ด้วยหน้าอกที่อบอุ่นและคุ้นเคยหลังจากมีแสงรัศมีสว่างวาบ
------------------------