เสิ่นิถือวิสาสะเดินเข้าห้องพักส่วนตัวโดยไม่เคาะประตู ในห้องผู้ป่วยซึ่งค่าห้อง 300 หยวนต่อคืน ติดตั้งทีวีจอใหญ่ 42 นิ้ว โซฟาดูนุ่มสบาย และยังมีระเบียงแยกส่วนตัว เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่และตู้เย็นขนาดเล็ก
น่าเสียดายที่ผู้ป่วยติดเตียงไม่ได้ใช้ประโยชน์อื่นใดนอกจากเตียง...เขาสวมหน้ากากออกซิเจนบนใบหน้า ระบบเครื่องช่วยหายใจส่งเสียงดัง ติ๊ด ติ๊ดเป็สัญญาณว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ชายหนุ่มจ้องไปยังดวงตากลวงโบ๋ไร้จิติญญา ซึ่งกำลังจ้องเพดานอันว่างเปล่า สีหน้าปราศจากความรู้สึกใดราวกับซากศพ
เสิ่นิรู้เป็ที่ทราบทั่วกันว่าคนไข้ลักษณะนี้ได้รับการขนานนามว่า...มนุษย์ผัก ใช้เงินเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตไว้เท่านั้น ภายใต้ความฝันและความคาดหวังของคนรัก ว่ายังมีหวังที่เขาจะฟื้นคืนมา...
ขณะที่เสิ่นิเดินถึงข้างเตียง ซันนี่ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกะละมังน้ำร้อน
“เธอ...เร็วไปไหม?” ซันนี่ผงะเมื่อเห็นเสิ่นิ
“เขาคือใคร?” เสิ่นิไม่ได้ด่า เขาจ้องผู้ป่วยและกระซิบถาม
“เขา...คือคู่หมั้นของพี่” ซันนี่เดินถึงหน้าเตียงพร้อมกะละมัง หญิงสาวพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มเช็ดตัว “ผู้ชายที่พี่รักที่สุดและเกลียดที่สุด”
จางเฉวียนตั้น นี่คือชื่อของคู่หมั้นซันนี่ ขณะที่ซันนี่จากชนบทมาถึงเมืองหลวง เธอทำงานที่บริษัท Foxconn เธอได้รู้จักกับเ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพสินค้าผู้ซึ่งอายุมากกว่าเธอเพียงหนึ่งปี ณ ตอนนั้นซันนี่เป็เพียงเด็กสาวไร้เดียงสาอายุ 20 ปีเท่านั้น แต่รอบอกทำให้เครื่องแบบพนักงานแทบปริแตก
ณ เวลานั้นมีแต่คนตามจีบซันนี่ ั้แ่ผู้จัดการโรงงาน ยันเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีคนหลงเสน่ห์แม่สาวแห่งสายพานการผลิตเบอร์ 3 อย่างมากมาย
ในบรรดาผู้ที่มาจีบ ซันนี่กลับเลือกจางเฉวียนตั้นผู้ตรวจสอบสินค้าโรงงานจอมเซ่อซ่า เขามักชอบพูดภาษาอังกฤษง่อยๆ จีนคำอังกฤษคำ ด้วยตำแหน่งผู้ตรวจสอบ เขาใช้สายตาดื้อด้านจ้องทุกผู้ทุกคนรอบตัว เขามีความฝัน ชายหนุ่มมักพูดเสมอว่าวันหนึ่งเขาจะไปต่างประเทศ สอนภาษาจีนให้ชาวต่างชาติ
ซันนี่ชอบความซื่อบื้อของเขา และชอบความฝันอันไม่สมจริงของเขาด้วย และยังที่เขาขี้โม้ รวมถึงรอยยิ้มงี่เง่านั้นอีก 2 ปีที่ Foxconn หญิงสาวช่างมีความสุข เพราะได้จางเฉวียนตั้นเป็เพื่อนรู้ใจ
ณ ตอนนั้นซันนี่ยังเป็เด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง มีแต่ความภักดีจนวันตาย เชื่อมั่นว่าผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่จะมาเป็สามีตนเองในอนาคต
ดังนั้น เมื่อจางเฉวียนตั้นบอกเธอว่า “ไปกันเถอะ คุณคือสายลมผมคือทะเลทราย เราไปสุดหล้าฟ้าเขียวด้วยกัน!” ซันนี่ไม่คิดหน้าคิดหลังก็พลันตอบตกลง
ซันนี่เอาเงินออมทั้งหมดของตน และเงินเก็บทั้งหมดของจางเฉวียนตั้นเปิดร้านเสื้อผ้าที่หัวมุมถนนอันคึกคักภายในเมือง เดิมทีทั้งคู่คิดว่าที่นี่จะเป็จุดเริ่มต้นของชีวิตที่สวยงามในเมือง ใครจะรู้ว่ามันกลับกลายเป็ฝันร้าย...
เพราะโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่ได้รู้เื่การดำเนินธุรกิจ และไม่เข้าใจแฟชั่นและกระแส กิจการในร้านไม่เคยเป็ไปด้วยดี ่เวลาเลวร้ายที่สุด ซันนี่ทานซาลาเปาและผักดองติดต่อกัน 3 เดือน
ชีวิตที่ตกต่ำลงทีละน้อยทำให้ความหงุดหงิดของจางเฉวียนตั้นปะทุขึ้น เขามักทะเลาะกับซันนี่ด้วยเื่จุกจิก กระทั่งถึงขั้นลงไม้ลงมือ ทุกครั้งหลังจากทุบตีซันนี่ เขามักจะกลับมาขอโทษซันนี่ด้วยความสำนึกผิด
พอเห็นท่าทีลนลานของเขา ซันนี่ก็เชื่อว่าผู้ชายคนนี้ยังรักตนอยู่ ดังนั้นจึงยกโทษให้
ภายหลัง เขาเริ่มชอบกลับบ้านดึก คบเพื่อนชั่วๆ หัดดื่มเหล้าสูบบุหรี่ กระทั่งวันหนึ่ง จางเฉวียนตั้นพูดกับซันนี่ว่า “หรือว่า...เธอจะลองออกไปขายตัวดี?”
เมื่อซันนี่ได้ยินประโยคนั้น ถึงกับฟ้าถล่มดินทลาย จางเฉวียนตั้นอ้างเหตุผลที่ว่า้าถอนหุ้นจากร้าน บังคับให้ซันนี่คืนเงินให้ ด้วยความอ่อนประสบการณ์นั่นจึงทำให้ซันนี่ได้กลายมาเป็ “ผู้หญิงอย่างว่า” เริ่มต้นขายเนื้อหนังมังสา เธอไม่คิดว่าธนบัตรที่เธออยากได้มันมากที่สุด จะได้มันมาหลังจากการถอดเสื้อผ้า
เพียงหนึ่งเดือน เธอทำเงินได้ 5 หมื่นหยวนเพียงพอกับหุ้นของจางเฉวียนตั้น หญิงสาวตัดความสัมพันธ์กับชายผู้นี้ ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุ 23 ปี
เดิมคิดว่าความรักผิดๆ จะจบลงเพียงเท่านี้ ใครจะรู้ว่าผ่านไปสองปี โทรศัพท์จากโรงพยาบาลทำให้เกิดแรงขับขึ้นอีกครั้ง จางเฉวียนตั้นถูกปล้น ศีรษะถูกตีได้รับความกระทบกระเทือน โรงพยาบาลดำเนินการผ่าตัดเขาอย่างเร่งด่วน แต่เขาก็กลายเป็มนุษย์ผัก
ญาติของจางเฉวียนตั้นไม่มีใครยินดีให้เขาบำบัดหลังการรักษาต่อ แพทย์ได้เน้นย้ำอยู่หลายครั้ง ว่าออกจากโรงพยาบาลไป เขาอาจทนอยู่ได้ไม่ถึง 1 เดือน แต่ญาติก็ยังดำเนินการให้เขาออกจากโรงพยาบาลอยู่ดี
ระหว่างทางที่จางเฉวียนตั้นถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเขาถูกถามว่ามีคนรู้จักบ้างไหม เขาเขียนชื่อและเบอร์โทรของซันนี่ลงบนกระดาษ เมื่อถูกถามว่านี่คือใคร เขาบอกว่าคนนี้คือ... “คู่หมั้น” ของเขา
ซันนี่ซึ่งเดิมทีถูกสังคมตราหน้ารับกระดาษเปื้อนเืมาเห็นคำว่า “คู่หมั้น” เธอจึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะแบกรับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของจางเฉวียนตั้น ั้แ่นั้นมาก็เป็คู่หมั้นผู้เฝ้าดูแลมนุษย์ผักผู้นี้
หลายปีมานี้ ซันนี่ใช้เงินเก็บของเธอทั้งหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าหมอ พยาบาล ซันนี่ก็เลือกเฟ้นที่ดีที่สุด แม้จางเฉวียนตั้นจะไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืน แต่ร่างกายเขาก็ไม่ได้ทรุดโทรมลงเช่นมนุษย์ผักคนอื่นๆ
“ทำไมต้องแบกรับเื่ทั้งหมดนี้ไว้ด้วย?” พอฟังเื่ทั้งหมดของซันนี่ เสิ่นิถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
“เพราะถ้าพี่ไม่ทำ เขาก็จะตาย” ซันนี่เดินมาข้างกายจางเฉวียนตั้นและกล่าว
“ตายแล้วไง?” เสิ่นิยังไม่เข้าใจ
“เพราะ...พี่เกลียดเขา” ซันนี่นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง เหนื่อยล้าจนเชิ้ตไหมทั้งตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผ้าลูกไม้สีแดงที่เนินอกโผล่พ้นคอเสื้อด้านใน “ผู้ชายคนนี้ทำให้พี่รู้ว่ารักคืออะไร และผู้ชายคนเดียวกันนี้ก็ทำให้พี่ได้รู้ว่าหลงเหมือนหมาตาบอดมันเป็เช่นไร
พี่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ เพื่อเป็เครื่องเตือนสติพี่ว่าแม้ชายที่รักพี่อย่างสัตย์ซื่อก็ยังมีวันเปลี่ยนใจได้ เตือนสติให้พี่ไม่หลงตัวเองอยู่ในโลกมายา สาวไซด์ไลน์ที่มีชีวิตอยู่เพื่อเงิน ก็ไม่ต่างอะไรจากเขาที่นอนอยู่”
“ทำไมพี่ต้องลำบากขนาดนั้น...” เสิ่นิถอนใจเบาๆ
่เวลาเดียวกันนั้น เซี่ยวอี๋ซึ่งโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากตัวอาคารมาถึงสนามหญ้าด้านหลัง วันนี้แสงแดดปลอดโปร่ง มีผู้ป่วยไม่น้อยออกมาเดินเล่น
“ไอ้บ้าเสิ่นิ! ไอ้ซกมกเสิ่นิ! ไอ้โรคจิตเสิ่นิ! บ้าบออะไรกัน! กล้าเมินฉันได้ยังไง!” เซี่ยวอี๋เดินถึงต้นไม้ใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบ ระบายความโกรธด้วยการเตะลำต้น แรงะเืทำเอาใบไม้ร่วงลงมาไม่น้อย
“แม่สาวน้อย อย่าโมโหโกรธาเลย ต้นไม้ไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย” คนไข้ชรานั่งรถเข็นคนหนึ่งหมุนรถเข็นหยุดลงด้านข้างเธอ
“หนู...” เซี่ยวอี๋รีบหยุดเท้า เมื่อเห็นคุณปู่ท่าทางเป็มิตรท่านนั้นจ้องอยู่เธอก็รู้สึกอาย
ชายชราดูน่าจะอายุยังไม่ถึง 70 ปี ผมสั้นหงอกทั้งหัว หางตาเต็มไปด้วยริ้วรอย ท่าทางดูใจดี
“เจ็บใจขนาดนี้ ทะเลาะกับแฟนมาเหรอ?” คุณปู่กล่าวพร้อมอมยิ้ม
“เขาไม่ใช่แฟนหนู ต่อให้ตาบอดสองข้างหนูก็ไม่แลอีตานั่นหรอก!” เซี่ยวอี๋แค้นเสิ่นิขนาดไม่อยากอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน
“แม่สาวน้อยอย่าพูดเช่นนี้ ยิ่งโมโหแสดงว่าหนูยิ่งให้ความสำคัญกับเขา หากเขาไม่สำคัญต่อหนูจริงล่ะก็ หนูคงไม่ให้ความสำคัญเขาขนาดนี้หรอก” ที่คุณปู่กล่าวมามีเหตุมีผล เซี่ยวอี๋จึงได้สงบลง
“แม่สาวน้อย ถ้าเธอพอมีเวลาช่วยเข็นรถพาฉันเดินเล่นได้ไหม? พยาบาลของฉันเพิ่งจะถูกเรียกตัวไป” คุณปู่เชื้อเชิญอย่างไม่เกรงใจ
“อื้อ” เซี่ยวอี๋ไม่รู้จะปฏิเสธได้อย่างไร จึงได้แต่เข็นรถเข็นไป “คุณปู่ ไม่มีคนที่บ้านมาดูแลหรือคะ? ทำไมอยู่กับพยาบาล?”
“ฉันน่ะ ชีวิตลำบาก สมัยหนุ่มหมกมุ่นแต่กับงานไม่มีใจสร้างครอบครัว วัยกลางคนมีความสัมพันธ์รักใคร่กับหญิงสาวคนหนึ่งจนเกือบแต่งงานด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องจบลงเพราะงานอันรัดตัว
บางทีพระเ้าอาจจะเห็นใจฉันชายชราผู้น่าสมเพช จึงได้อนุญาตให้ฉันมีลูกชายกับผู้หญิงคนนั้นหนึ่งคน เพียงแต่ฉันไม่เคยมีตัวตนกับเด็กนั่นตลอดมาจนกระทั่งเขาเติบใหญ่” ขณะคุณปู่เล่าถึงชีวิต ก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจเฮือกใหญ่
“มีลูกชายก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว” เซี่ยวอี๋เข็นรถไปพร้อมกล่าวปลอบใจ
“ฉันก็คิดอย่างนั้น ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจอุทิศทั้งชีวิตของตัวเองให้กับเ้าลูกชายคนนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง บางทีเขาอาจจะเกเรไปบ้าง อาจจะก่อเื่ไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็ไร ฉันเชื่อว่าเขาเป็เด็กดี สุดท้ายต้องกลับตัวได้แน่” คุณปู่กล่าวอย่างปวดใจ กระทั่งสำลักขึ้นมา
“อย่าเศร้าไปเลย ลูกชายน่ะ ไม่เชื่อฟังจับมาตีสักหนก็สำนึกแล้ว สมัยก่อนพี่ชายหนูก็เกเร โดนพ่อหนูจัดการไปหลายหน ตอนนี้รู้งานได้ดีไปแล้ว” เซี่ยวอี๋แบ่งปันเพื่อปลอบใจ
“ฉันลงมือไม่ได้” ไม่ทันรู้ตัว เซี่ยวอี๋และคุณปู่ก็มาถึงประตูหลังโรงพยาบาล คุณปู่ที่นั่งรถเข็นมาตลอดจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน หันกลับไปกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพราะฉันลงมือไม่เคยออมแรง ถ้าจัดการเขาขึ้นมา...เขาอาจตายได้”
“คุณคือ...” เซี่ยวอี๋ยังไม่ทันตั้งสติ คุณปู่ก็พ่นสเปรย์ขวดน้อยใส่เธอ ไม่ถึง 1 วินาที เซี่ยวอี๋หมดสติทรุดตัวลงบนรถเข็น
ในห้องผู้ป่วย เสิ่นิได้สติคืนมา เขากล่าวกับซันนี่ด้วยความตระหนก “ทำไมอยู่ๆ พี่ถึงได้คิดมาที่โรงพยาบาล?”
“เพราะพยาบาลที่ฉันจ้างอยู่ๆ ก็ลาออกวันนี้ ฉันได้แต่หาคนใหม่มาแทน”
“แล้วทำไมต้องหลบผมมาด้วย?”
“พี่เป็ผู้หญิง รู้สึกละอายใจที่ต้องบอกเธอว่าพี่มีคู่หมั้น ถ้าเื่แพร่ออกไป วงในรู้เข้าคงหัวเราะเยาะหมดทางทำมาหากิน”
“นี่ไม่ใช่เื่บังเอิญ...” สีหน้าเสิ่นิซีดเผือด ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักเปิดจากด้านนอก นางพยาบาลคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์ให้เสิ่นิ
“โทรศัพท์ของเซี่ยวอี๋เหรอ?” เสิ่นิตกตะลึง
“เมื่อครู่มีชายชราท่านหนึ่งบอกว่านี่เป็สมบัติของคุณ ให้ดิฉันนำมาให้คุณค่ะ” พยาบาลตัวน้อยอธิบายถึงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสร็จ ก็หันกายจากไป
“เซี่ยวอี๋เป็ยังไงบ้าง?” ในที่สุดซันนี่ก็รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ณ บัดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือ “จิติญญาผูกพัน” เซี่ยวอี๋ไม่ได้เป็คนบันทึกไว้แน่ แต่เป็ฝีมือมือสังหาร
เสิ่นิรับสาย ไม่รอให้คู่สายพูด เขาก็ชิงพูดก่อน “ถ้าแกกล้าทำร้ายหล่อน ฉันจะให้แกทรมานยิ่งกว่าตาย”
“คุณเสิ่นิทำผมใกลัวหมดแล้ว ความสามารถของพวกคุณผมรู้หมดแล้ว ดังนั้น เรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า เอาตัวผู้หญิงข้างกายคุณมาแลกกับผู้ช่วยสุดที่รัก ผมว่าการค้าครั้งนี้คุณได้กำไรอยู่นะ อย่างไรเสียผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเหี่ยวเฉาเสื่อมสภาพ แต่คนในมือผมกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา” จิติญญาผูกพันกล่าวพลางหัวเราะเยาะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้