เื่ราวความขัดแย้งของตระกูลหวังกับตระกูลฮั่นเป็เสมือนกับะเิเวลานับถอยหลังส่งผลให้ผู้คนที่อาศัยในมหานครจูเชว่ต่างหวั่นวิตกถึงผลลัพธ์ที่อาจจะเป็ไปได้มากมายหลายทาง ด้วยเพราะทางฝั่งของตระกูลหวังนั้นถือเป็ตระกูลเก่าแก่ที่ปกครองมหานครแห่งนี้ ส่วนทางตระกูลฮั่นอย่างไรก็เป็ถึงหนึ่งในห้าตระกูลชั้นสูงที่มีอิทธิพลไม่ธรรมดาเช่นกัน ทุกสายตาต่างจับจ้องการเคลื่อนไหวของทั้งสองตระกูลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรย่อมส่งผลที่ยากจะคาดเดาได้ต่อมหานครนี้รวมไปถึงดินแดนจูเชว่ทั้งหมดคงไม่เกินจริงไปนัก
ยิ่งมีการพูดถึงจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ขณะที่มีผู้บุกรุกกำลังออกมาจากม่านพิภพตระกูลหวังก่อนจะหลบหนีไปได้ สิ่งนี้นับเป็การตอกย้ำแน่ชัดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งของทั้งสองตระกูลคงยากที่จะหันหน้าพูดคุยกัน เพราะการที่ทางตระกูลฮั่นถึงกับใจกล้ากระทำอุกอาจนั้นคงมั่นใจในไพ่ลับที่อยู่ในมือตนไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าลงมือเปิดเผยไม่เกรงกลัว
จริงอยู่ที่ว่าก่อนหน้านี้เื่ราวความขัดแย้งของทั้งสองตระกูลอาจยังเป็ที่รับรู้เฉพาะบรรดาตระกูลใหญ่และกลุ่มอิทธิพลในดินแดนจูเชว่บางกลุ่ม ทว่ายามนี้เื่ราวกับลุกลามไปทั่วราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยโหมกระพือข่าวลือที่แม้กระทั่งแคว้นใกล้เคียงยังรับรู้และคอยจับตามองถึงความเป็ไปเช่นกันอย่างเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
บรรดาตระกูลใหญ่รวมไปถึงตระกูลชั้นรองและกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ล้วนเพิ่มกำลังคุ้มกันม่านพิภพของตนอย่างเต็มกำลัง ด้วยล่วงรู้กันว่าศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีผู้ที่อยู่เื้ัไม่ธรรมดาและไม่อาจคาดเดาได้ สิ่งที่พวกเขาควรกระทำนั่นคือการวางตัวเป็กลางให้มากที่สุดโดยการไม่ยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยวกับฝ่ายใดทั้งสิ้น เพราะหากไม่เช่นนั้นแล้วคงถูกนับเหมารวมไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การกระทำโดยไม่คิดอ่านโดยรอบคอบอาจทำให้ต้องสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ของลูกหลานในตระกูลที่ยากจะประเมินความสูญเสียที่ได้อย่างแท้จริง
หวังจิ่งหลงในฐานะของผู้ปกครองมหานครจึงได้ประกาศคำสั่งเปิดการทำงานของมหาค่ายกลที่ถูกสลักไว้โดยรอบ ทั้งยังยกเลิกการใช้ประตูเวทย์เคลื่อนย้ายทั้งสี่ทิศเพื่อปิดทางเข้าออก ห้ามไม่ให้มีผู้ใดเข้าออกมหานครในยามนี้โดยพลการ พร้อมให้เหตุผลเพื่อความปลอดภัยสูงสุดด้วยอาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาสอดมือเข้ามาสร้างความวุ่นวายได้
หากมีผู้ใดฝ่าฝืนละเมิดไม่กระทำตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวนี้คงไม่พ้นถูกจับกุมในฐานะของฏและได้รับการสอบสวนอย่างถึงที่สุดโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง แม้จะมีผู้ไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง ทว่าการประกาศกฎฉุกเฉินที่มีโทษสูงสุดในเวลาเช่นนี้นับว่าเป็สิ่งที่สมควรกระทำเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้นับว่าได้สร้างความลำบากต่อกองกำลังของตระกูลฮั่นและเหล่าพันธมิตรในเงามืดไม่น้อย หลายแผนการที่อีกฝ่ายได้วางไว้กลับกลายเป็ว่าที่ไม่สามารถลักลอบกระทำได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีความหมายโดยนัยที่สามารถคาดเดาได้ว่ายามนี้ทางตระกูลหวังรับรู้ถึงการกระทำที่ซุกซ่อนอยู่ทั้งหมดของตระกูลฮั่นแล้วทั้งสิ้น
“ช่างใจกล้ายิ่งนักที่บังอาจล่วงเกินตระกูลหวัง เพียงเพราะอำนาจที่้าถึงได้ทุ่มเทลงแรงไปมากมายถึงเพียงนี้...” เสียงของ ผู้าุโท่านหนึ่งกล่าวอย่างมีอารมณ์
“ตัวข้าผู้นี้ยึดถือในการกระทำเป็อย่างยิ่ง บุญคุณความแค้นล้วนแยกแยะเป็สัดส่วน หากจะให้อภัยและปล่อยวางข้าย่อมไม่สามารถกระทำได้ เห็นทีว่าขั้วอำนาจที่เคยทัดทานกันจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเสียแล้วกระมัง...” ผู้าุโอีกท่านเอ่ยเสริมขึ้น
“ความวุ่นวายภายในตระกูลหลายครั้งที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีมานี้คงเป็ฝีมือของท่านปู่ทวดสามที่แปรพักตร์เข้าร่วมกับทางตระกูลฮั่นเป็เวลานานแล้ว ยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้หากไม่ได้หนิงเอ๋อร์ช่วยได้ทันเห็นทีว่าแผนการของพวกมันคงสำเร็จเสียด้วยซ้ำ...”
หวังเฟยหลงเอ่ยขึ้นตามความเป็ไปได้ การเข้าจู่โจมยามที่ผู้คนในตระกูลกำลังรู้สึกสูญเสียคนสำคัญ ย่อมไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งมากเพียงพอในการต่อสู้
“ครั้งนี้ท่านป๋อเหวินจะลงโทษท่านหวังจางจิ้น อย่างไรหรือ? เขาเป็น้องชายที่บิดาของท่านได้ฝากฝังเอาไว้แต่ท่านคงไม่ใจอ่อนในเื่นี้ใช่หรือไม่ขอรับ...” ผู้าุโลู่หลานถามหวังป๋อเหวินไป คงไว้ด้วยความเกรงใจอยู่หลายส่วน
“ผู้าุโลู่ไม่ต้องเป็กังวลใจในเื่นี้ ผู้ที่กระทำผิดย่อมต้องได้รับการลงโทษโดยไม่ละเว้นทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะขอร้องผู้าุโและสหายทุกท่าน คืออย่าได้ลงมือจัดการเขาจนถึงแก่ชีวิต หากต้องมีการสังหารขึ้นขอให้ผู้ลงมือเป็ข้าเท่านั้น...” หวังป๋อเหวินแจ้งเจตนารมณ์ไปด้วยความหนักแน่น
“พวกข้าจะไม่เข้ามายื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวในเื่นี้ หวังเพียงแต่ว่าท่านป๋อเหวินจะไม่เห็นผิดเป็ถูกเพียงเท่านั้น...” หลังจากที่ได้ปรึกษากันทางสายตาแล้ว หวังลู่หลานจึงเป็ตัวแทนของผู้าุโทุกคนรับปากไปในที่สุด
“ขอบคุณผู้าุโทุกท่านที่เข้าใจขอรับ...” หวังจิ่งหลงเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือประสานเล็กน้อย
จริงอยู่ที่ว่าพวกเขาหลายคนในที่นี้ล้วนเคยเป็ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของคนทรยศอย่างหวังจางจิ้งกันไม่มากก็น้อยจะให้รู้สึกเห็นใจหรือให้อภัยอีกฝ่ายก็คงไม่ใช่เื่ง่าย คนของตระกูลหวังล้วนแยกแยะบุญคุณความแค้นได้อย่างชัดเจนไม่ปะปน
แต่อย่างไรสิ่งที่พวกเขาได้พูดคุยกันในตอนนี้ก็เป็เพียงการคาดเดาที่ยังไม่มีหลักฐานเอาผิดแต่อย่างใด หากอีกฝ่ายเป็ผู้บริสุทธิ์จริงก็คงไม่ได้รับโทษทัณฑ์ไม่ถึงชีวิต แต่หากกระทำลงไปด้วยความตั้งใจโดยไร้ซึ่งความรู้สึกผิดแล้วก็สมควรที่จะลงโทษอย่างเท่าเทียมโดยไม่มีอภิสิทธิ์ยกเว้นเช่นกัน
“ท่านบรรพชนต่างเก็บตัวในพื้นที่หวงห้ามของตระกูลเพื่อเร่งบ่มเพาะพลังปราณเพื่อตัดผ่านเลื่อนระดับข้ามผ่านเขตขั้นพลังิญญาราชทินนามอัครพรหมยุทธ์ิญญาจึงไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ แต่ก็ได้ให้สัญญาว่าหากเกิดความร้ายแรงเกินว่าจะควบคุม พวกท่านย่อมออกจากพื้นที่หวงห้ามและยื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่นอน...” หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นให้ทุกคนได้รับรู้
“ได้ยินเช่นนี้พวกข้าก็หายห่วงไปบ้าง แต่ก็มีความเป็ไปได้ว่านอกจากตระกูลฟางแล้วยังมีอีกหลายตระกูลชั้นรองที่เข้าร่วมในครั้งนี้ไม่นับรวมไปถึงพันธมิตรเื้ัที่ยังไม่อาจทราบถึงตัวตน เราต้องแบ่งกำลังเข้าจัดการให้รอบคอบที่สุด...” ผู้าุโท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา
“แม้ท่านประมุขตระกูลจะประกาศปิดทางเข้าออกประตูเคลื่อนย้ายทั้งสี่ทิศรวมไปถึงยกระดับของมหาค่ายกลในระดับสูงสุดแล้ว กล่าวตามตรงว่าข้ายังไม่อาจรู้สึกวางใจได้เท่าไหร่นัก ทางฝั่งตระกูลฮั่นย่อมหาทางกระทำชั่วช้าได้อยู่เป็แน่...” ผู้าุโที่นั่งด้านข้างเอ่ยเสริมขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“หนิงเอ๋อร์...วิหคสอดแนมของหลานพบเจอความผิดปกติใดบ้างหรือไม่?” หวังจิ่งหลงหันไปถามหนิงอ้ายที่ตอนนี้กำลังดูแผนที่ของมหานครจูเชว่อย่างพินิจวิเคราะห์
“คำสั่งประกาศปิดประตูเคลื่อนย้ายทางเข้าออกเมืองทั้งสี่ทิศได้ส่งผลให้กองกำลังพันธมิตรเ่าั้ยังไม่อาจลักลอบเข้ามาในตัวมหานครโดยง่าย แม้กระทั้งยันต์เคลื่อนย้ายหรือสมบัติวิเศษระดับสูงก็ไม่อาจแทรกแซงได้เช่นกัน แต่อย่างไรแล้วภายในม่านมิติของตระกูลฮั่นยังคงมีประตูเวทย์เคลื่อนย้ายอยู่ ยามนี้อีกฝ่ายได้ลักลอบเข้ามาได้โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้แล้วขอรับ...” สดับฟังสิ่งที่หนิงอ้ายได้เอ่ยไปเมื่อครู่ ด้วยเพราะไม่คาดคิดว่าแม้พวกเขาจะรีบลงมือแล้วแต่ทางฝั่งตระกูลฮั่นจะยังสามารถหาช่องโหว่ได้
“เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้วางแผนการนี้มาเป็อย่างดีเลยทีเดียว หากจะให้กองกำลังของตระกูลหวังที่มีอยู่ทั้งหมดบุกโจมตีตระกูลฮั่นย่อมสามารถเอาชนะได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่น่ากังวลคือพวกมันยังมีลูกไม้ที่ซ่อนอยู่กันหรือไม่??” หวังป๋อเหวินเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าควรทำตามแผนการเดิมจะเป็การดีที่สุดขอรับ...กองกำลังหลักส่วนหน้าจะประกอบไปด้วยตัวข้า ท่านพ่อ รวมไปถึงผู้าุโทุกท่านที่มีพลังลมปราณไม่อ่อนด้อยกว่าราชทินนามเทพยุทธ์ขั้นกลางจำนวนสิบคน ราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้นที่มีปราณธาตุประจำตัวระดับสามอีกสิบคน สุดยอดฝีมือในตระกูลที่มีความโดดเด่นของิญญายุทธ์ทั้งสี่สายรวมไปถึงหน่วยองครักษ์เฟิ่งหวงทั้งหมดให้ติดตามไปด้วยทั้งสิ้น!!”
“สำหรับกองกำลังสนับสนุนที่คอยปกป้องม่านพิภพตระกูลหวัง ข้าขอมอบหมายหน้าที่อันสำคัญนี้แก่น้องชายข้าหวังเฟยหลงเป็ผู้ดูแลรับผิดชอบ แน่นอนว่าการตัดสินใจทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับเขาทั้งสิ้น นอกจากนั้นแล้วยังต้องขอรบกวนผู้าุโทุกท่านที่มีรากฐานบ่มเพาะน้อยกว่าราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้นคอยช่วยเหลือทางนี้ให้ดี...”
“หน้าที่สำคัญของพวกท่านคือปกป้องม่านพิภพตระกูลและรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ระหว่างที่กองกำลังหลักกำลังปะทะรับมือกับตระกูลฮั่น ทางฝั่งนั้นอาจจะเปิดเผยตัวอย่างไม่กลัวเกรงและเข้าบุกทำลายม่านพิภพตระกูลหวังของเราก็เป็ไปได้...”
“ผู้าุโทุกท่านและสุดยอดฝีมือของตระกูลหวัง หากว่าท่านพร้อมไปด้วยคุณสมบัติดังกล่าวท่านสามารถเลือกได้ว่าศึกครั้งนี้ท่านจะเข้าร่วมกับกองกำลังใดสมัครใจ...” หวังจิ่งหลงในฐานะของผู้นำตระกูลได้ตัดสินใจขณะที่ทุกคนต่างพยักหน้าสนับสนุนเห็นด้วยไม่ขัดค้าน
“ข้าขอรวมกลุ่มกับท่านป๋อเหวินและท่านประมุขตระกูลขอรับ ข้าจะเอาคืนพวกมันให้สาสม!!” ผู้าุโชราท่านหนึ่งที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาเอ่ยอาสาด้วยความเต็มใจ ความรู้สึกยามถูกพิษร้ายได้กัดกินร่างกายในก่อนหน้ายังคงชัดเจนในความรู้สึก หากไม่ได้ชำระแค้นแล้วย่อมรู้สึกค้างคาใจไปตลอดชีวิต
“ข้าด้วยเช่นกัน...”
“ส่วนข้าขอปกป้องตระกูลหวังช่วยเหลือคุณชายรองแล้วกัน ิญญายุทธ์ของข้าคงเป็ประโยชน์ไม่มากก็น้อย...”
“ท่านประมุขตระกูล แล้วประตูเวทย์เคลื่อนย้ายที่อยู่ในตระกูลฮั่นเล่าขอรับ หากว่าพวกมันใช้เส้นทางนั้นหลบหนีออกไปได้ เื่ราวคงยากเกินจะควบคุมแล้วเป็แน่...” ผู้าุโลู่เอ่ยเสริมขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย
“หนิงเอ๋อร์ หลานพอรับรู้ถึงที่ตั้งของประตูเวทย์เคลื่อนย้ายที่ผูกคู่กับตระกูลฮั่นได้หรือไม่??”
“ประตูเวทย์คู่ที่ผูกไว้กับประตูเวทย์เคลื่อนย้ายในตระกูลฮั่นยามนี้ข้ารับรู้ถึงสถานที่ตั้งแล้วขอรับ สถานที่แห่งนั้นคือวัดร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากแพงเมืองไม่กี่ลี้เพียงเท่านั้น การทำลายอักขระเวทย์ที่เชื่อมต่อประสานคงต้องใช้เวลาจัดการอยู่ไม่น้อย แต่หลังจากที่ข้าทำลายการเชื่อมต่อของทั้งสองประตูเวทย์แล้วจะรีบกลับสนับสนุนท่านตารองโดยเร็วที่สุดขอรับ...” หนิงอ้ายประสานมือตอบกลับไป
“ดียิ่งนัก!!! คงต้องรบกวนหลานในครั้งนี้แล้ว...”
“ข้าคงไม่ได้รู้สึกไปเองใช่หรือไม่?? ั้แ่คุณชายน้อยหวังหนิงอ้ายปรากฏตัวขึ้นคล้ายกับว่าเมฆหมอกแห่งความโชคดีได้แผ่ปกคลุมม่านพิภพตระกูลหวังคงไม่เกินจริงไปนัก หากไม่มีคุณชายน้อยสถานการณ์ของตระกูลคงย่ำแย่ยากจะคาดเดาได้เป็แน่...”
“ท่านประมุขตระกูล ข้าขอเสนอว่าหลังจากที่พวกเราจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น สมควรจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของคุณชายน้อยนะขอรับ...”
“เื่นั้นข้าย่อมกระทำอยู่แล้ว เอาละ!! ศึกครั้งนี้อนุญาติให้หยิบยืมสมบัติวิเศษภายในคลังสมบัติบรรพชนคนละหนึ่งชิ้น ผู้ที่เข้าร่วมในศึกครั้งนี้หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ข้าจะมอบรางวัลให้อย่างเหมาะสม!!!”
จากนั้นหวังจิ่งหลง หวังป๋อเหวิน หวังเฟยหลงรวมไปถึงผู้าุโทุกคนในที่นี้ต่างได้พูดคุยกันอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติมของแผนการ ด้วยเกรงว่าอาจมีเื่ราวบางอย่างที่ยังคงไม่กระจ่างชัดและอาจทำให้พวกเขาตกเป็ฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำได้จึงควรที่จะวางแผนการให้รัดกุมเพื่อความปลอดภัยของชีวิตพวกเขาทุกคนและตระกูลหวัง
เมื่อได้ข้อสรุปสุดท้ายแล้วจึงได้แยกย้ายกันไปเพื่อเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุด อีกไม่ถึงสามชั่วยามให้หลังนี้จะเริ่มแผนการแล้ว ส่วนทางฝั่งของหนิงอ้ายไม่รอช้าได้เอ่ยขอแยกตัวออกไปจัดการประตูเคลื่อนย้ายตามหน้าที่รับมอบหมายของตนในทันที…
"ท่านพี่...ศึกครั้งนี้ไม่อาจเลี่ยงได้ใช่หรือไม่?" เหมยฮวาถามหวังจิ่งหลงสามีของตนด้วยความเป็ห่วง
"เหมยเอ๋อร์เ้าอย่าได้กังวลถึงเพียงนั้น ศึกครั้งนี้หากทางตระกูลหวังไม่ล่วงรู้ถึงแผนการนั่น ย่อมเป็พวกเราทั้งหมดที่ต้องตกตายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..." หวังจิ่งหลงตอบกลับไป พร้อมดึงร่างบางผู้เป็ภรรยาเข้ามากอดอย่างแแ่
"แต่ว่า..."
"ให้สัญญากับเ้า พี่และทุกคนจะกลับมาอย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน"
"ข้าเป็ห่วงหนิงเอ๋อร์ยิ่งนัก ไม่รู้ว่ายามนี้..." เยว่ซินเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลใจ ยิ่งยามที่ได้รับรู้ว่าบุตรชายของนางรับหน้าที่เป็ ผู้ทำลายประตูเคลื่อนย้ายคู่ที่ผูกกับตระกูลฮั่น จนถึงตอนนี้ก็เป็เวลาหลายชั่วยามแล้วยังไม่กลับมาเสียที
"บิดาได้ให้สุดยอดองครักษ์หน่วยเฟิ่งหวงสองสามคนคอยอารักขาหนิงเอ๋อร์แล้วเ้าอย่าได้กังวลมากนัก บิดาฝากเ้าดูแลมารดาด้วยเล่า" แม้จะเป็มากเพียงใด ทว่ายามนี้นอกจากหวังเหมยฮวากับหวังเยว่ซินแล้ว ยังมีสตรีอีกหลายนางที่เป็ทั้งภรรยาหรือบุตรสาวที่ต่างมารวมตัวกันในตำหนักอิงเยว่นี้ด้วยความเป็ห่วงอย่างถึงที่สุด
"น้องรอง พี่ขอฝากตระกูลหวังรวมไปถึงพวกเราตระกูลหวังทุกคนให้ดีที่สุด หากพบเจอกับความคับขันเ้าอย่าได้ลังเลใช้ป้ายหยกเพื่ออัญเชิญท่านบรรพชนให้ช่วยเหลือด้วยเล่า..." หวังจิ่งหลงเอ่ยย้ำไป
"พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็กังวล ข้าและผู้าุโทุกท่านจะปกป้องพวกเราตระกูลหวังให้ดีที่สุดขอรับ!!!" หวังเฟยหลงประสานมือให้คำสัตย์สัญญาด้วยความหนักแน่น
"พี่ได้กระตุ้นการทำงานของมหาค่ายกลสิบแปดดินแดนศักดิ์สิทธิ์วิหคเพลิงจรัสแสงเป็ที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากพวกพี่ได้จากไปเ้าจงพาทุกคนไปยังห้องลับที่ได้ตระเตรียมไว้และตรึงกองกำลังป้องกันม่านพิภพของตระกูลให้ได้มากที่สุด เพราะเป็ไปได้ว่าสิ่งนี้ท่านปู่ทวดสามคงได้บอกเล่าถึงความพิสดารในค่ายกลของตระกูลหวังไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นตรงทางเข้าม่านพิภพเ้าจงรักษาไว้ให้ดี รักษาตัวเองด้วย..." หวังจิ่งหลงเอ่ยสำทับไปอีกครั้ง
"รับทราบขอรับ..."
"ท่านพ่อ ผู้าุโทุกท่านรวมไปถึงสุดยอดฝีมือทุกคน ศึกครั้งนี้มีเดิมพันนั่นคือศักดิ์ศรีของพวกเราลูกหลานตระกูลหวัง รวมไปถึงชีวิตของครอบครัวและคนรักของพวกเราทุกคน อย่าได้ประมาทชะล่าใจเป็อันขาด ตระกูลหวังต้องเป็ฝ่ายชนะในวันนี้!!!"
เฮ!!!
เสียงโห่ร้องะโปลุกใจได้ดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งม่านมิติราวกับสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาจากฟากฟ้า สายโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายยามนี้ได้รับแรงกระตุ้นเกิดเป็ความฮึกเหิมจนไม่อาจประมาณได้ เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวในศึกปะทะครั้งนี้คือต้องเอาชนะเท่านั้น
ถึงฤกษ์อันเหมาะสมที่สมควรจะดำเนินการตามแผนการวางไว้ หวังจิ่งหลงจึงไม่อาจปล่อยให้เสียเวลาอันเป็มงคลนี้ไป เขาได้สั่งให้กองกำลังหลักทุกคนให้ไปรวมตัวกันยังหน้าตำหนักอิงเยว่โดยพร้อมเพรียงกัน
เมื่อเห็นว่าทุกคนมาครบถ้วนแล้วจึงล้วงเอาสมบัติวิเศษระดับตำนานชิ้นหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับกระจกโบราณสีแดงทองที่มีกลิ่นอายสะกดข่มไปทั่วทั้งบริเวณ
ยามเมื่อถูกสังเวยด้วยโลหิตอันเข้มข้นบริสุทธิ์ที่ประสานไปกับพลังปราณอันลึกล้ำ ชั่วพริบตานั้นกระจกวิเศษในมือได้ขยายใหญ่ออกพรวดพราดจนมีขนาดเท่ากับประตูขนาดั์บานหนึ่งที่ไม่ปรากฎซึ่งเงาสะท้อน หวังจิ่งหลงพยักหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะข้ามผ่านไปในทันที
จากนั้นหวังป๋อเหวินและผู้าุโท่านอื่นรวมไปถึงสุดยอดฝีมือทุกคนต่างถูกเงาสะท้อนของกระจกบานนี้สาดส่อง เกิดเป็ประกายแสงสว่างจ้าขึ้นจนไม่อาจลืมตามองได้ เมื่อประกายแสงพิสุทธิ์นี้หายไปก็พบว่าทุกคนไม่ได้อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้แล้ว…
