บทที่ 8 ศิษย์รับใช้เส็งเคร็ง
แม้จะถูกด่า แต่เหล่าลูกศิษย์บนยอดเขาชิงจู๋ก็ไม่มีใครคิดจะเถียง เพราะสิ่งที่ผู้ดูแลหานพูดนั้นก็เป็เื่จริง พลังของลูกศิษย์ที่อยู่บนยอดเขาชิงจู๋ หากเทียบกับอีกหกยอดเขาที่เหลือนั้นเทียบไม่ติดเลย ห่างกันราวกับฟ้ากับเหวเลยก็ว่าได้ ภายในหอคุณูปการของยอดเขาอื่นๆ มีแต่ภารกิจขั้นที่ห้าขึ้นไป แต่ที่ยอดเขาชิงจู๋กลับไม่มี ถึงต่อให้มี ก็ติดอยู่บนกระดานภารกิจอยู่แบบนั้น เพราะไม่มีใครบนยอดเขาชิงจู๋กล้าทำภารกิจระดับนี้แน่นอน มันห่างไกลจากความสามารถของพวกเขาเกินไป
เมื่อฉินชูกับไป๋อวี้กลับมาถึงหอศิษย์รับใช้ ขณะกำลังจะสั่งให้เอ้อพั่งเตรียมกับข้าวให้สองที่ พวกเขาก็เห็นเอ้อพั่งในสภาพฟกช้ำ ตาเขียว
สภาพของเอ้อพั่งในตอนนี้บอบช้ำมาก มุมปากบวมช้ำ ที่หน้าอกก็มีคราบเื ผมเผ้ายุ่งเหยิง
เมื่อเห็นเอ้อพั่งในสภาพนี้ ฉินชูก็ถึงกับคิ้วขมวด “เกิดอะไรขึ้น”
“มีเด็กมาใหม่ชื่อว่าลี่เฉิง เขาอยากเป็หัวหน้าของที่นี่ พอข้าบอกว่าที่นี่มีหัวหน้าแล้ว เขาก็ต่อยข้า ่สองสามวันที่ลูกพี่ไม่อยู่ เขาต่อยข้าทุกวัน ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียว ศิษย์รับใช้คนอื่นๆ ก็โดนเหมือนกัน” เอ้อพั่งพูดอย่างห่อเหี่ยว
“มันอยากตายนักหรือไง” เมื่อได้ยินที่เอ้อพั่งพูดมา ฉินชูก็ถึงกับเืขึ้นหน้า
“ลูกพี่ใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งไปมีเื่กับเขา ต้นตระกูลของเ้าหมอนั่นไม่ธรรมดาเลย เป็คนที่ศิษย์สายในจากยอดเขาหลักชิงหยุนสองสามคนส่งมา เขามีผู้ใหญ่หนุนหลังและศิษย์สายในของยอดเขาชิงหยุนก็เป็คนตบข้าเป็คนแรก” เอ้อพั่งยกมือขึ้นคลำหน้าตัวเองพลางเอ่ย
“พาข้าไปหาเขา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าลูกศิษย์บนยอดเขาชิงหยุนจะส่งนักเลงหัวไม้มาที่ยอดเขาชิงจู๋” ฉินชูไม่คิดจะอ่อนข้อให้ ขืนปล่อยให้ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของที่นี่หลุดมือไป หลังจากนี้อย่าหวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างสบายๆ เลย แม้แต่ออกไปทำภารกิจก็คงเป็ไปได้ยาก
ไป๋อวี้ผลักเอ้อพั่งไปหนึ่งที “นำทางไป”
เอ้อพั่งพาฉินชูกับไป๋อวี้มาที่ห้องของฉินชู ซึ่งตอนนี้มันถูกลี่เฉิงยึดไปแล้ว และภายในห้องก็มีชายหนุ่มท่าทางแข็งแรงกำยำคนหนึ่งกำลังนอนกินผลไม้อยู่บนเตียง
“เ้าคงเป็หัวหน้าของหอศิษย์รับใช้ที่นี่สินะ ดี งั้นข้าขอประกาศอย่างเป็ทางการตอนนี้เลยว่าตอนนี้เ้าไม่ใช่หัวหน้าของที่นี่แล้ว หลังจากนี้ก็จงตั้งใจทำงาน ไม่งั้นเ้าอาจตายโดยที่ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าตัวเองตายอย่างไรก็ได้นะ” ชายหนุ่มกำยำปริปากพูด
หลังสิ้นคำ ฉินชูก็พุ่งตัวเข้าไปทันที
“งั้นก็ฝากประโยคเมื่อกี้ ไปบอกโคตรเหง้าของเ้าด้วย” ฉินชูพุ่งเข้าไปจับตัว จากนั้นก็ต่อยเข้าไปที่ดวงตาของชายหนุ่มอวดดีจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ไป๋อวี้ไม่นิ่งเฉย เขาเองก็พุ่งเข้าไปและซัดเข้าไปที่ดวงตาอีกข้างหนึ่งของชายหนุ่มทันที
จากนั้นฉินชูกับไป๋อวี้ก็เตะเข้าไปคนละหนึ่งที เอ้อพั่งก็เข้ามาเตะเสริมเข้าไปอีกสองสามทีด้วยเช่นกัน
“ข้าเป็ลูกพี่ลูกน้องของท่านพี่หลิ่วเจ๋อศิษย์สายในบนยอดเขาหลักชิงหยุน พวกเ้าตายแน่” ลี่เฉิงกุมหัวพลางะโขู่
“เ้าจะเป็ใครก็ช่าง แต่อย่าคิดมาอวดดีที่หอศิษย์รับใช้บนยอดเขาชิงจู๋ ที่นี่เป็ของข้าฉินชูเท่านั้น เอ้อพั่งเอาตัวมันออกไป” ฉินชูไม่สนใจคำขู่ของลี่เฉิงและปล่อยให้เอ้อพั่งลงมือเอาคืน
“ไม่เป็ไรหรอกลูกพี่ ถ้าที่นี่อยู่ไม่ได้ พวกเราค่อยหนีไปที่อื่น” ไป๋อวี้พูดขึ้น
ฉินชูหันกลับมามองไป๋อวี้ “ยินยอมฝ่าฟันอุปสรรคไปกับข้า ข้าขอบใจน้ำใจของเ้า แต่เ้าอย่าเอาแต่คิดจะหนีอย่างเดียว ข้ามีธุระต้องทำ ขอตัวก่อน”
เดิมทีการทะเลาะตบตีกันของศิษย์รับใช้ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร แต่ตอนนี้กลับเป็เื่ใหญ่ไปเสียแล้ว เพราะศิษย์รับใช้บนยอดเขาชิงจู๋อัดลูกพี่ลูกน้องของหลิ่วเจ๋อผู้ที่เป็ศิษย์สายในของสำนักชิงหยุนจนใบหน้าบวมช้ำดูไม่ได้
หลิ่วเจ๋อเป็ใครกัน...
เขาก็คือลูกศิษย์ที่มีศักดิ์เป็ถึงผู้าุโลำดับสามแห่งสำนักชิงหยุน
ในสำนักชิงหยุนมีผู้าุโมากมาย แค่ในบรรดาพวกเขาก็แตกต่างกันมากแล้ว ผู้าุโจากยอดเขาอื่น บางทีก็ไม่ถูกมองเป็ผู้าุโ
ยกตัวอย่างเช่น ผู้าุโบนยอดเขาชิงจู๋ทั้งหมดถูกจัดอยู่ในตำแหน่งผู้คุ้มครองกฎเท่านั้น หัวหน้าาุโผู้ดูแลยอดเขาชิงจู๋ต่างหากถึงจะเป็ผู้าุโอย่างแท้จริง
แล้วหลิ่วเจ๋อจะแน่แค่ไหนเชียว...ก็งั้นๆ เอง
ฉินชูไม่สนใจ เขามาที่ผาหินตัดและฝึกวิชากระบี่ต่อ หลังจากกักเก็บอณูปราณที่จุดตันเถียนได้ประมาณหนึ่ง แล้วฝึกกระบวนท่ากระบี่อีกครั้ง ฉินชูก็รู้สึกว่ากระบวนท่าของเขาคล่องแคล่วไหลลื่นกว่าเดิมยิ่งนัก
เข้าสู่วันที่สองหลังจากฉินชูกลับมา ก็มีคนจากยอดเขาชิงหยุนเดินทางมาที่ยอดเขาชิงจู๋หกเจ็ดคน นำโดยผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อพวกเขามาถึงหอศิษย์รับใช้ ก็เรียกหาคนที่ชื่อฉินชูทันที
แม้มีบรรดาศิษย์รับใช้รายล้อมอยู่มากมาย แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะไม่อยากมีเื่กับผู้หญิงคนนี้ นางก็คือหลิ่วเจ๋อ ตามข่าวลือบอกว่าอีกไม่นานนางก็จะได้เลื่อนขั้นเป็ศิษย์สายหลักแล้ว
ศิษย์สายหลักคืออะไร? ก็คือลูกศิษย์ในสำนักที่มีตำแหน่งเป็ผู้าุโลำดับหนึ่ง โดยผู้ที่จะเป็ศิษย์สายหลักได้จะต้องบรรลุตบะขั้นที่สี่ โดยศิษย์สายหลักของทางสำนักชิงหยุนก็เก่งกาจกว่าเหล่าผู้ดูแลกฎอยู่หลายขุม
ลี่เฉิงคือลูกพี่ลูกน้องของหลิ่วเจ๋อ ด้วยความที่ว่าเขาไม่มีพร์อะไรเลย หลิ่วเจ๋อจึงส่งเขามาเป็ศิษย์รับใช้ที่ยอดเขาชิงจู๋ แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกเล่นงานเช่นนี้ แบบนี้ไม่เพียงแต่เป็การตบตีลี่เฉิง แต่ยังเท่ากับเป็การตบหน้าหลิ่วเจ๋อด้วย
หลังจากได้รับรายงานจากเอ้อพั่ง ฉินชูก็กลับมาที่หอศิษย์รับใช้
ภายในลานหอศิษย์รับใช้ ฉินชูเห็นอีกฝ่ายแล้ว ลี่เฉิงยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงในชุดนักพรตหญิงสีฟ้า ผู้หญิงคนนี้มีดวงตาเล็กเฉี่ยว แถมสายตายังเ็ามากนัก ฉินชูััได้ถึงจิตสังหารในดวงตาได้อย่างชัดเจน
เมื่อฉินชูปรากฏตัวขึ้นมา ไป๋อวี้กับเอ้อพั่งก็เข้ามายืนประกบทั้งสองข้าง ส่วนศิษย์รับใช้คนอื่นๆ ก็ยืนอยู่ด้านหลังฉินชูเช่นกัน พวกเขาไม่ยอมรับในตัวลี่เฉิง แต่ยอมรับในตัวฉินชู เพราะฉินชูไม่เคยดูถูกกลั่นแกล้งพวกเขาเลยสักครั้ง แต่ลี่เฉิงที่เพิ่งมาอยู่ไม่นาน กลับรังแกกลั่นแกล้งพวกเขาเหมือนพวกโรคจิต
“เ้าคือฉินชู?” ผู้หญิงจากยอดเขาชิงหยุนเปิดปากพูดขึ้นก่อน
“ใช่ ข้าเอง” ฉินชูมองลี่เฉิงที่อยู่ข้างๆ
“จงคุกเข่าขอโทษต่อหน้าข้า แล้วหลิ่วเจ๋อผู้นี้จะปล่อยเ้าไป” หลิ่วเจ๋อในชุดนักพรตหญิงสีฟ้าเอ่ย
ทันใดนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีต่อมาก็ทำเอาทุกคนตาค้างกันทั่วหน้า เพราะฉินชูได้เปิดฉากลงมือไปก่อนแล้ว
มือชักกระบี่ออกมาและพุ่งเข้าฟันหลิ่วเจ๋อทันที “คิดจะให้ข้าคุกเข่าอย่างนั้นหรือ เ้าต่างหากที่ต้องทำ!”
“ไปตายซะ!” แววเสียงใสเสนาะดังขึ้น หลิ่วเจ๋อชักกระบี่ออกมาเช่นกัน หลังจากเอี้ยวตัวหลบกระบี่ของฉินชู กระบี่ยาวในมือของนางก็เสียบพุ่งหมายจะแทงไปที่คอหอยของฉินชู เป็การจู่โจมที่กะเอาให้ถึงตาย
ในสำนักชิงหยุน หากไม่ได้ขึ้นลานประลองยุทธ์ศึกเป็ตาย ห้ามศิษย์ในสำนักเดียวกันทะเลาะตบตีกันจนถึงตายเด็ดขาด แต่ในสายตาของหลิ่วเจ๋อ ฉินชูคือศิษย์รับใช้เส็งเคร็งที่เปรียบเหมือนขยะอยู่แล้ว ตายไปใช่ว่าจะเป็เื่ใหญ่ แล้วใครจะกล้าเค้นถาม เพราะมีท่านอาจารย์กับบรรดาศิษย์อาทั้งหลายคอยหนุนหลังอยู่
ข้อมือของฉินชูพลันตวัด ทำให้กระบี่ยาวของฉินชูปัดกระบี่ของหลิ่วเจ๋อจนหลุดออกจากวิถีจู่โจม เขาพลิกข้อมือกลับ ใบดาบเรียบขนานเป็แนวระนาบ ก่อนพุ่งเข้าเสียบแทงหมายกระสวกหน้าอกของหลิ่วเจ๋อ
มันเป็เพียงกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานเท่านั้น อันที่จริงฉินชูก็อยากใช้กระบวนท่าที่หวือหวากว่านี้ แต่ตอนนี้ เขาใช้ได้แค่กระบวนท่ากระบี่พื้นฐาน
ครั้นกระบี่ของหลิ่วเจ๋อถูกปัดออกจากวิถีจู่โจม หลิ่วเจ๋อก็ถึงกับแปลกใจ เพราะฉินชูพลิกข้อมือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับเปลี่ยนกระบวนท่าได้อย่างไหลลื่น เฉียบคมและพุ่งเข้าหมายเสียบแทงหน้าอกของนางแล้ว ตอนนี้ทำเอาหลิ่วเจ๋อต้องถอยหลังหลบออกมา
หลังจากถอยหลังทิ้งระยะห่างออกมาได้ สีหน้าของหลิ่วเจ๋อก็เปลี่ยนไป เพราะฉินชูแข็งแกร่งจนนางใ ทั้งสองเพิ่งปะทะกระบี่กันครั้งแรก แต่ฉินชูกลับปัดการจู่โจมออกไปได้ และการปะทะกันในระลอกที่สอง หลิ่วเจ๋อก็ไม่สามารถปัดกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหวังจะแทงนางออกไปได้
“ไอ้ศิษย์รับใช้เส็งเคร็ง วันนี้แกตายแน่” ครั้นแล้วดาบคมของหลิ่วเจ๋อก็ส่องแสงเรืองรองออกมา พลังปราณแผ่ซ่าน นี่เป็พลังของผู้ฝึกตนขั้นที่สามโดยเฉพาะ
“ในสายตาของข้า เ้าต่างหากที่ทำตัวเส็งเคร็ง เป็ศิษย์สายในแล้วมันทำไม ทั้งๆ ที่เ้าประดาบกับข้าแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอีกหรือ” ฉินชูสะบัดกระบี่ไปด้านข้างลำตัว เขาไม่มีทีท่าถอยหนี แม้คู่ต่อสู้จะเก่งกาจ แต่เมื่อถึงคราวสู้ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
“เ้าไปซะ พวกเราไม่้าเ้า!” ศิษย์รับใช้คนอื่นๆ เริ่มพากันะโขึ้น พวกเขาช่วยฉินชูได้แค่วิธีนี้เท่านั้น
“ขอแค่ฉินชูผู้นี้ไม่สั่นคลอน ข้ารับรองได้เลยว่าพวกเ้าจะไม่ถูกผู้อื่นกลั่นแกล้งแน่นอน” ฉินชูหันกลับไปมองเหล่าศิษย์รับใช้ด้านหลัง แรงฮึดอยากต่อสู้พลันโหมกระพือ หากใครคิดรังแกเขา ต่อให้เป็ใครหน้าไหนเขาก็ไม่สนทั้งนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้