เหยียนอู๋อวี้เปิดดูอย่างไม่ลังเลทันที เอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาหลักเป็พันธสัญญาระหว่างกองกำลังทั้งหมดเพื่อร่วมกันทำลายตระกูลอวิ๋น ขณะที่กำลังเปิดอ่านนั้น จู่ๆ กลับมีเสียงะโดังมาจากภายนอก “ที่นี่มีแสงสว่าง!”
เหยียนอู๋อวี้ใมากจนคว้าหนังสือพันธมิตรไปด้วย และไม่คาดคิดว่ามือของนางจะลื่นจนทำให้หนังสือพันธมิตรตกลงบนพื้น นาง้าหยิบมันขึ้นมา ทว่าเสียงฝีเท้าจากภายนอกดังใกล้เข้ามาแล้ว นางเหลือบมองอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งออกจากห้องลับไปในทันที
ขณะที่องครักษ์หลายคนรีบวิ่งเข้ามาในห้องหนังสือ เมื่อเห็นนางจึงชักกระบี่ออกมาเผชิญหน้ากับนางทันที
เหยียนอู๋อวี้แย่งกระบี่จากองครักษ์นายหนึ่งและสังหารผู้ที่ขัดขวาง
องครักษ์ในจวนเฉิงเซี่ยงมีความสามารถที่โดดเด่นและพร์ที่หายาก ทว่าด้านประสบการณ์นั้น ยังเทียบเหยียนอู๋อวี้ไม่ได้ นางกำจัดคนเ่าั้ได้อย่างรวดเร็วพร้อมะโขึ้นไปบนหลังคาและกำลังจะหนีออกไปโดยไม่คิดจะอยู่นาน ทว่ากลับมีชายชุดดำหลายคนปรากฏตัวขึ้นรอบด้าน พวกเขามีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกและเ็า จู่โจมเข้ามาหานางอย่างรวดเร็วและคิดจะสังหารในทุกย่างก้าว
เหยียนอู๋อวี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็องครักษ์เกราะดำที่ดูแลพื้นที่โดยรอบได้รับรายงานแล้วจึงรีบเข้ามา นางชักกระบี่ออกมาจัดการพวกเขาอย่างไม่รีรอ
ครั้งหนึ่งเคยเป็สหายร่วมรบร่วมสุขกัน ทว่ายามนี้กลับต้องต่อสู้กันอย่างเอาเป็เอาตาย
เมื่อองครักษ์เกราะดำเห็นว่ามีเพียงคนเดียวจึงตั้งค่ายกลเป็วงล้อมทันที อย่างไรก็ตามหลังจากต่อสู้หลายสิบกระบวนท่า คู่ต่อสู้คล้ายจะคุ้นเคยกับวิชากระบี่ของนางอย่างยิ่ง ท่ามกลางการตอบสนองของคู่ต่อสู้ในทุกกระบวนท่าที่ใช้ไป หลายคนกำลังปิดล้อมและโจมตีเข้ามา สถานการณ์เช่นนี้มีผู้ได้รับาเ็สองคนแล้ว
เหยียนอู๋อวี้ไม่คิดจะต่อสู้กับศัตรูนานเกินไป เมื่อพบช่องโหว่ในวงล้อมจึงรีบฝ่าวงล้อมออกไปทันที นางวิ่งไปข้างหน้า ทว่านางไม่กล้าเข้าไปยังเขตต้องห้ามของวังหลวง ซ้ำร้ายทางข้างหน้ายังมีองครักษ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นางทำได้เพียงต้านทานพวกเขาอย่างเต็มกำลัง
“ฉึก!” ลูกธนูยาวพุ่งแหวกอากาศและมุ่งตรงไปยังร่างของนางเพื่อหมายเอาชีวิต เมื่อนางเห็นว่าไม่อาจหลบได้ทัน เหยียนอู๋อวี้จึงยกมือคว้าองครักษ์มาบังลูกธนูไว้ด้านหน้า ลูกธนูยาวแทงทะลุร่างขององครักษ์ผู้นั้นโดยไม่ทันตั้งตัว กระนั้นปลายธนูยังคงแทงทะลุไปถึงหัวไหล่ของนาง
เหยียนอู๋อวี้ผลักองครักษ์ออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงลูกธนูออกจากร่างนาง เืสีดำพุ่งออกมาจากไหล่ของนางด้วยความเ็ปอย่างแสนสาหัส
หากล่าช้าเพียงเล็กน้อยย่อมสูญเสียโอกาสที่จะหลบหนี นางจึงทำได้เพียงต่อสู้โดยไม่คิดชีวิต
อย่างไรก็ตามนางในขณะนี้มิใช่อวิ๋นอู๋เหยียนในอดีต หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด นางค่อยๆ หมดแรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ที่นางได้รับาเ็สาหัส คู่ต่อสู้เองก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการต่อสู้พวกเขายังมีความได้เปรียบ
เืสีดำบนไหล่ของนางยังไหลไม่หยุด สติของเหยียนอู๋อวี้สับสนอยู่เล็กน้อย แม้ว่ามือยังต่อสู้อย่างหนัก ทว่ากลับไม่อาจต้านทานได้อย่างสมบูรณ์
คืนนี้คงเอาชีวิตมาทิ้งไว้ ณ ที่แห่งนี้แล้วจริงๆ
ความเ็ปจากาแเป็กำลังสนับสนุนการตัดสินใจของนาง ทว่ากระบี่ของคู่ต่อสู้กลับขวางอยู่ตรงหน้า......
“ปัง!”
เสียงดังแทรกผ่านท่ามกลางความเงียบบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ควันหนาทึบปกคลุมไปรอบๆ บดบังสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว เหยียนอู๋อวี้รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นคล้ายมีคนอุ้มนางขึ้นมา เดิมทีนางคิดจะต่อต้าน ทว่าน้ำเสียงโทนต่ำกลับพูดว่า “เป็ข้าเอง!”
นี่เป็เสียงที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง ไม่รู้เหตุผลใดที่ทำให้เหยียนอู๋อวี้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จิติญญาที่ต้องต่อสู้ตอบโต้อย่างแข็งแกร่งได้แพร่กระจายออกจากร่างของนางไปพร้อมกับคำสองคำนี้
“ท่าน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?” ขณะที่ร่างกายถูกโอบอุ้มด้วยอ้อมแขนอันอบอุ่นของจวินอู๋เสีย เหยียนอู๋อวี้รู้สึกโล่งใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ในอดีต นางเคยปกป้องเขาั้แ่ยังเป็เด็ก
ยามนี้เขาเติบโตแล้วและเริ่มปกป้องนางครั้งแล้วครั้งเล่า
“เพียงแค่ผ่านมาดู” จวินอู๋เสียเอ่ยพร้อมกับขยับเท้า ร่างกายของเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวสายลม ทิ้งผู้ไล่ตามไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าพวกเขาจะไล่ตามอย่างไรก็ตามไม่ทัน
เสียงนั้นเบาลงเรื่อยๆ และความรู้สึกของเหยียนอู๋อวี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไป
นางรู้ว่าจวินอู๋เสียพานางออกจากสถานการณ์อันตรายด้วยวิชาตัวเบาของเขา องครักษ์เกราะดำเ่าั้ไม่อาจไล่ตามได้ทัน
“จวินอู๋เสีย...…” เหยียนอู๋อวี้กัดฟัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ยามนี้พวกเขาไล่ตามไม่ทันแล้ว เ้าวางข้าลงแล้วข้าจะหาทางกลับด้วยตนเอง”
“ยามนี้เ้าตกอยู่สภาพเช่นนี้ จะกลับไปเองได้อย่างไร?” จวินอู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ทว่ากลับเต็มไปด้วยความกังวลใจ “ในเมื่อข้าช่วยเ้าแล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด”
“หากถูกผู้ใดพบเข้า พวกเราจะต้องเผชิญความยากลำบากอย่างแน่นอน”
นางไม่้าให้จวินอู๋เสียต้องมาเดือดร้อนเพราะเื่ของนาง
“ในเมื่อพวกเราเป็พันธมิตรกัน เื่ของท่านก็คือเื่ของข้า ผลประโยชน์ของท่านก็เป็ผลประโยชน์ของข้าด้วยเช่นกัน หากเกิดเื่ขึ้นกับท่าน เื่ของข้าจะจัดการได้ยากยิ่งขึ้น” จวินอู๋เสียกล่าวโดยไม่ลังเล “ข้าจะส่งท่านกลับไปอย่างปลอดภัย”
ในเมื่อเขายืนกรานอย่างหนักแน่น เหยียนอู๋อวี้จึงไม่อาจเอ่ยอันใดได้อีก
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดนางก็หมดเรี่ยวแรงและหมดสติไป
เมื่อได้สติและตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็อยู่บนเตียงในตำหนักเฟิ่งชัยแล้ว เมื่อป้าโฉ่วเห็นนางลืมตาตื่นขึ้น ความกังวลบนใบหน้าของนางจึงคลี่คลายไปในที่สุด
“ข้ากลับมาได้อย่างไร?” เหยียนอู๋อวี้พยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคอ หลังจากเอ่ยได้ไม่กี่คำกลับรู้สึกไร้กำลังวังชา
“องค์ชายจวิน” ป้าโฉ่วรีบรินน้ำยกขึ้นจรดริมฝีปากของนางพลางเอ่ยอธิบายพร้อมทั้งพยุงร่างของนางเพื่อให้นางดื่มน้ำ
เมื่อคืนป้าโฉ่วกำลังรอนางกลับมาอยู่ที่ห้องนอน ทว่าเวลาที่นัดหมายผ่านไป นางกลับยังไม่ปรากฏตัว ป้าโฉ่วรู้สึกได้ว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นทันที ขณะที่กำลังกังวลใจอย่างถึงที่สุดนั้น คนผู้หนึ่งพลันเปิดหน้าต่างเข้ามา เป็จวินอู๋เสียที่ปรากฏตัวต่อหน้านาง ในอ้อมแขนของเขามีร่างของเหยียนอู๋อวี้ที่นอนหมดสติอยู่
จวินอู๋เสียมิได้อธิบายอันใดมากนัก เพียงบอกนางว่าได้เอาพิษออกจากาแของเหยียนอู๋อวี้แล้วจึงจากไป
ป้าโฉ่วไม่คิดประมาทจึงตรวจดูอีกครั้งทันที จากนั้นจึงโล่งใจ และรักษาาแอย่างระมัดระวังพร้อมกับให้นางทานยา หลังจากนั้นนางเพียงรออย่างกระวนกระวายใจตลอดทั้งคืนจนกระทั่งเหยียนอู๋อวี้ตื่นขึ้น เมื่อเห็นเช่นนี้นางก็โล่งใจ
เหยียนอู๋อวี้ก้มหน้ามองสภาพตนเอง อาภรณ์นางถูกเปลี่ยนแล้ว นางนอนหลับไปหนึ่งคืน ร่างกายยังคงไร้เรี่ยวแรง คงเป็เพราะถูกพิษ ป้าโฉ่วนำอาหารมาให้นางรับประทาน นางจึงหลับไปอีกครั้ง โดยครานี้นอนหลับไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน
โชคดีที่วันนี้ซ่งอี้เฉินอยู่กับอู๋เจาหรงจึงไม่ปรากฏตัว นอกจากนี้ไทเฮายังหาทางออกกับองค์หญิงใหญ่ไม่ได้ด้วยเื่ที่เกี่ยวข้องกับเหยียนรั่วฟาง จากเื่นี้ทำให้เต๋อเฟยถูกลงโทษและทำให้ไทเฮาใช้เป็ข้ออ้างในการตักเตือน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหยียนอู๋อวี้ได้มีโอกาสผ่อนคลายลงบ้าง
หลังจากพักฟื้นมาหลายวัน ในที่สุดเหยียนอู๋อวี้ที่อยู่ในอาการสับสนก็เริ่มแยกแยะสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นโดยละเอียด
ดังคำของโจวหลู่ชิงที่บอกว่า นอกเหนือจากองครักษ์ที่เฝ้าจวนเฉิงเซี่ยงเองแล้ว ยังมีองครักษ์เกราะดำ ซึ่งแม้ว่าคืนนั้นจะปรากฏตัวเพียงไม่กี่คน ทว่ายังทำให้นางต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
ก่อนที่จะไปเดิมทีนางมีความสงสัยอยู่ในใจ ทว่าลูกธนูที่ยิงฝ่าท้องฟ้ายามค่ำคืนและแทงทะลุไหล่ของนางเป็สิ่งยืนยันข้อสงสัยของนาง หากนางเดาไม่ผิด ผู้นำองครักษ์เกราะดำที่สวามิภักดิ์กับเหยียนเฉิงเซี่ยง คงจะเป็กัวจื่อถู ผู้ช่วยที่เก่งที่สุดของนางในอดีต
มีเพียงจื่อถูเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ เขาเป็นักธนูที่เก่งที่สุดในบรรดาองครักษ์เกราะดำ เขาสามารถยิงทะลุร่างของคนสามคนด้วยลูกธนูเพียงดอกเดียว แม้แต่นางก็ยังฝีมือด้อยกว่าถึงสามส่วน
เหตุใดเขาจึงปรากฏตัวในจวนเฉิงเซี่ยง เพราะหนิงหรูอี้กระมัง?
เหยียนรั่วฟางกล่าวว่า กลับไปจะขอให้หนิงหรูอี้ปักผ้าเช็ดหน้าที่สวยงามให้กับฮูหยินเหยียน เป็คำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น ทว่าทุกคนในแคว้นต้าเซวียนต่างรู้ดีว่า หนิงหรูอี้มีฝีมือการเย็บปักถักร้อยเป็อันดับหนึ่งในแผ่นดิน งานปักของนางนั้นเป็ของหายากมีมูลค่าราวกับทองคำพันชั่ง!
อย่างไรก็ตามเื่เหล่านี้มิได้ทำให้เหยียนอู๋อวี้ประหลาดใจ หาก้าเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างราบคาบ การลงมือโจมตีที่ได้เปรียบที่สุดคือการลงมือโจมตีจากภายใน
ใน ‘พันธสัญญาทำลายตระกูลอวิ๋น’ จะต้องมีรายชื่อของผู้ที่นางรู้จักคุ้นเคย เพียงแต่นางไม่ทันได้อ่าน เมื่อมองเพียงครั้งเดียวในคืนนั้น นางเห็นเพียงสองชื่อคือองค์หญิงซ่งอีเสวี่ยและอาลักษณ์อู๋มู่หยวน
องค์หญิงซ่งอีเสวี่ย องค์หญิงใหญ่นางมีส่วนร่วมจริงๆ
ทว่าสิ่งนี้มิใช่เื่ที่เกินความคาดหมายแต่อย่างใด แม้ว่าไม่มีเหตุการณ์นี้ขึ้น องค์หญิงใหญ่เองก็มีเื่คับแค้นใจกับตระกูลอวิ๋นอยู่ก่อนแล้ว
สำหรับอาลักษณ์อู๋มู่หยวน กลับเป็เื่ที่เหนือความคาดหมายนัก
ขุนนางระดับหนึ่งผู้นี้มีตำแหน่งในราชสำนักอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ราวกับว่ามิได้พึ่งพาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทว่ากลับหาประโยชน์ได้กับทั้งสองฝ่าย
เดิมทีเหยียนอู๋อวี้คิดว่าเขาเป็คนของซ่งอี้เฉิน ทว่าฝ่ายที่เขียนพันธสัญญานั้น กลับแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ฝ่ายองค์หญิงใหญ่
เพียงแต่เมื่อคิดเช่นนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผล
ฮวารั่วซีและเหยียนรั่วฟางได้ทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อย กลับถูกองค์หญิงใหญ่ลงโทษจนแทบเอาชีวิตไม่รอด อู๋เจาหรงนั้นวางท่าทีหยิ่งผยองในงานร้อยบุปผา ทว่าองค์หญิงใหญ่กลับไม่สนใจทั้งยังสั่งให้นางติดตามซ่งอี้เฉินกลับไปอีก
นางเห็นซ่งอี้เฉินโปรดปรานอู๋เจาหรงยิ่งนัก ดังนั้นจึงเสาะหาแฝดสาวงามที่มีหน้าตาคล้ายกับอู๋เจาหรง ซึ่งคาดว่าคงจะเป็ญาติจากตระกูลของอาลักษณ์อู๋ ไม่แปลกใจเลยที่อู๋เจาหรงจะดูิ่และขุ่นเคืองอย่างยิ่ง
หากคิดจะกำจัดองค์หญิงใหญ่ เกรงว่าจะต้องเริ่มจากอาลักษณ์อู๋ก่อน เพียงแต่เมื่อเห็นการขัดแย้งกันของสองขั้วอำนาจระหว่างไทเฮากับองค์หญิงใหญ่ในขณะนี้ เหยียนอู๋อวี้รู้สึกว่าเื่ที่ตนต้องทำคือสุมไฟเร่งเร้าพวกเขาอยู่ด้านข้างเป็พอ
ในขณะนางกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ซูอิ่งพลันเข้ามาและเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม “ท่านหญิง เซียวเป่าหลินมาขอพบเ้าค่ะ”
เหยียนอู๋อวี้หยุดคิด นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นางเป็พันธมิตรกับตระกูลเซียว ทว่าตระกูลเซียวคล้ายจะเห็นนางเป็เพียงเบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น
ใน่เวลานี้เซียวเป่าหลินอยู่ใกล้ชิดฮวารั่วซี วันนี้มาหานางต้องมีเื่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเป็แน่