“เอ๋? นี่ก็มีน้ำพุร้อนด้วย?” ชุ่ยจูเดินไปดูข้างหน้า “ก้นน้ำใสมากเลย แต่เล็กไปหน่อย เล็กกว่าหลังเขาบ้านเ้าที่นั่นครึ่งหนึ่งเลย”
เจินจูย่ำอยู่บนหินก้อนเล็กก้อนน้อยเดินสองก้าวไปยังเนินลาด เข้าใกล้แล้วนั่งยองลงพื้น ยื่นมือออกไปััผิวน้ำ ใสสะอาดและอบอุ่นจริงด้วย
“ท่านพี่ เราสร้างบ้านขึ้นตรงนี้ ต่อไปท่านแม่หาบน้ำซักผ้าจะได้สะดวกสบายมาก” ผิงอันโบกมือไปทางบริเวณใกล้ๆ กันแล้ววาดหนึ่งวงกลม
เจินจูได้ฟังคำนั้นก็ะเืใจขึ้นเล็กน้อย
หยัดกายยืนขึ้น สังเกตบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด
“ด้านหน้าเป็แม่น้ำจะหาบน้ำซักผ้าตรงไหนก็สะดวก” ชุ่ยจูชี้ไปที่แม่น้ำผืนใหญ่ด้านหน้า
“แม่น้ำจะดีกว่าน้ำแร่ได้อย่างไร พี่รองนี่ไม่เข้าใจเลย” ผิงอันกลอกลูกตาหนึ่งรอบอย่างว่องไว
“ดื่มน้ำแร่แน่นอนว่าดี แต่ซักผ้าใช้น้ำที่ไหนก็ได้” ผิงซุ่นก็กล่าวประสมโรงด้วย
ชัยภูมิที่นี่กว้างและเรียบ ไม่มีหินก้อนใหญ่หรือหลุมที่เป็แอ่งขนาดใหญ่ จัดระเบียบปรับปรุงพื้นที่ขึ้นมาไม่ยุ่งยาก หากล้อมน้ำพุร้อนไว้ภายในกำแพงลานบ้านด้วย ที่บ้านจะได้ใช้น้ำทั้งสะอาดทั้งสะดวกสบาย ถ้าเป็ไปได้ยังสามารถขุดบ่อน้ำด้านในให้น้ำแร่เข้ามาเลี้ยงปลาปลูกรากบัวได้ ขอแค่เติมน้ำแร่จิติญญาลงไปเล็กน้อยเป็บางครั้ง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเลี้ยงไม่รอดแล้ว เจินจูยิ่งคิดดวงตายิ่งเป็ประกาย
หยิบดินสอถ่านออกมาและหาก้อนหินมารอง หลังจากนั้นวาดแบบแปลนบ้านขึ้น
การวาดภาพของเจินจูยังพอใช้ได้ ตอนเด็กเคยเรียนวาดภาพอยู่สองปี นับไม่ได้ว่าอยู่ในขั้นมีความรู้ความสามารถ แต่วาดภาพวางแผนบ้านยังพอทำได้
หัวถ่านไม้ที่เผาจนดำขีดเขียนลงบนกระดาษสีขาว เวลาไม่นานรูปแบบคร่าวๆ ของบ้านก็เป็รูปเป็ร่างขึ้นมา
“ท่านพี่ ที่ท่านวาดคืออันใดหรือ?” พวกผิงอันสามคนล้อมรอบเจินจูมองด้วยความฉงน
“โครงร่างของบ้าน” เจินจูเงยหน้า เห็นทุกคนแสดงใบหน้าอย่างหาคำตอบไม่ได้ จึงหัวเราะแล้วกล่าว “ก็เป็ลักษณะคร่าวๆ ของบ้านเรา ดูนี่เป็กำแพงลานบ้าน นี่เป็ประตูใหญ่ นี่เป็ห้องหลัก…”
เจินจูก็ไม่ค่อยเข้าใจลักษณะรูปแบบบ้านของยุคนี้เท่าไร ทำได้เพียงใช้ความรู้ที่มีจำกัดของนาง วาดรูปแบบคร่าวๆ ลงไปก่อน ส่วนรายละเอียดต้องกลับไปหารือกับหวังซื่อและหลี่ซื่อแล้วค่อยว่ากัน
“ท่านพี่ ทำไมถึงมีห้องส้วมสองห้อง?” ผิงอันเฉลียวฉลาดมาก พอเจินจูอธิบายเล็กน้อย เขาก็มองลักษณะรูปแบบได้ชัดเจน เขาชี้ภาพโครงร่างหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาทั้งสองด้าน
“ที่บ้านคนมาก สร้างเพิ่มหนึ่งห้องจะได้สะดวกสบายหน่อย” ไม่ใช่แค่สร้างเพิ่มหนึ่งห้อง เจินจูยังคิดจะทำส้วมซึมนั่งยองด้วย ห้องส้วมที่บ้านนางเป็แค่หลุมเอียง พอมองลงไปก็เห็นถึงข้างล่าง ของเสียและหนอนแมลงที่เต็มหลุม บางครั้งมองไปด้วยความไม่ระวังก็สะอิดสะเอียดอยู่ครึ่งค่อนวัน
ไม่เฉพาะแค่ส้วมหลุมของบ้านนางที่เป็เช่นนี้ แต่ละครอบครัวโดยทั่วไปในหมู่บ้านวั้งหลินล้วนเป็ส้วมหลุมแบบนี้เช่นกัน มีบางบ้านแม้กระทั่งส้วมหลุมยังเชื่อมกับคอกหมู แค่คิดก็รู้แล้วว่ากลิ่นนั้นน่ากลัวมากเพียงใด
ส่วนส้วมชักโครกก็ช่างเถิด โครงสร้างสลับซับซ้อนเกินไป หลักการสูบน้ำนางเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ ส้วมนั่งยองเป็เครื่องเคลือบที่ทำโดยการเผาเป็รูปเป็ร่างขึ้นน่าจะไม่ยาก
ตอนพี่สาวกับพี่เขยตกแต่งและปรับปรุงบ้านใหม่ นางก็ไปเลือกซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่ตลาดด้วยกัน เคยเห็นส้วมนั่งยองมาไม่น้อย โครงสร้างเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก น่าจะทำการเผาได้ง่าย
สำรวจดูพื้นที่รกร้างว่างเปล่าคร่าวๆ หนึ่งรอบ สี่คนจึงกลับไปบ้านด้วยความลิงโลด
กลับมาถึงบ้าน หวังซื่อกำลังนั่งอยู่ใต้ชายคาพูดคุยกับหลี่ซื่อ ในมือสองคนยังทำงานเย็บปักถักร้อยไปด้วย
เมื่อเห็นว่าพี่สาวน้องชายกลับมาแล้ว หวังซื่อก็ยิ้มและวางพื้นรองเท้าที่เย็บในมือลง
“ท่านย่า เป็อย่างไร? จับขโมยเมื่อวานได้หรือยังขอรับ?” ผิงอันรู้ว่าหวังซื่อไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้านแต่เช้าตรู่ พอกลับมาจึงรีบถาม
“ยังเลย ทั้งหมู่บ้านมีตั้งกี่ร้อยคน จะจับได้ง่ายดายเช่นนั้นที่ไหนเล่า” หวังซื่อถอนหายใจ “แต่หัวหน้าหมู่บ้านให้ทุกคนคอยสังเกตคนที่มีาแบนขา หากพบว่ามีผู้ต้องสงสัยต้องรายงาน ห้ามทุกคนปกป้องคนผิด เช่นนี้ก็ดีถึงจะจับขโมยขโจรไม่ได้ แต่ระยะนี้เขาคงไม่กล้ามาอีกแล้ว”
“ท่านย่า ไม่ต้องกลัวนะเ้าคะ หากขโมยกล้ามาอีก ข้าจะให้เสี่ยวเฮยข่วนใบหน้าเขาเลย เช่นนี้ก็ดูว่าเขายังจะสามารถหลบไปไหนได้อีก” เจินจูยิ้มแยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่มาจะดีที่สุด แต่ถ้ามาจะให้เ้าเปลี่ยนใบหน้าเป็ลายแมว
“เสี่ยวเฮยทำได้ดีมาก แต่มันตัวเล็กไปนิด แล้วก็ไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา พวกเ้าต้องระวังหน่อย” หวังซื่อร้อนใจเล็กน้อย กว่าที่บ้านจะมีงานหาเงินได้เช่นนี้ไม่ง่ายเลย กลับดึงดูดโจรให้อิจฉาตาร้อน เฮ้อ!
“เข้าใจแล้ว ท่านย่า เสี่ยวเฮยฉลาดปราดเปรื่องมาก ตอนกลางคืนมันอยู่บ้านตลอด และดูคึกคักนัก” เจินจูหัวเราะแล้วปลอบใจให้คลายกังวล
เจินจูหยิบภาพโครงร่างของบ้านที่อยู่ในมือออกมา จูงหวังซื่อเข้าห้องโถง ปรึกษาหารือเื่บ้านใหม่ขึ้น
ฟังการวางสัดส่วนของเจินจูจบ หวังซื่อชะงักงันเล็กน้อย
“เจินจู บ้านเ้ามีแค่สี่คน บ้านนี่ไม่ต้องสร้างห้องเยอะเช่นนี้หรอกกระมัง?” หวังซื่อชี้แบบแปลนแล้วถาม
“ท่านย่า ทุกห้องได้ใช้ประโยชน์นะเ้าคะ ท่านดู ท่านพ่อท่านแม่ข้าหนึ่งห้อง ข้าหนึ่งห้อง ผิงอันหนึ่งห้อง ยู่เซิงหนึ่งห้อง เตรียมให้ท่านปู่กับท่านย่าหนึ่งห้อง พวกเรามีการติดต่อค้าขายกับในเมือง ต้องเตรียมห้องพักแขกเผื่อไว้สองห้อง หากว่ามีเหตุจำเป็ต้องรั้งแขกไว้ หรือต้องโยนห้องของตนเองให้แขกกันเล่า? แล้วยังมีสองห้องเป็ห้องเก็บของในอนาคตกับห้องเก็บสิ่งของทั่วไป อาหารหมักของเราเป็การหมักทีละชุดๆ ต้องมีห้องเพื่อเป็สถานที่จัดวาง ส่วนห้องเก็บสิ่งของทั่วไปก็ยิ่งต้องมีอย่างข้าวโพด ฟักทอง ธัญพืชต่างๆ อาหารหมักอาหารดองแต่ละอย่างล้วนต้องมีที่จัดเก็บใช่หรือไม่เ้าคะ หนึ่งห้องใหญ่ที่สุดนี้เป็ห้องผึ่งอาหารหมักให้แห้ง สี่ด้านเป็หน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวก ทำให้แห้งได้เร็วขึ้น แล้วยังมีห้องครัว ห้องอาบน้ำ เพิงวัว คอกหมู ห้องฟืน ห้องส้วม” เจินจูชี้ประโยชน์ใช้สอยออกมาทีละห้องๆ
หวังซื่อตกตะลึงตาค้างจนกล่าวอะไรไม่ออกอยู่บ้าง ฟังเื่มากมายที่นางพูดก็เหมือนเป็เช่นเจินจูกล่าว แต่คิดไปแล้วก็รู้สึกไม่ถูกต้อง “เจินจู ปู่กับย่าห้องนั้นไม่จำเป็หรอก ย่ารู้ว่าพวกเ้ามีจิตใจที่กตัญญูเช่นนี้ก็พอแล้ว ระยะห่างกับบ้านเก่าใกล้มาก ไม่จำเป็ต้องเก็บหนึ่งห้องนั้นไว้ให้พวกข้าหรอก”
“จำเป็สิเ้าคะ ท่านย่า” เจินจูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต่อไปยิ่งพวกเราทำการค้าขายนานวันเข้ายิ่งต้องใหญ่โตขึ้น ท่านต้องมาลงมือด้วยตนเองตลอดถึงจะถูก อีกอย่างท่านปู่กับท่านย่าอยู่บ้านเก่าเบื่อแล้ว ก็สามารถมาอยู่ที่บ้านข้าระยะหนึ่งได้”
“…” หวังซื่อมองเจินจูที่ใบหน้าไม่มีความลังเลแล้วหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเล็กน้อย บ้านนี้จะอยู่จนเบื่อได้อย่างไร สองบ้านห่างกันใกล้แค่นี้เอง เดินไปทุกวันยังไหว จะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยกันก็ไม่ต่าง
“ท่านย่า ผ่านวันที่สิบห้าไปแล้ว อากาศยังหนาวอยู่่หนึ่งเลย การค้าขายอาหารหมักของพวกเรายังยุ่งอยู่อีกสักพักหนึ่งด้วย กระท่อมกระต่ายทางนี้ของเราก็ต้องมีคนดูแล ท่านพ่อก็ต้องยุ่งอยู่กับงานในที่นา ถึงเวลาที่บ้านยังไม่รู้ว่าจะยุ่งจนเป็อย่างไร ท่านจะมองแล้วไม่สนใจไม่ได้นะเ้าคะ”
เจินจูทำหน้าขรึมนิ้วมือนับทีละอย่างๆ งานมีเยอะจริงๆ ด้วย
“เ้าเด็กคนนี้ ย่าจะไม่สนใจพวกเ้าได้หรือ” หวังซื่อหันมาถลึงตาใส่นาง “ถึงเวลาท่านลุงเ้ากับชุ่ยจูล้วนไปช่วยกันทั้งหมด การเคลื่อนไหวของท่านปู่เ้าก็ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว สามารถช่วยงานได้มากด้วย”
“แหะๆ กำลังคนอาจจะไม่พอ” เจินจูหัวเราะ มือชี้ไปที่แบบแปลน
หวังซื่อมองไปอย่างสงสัย “คอกใหญ่นี่คืออะไร?”
“ท่านย่า ตีนเขาซิ่วซีมีน้ำพุร้อน คุณภาพของน้ำใสสะอาดและหวาน ข้าตั้งใจจะล้อมน้ำพุร้อนไว้ในลานบ้านของพวกเรา ต่อไปพวกเราจะได้ใช้น้ำได้สะดวกสบาย” นางหยุดไปพักหนึ่ง
“อื้ม หมู่บ้านวั้งหลินของเรามีูเาล้อมรอบมาก น้ำพุร้อนก็มีไม่น้อย หากล้อมไว้ในกำแพงลานก็จะใช้น้ำได้สะดวกสบายจริงด้วย” หวังซื่อพยักหน้า
“นี่เป็แค่ประโยชน์ใช้สอยอย่างหนึ่งเท่านั้น ท่านย่า ท่านดู หากพวกเราขุดสระน้ำใหญ่หนึ่งแอ่งกลางลานบ้านแล้วเอาน้ำพุร้อนเข้าไป หลังจากนั้นเลี้ยงปลาและปลูกรากบัวไว้ข้างในก็ได้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งแล้วเ้าค่ะ” เจินจูหัวเราะแล้วกล่าว
“…ขุดสระน้ำ?” หวังซื่อตะลึงใ ขมวดหัวคิ้วขึ้น “เจินจูเอ๋ย รากบัวนี่ไม่ใช่ว่าปลูกกันง่ายดายนะ รากบัวมีราคาสูง รอบข้างหมู่บ้านพวกเราไม่มีคนเคยปลูกเลย ได้ยินว่าเมืองใกล้ๆ มีคนเคยปลูกแต่กล่าวกันว่าปลูกไม่รอด รากบัวผอมลีบผลลัพธ์ที่ได้ไม่มาก ปลูกสองสามปีก็ปลูกได้ไม่ดี แล้วยังขาดทุนจากการปลูกรากบัวด้วย ต่อมาสระน้ำก็ปล่อยรกร้างลง ส่วนความสำเร็จเช่นนั้นก็มีอยู่บ้าง แต่ล้วนเป็สระน้ำของครอบครัวสกุลใหญ่ร่ำรวยทั้งนั้น ที่มีคนเชี่ยวชาญในการปลูกรากบัวมาควบคุมดูแลโดยเฉพาะ พวกเราคงหาคนที่มีความสามารถเช่นนั้นไม่ไหวหรอกกระมัง”
“ท่านย่า ท่านวางใจ เื่ที่ไม่มีความมั่นใจพวกเราจะไม่ทำ เอาเช่นนี้นะเ้าคะ สร้างบ้านขึ้นมาก่อน ส่วนสระน้ำก็รอให้สร้างบ้านเสร็จแล้วค่อยว่ากัน” เอาเื่สระน้ำวางไว้ด้านข้างก่อน สร้างบ้านจึงจะเป็เื่ตรงหน้าที่สำคัญที่สุด
หลังผ่านอาหารมื้อเย็นไปจึงถือโอกาสที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เจินจูหยิบแบบแปลนออกมา ชี้ตำแหน่งอย่างละเอียดแล้วกล่าวออกมาหนึ่งรอบ
หลัวจิ่งมองไปที่แบบแปลนที่ร่างเค้าโครงโดยดินสอถ่านด้วยความรู้สึกค่อนข้างแปลกใหม่ เพียงเหลือบมองแบบแปลนแล้วคิดพิจารณา บนริมฝีปากก็ยังคงรักษาความเงียบงันไว้
หูฉางกุ้ยกับหลี่ซื่อกลับถูกทำให้ประหลาดใจไม่น้อย
“เจิน... เจินจู สร้างห้องมากมายเช่นนี้ต้องจ่ายเงินเท่าไรกัน? หรือไม่ก็ลดห้องให้น้อยลงสักสองสามห้องแค่พออยู่ได้ก็พอ” หูฉางกุ้ยมองบุตรสาวแล้วกล่าวตะกุกตะกัก
เจินจูส่ายศีรษะ เอาคำอธิบายที่กล่าวกับหวังซื่อตอนกลางวันมากล่าวอีกหนึ่งรอบ และชี้ประโยชน์ใช้สอยของทุกห้องออกมา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถน้อยลงได้อีกแล้ว
หูฉางกุ้ยใบหน้ากลัดกลุ้มไปชั่วขณะ เดิมทีเขาคิดว่าครอบครัวตนเองแค่สี่คน เพิ่มยู่เซิงก็เป็ห้าคน วางแผนเต็มๆ ว่าห้าห้องน่าจะพอเพียงแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าเจินจูจะวางแผนเช่นนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจำนวนนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว
นี่ต้องจ่ายเงินเท่าไรจึงจะสามารถสร้างบ้านเสร็จกันเนี่ย
หูฉางกุ้ยปวดใจกับการจ่ายเงิน แต่เงินเหล่านี้ล้วนเป็เงินที่บุตรสาวของตนเองหามา จะใช้อย่างไรเขาก็ตระหนักได้ว่าไม่มีทางหนีทีไล่ให้คัดค้านได้ อีกอย่างที่เจินจูกล่าวมาก็มีเหตุผล รายละเอียดประโยชน์ใช้สอยของบ้านก็ชัดเจนมาก ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็เอาตามวิธีของเจินจูแล้วกัน
หลี่ซื่อฟังเจินจูอธิบายจบ ไม่ได้หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นหูฉางกุ้ย อย่างไรเสียนางก็เคยเป็สาวใช้อยู่ในบ้านครอบครัวใหญ่โตมาหลายปี เคยพบเห็นอยู่หลายส่วน รู้ว่าขนาดลักษณะรูปแบบของบ้านเกี่ยวโยงกับหน้าตาของครอบครัว ปัจจุบันนี้ครอบครัวตนเองทำการค้าขายกับในเมืองระยะยาว เขตที่พักอาศัยภายในบ้านก่อสร้างให้ยิ่งใหญ่และกว้างขวางหน่อยก็ไม่เลวเลย
พอคิดเช่นนี้หลี่ซื่อก็พยักหน้าเห็นด้วยกับแบบแผนของเจินจู
ผิงอันยิ่งไม่ต้องเอ่ย เขาอยากได้หนึ่งห้องที่เป็ของตัวเองอยู่นานแล้ว ผ่านปีไปเขาก็อายุแปดปี แต่ยังนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับสองสามีภรรยา เมื่อก่อนเป็เพราะที่บ้านสภาพลำบากยากแค้นไม่เอื้ออำนวย ตอนนี้มีกำลังความสามารถนั้นแล้ว เป็ธรรมดาที่เขาจะยกสองมือเห็นด้วยให้สร้างสองสามห้องเพิ่ม
พอเป็เช่นนี้สมาชิกในบ้านล้วนเห็นด้วยกับแผนงานแบบแปลนของเจินจู นางก็ยิ้มสว่างเจิดจ้า เพราะสู้รบครั้งแรกก็ประสบชัยชนะเลย
แต่แบบแปลนนี้เป็เพียงฉบับร่าง รายละเอียดที่เป็รูปธรรมยังต้องปรับปรุงนิดหน่อย นางยังคิดจะเอาห้องส้วมกับห้องอาบน้ำรวมไว้เป็ห้องเดียว เช่นนี้ก็ไม่ต้องสร้างห้องอาบน้ำแยกอีก แต่ปัญหาของท่อระบายน้ำออกยังต้องครุ่นคิดอีกเล็กน้อย
วันถัดมาครอบครัวสกุลหูเริ่มยุ่งอยู่กับงานมากขึ้น
อันดับแรกคือเชื้อเชิญหลิ่วฉางผิงมาปรับลักษณะการจัดรูปแบบทิศทางของบ้านอย่างละเอียดเพื่อนำไปใช้ได้จริงให้สมบูรณ์
หลิ่วฉางผิงทำงานรับจ้างชั่วคราวอยู่ข้างนอกมาหลายปี ส่วนใหญ่ล้วนเป็การช่วยเหลือคนสร้างบ้านหรือซ่อมแซมที่พักใหม่ สำหรับลักษณะการจัดรูปแบบตำแหน่งต่างๆ ของบ้านเขายังมีความเข้าใจอยู่มาก
ปัญหาการจัดการระบายน้ำออก สำหรับครอบครัวใหญ่โตร่ำรวยส่วนใหญ่ในยุคนี้ใช้ท่อลักษณะที่เป็เครื่องเคลือบ หรือทำเป็ร่องระบายน้ำโดยออกแบบเอาก้อนหินมาปูเป็พื้นเรียงกัน แน่นอนว่าราคาของท่อที่เป็เครื่องเคลือบย่อมแพงสูงลิ่ว ส่วนร่องระบายน้ำที่ทำด้วยหินต้นทุนจะต่ำลงหน่อย
ห้องส้วมกับห้องอาบน้ำก่อสร้างอยู่ด้วยกัน หลิ่วฉางผิงยังไม่เคยพบเลยจริงๆ แม้ในความเป็จริงคนส่วนใหญ่น่าจะวางโถส้วมไว้ในห้องอาบน้ำก็เถอะ
เจินจูบรรยายโครงสร้างของส้วมนั่งยองให้เขาฟังหนึ่งรอบ แล้ววาดการวางสัดส่วนลงบนกระดาษขาวอีกหนึ่งครั้ง ขอแค่แก้ปัญหาการระบายของเสียออกได้ ห้องส้วมเช่นนี้ก็ประหยัดพื้นที่ลงไปได้อีก