พลังความแข็งแกร่งของนักรบระดับดาวอยู่ในตำแหน่งต่ำสุดของระบบ
การกำหนดพลังระดับสูงหรือต่ำของเหล่านักรบ มาจากระดับการรวมตัวของคลื่นพลังที่พวกเขาควบคุม ในแผ่นดินอาเซรอท ครั้งแรกที่เหล่านักรบฝึกสร้างคลื่นพลังจะปรากฏดาวหนึ่งดวงหมุนรอบศีรษะพวกเขา ดาวสามารถบ่งบอกระดับสูงต่ำของการรวมคลื่นพลังของเหล่านักรบ ซึ่งจะมีจำนวนแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล จำนวนดาวจะมีั้แ่หนึ่งถึงเก้าทุกครั้งที่มีดาวเพิ่มหนึ่งดวง แสดงว่าพลังความแข็งแกร่งมากพอที่จะเลื่อนระดับ
และทุกครั้งที่เลื่อนระดับได้หนึ่งระดับ พลังความแข็งแกร่งของนักรบก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พลังนักรบระดับหนึ่งดาว ถือว่าเป็จุดสูงสุดของนักรบระดับดาว
จากนั้น หากสามารถผ่านจุดสูงสุดของนักรบระดับเก้าดาวได้ ก็สามารถก้าวไปถึงความแข็งแกร่งระดับพระจันทร์ แต่ว่ามันยากมากที่จะก้าวผ่านไปได้ หกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของนักรบในแผ่นดินอาเซรอทจะหยุดอยู่ในระดับเก้าดาว ตลอดชีวิตไม่สามารถที่จะก้าวพ้นระดับนี้ไปได้
ก้าวข้ามระดับดาวได้ก็จะเป็ระดับจันทรา
บนแผ่นดินอาเซรอท เมื่อนักรบสามารถก้าวเข้าไปสู่ระดับจันทราก็ถือว่าเป็ปรมาจารย์และสามารถที่จะเลือกเส้นทางการฝึกตนแตกต่างกันไป หากเป็นักรบแห่งโชคชะตาจะมีอาวุธเป็หัวใจหลักในการฝึก ถ้าเลือกนักรบสัตว์อสูรก็จะต้องสร้างพันธสัญญากับเหล่าสัตว์อสูร แน่นอนว่ายังมีการบ่มเพาะให้เลือกมากมาย
นักรบระดับจันทราถือว่าเป็บุคคลที่มีอิทธิพลสูง
พวกเขาจะได้รับความชื่นชอบจากราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อย่างง่ายดาย อาภรณ์ไหมชั้นดี เงินตรา และอำนาจไม่เคยขาดมือ แค่พวกเขายินดี ก็ได้รับตำแหน่งและศักดินาของชนชั้นสูงเพียงเหนื่อยยกมือขึ้นบอกเท่านั้น
หลังจากระดับจันทราก็จะเป็ระดับสุริยะ
นักรบที่อยู่ในระดับสุริยะเทียบเท่าได้กับพระเ้า แต่มันก็มีอยู่ในตำนานเท่านั้น เมืองแซมบอร์ดตั้งอยู่ในละแวกป่าเขา อย่าว่าแต่เคยเห็นเลย แม้แต่ฟังก็ไม่เคย
นี่ก็คือเส้นทางนักรบของแผ่นดินอาเซรอท
แต่พลังความแข็งแกร่งที่ซุนเฟยแสดงออกมาตอนนี้ กลับล้มล้างความรู้ของทุกคนเื่ความแข็งแกร่งของนักรบ
ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าพลังแบบนี้คืออะไรกันแน่ ไม่มีคลื่นพลังปรากฏออกมาเลยสักนิด แต่ทำไมเพียงชก นักรบระดับสองดาวที่มีคลื่นพลังแข็งแกร่งกลับตายได้เพียงชั่วพริบตา?
ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย ในฐานะที่เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง แลมพาร์ดนักรบระดับสามดาวก็ตกอยู่ในภวังค์ความสับสนเช่นกัน เหลือเชื่อจริงๆ ดูเหมือนว่าอเล็กซานเดอร์จะเอาชนะคอนก้าเพียงพริบตาได้โดยอาศัยแค่พละกำลังเท่านั้น...แต่พละกำลังอะไรกันนะที่แข็งแกร่งจนสามารถสู้กับคลื่นพลังได้?
มีเพียงบรู๊คเท่านั้นที่เดา ‘ความจริง’ ได้ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น นี่เป็พลังของพระเ้า ต้องเป็พลังของพระเ้าที่อยู่ในกายขององค์าาอเล็กซานเดอร์แน่ๆ
ผีอั่งเปาเฒ่าอย่างบาร์เซิลซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน
เมื่อเห็นฉากเมื่อกี้ ใบหน้าเขาพลันมืดครึ้มไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา
แต่ในใจของบาร์เซิลอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าไอ้เด็กปัญญาอ่อนนี่ไม่เพียงจะกลับมาเป็ปกติ พละกำลังก็เปลี่ยนไปด้วย ช่างน่าแปลกใจเสียจริง...ดูเหมือนว่าแผนของเขาจำเป็ต้องเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไม่อาจล่าช้าได้อีกแล้ว
ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง หากมีเข็มร่วงลงบนกำแพง ในเวลานี้คงได้ยินกันหมด
ชั่วพริบตาที่ซุนเฟยสังหารคอนก้า ในใจของเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะเขาเพิ่งพบว่าพละกำลังตัวเองเหมือนกับว่าได้ยกระดับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับการต่อสู้เมื่อวานนี้ คิดไปคิดมา คิดว่านี่น่าจะเป็ผลมาจากการอัพเลเวลของคนเถื่อนในโลก Diablo จากเลเวล 5 เป็เลเวล 7
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาวิเคราะห์รายละเอียดเื่พวกนี้
เขาหันหลังกลับมาทันทีพร้อมทั้งดึงกระบี่ที่ห้อยไว้ข้างเอวออกมาจนได้ยินเสียงดัง ‘ชิ้ง’ จากนั้นก็ะโเรียกเสียงดัง “เพียร์ซ เ้าอยู่ไหน?”
เพียร์ซตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาเข้าใจความหมายที่ซุนเฟยกล่าว เขารีบเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้าซุนเฟย “ฝ่าา ข้าอยู่นี่ขอรับ”
“เมื่อวานเ้าได้ทำลายบันไดยึดเมืองของศัตรูถึงสองอัน ถือว่าสร้างคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนี้ข้าในนามขององค์าา จะขอแต่งตั้งให้เ้าเป็ตุลาการทหารคนใหม่ของเมืองแซมบอร์ด รับ 'กระบี่าา' เล่มนี่ไป จงคอยเฝ้าดูการรบปกป้องเมือง หากมีใครกล้าไม่เชื่อฟังหรือหนีทัพก็ปะามันเดี๋ยวนั้นเลย...รวมถึงข้าด้วย หากในการต่อสู้ครั้งนี้ข้าถอยหนีไปแม้แต่ก้าวเดียว เ้าจงใช้ 'กระบี่าา' เล่มนี้แทงขั้วหัวใจข้าซะ!”
ซุนเฟยส่งกระบี่ในมือให้เพียร์ซที่อยู่ด้านหน้า
การกระทำนี้ ความจริงซุนเฟยเลียนแบบความคิดนี้มาจากหนังแนวาในโลกเก่า ก่อนการสู้รบ กฎของกองทัพกับขวัญกำลังใจทหารสำคัญไม่แพ้กัน เมื่อวานที่ซุนเฟยร่วมการต่อสู้แสดงอิทธิฤทธิ์รักษาาแระดับพระเ้า การกระทำเหล่านี้ก็เพื่อกระตุ้นขวัญกำลังใจทหาร และตอนนี้สังหารตุลาการทหารคอนก้าก็มอบ 'กระบี่าา' ที่เป็กระบี่อาญา ซึ่งสามารถปะาก่อนค่อยกราบทูลทีหลังให้แก่เพียร์ซ เป็การสร้างอำนาจและระเบียบวินัยทหาร
การใช้พระเดชพระคุณควบคู่กันไปถึงเป็สิ่งที่าาควรทำ
เพียร์ซนิ่งอึ้งก่อนจะตัดสินใจรับ 'กระบี่าา' มาถือในที่สุด พร้อมกล่าวเสียงดังว่า “น้อมรับพระบัญชาขอรับ” พูดจบ เขาก็ะโขึ้นไปที่ผนังหัวมุม จากนั้นก็ชูกระบี่าาขึ้นเหนือหัวแล้วะโออกมาเสียงดังเหมือนสิงโตคำรามว่า “เหล่าพี่น้องของข้า จงสู้! เพื่อองค์าาอเล็กซานเดอร์ของพวกเรา...สู้!”
เหล่าทหารที่ขวัญกำลังใจกำลังลุกโชนก็ถูกคำพูดห้าวหาญของเพียร์ซปลุกเร้าขึ้นมาจนท่วมท้น
ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นทั่วกำแพงเมืองแซมบอร์ด
เสียงดาบ กระบี่กระทบโล่และชุดเกราะ เสียงหอกกระแทกพื้นหินกำแพงเมือง...ทุกคนต่างเืเดือดพล่าน ทหารใช้วิธีนี้แสดงความศรัทธาและสนับสนุนต่อองค์าาของพวกเขา
นี่คือาาของเมืองแซมบอร์ด!
าาที่แท้จริง!
ถ้าเป็เมื่อสิบนาทีก่อน ยังมีคนจำนวนมากที่ยังมีข้อสงสัยต่อข่าวลือมหัศจรรย์เกินจริงเมื่อวานนี้ แต่ตอนนี้ความสงสัยทั้งหมดได้หายไปในทันที
ไม่สงสัยอีกแล้ว
คำสั่งและการกระทำของซุนเฟยเมื่อครู่นี้ได้สั่นะเืจิตใจของทหารบนกำแพงทุกคน โดยเฉพาะคำพูดที่ถามคอนก้าด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธนั้น ทำให้เหล่าทหารที่าเ็และตรากตรำเฝ้ายามทั้งวันทั้งคืนต่างเดือดพล่าน บนแผ่นดินอาเซรอท หลายครั้งที่การกระทำอันเรียบง่ายก็ได้ผลมากกว่าการให้รางวัลหรือคำสัญญาเสียอีก องค์าาแบบนี้คุ้มค่าที่พวกเขาจะยอมตายแทนได้!
เลขานุการบาร์เซิลที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
ในดวงตามีประกายความเ็าแล่นผ่าน ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ซุนเฟยโบกมือ บนกำแพงพลันเงียบลง
เหล่าทหารจ้องมองมาที่เขา พวกเขากำลังรอรับสั่งจากาา
ซุนเฟยกวาดสายตามอง ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเปิดปากถาม “พัศดีโอเลเกร์ทำไมยังมาไม่ถึงอีก?”
“ฝ่าา ข้าอยู่ตรงนี้ ข้าอยู่ที่นี่...”
ก็มีเงาร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากฝูงชน เดินออกมาได้สองสามก้าวก็คุกเข่าลง “องค์าาอเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อข้าโอเลเกร์ได้รับคำสั่งจากพระองค์ก็รีบตรงมาที่นี่...ข้าชื่นชมท่านจริงๆ องค์าาหนุ่มผู้เกรียงไกรของข้า!”
นี่ก็คือพัศดีโอเลเกร์
ที่จริงเขามาช้านิดหน่อย แต่ก็มาทันฉากตอนที่ตุลาการทหารคอนก้าได้จบชีวิตลง เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยกระทำต่ออเล็กซานเดอร์ในอดีต โอเลเกร์ก็รู้สึกหนาวสันหลัง เดิมทีเขายังอยากซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนต่อ แต่ใครจะรู้ว่าาาอเล็กซานเดอร์จะมีรับสั่งเรียกหาตน โอเลเกร์ไม่กล้าละเลยแม้สักนิด รีบเดินออกมาด้วยใจเป็กังวลแล้วคุกเข่าอย่างรวดเร็ว
แม้กระทั่งอยากจะจูบแทบเท้าของาาเสียด้วยซ้ำ
แต่...
ชิ้ง!
เสียงดาบกระบี่ดังขึ้นพร้อมแสงสะท้อนหนาวเหน็บแยงเข้าตา
บรู๊คและเพียร์ซรีบถลันกายเข้ามาด้านหน้าเพื่อปกป้องซุนเฟย ดาบและกระบี่ในมือของเหล่าทหารรอบๆ ก็เบนมาทางโอเลเกร์ เหล่าทหารตั้งกำแพงดาบขึ้นมา ไม่อนุญาตให้เขาเข้าใกล้าาอีก
เมื่อกี้เพราะปล่อยให้คอนก้าเข้าใกล้ฝ่าาได้ง่ายๆ จึงก่อให้เกิดอันตรายต่อฝ่าา ถึงแม้ว่าาาจะทรงพลังและสังหารคอนก้าอย่างง่ายดาย แต่ในฐานะทหารองค์รักษ์ของฝ่าา ความผิดนี้พวกเขาไม่อาจรับการอภัยได้ง่ายๆ แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดซ้ำเด็ดขาด
โอเลเกร์ถูกขู่ใกลัวจนหน้าซีด
เขาก้มหัวโขกพื้นซ้ำๆ พลางละล่ำละลักพูดว่า “ฝ่าา ฝ่าาโปรดเมตตา...ข้าไม่เหมือนกับคอนก้า...ข้าจงรักภักดีต่อฝ่าา ข้ายินดีจะทำทุกอย่างเพื่อฝ่าา...ข้าเป็ข้ารับใช้ที่ต่ำต้อยของฝ่าา คำสั่งของฝ่าาคือความหมายในการดำเนินชีวิตของข้า ข้า...”
ซุนเฟยขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ
พัศดีโอเลเกร์มีส่วนสูงแค่ร้อยหกสิบเิเ หัวเหม่งทั้งยังมีเคราเต็มหน้าและมีรอยแผลเป็บนหน้าผาก ร่างกายกำยำแข็งแรง รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนตัวละครที่เ้าเล่ห์ดุร้าย แต่ไม่คิดว่าจะเป็พวกประจบสอพลอ
คนเ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อนแบบนี้จะมีความสามารถเป็พัศดีพิจารณาตัดสินคดีของเมืองแซมบอร์ดได้เหรอ?
ซุนเฟยรู้สึกสงสัย
“เอาเถอะ เ้าลุกขึ้นซะ...” ซุนเฟยแสดงท่าทางให้เหล่าทหารลดอาวุธลงก่อนจะเดินไปหาโอเลเกร์แล้วพูดว่า “คำพูดไร้สาระมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับข้า หากคำสั่งของข้าคือความหมายในการดำรงชีวิตของเ้าก็จงลุกขึ้นมาแล้วหยิบอาวุธ และสู้ปกป้องเมืองแซมบอร์ดซะ! เ้าเป็นักรบระดับหนึ่งดาวใช่ไหม? ดูนั่น...” ซุนเฟยชี้ไปทางจุดที่ข้าศึกนำบันไดยึดเมืองมาเมื่อวานตรงนั้นถูกเขาใช้ขวานฟันป้อมกำแพงตกลงมาจนปรากฏช่องว่างหนึ่งขึ้นมา “ในาครั้งนี้ เ้าจะต้องรักษาช่องว่างนี้อย่าให้ข้าศึกเข้าไปได้ เข้าใจไหม?”
โอเลเกร์หันไปมองตรงช่องนั้นตามที่ซุนเฟยชี้ ในใจก็รู้เลยว่าหากาเริ่มขึ้นเมื่อไร ตรงจุดนั้นจะเป็จุดที่การต่อสู้รุนแรงที่สุด ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นักรบระดับหนึ่งดาว แต่หากคิดจะป้องกันตรงจุดนั้นก็เกรงว่าคงต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงพอสมควรถึงจะปกป้องไว้ได้
แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งนี้ได้
หลังจากที่อเล็กซานเดอร์กลับมาเป็ปกติก็มีพลังน่าเกรงขามมากพอที่จะทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว โอเลเกร์รู้ดีว่าหากตอนนี้ตนเองกล้าปฏิเสธออกมา แค่พริบตาเดียวก็คงจะถูกตรึงเป็ไม้กางเขนบนกำแพงเหมือนคอนก้าแน่ๆ
“น้อมรับพระบัญชาขอรับ องค์าาผู้ยิ่งใหญ่ของข้า ข้าน้อยโอเลเกร์จะสู้ตายในสนามรบ หากข้าปกป้องช่องว่างนั้นอยู่ ข้าศึกตนไหนก็อย่าหวังจะได้เข้าใกล้ฝ่าาแม้แต่ก้าวเดียว!”
โอเลเกร์ปวดร้าวทั่วหัวใจในขณะที่กัดฟันน้อมรับคำสั่ง
เขารู้ว่าวันนี้หากไม่สามารถคิดหาวิธีได้รับการโปรดปรานจากาาหนุ่มตรงหน้า แม้แต่ตำแหน่งพัศดีของตัวเองก็คงต้องจบลง ขณะที่รับปากด้วยนิสัยที่เคยชินจึงประจบสอพลอออกมาด้วย
ซุนเฟยรีบถอยห่างออกมาเล็กน้อยด้วยความสะอิดสะเอียน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้