พูดจบูเี่อันก็หันหลังวิ่งกลับออฟฟิศแผนกนิติเวชทันที เสียงหัวเราะอย่างล้อเลียนดังมาจากด้านหลังไม่ขาดสาย พวงแก้มสองข้างของเธอแดงก่ำไปหมด เธอนั่งแอบอยู่ข้างหลังจอคอมพิวเตอร์ เงาที่สะท้อนออกมาจากจอตรงหน้าเห็นได้ชัดว่าหน้าเธอกำลังแดงแค่ไหน
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เป๋าเหยียนจะมาหาเธอที่นี่ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังเจอหน้าเขาเธอกลับลืมความเหนื่อยล้าไปเสียหมด
สำหรับเธอเช้านี้ช่างเป็เช้าที่สดใส
เจียงเส้าข่ายที่เดินกลับเข้ามาจากด้านนอก เขาเห็นูเี่อันนั่งจ้องเงาตัวเองอย่างเหม่อลอย ดวงตาทอประกายซ่อนความสุขเอาไว้ไม่มิด
“เมื่อกี้เธอบ่นเื่งานให้เขาฟัง” เขาพูดอย่างมีนัย
“หา?” ูเี่อันงง
“เวลามีคดีใหญ่พวกเรามักจะเหนื่อยกันอยู่แล้ว นี่ก็ลำบากด้วยกันมาจะเป็ปี” เจียงเส้าข่ายค่อยๆ อธิบาย “แม้แต่กับพี่ชายเธอยังไม่เคยบ่น แต่เมื่อกี้ตอนเธอเจอลู่เป๋าเหยียน เธอบ่นแบบอ้อนๆ กับเขาว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลยทั้งคืน”
“...” เหมือนจะใช่จริงด้วย ูเี่อันคิด
“จะให้ฉันจำลองสถานการณ์เมื่อกี้ แบบเดียวกับสารวัตรเหยียนกับเสียวอิ่งให้เธอดูอีกรอบไหมล่ะ เธอจะได้เห็นว่าสีหน้าตัวเองเมื่อกี้ดูอ้อนเขาขนาดไหน” เจียงเส้าข่ายพูดอย่างลองเชิง
“น่าเบื่อจะตาย” ูเี่อันเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ
เมื่อกี้ทำไมเธอต้องบ่นกับเขาด้วยนะ?
หรือว่าลึกๆ ในใจเธอแล้ว ตอนนี้เธอพึ่งพาลู่เป๋าเหยียนมากกว่าซูอี้เฉิงเสียอีก?
เป็ไปไม่ได้ อย่าว่าแต่ซูอี้เฉิงเลย แม้แต่เจียงเส้าข่ายเขาก็ยังเทียบไม่ติด แบบนี้สิถึงจะถูก!
ขณะทีู่เี่อันกำลังสับสนในความคิดตัวเองอยู่นั้น ก็มีเสียงฮือฮาจากเพื่อนร่วมงานดังเข้ามาจากด้านนอก นั่นก็เพราะอาหารจากจุยเยว่จวี้มาส่งแล้ว และตอนนี้อาหารทั้งหมดก็ได้ถูกจัดเรียงไว้จนเกือบค่อนโต๊ะประชุม
“พอดีเลย!” สารวัตรเหยียนรีบกวักมือเรียกทุกคน “มาๆ กินไปประชุมไปแล้วกันนะ”
แต่ละคนเริ่มหย่อนกายลงนั่ง เสียวอิ่งเริ่มพูดขึ้นมาว่า “ปกติจุยเยว่จวี้ไม่ส่งอาหารนอกสถานที่ แล้วปกติจะกินมื้อเช้าที่นั่นต้องจองล่วงหน้าเป็ครึ่งเดือน แต่ของพวกนี้ถูกส่งมาภายในครึ่งชั่วโมงสุดยอดไปเลย”
“เจี่ยนอัน อีกหน่อยถ้าฉันติดตามเธอไปจะมีข้าวให้กินทุกมื้อหรือเปล่า”
ูเี่อันคีบเสี่ยวหลงเปาจิ้มซอสสีหน้านิ่ง “จากรอยแผลบนร่างของเหยื่อทั้งหกคน แสดงให้เห็นว่าเหยื่อถูกทรมานก่อนเสียชีวิต หากคนร้ายไม่ใช่พวกโรคจิต ก็คงเป็คนที่มีความแค้นฝังลึกกับครอบครัวนี้...”
ูเี่อันลากทุกคนกลับเข้ามาเื่งาน เวลาเธอเอาจริงขึ้นว่าแม้แต่สารวัตรเหยียนเองก็ไม่กล้าขัด ทุกคนจึงเลิกพูดหยอกล้อแล้วเริ่มตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง
ูเี่อันนึกว่าสักบ่ายสองบ่ายสามงานก็น่าจะซาลงแล้ว ทว่ายิ่งสืบก็ยิ่งพบเจอเบาะแสบ่งชี้ว่าฆาตกรน่าจะเป็คนใกล้ตัว ตอนนี้พวกเธอตีกรอบคนร้ายได้แคบลงมาก หากเพียงสืบต่อไปอีกสักนิด คาดว่าจะจับตัวคนร้ายที่ฆ่าคนไปถึงหกคนใน่ข้ามคืนได้ในไม่ช้า
คิดได้ดังนั้นเธอก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไป แถมยังเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
ตกบ่าย หลังจากสอบปากคำพยานและวิเคราะห์สถานการณ์ ฆาตกรได้ถูกชี้ชัด ตอนนี้ได้ส่งทีมตำรวจไปตามจับกุมเป็ที่เรียบร้อย งานของเธอกับเจียงเส้าข่ายจึงได้จบลง
เสียงจากหอนาฬิกาข้างแม่น้ำดังก้องกังวานห้าครั้ง เพื่อบอกเวลาว่าตอนนี้ห้าโมงแล้ว ูเี่อันถอนหายใจแล้วจึงปิดคอมพิวเตอร์และเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อย ตอนนั้นเองก็มีเสียงเรียกเธอดังมาจากข้างนอก
“เจี่ยนอัน ดูสิใครมา!”
เธอมองออกไปก็พบกับชายร่างสูงโปร่งยืนอยู่ เขาถอดสูทและเนกไทออกไปแล้ว กระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตก็ได้ถูกปลดออก ทำให้เขาในตอนนี้ดูดีและเป็กันเองกว่าเมื่อเช้าเสียอีก
เขาคือคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตแล้วหล่อเหลาดีต่อใจมากที่สุดั้แ่เธอเคยเจอมา ตอนที่เขาเดินเข้ามา สายตาของหญิงสาวทุกคนต่างส่องประกายวาววับกันถ้วนหน้า
ูเี่อันยังคงอึ้ง จนกระทั่งเขาเดินมาข้างหน้าเธอ
“ไปกันได้หรือยัง”
“...อืม” ผ่านไปสักพักูเี่อันถึงพยักหน้าตอบกลับไป
ลู่เป๋าเหยียนกุมมือเธออย่างเป็ธรรมชาติ แล้วจึงจูงเธอเดินผ่านออฟฟิศด้านนอกออกจากสถานีตำรวจไป
รถของเขาจอดอยู่หน้าประตู ูเี่อันขึ้นไปนั่งบนรถ มองลู่เป๋าเหยียนเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่ง แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า
“นายมาได้ยังไง”
“ผู้กำกับบอกว่าเธอน่าจะเลิกงานเวลาประมาณนี้”
“นายรู้จักกับผู้กำกับที่นี่?” ูเี่อันตาโต
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้ว เขาไม่ปฏิเสธหรือตอบรับ
ูเี่อันจ้องเขาและถามต่อ “แล้วไงต่อ? นายเพิ่งเลิกงานพอดี ขับรถผ่านมาทางนี้พอดี เหมือนกับคราวที่แล้วที่ฉันถูกดักทำร้าย นายบอกฉันว่า บังเอิญเจอฉันตอนเลิกงานพอดีอีกหรือเปล่า”
น้ำเสียงของเธอดูแปลกไป ลู่เป๋าเหยียนหันไปมองหน้าเธอก็พบว่า ปีศาจน้อยของเขากำลังมองเขาด้วยสายตาวิบวับปนขำ ราวกับมองทะลุปรุโปร่งหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เขาหรี่ตามองเธอ
“เธอไปรู้อะไรมา?”
“ทายสิ!” เธอปิดตาแล้วเอนหลังพิงเบาะ มุมปากยังคงแย้มยิ้ม
ที่จริงเดาได้ไม่ยากเลย ตอนนั้นคนที่รับโทรศัพท์คือเสิ่นเยว่ชวน เสิ่นเยว่ชวนคงบอกว่าเขากำลังประชุมอยู่ ถ้าซูอี้เฉิงบอกเื่นี้กับเธอล่ะก็ ูเี่อันก็น่าจะรู้ความจริงที่ว่า เขาใช้คำว่า “บังเอิญเจอหลังเลิกงาน” มาเป็ข้ออ้างเท่านั้น
เธอคงรู้หมดแล้ว รู้เหมือนที่รู้ว่าทำไมเขาถึงมารับเธอวันนี้
ลู่เป๋าเหยียนหันไปมองเธอ กลับพบว่าเธอได้หลับไปแล้ว ศีรษะของเธอพิงอยู่กับกระจก หน้าตาดูอ่อนเพลียเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงาน
เขานำรถเข้าไปจอดที่ข้างทาง แล้วหยิบเสื้อคลุมมาคลุมให้เธอ จากนั้นจึงขับรถขึ้นทางด่วนเพื่อกลับบ้านทันที
รถเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยประสิทธิภาพอันเหนือชั้นของ ONE 77 ลู่เป๋าเหยียนหันมามองคนที่หลับสบายอย่างูเี่อันเป็พักๆ มุมปากของเธอแย้มยิ้มเล็กน้อยอย่างเป็สุข
เขาไม่เคยขับรถคันนี้แล้วให้ความรู้สึกดีเท่านี้มาก่อน
เมื่อถึงหน้าประตูบ้าน ลู่เป๋าเหยียนก็ยังไม่ปลุกูเี่อันขึ้นมา เธอในตอนนี้เหมือนสัตว์ตัวน้อยๆ ที่กำลังจำศีลในหน้าหนาว นอนอย่างลืมวันลืมคืนระหว่างรอให้ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน
ลู่เป๋าเหยียนมองคนตัวเล็กที่ขดตัวอยู่ในเสื้อคลุมของเขา ความรู้สึกที่ว่าเธอคนนี้เป็ของเขาผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ใจแข็งพอที่จะปลุกเธอให้ตื่นขึ้น จึงตัดสินใจเดินไปเปิดประตูรถแล้วค่อยๆ อุ้มเธอลงมา
แต่เขาคงนึกไม่ถึงว่า ถังอวี้หลันได้มาที่บ้าน และตอนนี้กำลังนั่งรออยู่ในห้องรับแขกแล้ว
ถังอวี้หลันเห็นลู่เป๋าเหยียนอุ้มูเี่อันเข้ามา จึงรีบวิ่งเข้ามาถามอย่างร้อนใจ
“เจี่ยนอันเป็อะไรไปลูก”
“เธอไม่เป็อะไรหรอกครับ” ลู่เป๋าเหยียนพูดให้ถังอวี้หลันสบายใจ “ก็แค่หลับไปเท่านั้น”
“เมื่อคืนคงทำงานโต้รุ่งสินะ น่าสงสารจริง” สายตาของถังอวี้หลันเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย “รีบพาเธอไปนอนที่ห้องเถอะ”
ลู่เป๋าเหยียนอุ้มูเี่อันขึ้นไปข้างบน ขณะที่กำลังจะเลี้ยวเข้าไปในห้องนอนเธอนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าถังอวี้หลันเดินตามมาอยู่ด้านหลัง จึงต้องอุ้มูเี่อันเข้าไปในห้องตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
ถังอวี้หลันช่วยลู่เป๋าเหยียนจัดท่าทางใหู้เี่อันนอนอย่างสบาย ูเี่อันเองก็ดูเหมือนคุ้นเคยกับที่นี่อย่างมาก พอััเตียงก็ม้วนตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม ตะแคงตัวเข้าไปกอดหมอนข้างของลู่เป๋าเหยียนอย่างสบายใจ ถังอวี้หลันจึงไม่ติดใจอะไร เธอไม่แม้แต่จะสงสัยว่าทำไมในห้องนี้ถึงไม่มีของของูเี่อันเลยสักชิ้น เธอคิดเพียงแต่ไม่อยากรบกวนูเี่อันตอนพักผ่อน จึงรีบจูงลูกชายลงไปข้างล่าง
“แม่ครับ มีอะไรหรือเปล่าถึงมาที่นี่” ลู่เป๋าเหยียนถาม
่นี้ลุงสวีมักรายงานเธอว่าลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันไปกันได้ดี ทำให้เธอชักจะสงสัย เลยกะจะมาดูด้วยตาตัวเองโดยไม่บอกใครก่อน แต่จากภาพเมื่อกี้ เธอคงต้องเชื่อคำพูดของลุงสวีแล้วจริงๆ
แน่นอนว่าเื่นี้ถังอวี้หลันไม่มีทางพูดออกไป เธอจิบชาแล้วบอกว่า
“ตอนแรกแม่มีเื่ที่จะต้องคุยกับพวกลูก แต่เห็นเจี่ยนอันหลับแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยแล้วกัน” ว่าแล้วเธอก็หันไปมองลุงสวี “ช่วยเตรียมห้องให้ฉันด้วย คืนนี้ฉันคงไม่กลับไปแล้วล่ะ”
ลุงสวีรีบปฏิบัติตามคำสั่ง ลู่เป๋าเหยียนนึกถึงคนที่นอนอยู่ในห้องเขาแล้วขมวดคิ้ว
“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวขึ้นไปดูเจี่ยนอันก่อนนะครับ”
เขากลัวว่าถ้าูเี่อันตื่นขึ้นมาแล้วจะรีบวิ่งมาถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ทีนี้จบกัน ละครทั้งหมดที่ผ่านมาได้ความแตกแน่ๆ แค่รู้ยังไม่เท่าไร แต่เขากลัวว่าหากรู้แล้วแม่จะรับไม่ไหวนี่สิ
“รอเดี๋ยว” ถังอวี้หลันมองหน้าลูกชายยิ้มๆ “ลูกตอบคำถามของแม่ก่อน วันนี้ลูกตั้งใจไปรับเธอใช่หรือเปล่า”
“ครับ” สถานการณ์ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช่ ก็ต้องตอบว่าใช่อยู่แล้ว
รอยยิ้มของถังอวี้หลันยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีก “ทำไมถึงคิดที่จะไปรับเจี่ยนอันล่ะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ขับรถไปทำงานสักหน่อย”
ลู่เป๋าเหยียนรู้ดีว่าคงปิดแม่ไว้ไม่ได้ จึงตอบไปตามจริง
“เมื่อวานเธอไม่ได้นอนทั้งคืน ผมไม่วางใจถ้าเธอจะขับรถเองครับ”
“แม่เข้าใจแล้ว รีบขึ้นไปเถอะจ้ะ” ถังอวี้หลันยกชาขึ้นมาจิบ ยิ้มอย่างพอใจเป็ที่สุด
ลู่เป๋าเหยียนกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าูเี่อันเตะผ้าห่มออกจากตัวอีกแล้ว เธอยังไม่ยอมตื่น ทั้งยังนอนกอดหมอนข้างหลับอย่างมีความสุข
โดนใครจับไปขายตอนนี้ก็คงไม่รู้เื่มั้งเนี่ย
เขาช่วยจัดผ้าห่มให้เธอ แล้วจึงนั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียง เขานั่งมองูเี่อันอยู่ตรงนั้นพลางใช้ความคิด
ทั้งๆ ที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาตั้งใจไปช่วยเธอจากการดักทำร้ายในตอนนั้น ทำไมถึงไม่ถามอะไรสักคำ?
หรือว่า...เธอคิดหาคำตอบให้ตัวเองไปก่อนแล้ว?
จนกระทั่งฟ้ามืด ูเี่อันเตะผ้าห่มไปอีกหลายรอบแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เมื่อถังอวี้หลันเคาะห้องเรียกลู่เป๋าเหยียนไปกินข้าว เขาจึงตอบไปว่า
“เจี่ยนอันยังไม่ตื่นเลยครับ”
ถังอวี้หลันยื่นศีรษะเข้าไปมองูเี่อันแล้วยิ้ม
“แม่ว่า เธอน่าจะหลับจนถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วล่ะ”
หลังจากที่แม่ของูเี่อันเสียไป ถังอวี้หลันก็ติดต่อกับูเี่อันมาโดยตลอด บางทีูเี่อันก็คุยกับเธอเื่งานบ้าง ทำให้เธอรู้ดีถึงนิสัยและความเคยชินบางอย่างของูเี่อัน
ชีวิตที่ใน่หลายปีมานี้ของูเี่อัน ลู่เป๋าเหยียนเองก็รู้รายละเอียดอย่างดี แต่เื่นิสัยขี้เซาของเธอเขาไม่เคยรู้มาก่อน
หลับจนถึงเช้า?
เขาอยากจะเห็นปฏิกิริยาตอนเธอตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงเขาเสียจริง
ถังอวี้หลันหันกลับมาก็พบว่าลูกชายกำลังยิ้ม ยิ้มอย่างรอคอยและคาดหวังอะไรบางอย่าง เป็รอยยิ้มที่พ่อของลู่เป๋าเหยียนเองมักจะส่งยิ้มให้เธอยามที่ยังมีชีวิตอยู่
ถังอวี้หลันจูงมือลูกชาย “แม่ไม่รู้หรอกนะว่าสาเหตุที่ลูกเอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมเจอหน้าเจี่ยนอันคืออะไร แต่อย่างน้อยแม่ก็รู้ว่า ไม่ใช่เพราะลูกเกลียดเธอแน่นอน”
ลู่เป๋าเหยียนหยุดเดิน “แม่ครับ มีบางเื่ที่ผมยังบอกตอนนี้ไม่ได้”
“แม่รู้” แน่นอนว่าถังอวี้หลันรู้ว่าลู่เป๋าเหยียนมีเื่ปิดบังเธออยู่ แต่คนเป็แม่อย่างเธอคงต้องสนับสนุนลูกชายอยู่แล้ว
“พูดได้เมื่อไรค่อยบอกแม่ก็ยังทัน แต่สัญญากับแม่สักเื่นะเป๋าเหยียน เพื่อแม่ เพื่อเจี่ยนอัน ลูกห้ามทำอะไรโง่ๆ เพราะเื่ที่พ่อตายได้ไหม แม่เสียพ่อของลูกไปคนหนึ่งแล้ว แม่ไม่อยากเสียลูกไปอีก อีกอย่าง ตอนนี้ลูกเองก็มีเจี่ยนอันอีกคน”
“ผมจะระวังครับ” ลู่เป๋าเหยียนพูด “แม่วางใจเถอะครับ”
ถังอวี้หลันจับมือลูกชายแน่น แต่สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วค่อยๆ ปล่อยมือ
เธอรู้อะไรมาบ้างเหมือนกัน บางทีเื่นั้นอาจจะเป็สาเหตุที่ลู่เป๋าเหยียนปฏิเสธไม่ยอมเจอูเี่อันก็เป็ได้
แต่เธอเองก็รู้ดีว่า หากลู่เป๋าเหยียนคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่าใครก็คงจะห้ามเขาไว้ไม่ได้