หลังมื้อเย็น ลู่เป๋าเหยียนก็วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารของบริษัทสาขาต่างประเทศไปชั่วโมงกว่า รู้ตัวอีกทีกว่าเขาจะได้ล้มตัวลงนอนก็เกินห้าทุ่มแล้ว
ูเี่อันยังคงกอดหมอนของเขานอนหลับสบายเหมือนเด็กน้อยอยู่เหมือนเดิม
ลู่เป๋าเหยียนค่อยๆ ดึงหมอนออกจากอ้อมกอดเธออย่างระมัดระวัง เธอขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ มือน้อยกวาดซ้ายกวาดขวา พอลู่เป๋าเหยียนล้มตัวลงนอนปุ๊บ เธอก็จับตัวเขาทันทีเหมือนเด็กน้อยที่เจอของเล่นใหม่ เธอเข้ามากอดเขา แถมพาดขาของตนมาทับขาเขาอีก
ถึงวันนี้เธอจะไม่ได้ใส่ชุดนอนสายเดี่ยวเหมือนคราวก่อนก็จริง แต่แค่เธอแนบใบหน้าลงมาพร้อมลมหายใจอุ่นๆ ที่แผงอกแกร่งของเขา ััอ่อนนุ่มที่เผลอมาโดนตัวเขาอย่างไม่รู้ตัว นั่นก็เพียงพอที่ทำให้ลู่เป๋าเหยียนควบคุมตัวเองได้ยากกว่าครั้งไหนๆ เขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เหมือนมีพลังงานบางอย่างภายในร่างกายกำลังก่อตัวขึ้น
แต่เ้าตัวกลับหลับได้หลับดีเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา ลู่เป๋าเหยียนถอนหายใจออกมา พร้อมก้มลงไปประทับตราจูบที่แนวกระดูกไหปลาร้าของเธอก่อนจะลุกไปอาบน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์
หลังเรียกสติตัวเองกลับมาได้ ลู่เป๋าเหยียนก็พบว่าหมอนของเขาได้ถูกขโมยไปอีกแล้ว เขาดึงหมอนกลับมาอย่างอ่อนใจ แตู่เี่อันกลับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียอย่างนั้น เขาจึงโอบเธอให้เข้ามาในอ้อมกอดพร้อมลูบหลังเธอเบาๆ ราวกับกำลังปลอบโยนเด็กน้อยที่เพิ่งพบเจอเื่น่าใ ผ่านไปสักพักเธอถึงคลายปมคิ้วที่ขมวดออกและหลับสบายอีกครั้ง
ทั้งๆ ที่เวลาปกติเธอชอบทำตัวเหมือนปีศาจน้อยที่แข็งแกร่งไม่กลัวใคร แต่ทำไมเวลานอนถึงได้ดูอ่อนไหวตื่นกลัวง่ายขนาดนี้นะ
ลู่เป๋าเหยียนยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าปีศาจน้อยของเขา ช่างดูเหมือนสัตว์น้อยผู้น่าสงสารเสียเหลือเกิน ว่าแล้วจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก
การกระทำนี้ทำให้ปีศาจน้อยเหมือนยิ่งได้ใจ มือเล็กคลำสะเปะสะปะไปมาบนตัวลู่เป๋าเหยียนอยู่สองสามที สุดท้ายจึงกอดเอวเขาไว้อย่างสบายใจ
ปีศาจในตัวเขาที่เพิ่งถูกเขากล่อมให้สงบลงไปเมื่อกี้ ถูกการกระทำของูเี่อันปลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพื่อไม่ให้คนในอ้อมกอดใ เขาจึงทำได้แต่อดกลั้นเอาไว้
ค่ำคืนนี้เป็คืนที่ลู่เป๋าเหยียนข่มตานอนได้ยากลำบากที่สุดในชีวิต
เช้าวันรุ่งขึ้น ูเี่อันค่อยๆ รู้สึกตัว เธอรู้สึกได้ว่าการนอนครั้งนี้เธอหลับไปยาวกว่าครั้งไหนๆ เป็การหลับที่ไร้ซึ่งฝันร้ายและสบายกว่าทุกที
หลังแม่เธอเสียไป เธอไม่เคยได้นอนหลับอย่างสบายใจขนาดนี้มาก่อน
ทว่าเหมือนมีอะไรผิดแปลกไป เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แสนคุ้นเคย...
เธอลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เข้าสู่สายตาเธอคือแผงอกแกร่งของชายชาตรี พอมองขึ้นไปอีกหน่อย นี่มันลู่เป๋าเหยียนนี่หน่า!
เพราะเคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อนแล้ว เธอจึงไม่ได้ใถึงขนาดร้องโวยวายออกมา แต่ทำไมคราวนี้เธอถึงไปกอดเอวเขาได้? ทำไมทั้งตัวเธอถึงแนบชิดกับเขาขนาดนี้ และทำไมเขาเองก็กอดเธอไว้ด้วยละเนี่ย!!!
สมองของูเี่อันหยุดทำงานไปชั่วขณะ
ระหว่างเธอกับลู่เป๋าเหยียน ทำไมถึงได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้?
หลังเรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง ูเี่อันก็รีบผละตัวออกจากลู่เป๋าเหยียนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ลู่เป๋าเหยียนหลับไม่ลึกนัก การกระทำเมื่อครู่ของูเี่อันทำให้เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาขมวดคิ้วและลุกขึ้นนั่ง
ชุดคลุมนอนของเขาถูกผูกไว้อย่างหลวมๆ เผยให้เห็นแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ท่าทางยามตื่นนอนของเขาช่างดูสง่างามเกินคำบรรยาย เหมือนกับเ้าชายผู้สูงศักดิ์ไม่มีผิด
ูเี่อันเผลอมองภานพนั้นจนเกือบหลงเสน่ห์อันเหลือร้ายของเขาไปเสียแล้ว โชคดีที่เธอยังพอมีสติเรียกเสียงตัวเองกลับมาได้อยู่บ้าง เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่กลับถูกลู่เป๋าเหยียนเอามือมาปิดปากไว้
“เบาหน่อย แม่ฉันนอนอยู่ห้องข้างๆ แม่มาั้แ่เย็นเมื่อวาน”
ูเี่อันใช้ความคิดนึกย้อนลำดับเหตุการณ์ ความทรงจำล่าสุดของเธอเมื่อวานคือตอนที่นั่งอยู่บนรถกับเขา อย่าว่าแต่เื่ถังอวี้หลันเลย เธอกลับมาที่บ้านตอนไหนยังจำไม่ได้
หรือว่าเธอจะความจำเสื่อมไปซะแล้ว?
“ลู่เป๋าเหยียน ฉันกลับมาได้ยังไง” เธอถามสีหน้ากังวล
“ฉันแบกเธอกลับมา” ลู่เป๋าเหยียนมองูเี่อันั้แ่หัวจรดเท้า “่นี้เธอกินอะไรเข้าไป หนักขึ้นกว่าเดิมเสียอีก มีอีกเื่ ตอนนี้ฉันให้ลุงสวีล็อกห้องเธอไว้ก่อนชั่วคราวนะ”
พูดจบเขาก็ยืนขึ้นและเดินไปทางห้องน้ำ เธอเข้าใจเื่ราวในทันที ที่แท้เธอนอนั้แ่เมื่อวานยันเช้าวันนี้ มิน่าถึงไม่รู้ว่าถังอวี้หลันมาที่นี่ แต่ว่า...
น้ำหนักเธอไม่ได้เพิ่มขึ้นสักหน่อย เื่นี้เธอมั่นใจมาก ลู่เป๋าเหยียนใส่ร้ายเธอ!
“รอเดี๋ยว” เธอวิ่งเข้าไปขวางหน้าเขา เธอยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ลู่เป๋าเหยียน ได้ข่าวว่านายเป็คนรักความสะอาดมาก ฉันจะบอกอะไรนายให้ ที่จริงเมื่อวานฉันนอนเตียงนายทั้งคืนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยล่ะ~”
ลู่เป๋าเหยียนช็อกไปอย่างที่เธอคิด ูเี่อันยิ้มอย่างสะใจ เธอวิ่งเข้าห้องน้ำตัดหน้าเขาพร้อมแลบลิ้นปลิ้นตาก่อนจะปิดประตูลง
เสียงน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำ ลู่เป๋าเหยียนยิ้มเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้แล้วจึงนั่งบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์
สิบห้านาทีผ่านไป ูเี่อันก็โผล่หน้าออกมาอย่างน่าสงสาร
“ลู่เป๋าเหยียน...”
ลู่เป๋าเหยียนปรายตามองเธออย่างช้าๆ
“มีอะไร”
“ฉันผิดไปแล้ว...” ูเี่อันพูดอย่างสำนึกผิด “ฉันผิดเองจริงๆ ต่อไปฉันจะไม่นอนเตียงนายทั้งๆ ที่ยังไม่อาบน้ำอีกต่อไปแล้ว นายช่วยหยิบเสื้อผ้ามาให้ฉันหน่อยได้ไหม”
เธอผลีผลามเลย เมื่อกี้เธอแค่อยากยั่วโมโหลู่เป๋าเหยียนบ้างเท่านั้นเอง แต่เธอดันลืมไปว่าห้องนี้ไม่มีเสื้อผ้าของเธอสักชิ้น แถมชุดเมื่อกี้ก็เปียกไปหมดแล้วด้วย...
ลู่เป๋าเหยียนนั่งไขว่ห้างพลางตอบว่า
“ห้องเธอถูกล็อกไปแล้ว ฉันเข้าไม่ได้”
“นายก็บอกให้ลุงสวีมาไขสิ!”
“เดี๋ยวแม่ฉันสงสัย”
ูเี่อันอยากจะร้องไห้ “แล้วจะทำยังไงดีล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนถามอย่างหยั่งเชิง “ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่อะไรเลย?”
ูเี่อันพยักหน้าอย่างลืมตัว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า ตาบ้านี่ถามคำถามอะไรไม่รู้ โรคจิต!
หน้าเธอแดงก่ำในพริบตา เธอจ้องหน้าลู่เป๋าเหยียนอย่างเคืองๆ “นายจะช่วยหรือไม่ช่วย!”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ “ถ้าฉันไม่ช่วย เธอกล้าออกมางั้นเหรอ”
“...” แน่นอนว่าูเี่อันไม่กล้า
เธอใช้ความคิดสักพักจึงตัดสินใจใช้ไม้อ่อน
“พี่เป๋าเหยียนคะ...”
เธอทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ดวงตาคู่งามเริ่มมีน้ำตาคลอ พวงแก้มขาวเนียนที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็สีชมพูอ่อน เธอกะพริบตาปริบๆ ราวกับกระต่ายน้อยผู้ถูกทำร้าย ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้คนมองอยากจะ...แกล้งเธออีกสักหน่อย
แต่เมื่อลู่เป๋าเหยียนเผลอจินตนาการถึงภาพเื้ัประตู ก็ถึงกลับกลืนน้ำลาย ว่าแล้วจึงรีบลุกขึ้นเดินไปยังห้องแต่งตัวเพื่อหยิบเสื้อเชิ้ตมาให้เธออย่างกลบเกลื่อน
โดยไม่ทันพูดแม้แต่คำว่า “ขอบคุณ” ูเี่อันก็คว้าเสื้อมาจากมือเขาแล้วรีบใส่ทันที เสื้อเชิ้ตของเขาตัวใหญ่และยาวมาก ูเี่อันรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง จึงเปิดประตูออกไป
เขาไม่เคยให้ใครใส่เสื้อขอตัวเองมาก่อน แต่หลังได้เห็นภาพตรงหน้า วินาทีนี้ลู่เป๋าเหยียนคิดเพียงอย่างเดียวว่า เขาอยากใหู้เี่อันสวมเสื้อเขาแบบนี้ไปทั้งชีวิต
แต่แค่เฉพาะตอนอยู่กับเขาเท่านั้น!
เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่แนบไปกับหุ่นเพรียวบาง คงเพราะว่าแขนเสื้อยาวไปเธอจึงพับมันขึ้นมา กระดุมสองเม็ดบนที่ไม่ได้ติดเผยให้เห็น่คองามระหง เสื้อเชิ้ตที่ถึงแม้จะยาวกว่าตัวเธอมาก แต่ก็ปิดได้เพียงสะโพก ต้นขาเรียวงามของเธอ เสื้อเชิ้ตที่ทิ้งตัวลงบนส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ ทั้งหมดนี่มัน...ท้าทายขีดจำกัดของเขาชัดๆ
ตอนนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของถังอวี้หลัน
“เป๋าเหยียน พวกลูกตื่นกันหรือยังจ๊ะ”
ูเี่อันก้มหน้ามองสภาพตัวเองในตอนนี้ เธอจะให้ถังอวี้หลันเห็นไม่ได้เด็ดขาด! ว่าแล้วจึงรีบขยับปากพูดอย่างไม่ออกเสียงถามลู่เป๋าเหยียนว่า
“ทำไงดี”
ลู่เป๋าเหยียนจับมือูเี่อันแล้วลากให้เธอเข้าไปใต้ผ้าห่ม จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตู
ถังอวี้หลันยืนยิ้มอยู่นอกประตู “ตื่นแล้วเหรอลูก แล้วเจี่ยนอันล่ะ”
ูเี่อันซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างมิดชิดพลางส่งเสียงทักทาย “อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่”
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ” ถังอวี้หลันมองเข้ามาด้วยสายตายิ้มๆ “ถ้าตื่นแล้วก็รีบลุกเถอะ แม่เตรียมมื้อเช้าไว้แล้ว รีบออกไปทานนะจ๊ะ”
ูเี่อันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ถังอวี้หลันเห็นูเี่อันหน้าแดงๆ ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ไหนจะลู่เป๋าเหยียนที่เสื้อผ้าดูจะไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เธอยิ้มอย่างเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วจึงเดินลงชั้นล่างไป
ูเี่อันรู้ทันทีว่าถังอวี้หลันต้องคิดเข้าใจผิดไปแล้วแน่ๆ เธอกัดผ้าห่มพลางกู่ร้องในใจ
เธอจะเอาหน้าไปไว้ไหนดีเนี่ย!
ลุงสวีผู้รอบคอบ พอเขาเห็นถังอวี้หลันลงบันไดมา ก็รีบสั่งให้คนรับใช้เอาเสื้อผ้าไปใหู้เี่อัน ลุงสวีคือผู้ช่วยชีวิตเธอชัดๆ ูเี่อันคิดพลางรีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเส้อผ้าในห้องแต่งตัวทันทีที่ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้าห้องน้ำไป
7:30 น. ทั้งสองคนอาบน้ำแต่ตัวเรียบร้อย ูเี่อันเห็นว่ายังพอมีเวลา จึงพูดกับลู่เป๋าเหยียนด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่กำลังปิดประตูห้อง
“เหมือนครั้งก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจกอดนาย แถมงวดนี้ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรานอนเตียงเดียวกัน”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนมีอะไรทะแม่งๆ ช่างมัน พูดเื่ที่ควรพูดก่อนแล้วกัน
“ฉันเคยบอกนายแล้วนะ ว่าเวลานอนฉันชอบกอดสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัว หรือพูดอีกอย่างคือ ต่อให้ของที่อยู่ข้างฉันเป็ก้อนหิน ฉันก็เข้าไปกอด นายเข้าใจหรือเปล่า”
ูเี่อันขมวดคิ้วพลางลูบผมเธอ
“เธอน่ารักกว่านะเวลานอน”
เธอคนที่อยู่ๆ ก็พาตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดเขา ช่างเป็เด็กดีเสียจริง
ูเี่อันงง สรุปเขาเข้าใจหรือเปล่าเนี่ย
เธอจึงถามย้ำอีกครั้ง
“ลู่เป๋าเหยียน นายเข้าใจหรือเปล่า”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ตอบ เขาจับมือและจูงเธอลงไปข้างล่าง ูเี่อันกลัวว่าถังอวี้หลันจะได้ยินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เมื่อเจอถังอวี้หลันก็ปรับโหมดตัวเองให้กลับมาเป็ลูกสะใภ้ที่ดีอีกครั้ง ถังอวี้หลันเห็นดังนั้นก็ยิ้มแก้มปริ
ูเี่อันเห็นถังอวี้หลันดูอารมณ์ดี เธอเองก็อารมณ์ดีตาม พอนึกถึงเื่เมื่อวานเธอจึงพูดขึ้นมาว่า
“แม่คะ เมื่อวานหนูไม่รู้เลยว่าแม่มา” เธอมองลู่เป๋าเหยียนอย่างเคืองๆ “ทำไมนายไม่ปลุกฉัน”
ลู่เป๋าเหยียนทาแยมบนขนมปังแล้วยื่นส่งให้ถังอวี้หลัน เขาปรายตามองเธอ
“เธอหลับเป็หมูขนาดนั้น”
“ไม่เป็ไรหรอกจ๊ะ” ถังอวี้หลันยิ้ม “แม่แค่มีเื่บางอย่างจะมาบอกพวกลูก แต่ไม่ใช่เื่ด่วนอะไร พอดีคืนนี้แม่จะจัดงานประมูลการกุศลที่โรงแรมซิตี้การ์เดนท์ เจี่ยนอัน หนูไปร่วมงานกับเป๋าเหยียนได้ไหมจ๊ะ”
ูเี่อันพยักหน้า “ได้ค่ะ”
“มีอีกเื่” คราวนี้สีหน้าของถังอวี้หลันดูจริงจังขึ้น เธอมองมาทีู่เี่อัน “ซูหงเยวี่ยนกับแม่ลูกคู่นั้นก็อาจจะมางานนี้ด้วยนะ”
ถังอวี้หลันกลัวว่าเื่นี้จะทำใหู้เี่อันไม่อยากไป แต่ลำพังแค่สามคนนั้นทำอะไรเธอไม่ได้หรอก ูเี่อันคิดพลางยิ้มตอบกลับไป
“ค่ะ แม่อยากให้หนูช่วยต้อนรับแขกไหมคะ”
ถังอวี้หลันนิ่งไปชั่วอึดใจ จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา ลู่เป๋าเหยียนเองก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้