“ออกไปจากที่นี่ซะ!” เสียงขึงขังดังราวกับมาจากฟ้า แฝงเร้นด้วยความน่าเกรงขาม นอกจากผู้าุโสือ คนที่เหลือนั้นหน้าถอดสี
คนผู้นี้ช่างไม่มีความเกรงใจ เหินชัดว่าไม่ใช่คนของพวกเขา แต่อีกฝ่ายทำไมต้องลงมือช่วยพวกเขา? นี่คือสิ่งที่ผู้าุโสือคิดไม่ตก
ผู้าุโสือหน้าเขียวสลับกับหน้าซีดขาว แม้คนผู้นี้จะช่วยพวกเขาก็จริง แต่อาศัยบุญคุณนี้แล้วคิดจะไล่พวกเขาออกไป นี่ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อย หรือว่าเขาอยากจะฮุบหญ้าเซียนกับสัตว์ปีศาจในขุมหยกิญญาไว้คนเดียว?
มาคิดดูแล้วไม่น่าเป็ไปได้ ขุมหยกิญญานั้นกว้างใหญ่ ลำพังจอมยุทธ์ชั้นดวงดาวเจ็ดดาวจะฮุบมันทั้งหมดได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้น ด้านในยังมีสัตว์ปีศาจชั้นกลางอยู่มากมาย พลังเหนือกว่าชั้นดวงดาวมากมาย อีกทั้งหากคนผู้นี้้าฮุบทุกอย่างจริง เวลาเดือนเดียวก็คงไม่เพียงพอ
ผู้าุโสือไม่มีทางคิดได้ว่า ท่านที่เขาพูดด้วยก็คือหลิงเซียวที่ควรจะมุ่งไปทางทิศเหนือ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดอะไรเยอะแยะ เพียงแต่ครุ่นคิดปะติดปะต่อสถานะของคนผู้นี้อยู่
ไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรได้ ก็เกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้น
ทันใดนั้น พื้นดินเบื้องล่างก็สั่นไหวขึ้นมา สั่นคลอนไปมาอย่างกับแผ่นดินไหว ศิษย์หลายคนไม่ทันทรงตัวดีก็ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไป เสียงนั้นมาจากด้านหลังพวกเขา
ผู้าุโสือหันหลังกลับไปดู ทันใดนั้นก็ใผวา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ไม่มีเวลามาสนใจพูดคุยกับคนลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ รีบขานไปยังลูกศิษย์ “ทุกคน หนีเร็ว!”
ทะเลสาบที่นิ่งสงบจู่ๆ มีคลื่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น พริบตาเดียวพุ่งทะยานสูงเสียดฟ้าสิบกว่าเมตร เงาร่างบางอย่างปรากฏตัวขึ้น เสียงน้ำซู่ซ่าดังตามมา สัตว์ปีศาจขนาดใหญ่เบ้อเริ่มโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
นี่เป็สัตว์ปีศาจที่ขนาดใหญ่มโหฬาร ร่างที่โผล่พ้นน้ำมาก็สูงสิบกว่าเมตร นี่เพียงไม่ถึงครึ่งซีกร่างของมัน สัตว์ปีศาจตัวนี้มีสีม่วงออกดำ ดวงตากลมโตสอดส่ายรอบทิศอย่างดุร้าย
ัหางพิษ ลักษณะคล้ายั มีเกล็ดสีม่วงออกดำห่มอยู่ทั่วตัว บนผิวนั้นแผ่ไอเย็นจางๆ ออกมา คงเป็เกราะป้องกัน ปากกว้างยาวยื่นออกมาให้เห็นคมเขี้ยวแหลมคมเป็ประกายวิบวับ กรงเล็บทั้งห้าจากเท้าแข็งแกร่งทั้งสี่นั้นพาดอยู่ริมทะเลสาบ เบิกตากว้างกลมโต เต็มไปด้วยเส้นเืแดงทีสื่อถึงความดุร้าย กำลังจ้องมองพวกเขาอย่างโเี้
นี่คือัหางพิษเตรียมขั้นแปด!
จากพลังของผู้าุโสือเทียบกับัหางพิษเตรียมขั้นแปด คงมีแต่ตายสถานเดียว ไม่แปลกที่เขามีท่าทีหวาดผวาหลังจากเห็นร่างของัหางพิษตัวนี้ พูดตามจริง หากไม่มีคนคอยช่วย คนพวกนี้คงตายอย่างไม่ต้องสงสัย
มาถึงจุดนี้ไม่ต้องรอให้ผู้าุโะโ ทุกคนก็รู้ได้ว่ากำลังเผชิญกับความลำบากครั้งใหญ่ ไม่มีใครสนใจขุมหยกิญญาและเริ่มหนีไปทั่วสารทิศ
ภายใต้การเสี่ยงชีวิต ศิษย์สองคนที่คุ้มกันฟางเฉินเล่อก็ไม่สนใจความเป็ตายของเขาอีกต่อไป รีบแยกย้ายกันหนีอลหม่าน
ดีที่ฟางเฉินเล่อไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกที่ไม่เคยเจออะไรมาก่อน เห็นภาพน่าตื่นตระหนกเช่นนี้ เขาพยายามตั้งสติไว้ จู่ๆ ก็มีัหางพิษปรากฏตัวขึ้น แม้ใบหน้าจะซีดขาว แต่ก็ไม่ได้ลนลานเหมือนคนอื่น
เพียงแต่เขานั้นโชคไม่ดีนัก ตรงที่ัหางพิษเหยียบขึ้นไปยังพื้นดิน ก็ตรงดิ่งไปทิศทางที่เขาหนีไป
ผู้าุโสือที่ยืนอยู่ไกลออกไปเห็นภาพนี้ รวบรวมสติได้ชั่วครู่ เกิดลังเลขึ้นมา ท้ายสุดก็รีบหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว ไม่สนใจว่าฟางเฉินเล่อจะเป็ตายร้ายดีอย่างไร
คิดกลับกันแล้วก็ไม่ผิด แม้ฟางเฉินเล่อจะสำคัญยังไงก็ไม่สำคัญไปกว่าชีวิตตัวเอง ใครที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายแล้วยังเดินหน้าไปหาความตายได้เล่า? ผู้าุโสือไม่ใช่คนโง่เขลา แม้จะเป็ศิษย์สำนักเทียนซิน แต่เขาก็ไม่ได้องอาจหรือมีคุณธรรมมากพอที่จะสละชีวิตตัวเองกับศิษย์รุ่นสามเพียงคนเดียว
กระทั่งผู้าุโสือยังคิดเช่นนี้ ศิษย์คนอื่นๆ ที่อ่อนแอกว่ายิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีใครกล้าไปช่วยฟางเฉินเล่อ พวกเขาเองก็ห่วงตัวเองมากกว่า วิ่งหนีหายไม่เห็นแม้แต่เงาั้แ่วินาทีแรก แต่ัหางพิษตัวนั้นไม่รู้ทำไม กลับไล่ตามฟางเฉินเล่อไม่เลิก
ฟางเฉินเล่อเป็เพียงนักหลอมโอสถขั้นสี่ พูดถึงพลังต่อสู้เขาก็ไม่มี พลังกายก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่านักฝึกตน ไม่นานก็ถูกัหางพิษไล่ตามทัน
เงาใหญ่โตมโหฬารอยู่เหนือเขา หนทางข้างหน้าก็ถูกัหางพิษขวางไว้เรียบร้อย ดวงตากลมโตแดงฉานหมุนวนจ้องอยู่ที่ฟางเฉินเล่อตัวจิ๋วในสายตามัน ใบหน้าดุร้ายฉายแววเหี้ยมโหดออกมา ราวกับว่าจะกินฟางเฉินเล่อให้ได้
ฟางเฉินเล่อหน้าซีดเซียวไร้สีเื แม้รู้ตัวว่าตอนนี้คงยากจะหนีพ้นความตาย แต่สายตาก็เป็ประกายแข็งกร้าวไม่ยินยอม ชีวิตของเขาพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น แล้วจะให้จบลงตรงนี้ได้อย่างไร
เห็นผู้าุโสือและคนทั้งกลุ่มเห็นเขาตกระกำตรงหน้ากลับไม่คิดเข้าช่วย ในใจรู้สึกเคืองโกรธ แต่ก็ไม่ได้เกลียดชัง เพราะเขาเองก็รู้ หากว่าสลับกัน เขาเองก็อาจตัดสินใจทำแบบเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเขาเป็เพียงคนธรรมดา ไม่อยากตาย ในใจแม้สิ้นหวังแต่ก็ไม่ยินยอม กลับต้องลืมตาดูตัวเองตายอยู่ในเงื้อมมือของัหางพิษ ความรู้สึกไร้พลังเช่นนี้พริบตาก็ชัดเจนขึ้นมา จู่ๆ เขาก็รับรู้ถึงความคิดที่ว่าทำไมจื่อหลินถึงอยากเป็นักฝึกตนขึ้นมาได้
หากสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ เขาเองก็อยากเลือกเป็จอมยุทธ์ที่เรียกลมสั่งฝนได้!
ท่ามกลางเสียงคำรามของัหางพิษ ในที่สุดฟางเฉินเล่อก็ทนไม่ไหวนั่งลงกับพื้น ในใจก่อเกิดความเศร้าโศก เมื่อความตายมาเยือนตรงหน้า เขาเองก็พึ่งรู้ว่าตัวเองนั้นจากอาจารย์ไปไม่ได้ ไหนจะศิษย์น้องทั้งหลาย โดยเฉพาะจื่อหลินที่เติบโตมากับเขา หากเขารู้ว่าตัวเองคิดหนี คงเศร้าโศกไม่น้อย ไหนจะศิษย์น้องเล็กที่คอยทำให้เขาเป็ห่วงอยู่เรื่อย…
ขณะที่ฟางเฉินเล่อหลับตากำลังเตรียมตัวรอความตายนั้น จู่ๆ เสียงคำรามของัหางพิษก็หยุดลง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ฟางเฉินเล่อทนไม่ไหวลืมตาขึ้น กลับถูกภาพตรงหน้าเล่นเอาตะลึงงันพูดไม่ออก
เห็นเพียงัหางพิษตัวมโหฬารคลานอยู่กับพื้น ดวงตาที่มีแต่เส้นเืนั้นดูดีมีสติครบ กลับกันคือเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา ราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่ากลัวกว่าปรากฏขึ้น ท่าทางหวาดผวาแล้วก้มหัวที่ใหญ่โตของมันลง
ฟางเฉินเล่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็นึกถึงคนลึกลับที่ซ่อนตัวช่วยเหลือพวกเขาไว้ก่อนหน้านี้ แม้ในใจไม่มีอะไรมายืนยัน แต่คงมีแค่เขาเท่านั้น
ฟางเฉินเล่อรีบคลานขึ้นมาจากพื้น ถอยหลังออกห่างัหางพิษ ยกมือขึ้นคำนับ เอ่ยอย่างซึ้งใจ “ขอบคุณท่านผู้าุโที่ช่วยชีวิต บุญคุณครั้งนี้ ข้าน้อยไม่มีวันลืม!”
ชั่วครู่ผ่านไป ทันใดก็มีเสียงดังโพล่งกลางอากาศอย่างไม่พอใจ “ยังยืนบื้ออยู่ทำไม ลองใช้พลังิญญาของเ้าผูกสัญญากับมันดูสิ”
ฟางเฉินเล่อชะงักงันโดยพลัน เขารู้สึกว่าตัวเองคงคิดไปเอง ท่านผู้าุโลึกลับท่านนั้นถึงบอกให้เขาผูกสัญญากับัหางพิษ? เขาคงฟังผิดไปแน่ๆ อีกทั้งเสียงนี้ฟังดูเหมือนไม่ค่อยยินยอมเท่าไรนี่นา?
แน่นอนว่าหลิงเซียวไม่ได้ยินยอมเอง ในสายตาเขา ฟางเฉินเล่อคือศัตรูหัวใจที่เขาคิดขึ้นมาเอง ใครจะไปยินดีช่วยเหลือคนที่ตัวเองไม่ชอบกัน เขาไม่ใช่เทพเ้าเสียหน่อย!
แต่ว่า โหยวเสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างๆ กลับไม่พอใจ!
ั้แ่แรกที่เห็นฟางเฉินเล่อตกอยู่ในอันตราย เขาก็ใหน้าซีด หากไม่ใช่เพราะปากถูกหลิงเซียวอุดอยู่ คงะโออกไปนานแล้ว
ท้ายที่สุด หลิงเซียวก็ต้องช่วยฟางเฉินเล่อไว้ด้วยความจำยอม
แม้โหยวเสี่ยวโม่จะโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่พอนึกถึงการกระทำที่ผู้าุโสือและศิษย์คนอื่นทิ้งศิษย์พี่ใหญ่ไป เขาก็เป็ห่วงว่าจะเกิดเื่ราวแบบนี้ขึ้นอีก จึงคิดได้ว่าอาจให้ศิษย์พี่ใหญ่ผูกสัญญากับสัตว์ปีศาจตัวนี้ได้ แม้ัหางพิษจะมีลักษณะภายนอกน่าเกลียดไปหน่อย แต่หากได้สัตว์ปีศาจตัวนี้คุ้มกัน ต่อจากนี้ก็คงไม่มีอันตรายแน่นอน
แต่ตอนที่เขาเอ่ยความคิดนี้ออกมา กลับถูกหลิงเซียวปฏิเสธอย่างไม่ไยดี โหยวเสี่ยวโม่ยังไม่เคยเป็ห่วงเป็ใยเขาขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้กลับห่วงใยศิษย์พี่ใหญ่ต่อหน้าต่อตา?
ั้แ่รับรู้ความรู้สึกตัวเอง หลิงเซียวก็เริ่มไม่พอใจกับการที่เขาคอยเป็ห่วงเหล่าศิษย์พี่ของเขา ครั้งนี้จะให้เขาช่วยฟางเฉินเล่อผูกสัญญากับสัตว์ปีศาจหรือ ไม่มีทาง!
โหยวเสี่ยวโม่หาได้รู้ความคิดเขา เขาแค่อยากทำดีกับคนที่ทำดีกับเขาก็แค่นั้น จึงยื่นข้อเสนอบางอย่างให้หลิงเซียวเหมือนแต่ก่อน
ใครจะรู้ว่า หนนี้หลิงเซียวนั้นใจแข็ง ไม่ว่าเขาจะเพิ่มยาเซียนตันให้มากแค่ไหน เขาก็ไม่ใจอ่อน
โหยวเสี่ยวโม่หน่ายใจ เพียงแค่ถามออกไปคำเดียว “งั้นตกลงต้องทำยังไงท่านถึงจะยอมช่วย?”
เดิมทีหลิงเซียวไม่คิดจะใจอ่อน แต่ด้วยคำพูดนี้ก็ทำให้เขานึกบางอย่างแวบขึ้นมาในหัวได้ มุมปากยกสูงเผยรอยยิ้มน่าประหลาดใจ พลันเขยิบเข้าไปแล้วกระซิบข้างหูเขา
วินาทีถัดมาโหยวเสี่ยวโม่ก็หน้าแดง เขาไม่คิดมาก่อนว่าหลิงเซียวจะยื่นเงื่อนไขเช่นนี้ ความคิดของพวกเขาทั้งสองไม่เคยเป็ไปในทิศทางเดียวกัน…
โหยวเสี่ยวโม่อยากกัดหลิงเซียวเข้าให้สักที หมอนี่มีจุดประสงค์แอบแฝงจริงด้วย เขาคงรอจังหวะนี้มานานแล้วสินะ แต่...พอเขาเห็นใบหน้าที่ยังซีดขาวของศิษย์พี่ใหญ่ ช่างเถอะ อย่างไรก็เป็เื่ที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
ถึงกระนั้น โหยวเสี่ยวโม่กัดฟันตอบตกลงหลิงเซียวไป
หลิงเซียวเห็นเขาตอบตกลงจริงๆ ขณะที่ดีใจ ก็นึกได้ว่าที่โหยวเสี่ยวโม่ตอบตกลงก็เพราะฟางเฉินเล่อ พลันอารมณ์เสียอีกจนได้
ดังนั้นจึงเป็ที่มาของเสียงคิดไปเองที่ฟางเฉินเล่อได้ยิน
หลิงเซียวไม่ได้ยินเสียงเขาตอบ จึงเอ่ยออกมาอย่างรำคาญใจ “ฮึ่ม หากไม่ยินยอม งั้นก็แล้วแต่”
ไม่ทันให้โหยวเสี่ยวโม่ลนลาน ฟางเฉินเล่อก็เอ่ยขึ้น
“ช้าก่อน ท่านผู้าุโ ข้าน้อยยะ...ยินดี!” ฟางเฉินเล่อดีใจจนหน้าแดง โอกาสดีงามเช่นนี้จะพบเจอได้อีกเมื่อไรก็ไม่รู้ ท่านผู้าุโลึกลับท่านนี้ออกโรงช่วยเหลือเขา หากเขาปฏิเสธคงด่าตัวเองตายแน่
“งั้นก็เริ่มเถอะ” หลิงเซียวกล่าว
ฟางเฉินเล่อเดินหน้าไปหลายก้าว สัตว์ปีศาจตัวนี้ยังเป็ัหางพิษกึ่งขั้นแปด แต่ตอนนี้ยังเป็เพียงขั้นเจ็ด ห่างจากขั้นแปดอีก่ใหญ่ๆ แต่เทียบกับสัตว์ปีศาจขั้นแปด สัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดนั้นผูกสัญญาใจง่ายกว่า
แต่ที่น่าแปลกคือ ัหางพิษไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย กลับกันมันรับพลังิญญาจากฟางเฉินเล่อที่ส่งผ่านเข้าหว่างคิ้วมันอย่างว่าง่าย
คนอื่นอาจไม่มีทางรู้ถึงพลังที่กดดันมันอยู่ แต่สำหรับัหางพิษที่เปิดปราณปัญญาแล้ว มันรับรู้ได้ว่าสายเืของคนผู้นั้นบริสุทธิ์สูงส่งเพียงใด ในเผ่าสัตว์ปีศาจ นั้นถือได้ว่าเป็ชั้นเ้า ความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากสายเืนี้จึงไม่อาจทำให้มันกล้าขัดขืนแต่อย่างใด
ดังนั้นการที่ทำให้สัตว์ปีศาจเช่นมันเกรงกลัวได้ ก็มีเพียงสายเืสูงส่งที่แท้จริงเท่านั้น ดังนั้นมันจึงทำได้แค่เชื่อง หากไม่คนผู้นั้นคงฆ่ามันทันที
พลังิญญาที่หลอมรวมไหลผ่านเข้าไปัักับดวงิญญาของัหางพิษ ทั้งสองฝ่ายผูกมัดสัญญาใจกันอย่างรวดเร็ว ทั้งขั้นตอนนั้นราบรื่นจนเหลือเชื่อ
แม้ฟางเฉินเล่อจะไม่เคยทำสัญญากับสัตว์ปีศาจมาก่อน แต่เขาก็ได้ยินมาว่าการผูกสัญญากับสัตว์ปีศาจชั้นสูงนั้นยากเย็นเพียงใด แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงอุปสรรคใดๆ เขาไม่คิดว่าเป็เพราะตัวเอง เห็นท่าคงเพราะคนลึกลับนี้ช่วยเหลือเขาแน่นอน
ฟางเฉินเล่อไม่รู้ว่าจะขอบคุณคนลึกลับนี้อย่างไรดี แม้ในใจจะมีคำถามมากมาย แต่เขาก็พยายามที่จะไม่คิด เขารู้เพียงว่า บุคคลลึกลับท่านนี้ไม่ทำร้ายเขา ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ช่วยเขา และไม่ช่วยเขาผูกสัญญากับัหางพิษแน่
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้กล่าวขอบคุณ เสียงรำคาญของหลิงเซียวก็ดังขึ้นอีก “เ้าไปได้แล้ว”
ได้ยินเสียงไล่ของคนลึกลับ ฟางเฉินเล่อก็ไม่กล้าอยู่ต่อ ยกมือคำนับแล้วกล่าว “ผู้าุโ บุญคุณในวันนี้ ข้าน้อยไม่มีวันลืม ข้าน้อยนามว่าฟางเฉินเล่อศิษย์แห่งสำนักเทียนซิน หากวันใดท่านมีเหตุอันใดเรียกใช้ข้า ก็สั่งมาได้เลย”
พูดจบ เขาก็พาัหางพิษเดินจากไป
เมื่อแน่ใจว่าคนออกไปหมดแล้ว หลิงเซียวจึงพาโหยวเสี่ยวโม่ออกมา
สัตว์ปีศาจกึ่งขั้นแปด ฟางเฉินเล่อไม่อาจใช้คำว่าดวงดีมาสาธยายได้ครบถ้วน ณ สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายเช่นแดน์วิมาน ชีวิตของฟางเฉินเล่อนับว่าได้รับการคุ้มกันแล้ว
รอการเสี่ยงตายครั้งนี้จบสิ้น เห็นทีฟางเฉินเล่อคงมีชื่อเสียงมากแน่นอน สำนักเทียนซินก็ต้องยกเขาขึ้นเป็บุคลากรที่ต้องทะนุถนอม เพราะหากัหางพิษเลื่อนขั้นเป็ขั้นแปดเมื่อใด นั่นก็เท่ากับว่าสำนักเทียนซินมีผู้แข็งแกร่งพลังชั้นิญญาเพิ่มขึ้นมาท่านหนึ่ง อีกทั้งพลังต่อสู้ของสัตว์ปีศาจขั้นแปดตัวนี้นั้นเก่งกาจกว่าจอมยุทธ์ชั้นิญญาทั่วไปยิ่งนัก
เพิ่มเติม
เริ่มจากตอนนี้นักแปลขออนุญาตเปลี่ยนคำว่า ‘พลังปราณิญญา’ ของนักหลอมยาให้สั้นลงเหลือแค่ ‘พลังิญญา’ เพื่อกันความสับสนกับพลังปราณของนักฝึกตนนะคะ อธิบายได้ว่า ‘พลังิญญา’ คือ พลังภายในเฉพาะในหมู่นักหลอมยาซึ่งมีปราณิญญาสี ส่วน ‘พลังปราณ’ คือ พลังลมปราณชีพจรภายในของนักฝึกตนที่มีผลต่อวรยุทธ์ รวมไปถึงพลังปราณฟ้าดินน้ำอากาศค่ะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้