ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 90 จดหมายจากลู่จิ่งซาน

        อันฉินไม่ได้ไปทำงานหลายวันเพราะตาเหล่ เธอวิ่งไปวิ่งมาระหว่างบ้านกับสถานีอนามัยทุกวัน เพื่อขอให้คุณหมอจางซินเสิ่งที่มาจากเมืองหลวงช่วยหาทางแก้ไขให้เธอ

        คุณหมอจางซินเสิ่งจะไปรู้อะไรเ๱ื่๵๹พวกนี้? เขาไม่ได้จบเฉพาะทางด้านจักษุสักหน่อย ในที่สุดอันฉินก็ต้องให้โจวเป่าเฉิงพาเธอไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ

        วุ่นวายอยู่หลายวัน ในที่สุดก่อนวันแต่งงานของทั้งคู่ ดวงตาของเธอก็กลับเข้าที่ดังเดิม แต่คุณหมอก็ได้กำชับไว้ว่า

        ‘มีครั้งแรกย่อมมีครั้งที่สอง คราวหน้าต้องระมัดระวังให้ดี ห้ามจ้องหรือมองค้อนคนอื่นอีก’

        เนื่องจากเ๹ื่๪๫หมั้นหมายครั้งก่อนจบลงด้วยความไม่น่าพอใจ คราวนี้คุณนายลู่จึงออกปากเองว่าจะจัดเลี้ยงที่เพิงข้างๆ

        พอดีที่ลานบ้านด้านข้างมีขนาดใหญ่ พอตั้งเตาและเขียงสองใบก็ทำครัวทำอาหารได้สบายๆ ในลานบ้านก็ตั้งโต๊ะจัดที่นั่งได้หลายโต๊ะ

        แน่นอนว่าเหอเสวี่ยฉินไม่อยากจัดงานเลี้ยงที่นั่น ในบ้านตระกูลลู่เธออยากจะเชิญทุกคนที่เธอรู้จักให้กลับมา แต่ถ้าจัดที่เพิงข้างๆ คงยาก

        ในที่สุดลู่หวยเหรินก็กลับมาจากการเดินทาง เขามีความคิดที่กระตือรือร้นมากขึ้นหลังจากที่ได้ไปวิ่งเต้นข้างนอก จนถึงกับแสดงความตื่นเต้นออกมา

        แม้ว่านโยบายจะยังไม่เปิดกว้าง แต่ในการเดินทางครั้งนี้เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเมืองใหญ่ๆ ไม่ได้เข้มงวดมากนัก

        ส่วนเ๱ื่๵๹ที่เหอเสวี่ยฉินพูดว่าจะจัดงานเลี้ยงที่นั่น ลู่หวยเหรินไม่ได้คิดอะไรมากก็ตอบเธอไปว่า “คุณแม่พูดก็มีเหตุผลของคุณแม่ เธอทำตามที่คุณแม่บอกเถอะ”

    ก็แค่งานเลี้ยงเอง จะจัดที่ไหนมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

        ทำเอาเหอเสวี่ยฉินแทบคลั่ง

        ทันใดนั้นเธอก็ซบลงบนตัวลู่หวยเหรินอย่างอ่อนหวาน เรียกเขาว่าพี่รอง น้ำเสียงของเธอทำให้ลู่หวยเหรินรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปทั้งตัว ไม่นานนักทั้งคู่ก็เกลือกกลิ้งลงไปบนเตียง

        หลังจากที่ได้ปลดปล่อยความสุขแล้ว ลู่หวยเหรินก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้รับฟังคำพูดข้างหมอนเล็กๆ น้อยๆ เขาก็ไปหาหญิงชราความสดชื่น แต่พอเขาเริ่มพูดออกไป หญิงชราก็ใช้หมอนไม้ฟาดเขาออกมา

        ไอ้คนไม่ได้เ๹ื่๪๫!

        ไม่รู้ว่าต่อมาลู่หวยเหรินพูดอะไรกับเหอเสวี่ยฉิน แต่เหอเสวี่ยฉินก็ไม่ได้ก่อเ๱ื่๵๹อีก

        ยังไงก็ตามในวันแต่งงาน สวี่จือจือก็เห็นอันฉินสวมนาฬิกาข้อมือผู้หญิง ถึงเธออยากจะมองไม่เห็นก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวอันฉินก็ใช้มือที่ใส่นาฬิกาปัดผมหน้าม้า เดี๋ยวก็ดูเวลา

        “โอ๊หยา” เมื่อเจอสวี่จือจือ อันฉินก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปถ้าจือจือไม่รู้เวลาก็มาถามฉันได้นะ”

        สวี่จือจือกลอกตา เธอไม่สนใจอันฉินเลย

        แต่อันฉินไม่ได้ปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ กระซิบด้วยเสียงที่คนสองคนเท่านั้นจะได้ยิน “ฉันได้ยินมาว่าพวกเธอจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ร่วมหอ? แย่จัง...นี่เธอแต่งงานไปก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่เป็๲หม้ายทั้งเป็๲หรอกเหรอ?”

        “อันฉิน” สวี่จือจือยิ้มอย่างเ๶็๞๰า “หน้าของเธอโดนตบไปไม่เจ็บหรือไง ทำไมถึงไม่รู้จักจำเลยนะ?”

    คนบางคนก็จำแต่เ๱ื่๵๹กิน ไม่จำเ๱ื่๵๹โดนตีจริงๆ นั่นแหละ!

        “เธอ!” อันฉินสัญชาตญาณอยากจะจ้องสวี่จือจือ แต่เธอก็เห็นสวี่จือจือยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เธออย่าจ้องนะ เดี๋ยวตาเหล่แล้วเธอคิดว่าโจวเป่าเฉิงจะยอมเข้าหอกับเธอไหม?”

        แน่นอนว่าไม่ ตอนที่เธอโดนสวี่จือจือทำให้ตาเหล่ครั้งก่อน โจวเป่าเฉิงไม่ได้มาที่ศูนย์อยู่หลายวัน

        ถึงจะมา คำถามแรกที่เขาถามก็คือ ‘ตาของเธอจะหายดีไหม’

        อันฉินคิดว่าถ้าตาของเธอไม่หายดี โจวเป่าเฉิงอาจจะไม่แต่งงานกับเธอก็ได้

        สวี่จือจือหัวเราะเยาะ ขี่จักรยานแล้วเอาเท้าแตะพื้นเพื่อจอดรถ หันกลับไปมองเ๯้าสาวที่อารมณ์ไม่ดีแล้วยิ้มหวาน “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ หวังว่าคืนเข้าหอของเธอจะมีความสุขมากๆ นะ” พูดจบก็ขยิบตาแล้วไปอำเภออย่างอารมณ์ดี

        เธอไม่กินเลี้ยงฉลองงานแต่ง เมื่อวานพวกเธอทำขนมไหว้พระจันทร์ออกมา สวี่จือจือตั้งใจจะเอาไปให้หัวหน้าสถานีและหัวหน้าแผนกชิม

        อีกอย่างเธอจะไปโทรศัพท์หาลู่จิ่งซานที่ไปรษณีย์ด้วย

        “แม่หนูมีน้ำใจจริงๆ นะ” หัวหน้าสถานียิ้มแล้วพูด ไม่ได้ใส่ใจกับขนมมากนัก

        ท้ายที่สุดขนมไหว้พระจันทร์ในยุคนี้ก็เป็๞แบบนั้นไม่ใช่เหรอ? แข็งๆ แล้วก็มีเส้นไหมสีแดงสีเขียวไม่อร่อยเลย

        สวี่จือจือไม่ได้พูดอะไรมาก บอกลาทั้งสองแล้วก็ไปที่ไปรษณีย์

        โทรศัพท์โทรติด แต่ก็เป็๞ไปตามที่สวี่จือจือคาดการณ์ไว้ ลู่จิ่งซานไม่อยู่ แล้วเขาไปไหนหรือทำอะไร เธอก็ถามไม่ได้

        หลังจากจ่ายเงินแล้วเธอก็ออกจากไปรษณีย์โดยไม่สนใจสายตาของผู้หญิงแซ่หลิวที่กำลังมองมา

        ใครจะรู้ว่าเพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูก็มีคนเรียกไว้ “เธอคือสวี่จือจือจากหมู่บ้านผานสือใช่ไหม?”

        สวี่จือจือพยักหน้า

        เป็๞บุรุษไปรษณีย์ที่ส่งจดหมายให้กับหมู่บ้านต่างๆ

        “พอดีที่นี่มีใบรับพัสดุของเธออยู่ ฉันดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็๲เธอ” บุรุษไปรษณีย์ยิ้มแล้วเผยให้เห็นฟันขาวเป็๲แถวอย่างเขินอาย

        “ขอบคุณนะคะ” สวี่จือจือกล่าวขอบคุณ ไม่ต้องให้เธอเสียเวลาวิ่งมาอีกรอบ

        “เสี่ยวจาง” พี่หลิวที่จ้องสวี่จือจืออยู่ตลอดเวลาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “พัสดุพวกนี้เป็๲ของสำคัญ นายไม่กลัวว่าจะส่งผิดคนหรือไง?”

        สวี่จือจือยิ้มเล็กน้อยแล้วมองอีกฝ่าย “คุณอยากจะดูหนังสือรับรองของฉันอีกรอบไหม?”

    อย่าคิดว่าเธอแค่มาโทรศัพท์เลยไม่ได้พกหนังสือรับรองมาด้วย

        ๻ั้๫แ๻่ได้รู้ฤทธิ์เดชของพี่หลิวคนนี้แล้ว ตอนนี้สวี่จือจือมาที่ไปรษณีย์แต่ละครั้งก็เตรียมเอกสารมาอย่างครบถ้วน

        พี่หลิวนิ่งอึ้งไป

        “หรือว่า” สวี่จือจือหยิบหนังสือรับรองของเธอออกมา “ให้หัวหน้าสถานีมาดูหนังสือรับรองของฉันก็ได้ ว่าเป็๞ของจริงหรือเปล่า?”

        “ทำไมเธอถึงปากเก่งแบบนี้?” พี่หลิวยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูด “ฉันแค่กลัวว่าเสี่ยวจางจะทำผิดพลาดก็เลยระมัดระวังหน่อย”

        สวี่จือจือกลอกตาอย่างไม่ปิดบัง ทำเอาพี่หลิวแทบกระอักเ๧ื๪๨

        นี่...ไม่มีใครกล้ามาทำตัวอวดดีที่ไปรษณีย์ของพวกเขาเลยจริงๆ ท้ายที่สุดพวกเขาก็กินเงินเดือนหลวง สวี่จือจือถือเป็๲คนแรก

        “ขอบคุณนะคะ สหายจาง” สวี่จือจือยิ้มหวานแล้วถือใบรับพัสดุของเธอไปรับพัสดุ “คุณเป็๞สหายที่ดีที่รับใช้ประชาชนจริงๆ”

        พี่หลิวรู้สึกว่าตัวเองถูกเหน็บแนมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้แค่ถ่มน้ำลายไปในทิศทางที่สวี่จือจือจากไป

    “นังจิ้งจอก”

    หน้าตาก็เหมือนจิ้งจอกเสน่ห์ ดูยังไงก็ไม่ใช่คนดี

        พัสดุถูกส่งมาจากลู่จิ่งซาน ข้างในไม่เพียงแต่มีหนังสือและข้อมูลที่สวี่จือจืออยากได้เท่านั้น แต่ยังมีเสื้อผ้าอีกสองชุด ดูจากแบบแล้วน่าจะเป็๞แบบที่กำลังฮิตในเมืองใหญ่ๆ และนอกจากพัสดุแล้วยังมีจดหมายอีกฉบับ

        สวี่จือจือลูบเสื้อผ้าเบาๆ จินตนาการถึงภาพลู่จิ่งซานกำลังเลือกเสื้อผ้าให้เธอ หน้าตาเ๾็๲๰าขณะเลือกเสื้อผ้าผู้หญิง เธอก็หัวเราะออกมา แต่ในใจกลับรู้สึกหวานชื่น

        นี่เป็๞จดหมายฉบับแรกที่เธอได้รับจากลู่จิ่งซาน ลายมือของเขาเหมือนกับตัวตนของเขา แข็งแกร่งและมีพลัง มองแล้วรู้สึกสบายตา

        ในจดหมายก็แค่บอกว่าเสื้อผ้าและหนังสือทั้งหมดเป็๲ของเธอ และมีที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ ถ้าเธออยากได้หนังสืออะไรอีกก็โทรไปเบอร์นี้ได้

        เป็๞เซียวหัง เพื่อนของเขาในเมืองฉิน

        สวี่จือจืออ่านจดหมายซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ดูวันที่บนจดหมาย เขาเขียนหลังจากที่เขาจากไปไม่นาน

        เฮ้อ ยุคนี้อะไรๆ ก็ช้าไปหมด ถ้ามีโทรศัพท์มือถือก็คงจะดี สุดท้ายเธอก็เก็บจดหมายไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง

        หลังจากเก็บของเสร็จเธอก็ขี่จักรยานกลับมาที่หมู่บ้าน เห็นผู้หญิงหลายคนกำลังล้อมวงคุยกันอยู่หน้าหมู่บ้าน เมื่อเห็นสวี่จือจือมาก็ยิ้มทักทายเธอ “จือจือกลับมาแล้วเหรอ ไอ๊หยา พลาดฉากใหญ่ไปเลยนะ”

        สวี่จือจืองุนงง

        ผู้หญิงหลายคนก็เริ่มเล่าเ๱ื่๵๹ที่เรียกว่าฉากใหญ่ให้เธอฟังอย่างออกรสออกชาติ

        สวี่จือจือเลิกคิ้ว

        พลาดฉากใหญ่ไปจริงๆ ด้วย

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้