ความประหลาดใจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำขึ้นมาและจูบมันไปหนึ่งที
“เสี่ยวไกวไกว เ้ามาได้อย่างไร มากินปลาแห้งหรือ?”
ไม่ใช่...
“เฮ้อ” เหยาเชียนเชียนทอดถอนใจแ่เบา “แต่ที่เ้าอยากกินมันหมดแล้วนี่สิ ยามที่ชิงผิงอ๋องมาครั้งที่แล้ว เขาไม่ได้เอาไปแค่เงิน ข้าเพิ่งมาพบทีหลังว่าแม้แต่ปลาแห้งและตับไก่ก็ถูกเขาเอาไปด้วย”เขาต้องผิดปกติเป็แน่
แมวดำเลียอุ้งเท้าอย่างสบายใจ นั่นเป็เพราะเปิ่นหวังมองการณ์ไกล ในอนาคตห้ามซื้อของแปลกประหลาดพวกนั้นมาอีก
ความเงียบเข้าปกคลุมกะทันหัน เหยาเชียนเชียนนึกถึงเื่ที่นางสูญเสียทรัพย์สินขึ้นมาอีกครั้ง สภาพจิตใจของนางดิ่งลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า จากนั้นนางก็กอดแมวดำไว้พลางพูดร่ำไร
“รังทองของเ้าถูกชิงผิงอ๋องยึดไปแล้ว ไม่มีอัญมณีใช้ปูเป็พรมและไม่มีไข่มุกใช้ห่มนอนอีกต่อไปแล้ว”
มุมปากของแมวดำกระตุก เดิมทีมันก็ไม่้าของเช่นนั้นอยู่แล้ว
เหยาเชียนเชียนลูบหัวแมวดำ นางดูโศกเศร้าขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ่ก่อนหน้านี้ แมวดำโน้มเข้าไปเลียคางของนาง และนั่นทำให้แววตาของเหยาเชียนเชียนปรากฏรอยยิ้มได้อย่างง่ายดาย
“ครั้งแรกที่ได้เจอเ้า เ้าไม่ยอมให้ข้าอุ้มเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งยังข่วนข้าอีกหลายครั้ง”
เหยาเชียนเชียนอิงหน้าผากกับหัวเล็กๆ ของมัน ความอ่อนโยนในดวงตาของนางทำให้แมวดำละสายตาไม่ได้ไปชั่วขณะ
“อุตส่าห์สนิทกับเ้าได้ทั้งที จวนแห่งนี้ก็จะมีคนเข้ามาใหม่อีกแล้ว”
เหยาเชียนเชียนถอนใจเบาๆ แต่กลับทำให้ดวงตาของแมวดำสว่างวาบ
ซ่งอีอีกำลังจะเข้าจวน นางก็คงทำดีต่ออาเหยียน ทำดีต่อเสี่ยวไกวไกว พวกเขาทั้งคู่มีความคิดบริสุทธิ์ เมื่อถึงยามนั้นความสุขของนางในเวลานี้ก็จะต้องถูกแบ่งออกไปครึ่งหนึ่ง
เหยาเชียนเชียนไม่คิดว่านางเป็คนดีอะไร การที่มีคนรักอาเหยียนและเสี่ยวไกวไกวเพิ่มอีกหนึ่ง ตามหลักแล้วนับเป็เื่ที่ดี แต่เพียงแค่คิดว่านางอาจจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ในใจพลันรู้สึกเ็ปขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ข้าอาจจะ... ไม่ใช่คนที่ดีจริงๆ”
กระบอกตาของนางพลันแดงก่ำ และนั่นทำให้แมวดำชะงักไปชั่วขณะ
เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่เลย เป็เพราะเหตุใดกัน การแต่งงานครั้งนี้ส่งผลต่อนางมากเลยหรือ?
ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่ แมวดำโน้มเข้าไปจูบดวงตาของเหยาเชียนเชียน และแลบลิ้นสีชมพูเลียน้ำตาให้นาง อย่าร้องไห้เลย ถ้าร้องไห้เปิ่นหวังจะรู้สึกไม่ดี
“จั๊กจี้” เหยาเชียนเชียนยิ้มทั้งน้ำตา นางอุ้มแมวดำไปนั่งลงที่เก้าอี้เอนนอนใต้ระเบียงทางเดิน
“จริงๆ แล้วข้าแค่กลัวการอยู่คนเดียวเท่านั้น มาที่นี่เพียงลำพังไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติพี่น้อง จนมีเ้าและอาเหยียนที่ข้าสามารถเชื่อใจได้ แต่ยามนี้กลับมีคนที่ต้องแบ่งปันพวกเ้าโผล่มา ดังนั้นข้าจึงกลัว”
แมวดำไม่ส่งเสียงใดๆ มันรับฟังความในใจของนางอย่างเงียบเชียบ
สตรีผู้นี้ไม่มีทางพูดเื่เหล่านี้ต่อหน้าเขา และเกรงว่านางจะไม่เคยพูดกับอาเหยียนเช่นนั้น นางแต่งเข้าจวนอ๋องมาด้วยตัวคนเดียว แม่นมเพียงคนเดียวที่ติดตามมาเมื่อครั้งแต่งงานก็หักหลังกัน คาดว่าจิตใจของนางคงเ็ปไม่น้อย
ไม่รู้ว่าคำเหล่านี้เก็บซ่อนอยู่ในใจนางมานานเพียงใด นางไร้ที่ให้ระบายจึงทำได้เพียงระบายความในใจกับแมวตัวหนึ่งเท่านั้น
ั์ตาสีมรกตสะท้อนใบหน้าอันโศกเศร้าของนาง ไร้ซึ่งความร่าเริงสดใสอยู่ตรงหน้าดังเช่นแต่ก่อน และไร้ซึ่งการแสร้งประจบเอาใจ ยามนี้เป็เวลาที่นางซื่อสัตย์ที่สุด แต่ก็เป็เวลาที่ดูเ็ปที่สุดเช่นกัน
“ข้าเห็นว่าคุณหนูซ่งผู้นั้นชอบท่านอ๋องมาก หากจะกล่าวถึงเื่ดี นางก็น่าจะทะนุถนอมพวกเ้า ถ้ามีนาง ชิงผิงอ๋องก็จะไม่ต้องโกรธข้าอยู่ตลอดเวลา ดูท่าทางว่านางจะเป็ที่รักของผู้คน”
หือ?
แมวดำมองเหยาเชียนเชียนอย่างสับสน ไม่รู้ว่านางเอาเื่ที่ซ่งอีอีเป็ที่รักมาจากที่ใด
ความคิดของสตรีผู้นี้ทำให้เขาไม่เข้าใจ วันนี้เขาแสดงออกต่อพระพักตร์เสด็จพ่อไม่ชัดเจนพอหรือ เหตุใดนางถึงคิดว่าเขาจะอารมณ์ดีเพราะซ่งอีอี
นอกจากนี้เขาก็ไม่เคยโกรธนางตลอดเวลาด้วยซ้ำ เพียงแค่ขู่นางนิดหน่อยและตักเตือนเล็กน้อยเท่านั้น เหตุใดถึงจำฝังใจนัก สมบัติล้ำค่าที่เขามอบให้ไม่เห็นนางพูดถึงสักคำ
“ดูท่าว่ายามนี้ความคิดของข้าถูกต้องแล้ว” เหยาเชียนเชียนพยักหน้า “ข้าน่าจะรีบรวบรวมเงินแล้วหนีไปก่อนที่ชิงผิงอ๋องจะตรวจสอบคลังสมบัติน้อยของข้า ยืดเยื้อมาถึงยามนี้ สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย อีกทั้งยังทำให้สถานการณ์ของตัวเองอึดอัดมากกว่าเดิมเสียอีก”
เ้าว่าอย่างไรนะ!
แมวดำลุกพรวดขึ้นมา ดวงตาสีมรกตปรากฏแววขุ่นเคือง สตรีผู้นี้ยังอยากจะหนีไปอยู่อีก นางอยู่ที่จวนอ๋องทั้งอาหารและอาภรณ์นั้นไม่ขาดแคลน มีให้เสพสุขไม่มีสิ้นสุด เหยาเชียนเชียนนางไม่พอใจอันใดกันแน่ นางคิดว่าข้างนอกนั่นจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขจริงๆ หรือ?
“เ้าเองก็คิดว่าข้าลงมือช้าไปใช่หรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนเข้าใจผิดว่าความตื่นเต้นของแมวดำคือการเห็นด้วยกับนาง ถึงอย่างไรมันก็ไม่สามารถเอ่ยปากเพื่อแก้ต่างได้ ดังนั้นนางจึงพูดอย่างมีความสุข
“ยามนี้ชิงผิงอ๋องไม่ได้คิดจะฆ่าข้าอยู่ตลอดเวลาแล้ว ถือว่าเป็การพัฒนาที่ก้าวะโ แต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอน่ะสิ ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตได้”
เหยาเชียนเชียนคิดว่านางต้องจากไปสักวัน จะให้นางอยู่ในจวนอ๋องอย่างอกสั่นขวัญแขวนไปชั่วชีวิตหรืออย่างไร แน่นอนว่านั่นเป็ไปไม่ได้ นางจะต้องหนีไปจากที่นี่และแสวงหาความสุขของตนเอง
ทว่าแมวดำกลับสั่นไหวกับคำพูดของนางไม่น้อย อะไรคือการที่นางไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิต?
ถ้านางไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปที่ใด ไปอยู่กับเป่ยเซวียนเฉิงหรือ?
ดวงตาสีมรกตเปล่งแสงวาววาบ เขาไม่เคยได้ยินว่าหวังเฟยของผู้ใดหลบหนีออกไปด้วยตัวเองมาก่อน เขาอยากเชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าไร้เยื่อใยกับเป่ยเซวียนเฉิงแล้ว แต่ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมาเป็เวลาหลายปีเช่นนั้นจะสามารถตัดขาดได้อย่างง่ายดายเพียงนั้นเลยหรือ
นางรีบร้อนอยากจากไป คงไม่ใช่เพราะมีผู้ใดรอคอยนางอยู่กระมัง?
“เมื่อคุณหนูซ่งมาแล้ว เ้าก็เลิกทำหน้าเ็าเสีย แบบนี้คนเขาจะไม่เอ็นดูเอาได้” เหยาเชียนเชียนกำชับกับแมวดำ
“เทียบกับข้า ท่านอ๋องต้องพึงใจในตัวนางมากกว่าอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรนางก็จริงใจต่อท่านอ๋อง อีกทั้งยังเป็บุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีด้วย และนางก็ไม่มีความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงเ่าั้กับองค์ชาย เพราะฉะนั้นแล้วจะประจบประแจงผู้ใดเ้าก็ต้องดูให้กระจ่าง”
แมวดำไม่อยากสนใจนางแล้ว ที่กล่าวมาไม่มีเื่ที่ถูกต้องเลยสักคำ
ซ่งอีอีจะเทียบกับหวังเฟยที่เขาเลือกมาด้วยตัวเองได้อย่างไร บุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีแล้วอย่างไรเล่า เขายังต้องไว้หน้าอัครมหาเสนาบดีด้วยหรือ
ส่วนความจริงใจนั้น เขาได้กล่าวเป็นัยไปแล้วในตำหนัก เมื่อเขารักผู้ใดแล้วก็จะรักผู้นั้นตลอดไป ซ่งอีอีนางเลื่อมใสในตัวเขานั่นก็เป็เื่ของนาง ไม่เกี่ยวอันใดกับเขา เขาไม่ได้ถลาออกไปให้เข้าตานางเสียหน่อย
แมวดำพินิจมองเหยาเชียนเชียนอย่างละเอียด แต่เมื่อมองไม่เห็นสิ่งที่อยากเห็นในดวงตาของอีกฝ่ายก็อดรู้สึกโกรธขึ้นมาไม่ได้
เมื่อครู่กล่าวอยู่เนิ่นนาน นางเอาแต่กล่าวถึงอาเหยียนและแมวอย่างละเอียดยิบ แต่กลับไม่กล่าวถึงเขาสักคำ เขาไม่ควรค่าให้นางเป็ห่วงบ้างเลยหรืออย่างไร?
ในตำหนักเขาได้กล่าวไปอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งยังปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้อย่างหนักแน่น เช่นนั้นนางก็น่าจะรู้ถึงความไม่พอใจของเขาสิ นางเอาแต่เป็ห่วงว่าอาเหยียนและแมวดำจะได้รับผลกระทบจากการแต่งงาน เหตุใดนางจึงไม่นึกถึงเขาบ้างเลย?
ช่างไร้มโนธรรมโดยแท้ แมวดำกัดเข้าที่คางของนาง แม้จะไม่ได้ออกแรงมากแต่ก็ยังทำให้เหยาเชียนเชียนใอยู่ดี
แต่ด้วยความไว้วางใจและความรักที่นางมีต่อมันจึงเลือกที่จะไม่ผลักแมวดำออกไป นางเพียงหลับตาโดยไม่รู้ตัวและแข็งค้างไม่เคลื่อนไหว
จากนั้นนางก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่อบอุ่นกำลังแตะที่มุมปาก นางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
แมวดำผละออกและมองนางอย่างจริงจัง เหยาเชียนเชียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและบีบหูของมันเบาๆ
“ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีก จะทำให้คนใเอา”
ดวงตาสีมรกตดูจนใจอยู่หลายส่วน คนโง่เขลา เปิ่นหวังจะทำอย่างไรกับเ้าดี
หนึ่งคนกับหนึ่งแมวอยู่ข้างนอกเป็เวลานาน จนกระทั่งดึกดื่นเหยาเชียนเชียนจึงอุ้มมันกลับไปที่ห้อง รอจนนางหายใจเป็จังหวะสม่ำเสมอแล้ว เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างเงียบเชียบ
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาเหยียนมาเจอในวันรุ่งขึ้น ถึงเวลาที่ชิงผิงอ๋องควรกลับไปได้แล้ว
สิ่งที่รอเหยาเชียนเชียนอยู่ในเช้าวันรุ่งขึ้นคือน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมที่ถูกจัดส่งมาให้
แม้ว่ามันจะมีสรรพคุณบำรุงมากเกินไป แต่สาวใช้เห็นว่าหวังเฟยของนางมีสภาพจิตใจไม่ค่อยดีและมักได้รับาเ็อยู่เสมอ ท่านอ๋องจะรู้สึกสงสารบ้างก็เป็เื่ที่สมควรแล้ว
“โสมนี้คือ?” เหยาเชียนเชียนหรี่ตามอง ลางอันไม่เป็มงคลเอ่อล้นไปทั่วทั้งหัวใจ
“โสมนี้คือโสมที่พระราชทานโดยฮุ่ยเฟยเหนียงเหนี่ยงที่หวังเฟยนำกลับมาจากวังหลวงเพคะ” สาวใช้พูดโดยไม่สังเกตเห็นใบหน้าที่แข็งกระด้างของนาง “ท่านอ๋องรีบขอให้ทางห้องเครื่องเตรียมของดีนี้และนำมาให้พระองค์ เห็นได้ว่าท่านอ๋องทรงรักใคร่พระองค์นะเพคะ”
เขารักนางแต่กลับใช้โสมของนางมาทำร้ายตัวนางเอง!
นี่คือ! โสมพันปี! ของนาง!
เหยาเชียนเชียนกุมหัวใจ นางรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งแน่นหน้าอกและหายใจไม่สะดวก นางอาจจะโกรธชิงผิงอ๋องจนตายได้จริงๆ
จากที่นางแอบสืบถามก็พบว่าโสมดังกล่าวมีราคาหนึ่งพันชั่ง มีคุณภาพดี เก่าแก่ และได้รับพระราชทานจากเหนียงเหนี่ยงในวังหลวง ราคาโสมสองแง่งก็เพียงพอให้นางถลุงเงินเป็เบี้ยได้เป็เวลานาน
แต่เพียงไม่นานก็กลายเป็น้ำแกงหม้อหนึ่งไปเสียแล้ว...
“หวังเฟย พระองค์รีบชิมในขณะที่น้ำแกงยังร้อนอยู่เถิดเพคะ” สาวใช้สังเกตเห็นใบหน้าที่ฉายความทรมานของนาง จึงโน้มน้าวนางเบาๆ “พระองค์อย่าทรงกังวลเลยเพคะ โสมนี้มีสรรพคุณบำรุงมากนัก หากพระองค์มีอาการปวดหัวหรือมีไข้ เพียงแค่น้ำแกงชามเดียวก็สามารถรักษาให้ดีได้เกินครึ่ง และไม่ต้องกินยาเลยเพคะ”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าอย่างอ่อนแรง ใช่สิ ดังนั้นถึงได้มีราคาแพงมากอย่างไรเล่า
สิ่งที่นางดื่มเข้าไปไม่ใช่น้ำแกงแต่เป็เงินต่างหาก นางยกชามเล็กขึ้นมาอย่างสั่นเทา จากนั้นก็ดื่มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
รสชาติไม่เลวเลย คุ้มค่ากับราคาของมัน
“ยังมีอีกแง่งใช่หรือไม่?” เหยาเชียนเชียนเอ่ยถาม
“อีกแง่งหนึ่งนำไปเก็บไว้ในคลังแล้วเพคะ” สาวใช้แปลกใจ “หากพระองค์ทรงโปรด เย็นนี้หม่อมฉันจะนำมาปรุงให้อีกมื้อเพคะ” ทว่าจะเป็การบำรุงมากเกินไปหรือไม่?
เหยาเชียนเชียนปัดมือ หากนางยังกินเข้าไปอีกต้องอายุสั้นลงอย่างแน่นอน นางสั่งให้บ่าวไพร่ไปนำมันมาให้นางเดี๋ยวนั้น ยามที่กลับมานางไม่ได้ระวังให้ดี ไม่รู้ว่าชิงผิงอ๋องหยิบไปเมื่อใด ยามนี้ถึงได้มีจุดจบเช่นนี้!
นางดูออกแล้ว ชิงผิงอ๋องจงใจไม่ให้เงินที่สามารถได้แก่นางเลย แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้อะไรบางอย่างหรือไม่ แต่นางไม่สามารถปล่อยให้ผู้อื่นขูดรีดทรัพย์สินของนางได้อีกแล้ว
“ถ้าแน่จริงก็ลงมืออีกครั้งสิ” เหยาเชียนเชียนกัดฟัน “คราวนี้ข้าจะซ่อนมันไว้ให้ดีอย่างแน่นอน มาดูกันว่าพระองค์จะขุดมันออกมาได้อย่างไร!”
หลังอาหารเช้า เหยาเชียนเชียนออกจากจวนไปด้วยความโกรธโดยมีโสมพันปีติดมือไปด้วย การซ่อนโสมขนาดใหญ่เช่นนี้เป็เื่ยาก ดังนั้นการเก็บไว้ในรูปแบบตั๋วเงินจึงง่ายกว่ามาก
เถ้าแก่โรงรับจำนำรู้จักนาง หากถามว่ามีผู้ใดในนครหลวงไม่รู้จักพระชายาของชิงผิงอ๋องบ้าง อย่างไรก็คงไม่มีผู้ใดไม่รู้จักอยู่แล้ว ดังนั้นเห็นแก่สถานะของนาง ประกอบกับเหยาเชียนเชียนเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน เถ้าแก่จึงไม่กล้ากดราคาต่ำ และยินดีให้ราคาที่สมเหตุสมผล
“ข้าคิดแล้วเชียวว่ามันมีราคาแพงจริงๆ!”
เหยาเชียนเชียนเดินออกจากโรงรับจำนำ หัวใจของนางยังคงมีเืซึมเมื่อรู้ว่าอาหารที่นางกินในยามเช้านั้นแพงเสียจนเพียงพอให้คนธรรมดามีกินมีใช้ไปได้ตลอดชีวิต
“หวังเฟยโปรดช้าก่อน” เสียงสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง เหยาเชียนเชียนหันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัวและอดใไม่ได้
“คุณหนูซ่ง?”
