โม่เสวี่ยิ่รู้ข่าวของโม่เสวี่ยถงหลังอาหารมื้อค่ำ วันนี้นางทานมื้อค่ำช้ากว่าปรกติ คนที่นางส่งไปเฝ้าจับตามองเรือนชิงเวยกลับมารายงานว่าโม่เสวี่ยถงฟื้นแล้ว หลังจากที่ลั่วเหวินโย่วกับไป๋อี้เฮ่ากลับไปเรียบร้อย นางก็พาโม่ซิ่วไปเรือนหลีหวาของฟางอี๋เหนียงด้วยความขุ่นเคือง
นับั้แ่โม่ฮว่าเหวินทราบว่าฟางอี๋เหนียงตั้งครรภ์ก็ยกเลิกการกักบริเวณ อนุภรรยาอีกสองคนในจวนก็นำสิ่งของมาเยี่ยมเยียนนาง ทั้งยกยอปอปั้นสารพัด หลังจากที่พวกนางกลับไปแล้ว ฟางอี๋เหนียงก็ยังคงลำพองใจไม่สร่างซา ยิ่งรู้ว่ายามนี้โม่เสวี่ยถงหมดสติ เป็ตายไม่อาจรู้ได้ ท่านหมอทั้งหลายล้วนส่ายหน้าจนปัญญา ดูจากสภาพการณ์แล้วอย่างไรก็มีโอกาสตายถึงเก้าส่วน
ภายในใจย่อมรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
ไม่มีนังเด็กชั้นต่ำนั่นสักคน ต่อไปจวนโม่ก็จะเป็ใต้หล้าของนาง
ภายในใจนึกกระหยิ่มยิ้มย่อง หลังจากให้สาวใช้ปรนนิบัติจนกินอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็มานอนดีดลูกคิดรางแก้วอยู่บนเตียง หากโม่เสวี่ยถงตายไป สินเดิมของลั่วเสียมารดานางย่อมตกมาอยู่ในมือของตนเอง อย่างไรก็ต้องไปห้องเก็บสมบัติเลือกเอาออกมาสักสองสามชิ้น นางหมายมั่นของพวกนั้นมานานแล้ว
หลังจากลั่วเสียสิ้นไป ฟางอี๋เหนียงก็เป็ผู้ควบคุมทุกอย่างในจวนโม่ แต่อำนาจของนางกลับไม่รวมไปถึงสินเดิมของลั่วเสีย ทรัพย์สินมีค่าเ่าั้ล้วนถูกเก็บอยู่ในคลังสมบัติของโม่ฮว่าเหวิน ถึงจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว โม่ฮว่าเหวินก็ยังเป็ผู้ดูแลจัดการด้วยตนเอง ไม่เคยให้ฟางอี๋เหนียงเหยียบย่างเข้าไปแตะต้อง
แม้ว่าฟางอี๋เหนียงจะไม่รู้รายละเอียด แต่เชื่อว่าต้องมีของดีๆ จำนวนไม่น้อย เพียงแค่โม่เสวี่ยถงตายไป ตนเองได้ยกขึ้นเป็ภรรยาเอก ิ่เอ๋อร์ก็จะเป็บุตรสาวคนโตลูกภรรยาเอก เฟิงเอ๋อร์ก็จะเป็บุตรชายลูกภรรยาเอกเพียงคนเดียวในจวน ไม่ว่าบุตรในครรภ์ของนางจะเป็หญิงหรือชาย ในจวนนี้จะมีใครสามารถมาขัดขวางนางได้อีกเล่า
สินเดิมเ่าั้สุดท้ายแล้วก็ต้องตกมาอยู่ในมือของตนเอง ถึงเวลานั้นแม้นายท่านจะยังคิดถึงสองแม่ลูกคู่นั้นแล้วอย่างไร คนตายไปแล้วจะปีนขึ้นจากหลุมมาสู้กับตนเองได้อีกหรือ คิดแล้วก็ยิ่งลำพองใจ นั่งยิ้มอยู่คนเดียวภายใต้แสงเทียน
“เื่ใดหนอที่ทำให้อี๋เหนียงดูมีความสุขถึงเพียงนี้ หรือจะเป็เื่โม่เสวี่ยถงฟื้นแล้ว” ประตูเปิดออก ใบหน้ากระจ่างใสของโม่เสวี่ยิ่เผยแววเยาะหยัน ชื่อเสียงกุลสตรีดีงามของนางสุดท้ายก็ถูกทำลายไม่มีเหลือ ประตูห้องปิดลง แต่วาจาเสียดสียังคงไม่จบสิ้น
“ข้าได้ยินมาว่าชะตาของน้องสามแข็งนัก ยามนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ไม่เป็อะไรสักอย่าง ความฝันที่จะได้ยกฐานะขึ้นเป็ภรรยาเอกของอี๋เหนียงคงเป็ได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ แล้วล่ะ ตราบใดที่นังเด็กคนนั้นยังอยู่ ความเป็ไปได้ที่อี๋เหนียงจะได้เป็ภรรยาเอกก็คงไม่มี”
ยามนี้ไม่มีคนนอก โม่เสวี่ยิ่ไม่จำเป็ต้องแสร้งทำเป็นกน้อยที่้าที่พึ่ง หรือแสดงท่าทางเป็กุลสตรีอ่อนโยน ใจกว้าง ทุกคำพูดล้วนแสบสะท้านไปถึงทรวง นางไม่เคยเห็นหัวฟางอี๋เหนียงอยู่แล้ว เป็ธิดาภรรยาเอกสกุลอวี้แท้ๆ แม้เพราะไม่รู้สถานะตัวจนต้องกลายเป็บ้านรอง แต่หลังจากบ้านหลักสิ้นบุญไปแล้วไฉนกลับไม่คิดหาวิธีให้ตนเองเลื่อนขึ้นเป็ภรรยาอย่างถูกต้อง ทำให้นางยังคงมีฐานะเป็แค่บุตรอนุ เสียหายมาถึงเื่กำหนดงานแต่งของนางที่บัดนี้ก็ยังไม่ถูกกำหนด ทั้งหมดก็เป็เพราะสถานภาพที่ค้างคาอยู่แบบนี้ไม่ใช่หรือไร
ตราบใดที่ยังแก้ไขเื่โม่เสวี่ยถงไม่ได้ นางย่อมไม่กล้าฝันถึงการได้ยกฐานะเป็ภรรยาเอก เดิมทีหัวใจนางก็กลัดกลุ้มเหมือนถูกสุมบนกองเพลิงอยู่แล้ว นับจากเมื่อคืนวานจนวันนี้ก็ยังไม่คลายไป เมื่อก่อนนึกว่าซือหม่าหลิงอวิ๋นเป็คนฉลาด มีใจให้นางก็มากอยู่ คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่จะโง่เง่า ความรักก็ยังเปราะบางถึงเพียงนี้ นึกถึงเมื่อคืนก่อน เขากล้าบอกกับนางว่าจะให้เป็อนุภรรยา โม่เสวี่ยิ่แค้นใจจนแทบทนไม่ได้ อยากจะกัดเขาให้จมเขี้ยว
นางไม่ใช่ฟางอี๋เหนียงที่ได้ฐานะเป็แค่อนุภรรยาของผู้อื่นก็ยังหน้าชื่นตาบานได้
ยิ่งเห็นรอยยิ้มโง่งมของฟางอี๋เหนียงเมื่อครู่ ก็คิดว่าหากตนเองต้องตกอยู่ในฐานะอนุภรรยาเช่นกัน ก็ไม่แน่ว่าตนเองอาจจะโง่งมไม่ต่างจากผู้เป็มารดา ไหนเลยจะมีอารมณ์เสแสร้งอยู่ได้ จึงแสดงความไม่พอใจ ระบายอารมณ์ออกมาทันที
ฟางอี๋เหนียงหวาดกลัวบุตรสาวคนโตที่มีจิตใจลุ่มลึกผู้นี้มาโดยตลอด อยู่ข้างนอกนางเป็บุตรสาวที่ทำตัวน่ารักเหมือนวิหคน้อยที่้าที่พึ่ง ต่อหน้าผู้อื่นก็แสดงตนเป็คนใจกว้างมีเมตตา กตัญญูต่อตนเอง ยามออกงานสังคมก็วางตัวเป็สตรีเฉลียวฉลาดมีพร์ความสามารถ จนกลายเป็สตรีที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็การส่วนตัว มีเพียงนางที่รู้ว่าบุตรสาวคนนี้ทั้งร้ายกาจ เ็าและใจคอคับแคบเพียงใด
ั้แ่เล็กจนโต อยู่ข้างนอกก็เสแสร้งเป็กตัญญู ทำตัวหัวอ่อนเชื่อฟัง แต่เมื่ออยู่ลับหลังผู้คนมีครั้งไหนบ้างที่ไม่พูดจากระแทกแดกดันใส่ นางย่อมรู้ว่าบุตรสาวดูถูกสถานะอนุภรรยาของตนเอง จึงสรรหาถ้อยคำสารพัดมาถากถางเช่นนี้ แต่ถึงโมโหไปก็เป็บุตรสาวของตนเองอยู่ดี เวลานี้นางยังต้องพึ่งพาความสามารถและแผนการอันลึกล้ำของโม่เสวี่ยิ่ เพื่อเลื่อนฐานะขึ้นเป็ภรรยาเอก
“นังนั่นฟื้นแล้วหรือ ท่านหมอที่เชิญมาเ่าั้บอกว่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วอย่างไรเล่า ทั้งยังให้ในจวนเตรียมจัดงานศพแล้วด้วย” ฟางอี๋เหนียงอารมณ์ขึ้น หุบยิ้มทันที
“ข่าวของอี๋เหนียงมันทั้งล้าหลังและเก่าจนใช้การไม่ได้แล้ว ท่านก็เคยได้ยินท่านพ่อเอ่ยว่าจะยกขึ้นมาเป็ภรรยาเอกไม่ใช่หรือ แล้วเป็อย่างไร ผ่านไปปีกว่าแล้ว ยามนี้แม้แต่พูดถึงก็ยังไม่มี หนำซ้ำยังจับท่านขังเอาไว้ในเรือนด้วย จากสถานกาณ์ทั้งหมดก็ไม่รู้แล้วว่าสิ่งที่อี๋เหนียงได้ยินมาจะเอาแน่ได้สักกี่ส่วนกัน” โม่เสวี่ยิ่ยิ้มเยาะ ฉีกหน้าฟางอี๋เหนียงโดยตรง
“เื่นั้นเร่งมากไม่ได้ มารดาของนังเด็กชั้นต่ำนั่นเพิ่งตายไปแค่ปีกว่า ไม่ว่าอย่างไรบิดาของเ้าก็ต้องไว้ทุกข์ต่ออีก่หนึ่ง” ฟางอี๋เหนียงหน้าแดงก่ำ หาข้อชี้แจง
“ฮึ! เคยได้ยินแต่สตรีไว้ทุกข์ให้บุรุษ มีที่ไหนที่บุรุษต้องไว้ทุกข์ให้สตรีถึงสามปี ฟางอี๋เหนียงจะโง่งมไร้เดียงสาเกินไปหน่อยแล้วกระมัง เมื่อครั้งก่อนที่ท่านวางกลอุบายใส่โม่เสวี่ยถงไม่เห็นจะกล่าวเช่นนี้เลย ซ้ำยังรับปากเป็มั่นเป็เหมาะว่าต้องสำเร็จแน่ ให้ข้าเชื่อฟังคำท่าน ข้าเชื่อแล้วผลสุดท้ายเป็อย่างไรเล่า อี๋เหนียงคงไม่ลืมว่าตนเองเกือบทำให้ข้าติดร่างแหไปด้วยหรอกนะ”
ยามที่โม่เสวี่ยถงเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ฟางอี๋เหนียงทำเก่งกล้าบอกกับนางว่าสามารถออดอ้อนโม่ฮว่าเหวินได้ ให้นางสวมชุดสำหรับเข้าร่วมพิธีบูชาบรรพชนรอไว้ พอโม่เสวี่ยถงออกไป นางค่อยเข้ามาแทนที่
แต่ท้ายที่สุดเป็อย่างไร? นางพลอยเดือดร้อนถูกท่านพ่อระแวงสงสัยไปด้วย โม่เสวี่ยิ่นึกถึงเื่นี้ทีไร โทสะก็อัดแน่นเต็มท้องทุกครั้งไป
ฟางอี๋เหนียงถูกบุตรสาวพูดจากระทบกระเทียบจนเอ่ยอะไรไม่ออก ลุกขึ้นมานั่งแล้วโต้ตอบออกไปอย่างฉุนเฉียว “นั่นเป็เพราะความเ้าเล่ห์ของนังสารเลวนั่นต่างหาก คิดไม่ถึงว่านาง...”
“คิดไม่ถึง? เื่ที่อี๋เหนียงคิดไม่ถึงช่างมีมากนัก ว่าท่านโง่งมแล้วก็ยังไม่เชื่อ หากท่านฉลาดสักหน่อย ยามนี้จะยังมานั่งบื้อตรงนี้อยู่หรือ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรไปเรือนชิงเวยให้มากหน่อยถึงจะถูก ตอนนี้คนที่ท่านพ่อรักมากที่สุดก็คือนาง บุตรในครรภ์ของท่านก็แค่ลูกอนุ แม้คลอดออกมาได้แล้วอย่างไร ท่านพ่อมีพี่ชายแล้ว จะมีลูกอนุเพิ่มขึ้นมาอีกคนหรือน้อยลงไปอีกคนแล้วมีอะไรแตกต่าง”
โม่เสวี่ยิ่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง กล่าวเสียงเ็า ดวงตาฉายแววอำมหิต มองไปที่ท้องของฟางอี๋เหนียงอย่างมาดร้าย
ด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัว ฟางอี๋เหนียงจึงยื่นมือไปลูบหน้าท้องของตนเอง ขยับกายลึกเข้าไปด้านในของเตียงนอน พลางกล่าวเสียงสั่น “จะ... เ้าหมายความว่าอย่างไร”
“อี๋เหนียงยังไม่เข้าใจอีกหรือ ยามนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจลากนังเด็กนั่นลงมาได้ นางมีจวนลั่วหนุนหลัง ข้างกายก็มีท่านพ่อคอยคุ้มครอง ภายหน้าจะต้องหากำหนดงานแต่งกับสกุลชั้นสูงเป็แน่ หากเป็เช่นนั้น สถานะของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นอีก แค่นางบอกว่าไม่ยินยอมให้ท่านพ่อตั้งท่านเป็ภรรยาเอก ต่อให้ท่านร้องไห้จนตายแล้วอย่างไร” โม่เสวี่ยิ่เสียดสีอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
“ข้ามีเฟิงเอ๋อร์ จวนนี้มีเขาเป็บุตรชายเพียงคนเดียว หากเพิ่มในท้องนี้ด้วยก็รวมเป็สอง บิดาของเ้าย่อมต้องคำนึงถึงพวกเราก่อน” ฟางอี๋เหนียงยังไม่ยอมแพ้
“พี่ใหญ่น่ะหรือ ท่าทางแบบนั้นข้าไม่เห็นท่านพ่อจะเห็นความสำคัญของเขาสักนิด ในท้องของท่านหากคลอดออกมาเป็บุตรชายก็ยังต้องรอหลังจากนี้อีกสิบกว่าปี ท่านยังรออยู่ในฐานะอนุภรรยาได้ แต่ข้ากับพี่ชายทนรออยู่ในสถานะบุตรสาวบุตรชายอนุภรรยาไม่ได้ ท่านพ่อยังอายุไม่มาก หากแต่งฮูหยินคนใหม่เข้ามาอีกคน บุตรภรรยาเอกคนใหม่คลอดออกมา ไหนเลยจะมีฐานะให้พี่ชายอีก อี๋เหนียงคลอดพวกเราออกมาแล้วจะให้ข้ากับพี่ชายต้องติดอยู่ในสถานะบุตรอนุภรรยาไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ” โม่เสวี่ยิ่ั์ตาแข็งกร้าว วาจาดูแคลนอย่างถึงที่สุด
โม่อวี่เฟิงเป็บุตรชายเพียงคนเดียวของโม่ฮว่าเหวิน แต่ความจริงแล้วเขาก็มิได้โปรดปรานบุตรชายคนนี้เท่าใดนัก โม่อวี่เฟิงเป็คนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ด้านการศึกษาก็ไม่มีพร์ที่โดดเด่น ปรกติก็มักจะรวมกลุ่มกับพวกลูกเศรษฐีเสเพลที่ชักชวนกันทำแต่เื่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่เคยเห็นเงาในห้องหนังสือมาปีหนึ่งแล้ว แม้ถูกโม่ฮว่าเหวินตำหนิกี่ครั้งก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วจะมีความรู้สึกน่ายินดีสักเท่าไรกันเชียว แต่เป็เพราะในจวนโม่มีเขาเป็บุตรชายเพียงคนเดียว โม่ฮว่าเหวินจึงจัดการอะไรไม่ได้
เื่นี้ฟางอี๋เหนียงย่อมกระจ่างใจ เมื่ออยู่ด้วยกันเป็การส่วนตัว นางก็พูดกับโม่อวี่เฟิงมิใช่แค่เพียงหนึ่งครั้ง แต่บุตรชายก็ไม่เคยเชื่อฟังคำสอน อ้างแต่ว่าบิดามีเขาเป็บุตรชายคนเดียว ต่อไปทุกอย่างในจวนนี้ก็ต้องเป็ของเขา จะกลัวอะไร ถึงเขาจะทำตัวไม่ดี แล้วท่านพ่อจะตีเขาให้ตายได้เช่นนั้นหรือ ท่าทางโอหังแบบนั้น ทำให้ฟางอี๋เหนียงโมโหจนลมแทบจับ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โม่อวี่เฟิงก็เป็บุตรชายของฟางอี๋เหนียง เมื่อได้ยินบุตรสาวพูดแดกดันไปถึงบุตรชายก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมา ปล่อยมือจากท้องของตนเอง เส้นเืที่หน้าผากโป่งนูนออกมาจนแทบะเิ ชี้หน้าด่าโม่เสวี่ยิ่ “นี่ดูเหมือนเป็คำพูดที่ผู้เป็บุตรสาวควรจะเอ่ยออกมาหรืออย่างไร โม่เสวี่ยิ่ ข้าเป็แม่ของเ้านะ เฟิงเอ๋อร์ก็เป็พี่ชายแท้ๆ ของเ้า ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เป็สายเืเดียวกัน บิดาของเ้าเคยพูดว่าจะแต่งฮูหยินใหม่ที่ไหน พูดแต่ว่าคนเพิ่งตายไม่อาจตั้งข้าเป็ภรรยาเอก เพราะกลัวนังเด็กนั่นจะเสียใจ และหากนังเด็กนั่นไม่เห็นด้วย กลับไปบอกให้จวนฝู่กั๋วกงออกมาคัดค้านก็จะยุ่งไปกันใหญ่”
“อี๋เหนียง มาถึงขั้นนี้แล้วท่านยังปกป้องท่านพ่ออยู่อีก ไม่เห็นหรือว่า่ที่ผ่านมาท่านพ่อปฏิบัติต่อท่านอย่างไร ขนาดท่านตั้งครรภ์มีบุตรให้ คนแรกที่ท่านพ่อคิดถึงก็ยังคงเป็นังเด็กนั่น หากท่านเป็คนฉลาดจริงๆ ล่ะก็ จงวางแผนเพื่อประโยชน์ของบุตรสองคนที่คลอดออกมาแล้วก่อนเถิด เด็กคนนี้ยังอยู่ในท้องไม่จำเป็ต้องใส่ใจมากมาย เพราะถึงอย่างไรคลอดออกมาก็เป็บุตรอนุภรรยาอยู่ดี” โม่เสวี่ยิ่ชักสีหน้าเถียงฟางอี๋เหนียงด้วยคำพูดร้ายกาจ
คิดถึงสถานะบุตรอนุภรรยาของตนเองทีไร โม่เสวี่ยิ่ก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ หากไม่ใช่เพราะสถานะนี้ ไฉนเลยแม้แต่วังหลวงตนเองยังเข้าไปไม่ได้ ไหนจะถูกผู้คนชี้หน้าด่าว่าฝันเฟื่องใฝ่สูงเกินศักดิ์ และสุดท้ายต้องตกต่ำจนเกือบกลายเป็อนุภรรยาของซือหม่าหลิงอวิ๋น หากเมื่อคืนเื่แบบนี้เกิดขึ้นกับโม่เสวี่ยถง จวนเจิ้นกั๋วโหวจะต้องมอบตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อให้โดยไม่ต้องเอ่ยถึง จะมาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับอยู่เช่นนี้หรือไร ด้วยเหตุนี้ทำให้นางไม่มีหน้าจะออกไปพบเจอผู้คน ทำเหมือนว่าตนเองอยากจะไปเป็อนุภรรยาของผู้อื่นเยี่ยงนั้น
บุตรอนุ บุตรอนุ นางไม่อยากเป็บุตรอนุ!
ดวงตามาดร้ายกวาดไปที่ท้องที่ยังไม่โตออกมาของฟางอี๋เหนียง แววตาเย็นะเื
ฟางอี๋เหนียงเห็นแววตาของนางแล้วยังหวาดกลัวจนตัวสั่น ขดตัวปกป้องท้องของตนเอาไว้ “เ้าคงมิได้คิดจะทำร้าย... เด็กในท้องของข้าใช่หรือไม่”
“ฟางอี๋เหนียง บุตรของท่านยังมีชีวิตต่อไปได้ แต่ขอร้องช่วยคิดเพื่อพวกเราด้วยได้หรือไม่ หากท่านไม่รีบขึ้นมาเป็ภรรยาเอก งานแต่งของข้ากับพี่ชายก็คงต้องลำบากเพราะฐานะบุตรอนุภรรยาของท่านเป็เหตุ บุตรสาว บุตรชายของอนุภรรยาให้ตายก็เป็แค่คนที่มีฐานะต้อยต่ำ แม้ว่าท่านพ่อจะได้เลื่อนตำแหน่งขุนนาง แต่สกุลสูงศักดิ์ที่ไหนจะยอมแต่งบุตรอนุภรรยาไปเป็ภรรยาเอกกันเล่า” คิดถึงตนเองมีพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ แต่เพียงเพราะสถานะบุตรอนุภรรยาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้คนมองไม่เห็นหัว โม่เสวี่ยิ่จึงอดไม่ได้ ต้องมาเตือนสติฟางอี๋เหนียงให้รู้ตัวสักที
เข้าวังไม่ได้ อยากแต่งเป็ชายาองค์ชายก็หมดหวัง แต่นางยังสามารถแต่งเข้าจวนกั๋วกงได้ โหยวเยวี่ยเฉิงแห่งจวนิกั๋วกงทั้งหน้าตาหล่อเหลาและดีกับนางไม่น้อย หากนางมีสถานะเป็ธิดาภรรยาเอก เขาก็คงมาสู่ขอเป็แน่ ได้ยินมาว่าจวนิกั๋วกงกำลังเฟ้นหาภรรยาที่เหมาะสมให้โหยวเยวี่ยเฉิง นางจึงไม่มีเวลารออีกต่อไป
“ฟางอี๋เหนียง หากท่านคิดจะลากนังเด็กนั่นลงน้ำ ก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเด็กในท้องของท่านอีกแล้ว” คำพูดที่อำมหิตร้ายกาจทำให้ฟางอี๋เหนียงสั่นไปทั้งตัว เอามือกุมท้องไว้ด้วยสัญชาตญาณ ยกนิ้วชี้หน้าโม่เสวี่ยิ่ สีหน้าตื่นตะลึงไม่อยากเชื่อ
“นะ... นี่เป็น้องชายของเ้านะ”