มู่เหยียนเฉินเหม่อมองเงาหลังของเยว่เฟิงเกอที่เดินจากไป เขาได้ยินเสียงหัวใจตนเองกำลังแหลกสลาย
เขาเองก็รู้ว่าเยว่เฟิงเกอในตอนนี้ไม่ใช่คนที่จะคอยมาไล่ตามเขาอย่างไม่ยอมอยู่ห่างกายเช่นในตอนนั้นอีกแล้ว
ยิ่งกว่านั้น นางในตอนนี้ยังแข็งแกร่งกว่าเขาไม่รู้ตั้งกี่เท่า
มู่เหยียนรั่วเองก็มองเงาหลังที่ไกลห่างออกไปของเยว่เฟิงเกอด้วยใจเหม่อลอยเช่นกัน
ตอนนี้นางไม่เห็นเยว่เฟิงเกอที่ตามติดพี่ชายนางแจ อันที่จริงคนไม่แม้แต่จะชายตามองพี่ชายนางด้วยซ้ำ
มู่เหยียนรั่วมองเงาหลังงามสง่าของเยว่เฟิงเกอที่จากไปแล้ว คนทำราวกับการช่วยพวกเขาเป็เื่เล็กน้อยอย่างยิ่ง
และในนาทีนี้เองที่ความคิดของมู่เหยียนรั่วที่มีต่อเยว่เฟิงเกอได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
นางมองเห็นเยว่เฟิงเกอที่แข็งแกร่งและสง่างาม
มู่เหยียนรั่วรู้สึกละอายใจต่อความคิดที่เป็เด็กๆ ของนางที่ก่อนนี้พยายามจะหาเื่เยว่เฟิงเกออยู่ตลอด
หลังจากเยว่เฟิงเกอไปจากด่านกลไกไร้เทียมทานแล้วก็ไปตีบอสอีกสองสามตัวต่อ เมื่อได้รับไอเทมที่นาง้าก็กดออกจากเกมไป
เยว่เฟิงเกอไม่แม้แต่จะเก็บเื่ของมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วมาใส่ใจอีก อย่างไรเสีย พวกเขาพี่น้องก็ออกมาจากกลไกไร้เทียมทานแล้ว ส่วนว่าเส้นทางหลังจากนี้ของพวกเขาจะเป็อย่างไร ก็เป็เื่ของพวกเขาแล้ว
เมื่อเยว่เฟิงเกอออกจากเกม นางก็แวะไปอ่านข่าวอยู่ครู่หนึ่ง
นางเห็นข่าวของพี่ชายทั้งสอง ตอนนี้บริษัทของพี่ใหญ่เยว่เฉินอวิ้นควบรวมบริษัทที่ไม่เล็กนักอีกแห่งหนึ่งได้สำเร็จ กลายเป็หนึ่งในสามหัวเรือใหญ่ของโลกธุรกิจ
ส่วนพี่รองเยว่เฉินอี้ เขาได้เป็นักร้องชื่อดังที่จัดคอนเสิร์ตไปแล้วยี่สิบสามรอบ และในทุกๆ รอบยังมีคนซื้อบัตรเข้าชมเต็มทุกที่นั่ง
หากไม่ใช่เพราะมีโทรศัพท์เครื่องนี้ ชั่วชีวิตนี้เยว่เฟิงเกอก็คงไม่รู้ว่าพี่ชายทั้งสองของนางเป็อย่างไรกันบ้างแล้ว
เมื่อนางได้เห็นข่าวของพี่ใหญ่และพี่รอง ก็ทำให้อดคิดถึงพวกเขาไม่ได้ นางอยากจะโทรหาพวกเขาสักหน่อย
ทันทีที่ออกจากเว็บไซต์อ่านข่าว เยว่เฟิงเกอก็ไปเปิดแอปเถาเป่าต่อ นางอยากจะหาซื้อซิมโทรศัพท์เพื่อโทรกลับไปหาพี่ชายทั้งสอง
เพียงแต่นางหาไปรอบหนึ่งแล้วก็หาซิมโทรศัพท์ลึกลับนั่นไม่เจอ
“ไม่จริงนะ ซิมโทรศัพท์นั่นขายหมดแล้ว? ” เยว่เฟิงเกอพึมพำ
นางหาใหม่อีกรอบก็ยังหาไม่เจอ
สุดท้ายทำได้แค่ออกจากแอปเถาเป่าแล้วเข้าวีแชทเพื่อถามหาสินค้าจากอย่าถามว่าข้าคือใคร เผื่อว่าบางทีที่เขาอาจจะมีซิมโทรศัพท์เช่นนี้
รออยู่นาน ในที่สุดอย่าถามว่าข้าคือใครก็ตอบกลับ
“เมื่อครู่เผลอหลับไป เพิ่งเห็นข้อความท่าน ที่ข้านี้มีซิมโทรศัพท์ที่สามารถโทรไปยังโลกยุคปัจจุบันได้อยู่ เพียงแต่ภารกิจค่อนข้างยาก...”
เยว่เฟิงเกอรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าภารกิจนั่นคืออะไร นางเองก็พอจะรู้อยู่ว่าซิมโทรศัพท์เช่นนั้นมีจำนวนจำกัด ดังนั้น นางไม่มีทางได้มันมาโดยง่ายหรอก
เช่นเดียวกับซิมโทรศัพท์อันก่อนที่นางต้องทำถึงสามภารกิจกว่าจะได้หนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อเพื่อมาซื้อมัน
เยว่เฟิงเกอถามว่า “ภารกิจอะไร ลองว่ามาสิ? ”
อย่าถามว่าข้าคือใครตอบ “โจมตีซูมู่เจ๋อ ให้เขากราบท่านเป็อาจารย์ และคุกเข่าตรงหน้าท่าน เรียกท่านว่าพี่ใหญ่แห่งโลกพนันสามครั้ง”
เยว่เฟิงเกออ่านถึงตรงนี้ หางตาก็กระตุก
ภารกิจนี้ยากจะทำให้สำเร็จได้จริงๆ ซูมู่เจ๋อคนนั้นเป็บุคคลอันตราย ให้ดีก็อย่าไปหาเื่เขาจะดีกว่า
อีกอย่างม่อหลิงหานเองก็ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าซูมู่เจ๋อเป็อย่างมาก หากนางยังวิ่งโร่ไปหาเื่ซูมู่เจ๋อเพื่อซิมโทรศัพท์อันเดียว ก็เกรงว่าจะเป็การยั่วโทสะม่อหลิงหานเสียเปล่าๆ
เพื่อให้วันคืนในจวนหลังนี้ผ่านไปอย่างสงบสุขและอิสรเสรี เยว่เฟิงเกอจึงคิดว่าอย่าทำภารกิจนี้เลยจะดีที่สุด
“มีแค่ภารกิจนี้ภารกิจเดียวหรือ ไม่มีภารกิจอื่นที่จะได้ซิมโทรศัพท์นั่นมาแล้วหรือ? ” เยว่เฟิงเกอยังไม่ยอมแพ้
อย่าถามว่าข้าคือใครตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “มีอยู่ เพียงแต่ภารกิจนั้นค่อนข้างยุ่งยาก”
“ภารกิจอะไร? ” เยว่เฟิงเกอคิดว่า ขอแค่ไม่ต้องมีลูกกับม่อหลิงหาน จะให้ทำอะไรก็ล้วนไม่เป็ปัญหา
อย่าถามว่าข้าคือใครตอบ “อีกภารกิจหนึ่งก็คือ กลับไปหามู่เหยียนเฉินที่แคว้นเสวี่ยอวี้ แล้วพูดกับเขาว่า ข้ารักเ้า”
เยว่เฟิงเกอหางตากระตุกอีกครั้ง นี่มันภารกิจอะไรกันนี่
นางแค่อยากจะติดต่อกับสองพี่ชายในโลกยุคปัจจุบัน เหตุใดถึงได้ยากเย็นเพียงนี้
“ช่างเถอะ ซิมนั่น ข้าไม่เอาแล้ว อย่างไรก็โทรออกได้แค่ครั้งเดียว โทรแล้วก็เอาไปทำอะไรไม่ได้อีก เพื่อซิมโง่ๆ อันเดียวต้องทำภารกิจที่สร้างความลำบากให้ตนเองถึงเพียงนี้ ช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย”
เยว่เฟิงเกอพิมพ์ตอบปฏิเสธกลับไปทันที
อย่าถามว่าข้าคือใครส่งข้อความเสียงกลับมาทันทีเช่นกัน เขาพูดพลางกลั้นหัวเราะชั่วร้าย “ฮี่ฮี่ฮี่ พระชายาต้องคิดให้ดีๆ นะ ที่จริงแล้วสองภารกิจนี้ไม่ได้ยากเย็นเลย ก็แค่อาจจะลำบากท่านสักหน่อยเท่านั้น”
“ขอแค่ท่านทำหนึ่งในภารกิจนี้ให้สำเร็จ ก็จะได้ซิมโทรศัพท์ไปครองแล้ว”
“ส่วนซิมโทรศัพท์ที่ข้าว่านี้ไม่ได้โทรออกได้แค่ครั้งเดียวอย่างท่านว่า แต่สามารถโทรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง”
“แน่นอนว่าท่านสามารถโทรหาพี่ชายทั้งสองของท่านได้ตลอดเวลา และยังสามารถโทรหาข้าได้ด้วย”
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินว่าซิมโทรศัพท์นี้สามารถโทรได้ไม่จำกัด หัวใจของนางก็ราวกับหญ้าได้น้ำ เติบใหญ่เบ่งบานขึ้นมาอีกครั้ง
เพื่อจะได้โทรหาพี่ชายในโลกยุคปัจจุบันได้โดยไม่จำกัด นางจึงตัดสินใจว่าจะทำหนึ่งในสองภารกิจนี้ให้สำเร็จ
ภารกิจไปหามู่เหยียนเฉินที่แคว้นเสวี่ยอวี้นี้คงต้องปล่อยไป อย่าว่าแต่กลับไปแคว้นเสวี่ยอวี้เลย แค่ไปจากเมืองอวิ๋นจิงนี้ นางก็ไม่รู้แล้วว่าต้องมุ่งหน้าไปทางไหน
และนางคงไม่สามารถบอกม่อหลิงหานได้ว่าจะกลับไปแคว้นเสวี่ยอวี้เพื่อไปหามู่เหยียนเฉินและทำภารกิจให้สำเร็จ
หากม่อหลิงหานรู้เข้า เขาต้องจับนางขังไว้ไม่ให้ออกจากจวนอีกเป็แน่
อีกอย่าง หากให้ไปแคว้นเสวี่ยอวี้แล้วพูดกับมู่เหยียนเฉินว่าข้ารักเ้า นางก็พูดไม่ออกจริงๆ เพราะนางกับมู่เหยียนเฉินหาได้สนิทสนมกัน จะให้ไปบอกรักเขาได้อย่างไร
สุดท้ายเยว่เฟิงเกอจึงเลือกภารกิจซูมู่เจ๋อ
เดิมนางก็เป็พี่ใหญ่แห่งโลกพนันอยู่แล้ว เพียงแต่ั้แ่มาอยู่ในโลกยุคโบราณนี้ นางยังไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือก็เท่านั้น
หากสามารถทำให้บุคคลอันตรายเช่นซูมู่เจ๋อมาคุกเข่าลงตรงหน้านาง ะโเรียกนางว่าพี่ใหญ่แห่งโลกพนันสามครั้งได้ นั่นคงจะเป็ภาพที่งดงามไม่น้อย
เยว่เฟิงเกออดไม่ได้ให้รู้สึกรอคอยขึ้นมาบ้างแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เยว่เฟิงเกอก็บอกกับอย่าถามว่าข้าคือใครว่า “ก็ได้ ข้า้าซิมโทรศัพท์นี้ ส่วนภารกิจที่ข้าจะทำก็คือ ให้ซูมู่เจ๋อคุกเข่าแล้วเรียกข้าว่าพี่ใหญ่แห่งโลกพนันสามครั้ง”
เมื่ออย่าถามว่าข้าคือใครเห็นว่าในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็ยอมรับภารกิจแล้ว ก็รีบส่งข้อความเสียงกลับมาเสียยาวยืด “พระชายาช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ภารกิจที่ท่านเลือกไปทำนี้ ที่จริงแล้วง่ายมาก”
“จริงสิ ข้าเกือบลืมบอกท่านไปเชียว ภารกิจนี้ท่านต้องทำให้สำเร็จในฐานะสตรี หรือก็คือท่านจะปลอมตัวเป็ชายไปพบซูมู่เจ๋อไม่ได้อีก ไม่เช่นนั้นจะถือว่าภารกิจล้มเหลว”
เมื่อเยว่เฟิงเกอฟังจบก็มีสีหน้าตกตะลึงทันที
คนที่ชื่ออย่าถามว่าข้าคือใครผู้นี้ทราบได้อย่างไรว่าก่อนหน้านี้นางปลอมตัวเป็ชายไปพบซูมู่เจ๋อ
คิดได้เช่นนี้เยว่เฟิงเกอก็ถามออกไปทันที
อย่าถามว่าข้าคือใครหัวเราะฮี่ฮี่อย่างชั่วร้าย “ความลับ์ไม่อาจเผย เอาเป็ว่าท่านสนใจแค่ไปทำภารกิจมาให้สำเร็จ จากนั้นซิมโทรศัพท์อันนี้ก็จะเป็ของท่าน”
เยว่เฟิงเกอเริ่มรู้สึกหวาดระแวงคนที่ชื่ออย่าถามว่าข้าคือใครขึ้นมาแล้ว เพราะไม่ว่านางจะทำสิ่งใดก็ราวกับถูกควบคุมอยู่ในฝ่ามือเขา
คล้ายว่ามีคนคอยจับตาดูและควบคุมอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดคับข้องเป็อย่างมาก
เยว่เฟิงเกอพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ข้าขอเตือนไว้ก่อน อย่ามาทำอวดดีจับตาดูข้า มิฉะนั้นหากข้าจับเ้าได้ ข้าไม่ให้เ้าได้อยู่ดีแน่”
อย่าถามว่าข้าคือใครหัวเราะชั่วร้ายอีกครั้ง “พระชายาวางใจ ข้าไม่ใช่พวกโรคจิตแอบตามคนอื่น อีกอย่างข้าเองก็ยุ่งมาก จะไปมีเวลาจับตาดูท่านตลอดเวลาได้อย่างไรกันเล่า ใช่หรือไม่”
เยว่เฟิงเกอพิมพ์ต่อ “ก็ขอให้เป็เช่นนั้นเถอะ มิฉะนั้นต่อให้ต้องไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็ต้องตามหาเ้าให้เจอ และจะทำให้เ้าได้รู้ว่าจุดจบของการทำให้ข้าโมโหนั้น น่าอนาถเพียงใด”
จากนั้นเยว่เฟิงเกอก็โยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียง นางนั่งลงเหม่อลอยขบคิดว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร
................................................................................................
ณ ตำหนักฉงหยาง วังหลวง
ม่อหลิงหานยืนอยู่ในท้องพระโรงเฝ้าฟังขุนนางทั้งหลายเสนอความเห็นด้วยสีหน้าเ็ายิ่ง
ทุกคนกำลังถกกันว่าจะสร้างสัมพันธ์อันดีกับแคว้นอื่นอย่างไรดี
เสนาบดีฝ่ายซ้ายฉินเกาก้าวออกมา ค้อมกายแล้วกล่าวขึ้นว่า “ทูลฝ่าา กระหม่อมคิดว่า แคว้นเฟิงหลันยามนี้มีองค์หญิงพระองค์หนึ่งที่พระชนมายุสิบแปดชันษาแล้ว แต่ยังไม่สมรส...”
“กระหม่อมขอบังอาจเสนอความคิดเห็นว่า ถ้าอย่างไรให้องค์ชายสามอภิเษกกับองค์หญิงองค์นี้เป็อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้สัมพันธ์สองแคว้นย่อมจะสานต่อได้อย่างรวดเร็ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้