'เพราะข้าคือเฟิงซูเหยา ผู้ที่์ส่งกลับมาลงทัณฑ์คนโฉดชั่วพวกนั้น'
"คุณหนูต้องระวังตัวนะเ้าคะ วันนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยเสียหน้ามาก ข้ากลัวว่าพวกนางจะต้องกลับมาเอาคืนคุณหนูไม่ช้าก็เร็วเ้าค่ะ"
อาถังหวั่นใจเหลือเกิน วันนี้คุณหนูนางอาจจะรับมือได้ แต่วันหน้าใครจะไปรู้ว่าคนบอบบางเช่นคุณหนูสามจะรับมือสองแม่ลูกนั้นได้อีกหรือเปล่า
"ต่อให้มีสองแม่ลูกนั้นมาเป็สิบร่าง ข้าก็จะเอาคืนอย่างสาสม"
ประโยคนี้ของซูเหยาทำเอาอาถังขนลุกราวอยู่ในฤดูเหมันต์ที่หนาวเหน็บ
สาวรับใช้คนสนิทข้างกายมิชวนคุยต่อเพราะเห็นเฟิงซูเหยากำลังตั้งใจทานของว่างตรงหน้าอย่างสำราญใจ
วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายลมเย็น ๆ พัดโชยมาพร้อมกลิ่นมวลดอกไม้นานาชนิดที่อยู่ใน 'สวนสำราญใจ' สวนที่สร้างขึ้นเพื่อเป็ที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในจวนฟ่าง
เฟิงซูเหยายืนเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างใจเหม่อลอย คิดทบทวนถึงเื่ราวที่ผ่านมาสองวันนี้ที่เกิดขึ้นกับตน
ด้วยความอยากรู้ว่าการกลับมาเกิดใหม่ในร่างนี้มาเพียงแค่ดวงิญญาหรือความสามารถที่มีชาติก่อนก็ติดตัวมาด้วย จึงได้ลองโคจรลมปราณดู ทว่าทุกครั้งที่นางลองขับลมปราณเพื่อเรียกใช้กำลังภายในอุปสรรคใหญ่หลวงที่คอยขัดขวางนางคือหัวใจดวงนี้มักจะเ็ปจนแทบจะขาดใจ
"ไม่ใช่โรคของนางผู้นี้แน่"
เสียงพึมพำกับตนเองดังขึ้น
แม้ไม่เคยเป็โรคหัวใจอ่อนแอมาก่อน แต่นางมั่นใจว่าอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกมิใช่อาการโรคร้ายกำเริบ หากแต่เป็ความเ็ปที่นางเป็คนฝังมีดเล่มนั้นลงลึกสุดขั้วหัวใจในชาติที่แล้ว
"คุณหนูคิดอันใดอยู่เ้าคะ"
อาถังวางข้าวของกระจุกกระจิกที่ต้องนำมาที่นี่ทุกครั้งยามคุณหนูนางมาพักผ่อน
"นั่นอะไร"
เฟิงซูเหยามองข้าวของที่อาถังเพิ่งนำมาโดยไม่ใส่ใจจะตอบคำถามสาวใช้
"ถุงเครื่องหอมไงเ้าคะ"
เฟิงซูเหยารู้ว่านั่นคือถุงเครื่องหอม แต่นางแค่ไม่เข้าใจเหตุใดสาวรับใช้นางนี้ถึงได้เอามาวางไว้ที่นี่ หรือว่าอาถังจะเอามาปักเพื่อฆ่าเวลาตอนที่รอนางชื่นชมดอกไม้
"คุณหนูต้องเร่งมือแล้วนะเ้าคะอีกไม่กี่วันจะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพองค์ชายสามแล้ว"
"องค์ชายสาม?"
"คุณหนูมิต้องเขินอายเ้าค่ะ อาถังอยู่ข้างคุณหนูและสนับสนุนคุณหนูเื่องค์ชายสาม"
ในสายตาของอาถัง หากฟ่างเซียนเซียนกับองค์ชายอี้เฟยได้ครองคู่กันจริงถือว่า์เมตตา ชีวิตที่เคยถูกรังแกจากสองแม่ลูกนั้นจะได้มีคนคอยปกป้องสักที
'เหตุใดอาถังถึงได้พูดเหมือนว่าแม่นางฟ่างผู้นี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับองค์ชายสามกัน'
"เ้าหมายถึงองค์ชายสามถังอี้เฟยที่ถูกเนรเทศออกจากวังหลวงั้แ่ลืมตาเกิด"
ใบหน้าหวานของสาวรับใช้เอียงอย่างใคร่สงสัยเล็กน้อย เหตุใดสายตาของคุณหนูยามพูดถึงชายที่แอบมีใจจึงดูว่างเปล่าเช่นนั้น ไม่เห็นเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยชื่อชายในดวงใจออกมาพวงแก้มจะเปลี่ยนสีทันที
"มิใช่ว่าคุณหนูลืมองค์ชายสามแล้วนะเ้าคะ" อาถังถามตามเนื้อผ้าที่เฟิงซูเหยาแสดงออก
สตรีที่ถูกถามจู่ ๆ ก็เกิดเห็นความทรงจำบางอย่างของฟ่างเซียนเซียนผุดขึ้นมา
'ข้าจะปักถุงเครื่องหอมนี้เป็เครื่องบรรณาการวันพระราชสมภพองค์ชายอี้เฟย'
"ถุงเครื่องหอมนี้คือของขวัญวันสำคัญนั้นขององค์ชายอี้เฟย"
เฟิงซูเหยาขยับปากพูดตามสิ่งที่นางเห็นในความทรงจำเมื่อครู่
"คุณหนูมิได้ลืมองค์ชายสามจริง ๆ ด้วย"
อาถังดีใจที่อย่างน้อยคุณหนูก็ไม่ลืมความรักของนาง แม้จะเป็ความรู้สึกรักข้างเดียวก็ตาม
"เช่นนั้นก็ดี เ้าเร่งเย็บปักที่เหลือให้เสร็จ อีกสามวันเราจะเดินทางไปพบท่านพ่อที่ค่ายทหาร"
เฟิงซูเหยาแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
นับว่า์เมตตานางเสียจริงที่ให้มาเกิดใหม่ในร่างสตรีนางนี้ อย่างน้อยการแก้แค้นของนางก็ทำได้ง่ายขึ้น
"เดี๋ยวสิเ้าคะคุณหนู ของสิ่งนี้คุณหนูต้องทำเองนะเ้าคะ"
เฟิงซูเหยามิได้สนใจเสียงรั้งของสาวใช้ นางเร่งเดินกลับมาที่ห้องนอนเพื่อนั่งสมาธิฝึกเดินลมปราณต่อไป
รถลากคันหนึ่งบุกป่าฝ่าเขาเพื่อจะไปยังค่ายทหารทางตอนใต้ของเมืองหลวง การเดินทางช่างแสนรำเค็ญเพราะถนนหนทางทั้งขรุขระและยาวไกล สตรีสองนางที่นั่งอยู่ในรถม้าเริ่มปวดเมื่อยไปตามร่างกาย ใจอยากให้รถม้าหยุดแล้วพักยืดเส้นยืดสายสักหน่อยแต่กลัวจะยิ่งเดินทางช้าลง
เฟิงซูเหยาหวนนึกถึงเื่ราวในอดีต เมื่อก่อนจะไปไหนมาไหนคนที่นั่งในรถม้าคือบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ส่วนด้านนอกจะมีนางคอยควบม้ารักษาความปลอดภัยอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเดินทางไปทิศใดย่อมขาดนางร่วมเดินทางไม่ได้สักครา
'ข้าอุ่นใจทุกครั้งที่มีเ้าร่วมเดินทาง เหยาเหยา'
คำพูดหวานหูในตอนนั้นกลายเป็เหมือนยาพิษในเวลานี้
อึก!
"โรคหัวใจคุณหนูกำเริบอีกแล้วหรือเ้าคะ!"
อาถังที่นั่งอยู่ข้างกายเห็นคุณหนูนางนิ่วหน้าเ็ปพร้อมยกมือกุมหน้าอกจึงรู้สึกใกลัวขึ้นมา
หากเป็เช่นนั้นจริง กลางป่าเขาเช่นนี้นางจะไปหาหมอจากที่ไหนมารักษา แถมการเดินทางมาครั้งนี้นางไม่ได้ส่งข่าวแจ้งทางแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสียด้วย
"เปล่า ข้าไม่ได้เป็อะไร สงสัยจะเดินทางนานเลยเหนื่อย"
"งั้นเราให้องครักษ์หยุดรถม้าก่อนดีไหมเ้าคะ"
"ไม่ต้อง ข้ายังไหว เร่งเดินทางเถอะเดี๋ยวมืดค่ำเสียก่อน"
อาถังมองนายสาวอย่างเป็ห่วง แต่พอเห็นว่าสีหน้าดีขึ้นจากเมื่อครู่ขึ้นมาจึงหายใจทั่วท้อง สองมือคอยพัดวีสลับนวดแขนขาให้เฟิงซูเหยาอย่างไม่คิดเหน็ดเหนื่อย
"หยุด!!"
เสียงคนคุมรถลากดังขึ้น แรงโคลงเคลงหยุดนิ่งลงในเวลาต่อมา
"ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น หยุดรถม้าทำไม"
อาถังะโถามพร้อมรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
"ข้างหน้ามีซากต้นไม้ใหญ่ขวางทางขอรับ"
องครักษ์นายหนึ่งเอ่ยขึ้น
อาถังแง้มหน้าต่างออกไปดูจึงเห็นตามที่รายงานมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้