ข่าวปัญหาภายในของตระกูลหลี่นั้นไม่ได้แพร่กระจายไปกว้างขวางนักถึงแม้ตาแก่หลี่เต๋อเซินจะเป็ลมล้มพับไปเพราะเื่นี้ก็ตามนั่นเพราะหลี่มู่หัวเข้าทำการควบคุมดูแลเื่ทั้งหมดรวมทั้งจัดการเก็บกวาดสิ่งต่างๆ ไม่ให้สามารถโยงมาถึงตัวเขาได้
ะเิชีวภาพในวิลล่าถูกกำจัดโดยสิ้นซาก ภายใต้ความเฉลียวฉลาดของหลี่มู่หัวนั่นทำให้ทุกคนต่างชื่นชมเขาเป็การใหญ่ แต่หลี่มู่หัวกลับรู้สึกอึดอัดและไม่สามารถระบายมันออกมาได้เมื่อเขาคิดถึงรอยยิ้มที่น่ากลัวของชายผู้นั้นแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็…
เช่นเดียวกับการทิ้งผลกำไรของบริษัทไปกว่าครึ่ง!
แม้ว่าหลี่มู่หัวจะพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่แต่แน่นอนว่าเขาย่อมรักชีวิตของตัวเองมากกว่าและไม่กล้าที่จะต่อต้านชายผู้ซึ่งสามารถหลบห่าะุได้คนนั้น!
สิบโมงเช้า ณ ห้องประชุมใน Twilight Villa หลี่มู่หัวจับมือกับอู๋เต๋า หยางเฉินและโม่เชี่ยนนี พร้อมกับการต้อนรับของผู้บริหารหลายคนในบริษัทมู่หยุนหลังจากสิ้นสุดการเจรจาธุรกิจ
ส่วนเื่การจัดการผลกำไรนั้นยังคงตัดสินไม่ได้จากการประชุมในครั้งนี้พวกเขาจำเป็จะต้องรอจนกว่างานวิจัยจะเสร็จสิ้นเสียก่อน
หยางเฉิน และโม่เชี่ยนนีแตกต่างจากอู๋เต๋าพวกเขารู้สึกได้ถึงความกลัวในสายตาของหลี่มู่หัวที่มองมายังหยางเฉินทั้งสองต่างคิดแบบเดียวกัน เพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น
หลังจากการสรุปการประชุมในตอนเช้าทุกคนก็รับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่เห็นประธานหลี่เนื่องด้วยเพราะปัญหาเื่สุขภาพจากการข่าวการตายของลูกชายคนโตดังนั้นตอนนี้หลี่มู่หัวจึงทำหน้าที่แทน และทุกคนก็เข้าใจเป็อย่างดีว่าหลี่มู่หัวในตอนนี้นั้นได้ทุกอย่างในมู่หยุนคอร์ปอเรชั่นแล้ว
...
ในออฟฟิศชั้นบนสุดของบริษัทอวี้เหล่ยอินเตอร์เนชันแนลหลินรั่วซีนั่งประจำที่เก้าอี้หนังของเธอตามปกติ และกำลังกวาดสายตาอ่านรายงานที่ได้รับมาใน่เช้านี้
รายงานเหล่านี้เป็สิ่งที่ผู้ที่ผู้บริหารระดับสูงไม่ค่อยจะใส่ใจกันนักแต่กับซีอีโอไฟแรงอย่างหลินรั่วซีแล้ว เธอเข้าใจดีว่าถึงซีอีโอคนนั้นจะเป็คนที่มีเสน่ห์ และมากความสามารถแต่ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจถึงรายละเอียดข้อมูลเชิงลึกขององค์กรพวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็ซีอีโอของบริษัทได้ดังนั้นเธอจึงไม่เคยหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านี้
หลังจากอ่านรายงานมาสักพักหลินรั่วซีก็เงยหน้าขึ้นมองดูเวลาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตอนนี้เป็เวลาสิบเอ็ดโมงเช้า
นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ั้แ่หยางเฉินและโม่เชี่ยนนีไปฮ่องกง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อเธอกลับมาเลยซึ่งนั่นทำให้หลินรั่วซีรู้สึกที่พอใจอยู่ภายใน เขาต้องกำลังสุขสำราญอยู่แน่ๆด้วยการต้อนรับของตระกูลหลี่ เขาต้องไปม่อหญิงสาวคนอื่นๆ จนลืมหน้าที่ไปแล้ว
ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนคนเดียวที่ทำแบบนี้มีเพียงเลขาอู๋เยวี่ยของหลินรั่วซีเท่านั้น
"เข้ามา" หลินรั่วซีเปลี่ยนสีหน้าท่าทางกลับเป็ซีอีโอที่สง่างามดังเดิม
อู๋เยวี่ยที่สวมชุดสูทสีดำเคร่งขรึมเดินเข้ามาในออฟฟิศพลางกล่าวว่า
"บอสเกิดเื่ขึ้นที่ฮ่องกงค่ะ"
หลินรั่วซีรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีแต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมา เธอถามอย่างใจเย็นว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
"ผู้อำนวยการสาขาฮ่องกงโทรมาหาเราในเช้าวันนี้เขาแจ้งว่าเมื่อสามวันที่แล้ว ตระกูลซูพยายามที่จะลอบสังหารหัวหน้าแผนกโม่และหยางเฉิน หลังจากนั้นก็เกิดความขัดแย้งภายในตระกูลหลี่ทายาทคนโตหลี่มู่เฉิงได้วางะเิชีวภาพในวิลล่าโชคดีที่หลี่มู่หัวได้ช่วยทุกคนได้ไว้หัวหน้าแผนกโม่และหยางเฉินได้รับาเ็ทั้งคู่ เื่นี้ถูกปิดข่าวโดยตระกูลหลี่จนกระทั่งได้รับการเปิดเผยโดยเ้าหน้าที่ตำรวจในเช้าวันนี้!"
แม้หลังรายงานของอู๋เยวี่ยปฏิกิริยาของหลินรั่วซีก็ยังคงเป็เหมือนเดิม เธอพยักหน้า และกล่าวว่า
"ฉันรู้แล้ว เธอออกไปได้"
อู๋เยวี่ยดูเหมือนจะคุ้นเคยทัศนคติที่ไม่ใส่ใจต่อทุกสิ่งของหลินรั่วซีเป็อย่างดีดังนั้นเธอจึงหันกลับเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
เมื่อประตูปิดลง หลินรั่วซีก็คว้าโทรศัพท์สำนักงานขึ้นในทันทีและในขณะที่กำลังจะกดหมายเลข เธอก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
ฉันควรจะถามว่าอะไร? ถามว่าพวกเขากำลังอะไรอยู่งั้นหรือ? เพื่ออะไรกัน? สามวันมาแล้วั้แ่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแต่พวกเขากลับไม่รายงานเื่นี้ให้ฉันทราบ ฉันจะกังวลไปทำไมในเมื่อพวกเขาไม่ได้คิดถึงฉันเลยด้วยซ้ำ !
เมื่อคิดได้ดังนั้นความกังวลของหลินรั่วซีก็เปลี่ยนเป็ความขมขื่น เธอสูดหายใจลึกและวางโทรศัพท์ลงทันที
...
ในขณะที่ภรรยาของหยางเฉินกำลังขบฟันแน่นด้วยความโกรธหยางเฉินกลับไม่รู้เื่รู้ราวใดๆ เขานั่งหาวอยู่บนรถเบนซ์ของหลี่มู่หัวที่กำลังเดินทางไปยังสถาบันวิจัยมู่หยุน
โม่เชี่ยนนีที่นั่งอยู่ข้างๆ หยางเฉินชุดสูทสีขาวกระชับของเธอเผยให้เห็นเส้นโค้งเว้าที่สวยงามได้รูปเธอกำลังนั่งอ่านเอกสารงานวิจัยอย่างเคร่งเครียด
"เชี่ยนเชี่ยนน้อยข้อมูลงานวิจัยพวกนี้มีไว้สำหรับนักวิจัย คุณจะดูมันไปทำไมกัน?" หยางเฉินถาม
แม้ว่าทั้งสองจะเปิดเผยความรู้สึกต่อกันแล้วแต่โม่เชี่ยนนีก็ไม่ได้วางตัวสนิทสนมกับหยางเฉินมากเกินไปหญิงสาวมีเหตุผลเป็ที่ชัดเจนว่าตราบใดที่หยางเฉินและหลินรั่วซียังคงเป็สามีภรรยากันเธอก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับหยางเฉิน และเพียงแอบชอบหยางเฉินอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
แน่นอนว่าเธอไม่ยอมแพ้แต่เธอก็ไม่ได้้าเป็ศัตรูกับเพื่อนสนิทของเธอด้วยเช่นกัน
เมื่อได้ยินหยางเฉินเรียกอย่างนั้นโม่เชี่ยนนีก็ไม่อาจทำอย่างไรได้ แก้มของเธอขึ้นสีเล็กน้อยในขณะที่กลอกตาไปทางหยางเฉิน พร้อมเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า
"นายอยากจะตายหรือไง!? มันน่าอายจะตาย ถ้าคนขับได้ยินจะทำยังไง!?"
"ฮ่าฮ่า ผมแค่เบื่อน่ะ"หยางเฉินยิ้มขณะล้วงมือเข้าไปในช่องกระโปรงของโม่เชี่ยนนีและลูบคลำต้นขาที่อ่อนนุ่มของเธอ
ต้นขาซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยถุงน่องสีเบจนั้นเรียบลื่นอย่างไม่น่าเชื่อหยางเฉินไม่อาจทนได้จึงหยิกต้นขาของหญิงสาวอย่างนึกแกล้งทันที
โม่เชี่ยนนีตื่นตระหนกระคนเขินอายเธอรีบวางกองเอกสารลงพร้อมใช้มือน้อยๆทั้งสองข้างตะครุบมือหยาบของหยางเฉินไว้ไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านี้
"อย่า… อย่านะถ้ามีคนเห็นจะทำยังไง" โม่เชี่ยนนีส่งเสียงอ้อนวอนด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"คุณดูสิผมแค่พักมือไว้ตรงนี้แค่นั้นเองผ่อนคลายสิ" หยางเฉินกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้
โม่เชี่ยนนีทำอะไรไม่ถูกและไม่มีทางเลือกที่จะให้หยางเฉินให้เอามือออกจากต้นขาของเธอได้เธอหยิบเอกสารขึ้นมาและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ความคิดของเธอนั้นกลับล่องลอยออกไปไกลแสนไกล
ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงสถาบันการวิจัยมู่หยุนคอร์ปอเรชั่น
สถาบันการวิจัยนี้ถูกสร้างขึ้นตรงเชิงเขาที่ล้อมรอบด้วยป่าหนาทึบ มันถูกปิดบังเอาไว้เป็อย่างดีแต่เหตุผลหลักคือการให้บุคลากรของที่นี่ได้ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่
รอบๆ สถาบันวิจัยเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดส่วนตัวที่มีอาวุธครบมือ
ในฮ่องกงองค์กรขนาดใหญ่มักจะมีเื้ัที่ไม่ธรรมดา ตัวอย่างเช่นตระกูลหลี่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เปิดเผยมันออกมาอย่างโจ่งแจ้งเท่านั้น
ภายใต้การนำของหลี่มู่หัว หยางเฉิน โม่เชี่ยนนีและอู๋เต๋าก็เดินเข้ามาในห้องโถงกลาง และได้รับการฆ่าเชื้อพร้อมใส่ชุดป้องกันพิเศษก่อนที่จะเข้าสถาบันวิจัย
ในสถาบันการวิจัยมีบุคลากรวิจัยจำนวนมากเดินไปรอบๆในชุดสูทป้องกัน และมีหลายคนก้มหัวเล็กน้อยเพื่อทักทายหลี่มู่หัว ทางด้านหลี่มู่หัวเห็นดังนั้นก็ตอบสนองอย่างสุภาพเขาเคารพและยิ้มให้บุคลากรทางการการวิจัยเหล่านี้
เห็นได้ชัดว่าบุคลากรการวิจัยเหล่านี้ถูกตระกูลหลี่ซื้อตัวมา ภารกิจเฉพาะของพวกเขาคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ส่วนใครที่เป็เ้านายของพวกเขานั้นไม่สำคัญใดๆ
เมื่อพวกเขาเข้าไปสถาบันวิจัยหลี่มู่หัวก็อธิบายขึ้นว่า
"ศาสตราจารย์หลี่กวางซุ่นเป็ลุงของผมเอง ผมมักจะเรียกเขาว่าลุงสี่ เขามีอารมณ์ที่ค่อนข้างเ็าดังนั้นพวกคุณก็อย่าไม่ใส่ใจอะไรมากเลยนะครับ"
อู๋เต๋าเมื่อหายจากอาการตื่นเต้นแล้วเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า
"บอสหลี่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับนักวิทยาศาสตร์มักจะมีนิสัยที่แตกต่างจากพวกเราอยู่แล้ว พวกเราเข้าใจดี"
เมื่อประตูอัตโนมัติเปิดทุกคนก็ได้เห็นเครื่องมือล้ำสมัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ ท่อและสารเคมีสีต่างๆ เมื่อเห็นหลี่มู่หัวคนเข้ามาชายหนุ่มใส่แว่นคนหนึ่งก็เดินมาหา และเอ่ยถามว่า
"คุณคือซีอีโอหลี่หรือเปล่าครับ?"
"ใช่แล้วลุงสี่ของผมอยู่ที่นี่หรือเปล่า?" หลี่มู่หัวสับสนเล็กน้อยเพราะก่อนมาเขาได้แจ้งลุงสี่ไปแล้วว่าจะมีแขกมาเยี่ยมชมยังสถาบันวิจัยแห่งนี้
ชายหนุ่มกล่าวตามตรงว่า
"อาจารย์ของศาสตราจารย์มาที่นี่และกำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องวิจัย และยังบอกกับเราว่าห้ามไปรบกวนเขาเด็ดขาดรวมทั้งบอกบอสหลี่ด้วยว่าให้ออกไปรอเขาข้างนอก" ชายหนุ่มพูดอย่างรวดเร็วหลังจากพูดจบเขาก็หันหลังกลับไปทำงานวิจัยต่อทันที
หลี่มู่หัวถูกทิ้งไว้อย่างอเนจอนาถก่อนจะหันไปพูดคุยกับทุกคนอย่างเชื่องช้า
"ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับแม้ว่าผมจะยังสับสนอยู่ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น แต่ลุงสี่บอกว่าให้รอก่อนผมจึงไม่มีทางเลือก"
เนื่องเพราะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของหลี่มู่หัวแล้วโม่เชี่ยนนีจึงตอบอย่างเ็าว่า
"ตระกูลนี้ไม่ปกติสักคน"
หลี่มู่หัวแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินมันและยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้
"บอสหลี่ก่อนหน้านี้เ้าหนุ่มคนนั้นบอกไว้ว่า อาจารย์ของศาสตราจารย์หลี่กวางซุ่นมาที่นี่ถ้าศาสตราจารย์หลี่สามารถวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยมออกมาได้…ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ของเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน?"
อู๋เต๋าไม่พลาดที่จะถามถึงจุดสำคัญเช่นนี้ได้เด็ดขาดเขาตอบสนองออกไปอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด
แม้แต่หลี่มู่หัวเองก็ยังรู้สึกตะลึงเขาเคยได้ยินจากหลี่กวางซุ่นว่าอาจารย์ของเขาเป็นักวิชาการชั้นนำที่มีชื่อเสียงที่สุดของศตวรรษนี้และตอนนี้เขามีโอกาสที่จะเจออาจารย์อีกครั้ง เขาคงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปง่ายๆอย่างแน่นอน!?
อาจารย์ที่สามารถสอนนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำเช่นหลี่กวางซุ่นได้นั้นก็หมายความว่าความสามารถของเขาย่อมต้องเหนือว่าหลี่กวางซุ่นอยู่หลายขุมนัก!
หยางเฉินรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีกว่าทศวรรษที่ผ่านมาเขาได้เห็นความสามารถที่น่าทึ่งมามากมาย คนเ่าั้มีบุคลิกที่เป็เอกลักษณ์อย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่รอคอยมานานกว่าสิบนาทีประตูห้องปฏิบัติการก็เปิดออก คนแรกที่เดินออกมาเป็ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีขาวเขามีผมหงอก และใบหน้าที่เยือกเย็นแต่ทว่าตอนนี้เขากลับมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของความตื่นเต้น
โดยไม่ต้องให้ผู้อื่นแนะนำทุกคนต่างรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้คือ ผู้อำนวยการของสถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลี่กวางซุ่น และด้านหลังของเขาก็ทำให้ทั้งสี่คนต่างตกตะลึง