หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่หลิงจื่อเซวียนที่อยู่ด้านข้าง นางจำหญิงสาวนางนั้นได้ หลิงจื่อเซวียนก็ย่อมจำได้แน่นอน
เมื่อครู่นางทะเลาะโต้เถียงกับหญิงสาวนางนั้น และได้สาดผงยาเล็กน้อยก่อนจะจากไป ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้นางถึงแก่ชีวิต แต่หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนถัดไปจะมีผดผื่นแดงขึ้นบนใบหน้าของนาง หลิงมู่เอ๋อร์มีความมั่นใจในวิชาแพทย์ของตนเองว่านอกจากตนแล้ว ผู้อื่นก็อย่าได้คิดว่าจะสามารถถอนพิษยานี้ได้ เว้นแต่ว่าจะรอจนกว่าจะหายไปเองในหนึ่งเดือนหลังจากนี้
หญิงสาวนางนั้นมองดูแล้วก็ไม่ได้นับว่าเป็คนเลวร้ายอันใด จะถอนพิษให้นางดีหรือไม่? เพียงแต่ได้วางยาไปแล้ว และหญิงสาวนางนั้นก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าใกล้ได้ง่ายๆ อีกด้วย ถึงแม้มีใจคิดอยากจะช่วยนางถอนพิษ ก็เกรงว่าจะไม่ใช่เื่ง่ายดายขนาดนั้น เมื่อถึงเวลานั้นหากหญิงสาวระแคะระคายขึ้นมา มีแต่จะนำพาความเดือดร้อนมาให้ตนเองและคนในครอบครัว ช่างเถิด!อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอันใด หลังจากนี้หนึ่งเดือนให้หลังฤทธิ์ของยาล้วนสลายหายไปเอง ใบหน้าของหญิงสาวย่อมหายเป็ปกติ นางก็ไม่ได้ลงมืออย่างอำมหิตเพียงนั้น คิดว่าคงไม่ได้ส่งผลกระทบใหญ่โตอะไรต่อหญิงสาวนางนั้นด้วย
หลิงมู่เอ๋อร์คิดได้เช่นนี้พลันปล่อยวางเื่นี้ลง ไฉนเลยนางจะรู้ว่าเพียงเพราะความไม่พอใจชั่วขณะของตนเองที่มีต่อหญิงสาวจึงได้ลงมือวางยา แต่กลับกลายเป็ว่าเื่นี้จะส่งผลกระทบต่อหญิงสาวคนนั้นไปชั่วชีวิต
แน่นอนว่าเป็ผลกระทบที่ดี เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้หลังจากเวลาผ่านไปนาน หญิงสาวกลับอยากขอบคุณในการกระทำของนาง นี่ก็ถือได้ว่าไม่ตีกันก็ไม่รู้จักกันอย่างแท้จริง
บนถนนเส้นใหญ่ เมื่อลูกผู้ดีมีเงินได้เห็นจวิ้นจู่น้อยแห่งราชวงศ์หยางปรากฏตัวขึ้น ก็รีบเผยรอยยิ้มอย่างประจบสอพลอออกมาในทันที หญิงสาวชาวบ้านที่ถูกรังแกจึงฉวยโอกาสหลบหนีไป
จวิ้นจู่น้อยแห่งราชวงศ์หยางมิใช่คนที่จะพูดคุยได้ง่าย ไม่ว่าลูกผู้ดีมีเงินผู้นั้นจะร้องขอให้ละเว้นชีวิตอย่างไร หลังร้องเรียกหญิงสาวว่าท่านหญิงได้พักหนึ่ง แส้ที่อยู่ในมือของหญิงสาวก็ยังคงไม่หยุดหวดลงมา กระทั่งหญิงสาวเหนื่อยล้าแล้วถึงได้หยุดไปเอง บนร่างกายของลูกผู้ดีมีเงินนั้นก็เต็มไปด้วยาแ หญิงสาวถึงได้ไว้ชีวิตคนผู้นั้น
“แม่นางผู้นี้ช่างกระทำรุนแรงนัก ภายหลังจะมีผู้ใดกล้าแต่งนางหรือ?” หยางซื่อตัวสั่นเทา “ข้าไม่อยากมีลูกสะใภ้เช่นนี้”
หลิงมู่เอ๋อร์มองหลิงจื่อเซวียนที่อยู่ด้านข้าง “พี่ชาย จำคำพูดของท่านแม่เอาไว้หรือยังเ้าคะ?ในอนาคตข้างหน้านี้ท่านจะหาแม่นางที่โเี้เช่นนี้มาแต่งไม่ได้เด็ดขาดนะเ้าคะ ท่านแม่จะหวาดกลัวเอาได้”
“เหลวไหล” หลิงจื่อเซวียนมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างไม่พอใจ “เ้าเด็กน้อยคนนี้เริ่มหยอกเย้าพี่ชายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนในครอบครัวก็ขนย้ายข้าวของไปยังเรือนของชาวบ้านที่เช่าเอาไว้ เมื่อสิ่งของต่างๆ ถูกจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ไปซื้อข้าวสาร แป้งและวัตถุดิบไว้ทำอาหาร และทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข หลายวันต่อมาพวกเขาล้วนยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดร้าน จวนที่พักของตระกูลหวังยังไม่อาจย้ายเข้าไปได้ แต่สามารถใช้หน้าร้านได้แล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์ออกแบบร้านทั้งสองแห่งใหม่ ร้านขายข้าวจะปรับปรุงอาคารใหม่ให้เป็เหลาอาหารสองชั้น ดังนั้นจะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งจากภายในถึงภายนอก ร้านขายผ้าก็ดัดแปลงเป็ร้านยา ร้านยามีขนาดใหญ่ยิ่งนัก ข้างในยังทำห้องรักษาผู้ป่วยขนาดใหญ่ได้อีกหนึ่งห้อง ระยะนี้นางยังได้ศึกษาค้นคว้าเครื่องมือที่สามารถให้น้ำเกลือได้ออกมาด้วย ซึ่งเป็คุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อคนในสมัยโบราณนัก
ชื่อเสียงฉายานามเซียนหมอของหลิงมู่เอ๋อร์ได้แพร่กระจายไปถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และเป็ที่ฮือฮาั้แ่ตอนที่ร้านยายังสร้างไม่เสร็จดี ขณะเดียวกันก็มีผู้คนมาเยือนที่นี่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
แต่ว่าผู้คนที่มาเยือนด้วยความเลื่อมใสศรัทธาเ่าั้แทบจะมีแต่สามัญชนคนธรรมดา ประตูจวนของผู้มั่งคั่งไม่ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ ที่นี่คือเมืองหลวง แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยขาดแคลนหมอที่มีชื่อเสียง ตระกูลสูงศักดิ์และมีอำนาจเ่าั้สามารถเข้าวังเพื่อเชิญหมอหลวงมาตรวจโรคให้ได้ ถึงแม้ว่าจะเชิญหมอหลวงไม่ได้ก็สามารถเชิญหมอที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าได้ หลิงมู่เอ๋อร์เป็เพียงสตรีนางหนึ่ง ในสายตาของพวกเขาแล้วก็เป็เพียงคนที่ถูกสงสัยว่าใช้วิธีที่ไม่ชอบธรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้น
ร้านยายังสร้างไม่เสร็จ หลิงมู่เอ๋อร์จึงออกไปตรวจคนไข้ข้างนอกมาหลายวันแล้ว โรคไขข้ออักเสบที่ขาของบ่าวชราตระกูลหวังที่ได้รับการรักษาจากหลิงมู่เอ๋อร์ดีขึ้นมากแล้ว ตระกูลหวังยังพอมีลู่ทางในเมืองหลวงอยู่บ้าง ผู้คนที่รับรู้ถึงการมีตัวตนของหลิงมู่เอ๋อร์จึงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้หลิงมู่เอ๋อร์จึงได้รู้จักกับพ่อค้ามากมายผ่านการแนะนำจากตระกูลหวังไม่น้อย
“โอ๊ย… โอ๊ย…” หญิงชรานางหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น กุมท้องของตนเองแล้วร้องออกมา “ท้องของข้า… ปวดจะตายอยู่แล้ว…”
หลิงมู่เอ๋อร์เพิ่งจะออกไปตรวจคนไข้ที่ด้านนอกกำลังจะกลับจวน ได้พบเข้ากับหญิงชรานางนั้นจึงรีบนั่งลงแล้วทำการรักษาให้กับนาง
“ท่านยาย ท่านเป็โรคลำไส้อักเสบ ตอนนี้ข้ามีเครื่องมือไม่ครบ ท่านตามข้ากลับไปที่บ้านก่อนเถิดเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์แบกหญิงชราขึ้นหลังแล้วรีบมุ่งกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว
หญิงชราปวดเป็อย่างยิ่ง ไม่มีแม้แต่แรงที่จะตอบรับนาง ถึงแม้จะกล่าวว่าไม่รู้จักแม่นางผู้นี้ แต่ในเวลานี้ก็คิดว่าคงไม่มีผู้ใดจะมาทำร้ายนางหรอกกระมัง หญิงชราจึงยอมให้หลิงมู่เอ๋อร์แบกนางไปที่บ้าน
“เกิดอะไรขึ้น?” หยางซื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์แบกหญิงชรานางหนึ่งกลับมา จึงรีบเข้าไปรับต่อจากมือของนางทันที “หญิงชราท่านนี้เป็อันใดไปหรือ?”
“นางเป็โรคลำไส้อักเสบเ้าค่ะ จำเป็ต้องรักษาเดี๋ยวนี้ ท่านแม่ ช่วยข้าประคองนางไปในห้องก่อน ประเดี๋ยวจะไปเตรียมของที่จะรักษาให้นาง” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับหยางซื่อ
หยางซื่อก็คอยเป็ลูกมือให้กับหลิงมู่เอ๋อร์ใน่หลายวันที่ผ่านมา ย่อมรู้ดีว่านาง้าสิ่งใด หลิงมู่เอ๋อร์เพิ่งจะประคองหญิงชราเข้าไปในห้อง หยางซื่อก็ถือสิ่งของเข้ามาแล้ว หยางซื่อเรียกเจี้ยงเซียงและซางจือให้มาเป็ลูกมือให้กับหลิงมู่เอ๋อร์ เจี้ยงเซียงและซางจือมีพร์ในวิชาแพทย์ ตอนนี้ก็สามารถรักษาโรคเ็ปเล็กๆ น้อยๆ ได้ หลิงมู่เอ๋อร์ตั้งใจที่จะฝึกฝนพวกนางให้เป็หมอเทวดามีชื่อเสียงของที่นี่
“ชู่ว!” หลิงมู่เอ๋อร์เห็นว่าหญิงชราหลับไปแล้ว จึงกล่าวกับสาวรับใช้สองคนว่า “ให้นางพักผ่อนเสียก่อน รอนางฟื้นแล้วค่อยส่งนางกลับบ้านก็แล้วกัน!”
“คุณหนูช่างมีเมตตายิ่งนัก” ซางจือกล่าว “หญิงชราท่านนี้โชคดีจริงๆ ที่ได้พบคนที่จิตใจดีงามอย่างเช่นคุณหนู”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ได้พบกับคุณหนู หญิงชราท่านนี้ก็คงจะรอดได้ยากแล้ว ในใต้หล้านี้ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะยินยอมพาคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนกลับบ้าน ถึงแม้ว่าจะพากลับมาด้วยแต่ก็ไม่ได้มีวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศเท่ากับคุณหนู ชื่อเสียงฉายานามเซียนหมอของคุณหนูช่างสมคำร่ำลือเสียจริง” เจี้ยงเซียงเก็บเครื่องมือไปพลางกล่าวไปพลาง
หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกจนปัญญากับสาวรับใช้สองคนที่พูดกันเองยกย่องกันเองจริงๆ นางทำการรักษาเสร็จแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าหยางซื่อยังรออยู่ที่ด้านนอก นางจึงเดินออกไป
“ท่านแม่…” หลิงมู่เอ๋อร์เห็นหยางซื่อ นางยิ้มพลางกล่าว “เมื่อครู่ข้าไปที่ตระกูลหวังมาเ้าค่ะ พรุ่งนี้พวกเขาก็จะย้ายออกแล้ว พวกเราสามารถเก็บของย้ายเข้าไปได้เลย”
หยางซื่อกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ ครั้นได้ยินคำพูดของนางจึงเงยหน้าขึ้น ั์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความปีติยินดี
“ดีเหลือเกิน ถึงอย่างไรที่นี่เป็บ้านเช่า บริเวณใกล้เคียงทั้งค่อนข้างรกร้างว่างเปล่า เ้าเป็หญิงสาวไปๆ มาๆ คนเดียว แม่กลัวว่าจะเจอกับคนไม่ดีเข้า จวนตระกูลหวังอยู่ใกล้กับเมืองชั้นใน แถวนั้นมีทหารเดินตรวจตราอยู่ตลอด พวกเราอาศัยอยู่ที่นั่นก็วางใจได้บ้าง” หยางซื่อนวดก้อนแป้ง และนำก้อนแป้งขาวนวลนั้นนวดให้เป็เส้นยาว
หลิงมู่เอ๋อร์มองอยู่ด้านข้างอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าหยางซื่อกำลังห่อเกี๊ยวอยู่ นางไปล้างมือแล้วเข้ามาช่วย สองแม่ลูกกำลังสนทนากันว่าจะทำเื่อะไรต่อดี
คนอื่นๆ ในบ้านก็ต่างพากันทยอยกลับมาบ้านแล้ว
หลิงเฉินติดตามหลิงต้าจื้อไปดูการสร้างโรงหมอ หลิงหลีติดตามหยางต้าหนิวไปตรวจดูความคืบหน้าของเหลาอาหาร ครั้นทั้งสองคนกลับมาก็บอกว่าทุกอย่างเป็ไปอย่างราบรื่น รออีกแค่ครึ่งเดือนก็จะมีหน้าร้านใหม่ เพียงแต่ว่า่นี้ใช้เงินลงทุนไปจำนวนมากแล้ว ครั้นเห็นเงินที่ใช้จ่ายออกไปก็รู้สึกเ็ปใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ แทบอยากจะรีบทำงานหาเงินให้ได้เร็วขึ้น
หลิงจื่อเซวียนพาหลิงจื่ออวี้ หยางเสี่ยวหู่และฝูเอ๋อร์ไปเดินเล่น ตอนที่กลับมานั้นสีหน้าของแต่ละคนก็ดูไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะหลิงจื่อเซวียน ราวกับว่ากำลังพยายามข่มระงับอารมณ์โกรธอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” หยางซื่อกล่าวกับหลิงมู่เอ๋อร์ “พี่ชายเ้าขึ้นชื่อในเื่อารมณ์ดี ยากที่จะได้เห็นเขาโมโหเช่นนี้”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันเ้าค่ะ ไปถามกันเถิด” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับหยางซื่อ แล้วเดินไปแตะที่ไหล่ของหลิงจื่อเซวียน “พี่ชาย เป็อันใดไปหรือเ้าคะ?ดูท่าทางอารมณ์ไม่ใคร่จะดีเลย พี่ชายของข้าขึ้นชื่อในเื่อารมณ์เย็น ไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้ของท่านมาก่อนเลยเ้าค่ะ!”
ครั้นหลิงจื่อเซวียนเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ สีหน้าที่อึมครึมของเขาก็จางหายไป กลับมาสู่ท่าทางในยามปกติอีกครั้ง เขาลูบเส้นผมของหลิงมู่เอ๋อร์เบาๆ “ไม่มีอะไร”
หลิงมู่เอ๋อร์มุ่ยปาก “แต่ไหนแต่ไรมาท่านไม่เคยมีเื่ปิดบัง เหตุใดยังเกรงใจกับข้าเช่นนี้อีกเ้าคะ? เห็นข้าเป็คนนอกแล้วใช่หรือไม่?”
“พูดจาเหลวไหล” หลิงจื่อเซวียนขมวดคิ้วและเคาะไปที่หน้าผากของนาง “ผู้ใดสอนเ้าให้กล่าวเช่นนี้กัน?ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอันใด ก็แค่ได้พบกับคนที่ไม่ชอบมากผู้หนึ่งเท่านั้น เ้าก็เคยพบแล้ว นั่นก็คือจวิ้นจู่น้อยแห่งราชวงศ์หยางที่ยื้อแย่งสิ่งของกับเ้าในวันนั้น”
“เหตุใดท่านถึงได้พบนางอีกแล้ว?นางทำให้ท่านลำบากใจหรือเ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินว่าเป็หญิงสาวนางนั้น ก็มองเขาอย่างเป็กังวล “นางทำร้ายท่านหรือเ้าคะ?”
“นั่นก็ไม่ใช่” หลิงจื่อเซวียนส่ายหน้า เขาถอนหายใจด้วยสายตาที่ซับซ้อน
หลิงจื่อเซวียนไม่ยอมพูด หลิงมู่เอ๋อร์จำต้องไปสอบถามเื่ราวจากเด็กทั้งสามคนนั้นแทน สุดท้ายเด็กทั้งสามก็เล่าว่าจวิ้นจู่แห่งราชวงศ์หยางนางนั้นขวางทางพวกเขาอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังด่าทอหลิงจื่อเซวียนอย่างหยาบคาย เดิมทีหลิงจื่อเซวียนไม่อยากจะสนใจนาง แต่ว่านางกลับยิ่งอาละวาดหนักขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดหลิงจื่อเซวียนโมโหมากเลยต่อว่านางกลับไป ทำเอาจวิ้นจู่แห่งราชวงศ์หยางนางนั้นร้องห่มร้องไห้ใหญ่
ในใจของหลิงมู่เอ๋อร์มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
จวิ้นจู่แห่งราชวงศ์หยางนั้นดูก็รู้ว่าไม่เคยได้รับความไม่เป็ธรรมมาก่อน สตรีประเภทนี้ถือว่าตนเองนั้นสูงส่งมาแต่ไหนแต่ไร คิดว่าบุรุษในใต้หล้านี้จะมาคอยเอาใจห้อมล้อมนาง จู่ๆ วันหนึ่งก็มีบุรุษที่ไม่ไว้หน้าตนเองปรากฏขึ้น เกรงว่าจวิ้นจู่แห่งราชวงศ์หยางคงจะไม่มีทางลืมการมีอยู่ของเขาไปได้ง่ายๆ หลังจากนี้หลิงจื่อเซวียนคงหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบหน้ากับจวิ้นจู่แห่งราชวงค์หยางนางนี้ไม่ได้แล้ว
"เื่นี้อย่าได้บอกท่านพ่อท่านแม่ล่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์กำชับกับหลิงจื่ออวี้
ถึงแม้ว่าหลิงจื่ออวี้จะอายุยังน้อย แต่ก็เข้าใจทุกอย่าง เขาเป็เด็กที่เฉลียวฉลาด นั่นก็เป็เพราะว่าได้ผ่านเื่ราวต่างๆ มามากมายมาั้แ่เด็ก ดังนั้นจึงมีความเป็ผู้ใหญ่มากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้บอกเหตุผลกับเขา แต่เขาก็พอเดาออกได้หลายส่วน เขาพยักหน้าอย่างมั่นใจ แสดงท่าทางว่าจะไม่บอกผู้ใดเด็ดขาด
“คุณหนู หญิงชราท่านนั้นฟื้นแล้วเ้าค่ะ” ซางจือเดินเข้ามาด้วยท่าทางอึกอักเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ชะงักไป “แต่ว่า… มีบางอย่างแปลกไปเ้าค่ะ”
“อะไรอย่างนั้นหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์เพิ่งจะคุยกับหลิงจืออวี้จบ กำลังเตรียมจะเดินกลับไปช่วยที่ห้องครัวก็ได้พบกับซางจือเข้า
ซางจือมุ่ยปากไปยังทิศทางของห้องด้วยท่าทางราวกับ้าบอกว่าท่านเข้าไปดูก็จะรู้เองเ้าค่ะ
หลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้าไปในห้อง ขณะนั้นเจี้ยงเซียงกำลังประคองหญิงชรานางนั้นดื่มน้ำอยู่ หญิงชรานั่งอยู่บนเตียง ั์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสน
“คุณหนู” เจี้ยงเซียงเห็นหลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้ามาก็ขานเรียกนางหนึ่งเสียง และกล่าวกับหญิงชราว่า “คุณหนูท่านนี้เป็คนที่ช่วยชีวิตท่านเอาไว้”
หญิงชราพินิจมองหลิงมู่เอ๋อร์ แล้วแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิตข้า ไม่รู้จริงๆ ว่าจะตอบแทนแม่นางอย่างไรดี”
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเป็หมอ ช่วยรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยเป็หน้าที่ของข้าเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวนิ่ง “ท่านยาย ท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง?”
“ข้า… ข้าจำเื่ราวที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว” หญิงชราผู้นั้นส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน “พวกเ้ารู้จักข้าหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์ถึงได้เข้าใจว่าท่าทางแปลกๆ ของซางจือนั้นมาจากไหนหญิงชราผู้นี้สูญเสียความทรงจำ และดูเหมือนว่านางจะเก็บตัวปัญหากลับมาอีกแล้ว
นางควรแก้ปัญหาการเก็บคนกลับมาที่บ้านหรือไม่?ทุกครั้งที่เก็บคนกลับมามักจะนำพาความเดือดร้อนมาให้ตนเองเสมอ ดูไปแล้วหญิงชรานางนี้สวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง แต่บุคลิกท่วงท่าของนางนั้นย่อมไม่ใช่หญิงชราทั่วไปอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่านางจะมีเื่ราวความเป็มาอะไรรอให้ตนเองขุดคุ้ย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้