“เทียนเอ๋อร์สือเอ๋อร์ยังสบายดีใช่มั้ย!” ระหว่างทางหวงคุนซานก็ถามถึงหวงสือ
แม้ว่าเสวียนเทียนจะส่งพิราบสื่อสารมาส่งข่าวเื่ที่หวงสือเลื่อนขึ้นชั้นพลังวัตรวิถียุทธ์ขั้นหกแล้วแต่ในฐานะคนเป็พ่อ หวงคุนซานก็อยากฟังจากปากเสวียนเทียนเองถึงจะวางใจได้
“น้องหวงสือสบายดีทุกอย่างขอรับอีกไม่นานพลังวัตรก็คงถึงชั้นวิถียุทธ์ขั้นเจ็ด ปีหน้าในการแข่งขันจัดอันดับโอกาสที่น้องหวงสือจะคว้าที่หนึ่งได้ก็มีมากอยู่”
ผ่านไปอีกหนึ่งปีพลังวัตรของหวงสือย่อมต้องสูงขึ้นอีก ต่อให้ไม่ถึงชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบมีเสวียนเทียนคอยช่วยอยู่ การลุถึงชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าไม่เป็ปัญหาแต่อย่างใดถึงเวลานั้นก็สอน ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ ให้แก่หวงสือ ในหมู่ศิษย์สำนักนอกย่อมไม่มีใครต้านทานได้แน่นอน
“จริงหรือ?” หวงคุนซานประหลาดใจแกมยินดี กล่าวว่า “ปีนี้พลังวัตรของเ้ากับหวงสือฉับพลันก็ทะยานสูงขึ้นมา นี่มันเื่อะไรกันแน่”
สายตาของเสวียนหงกับหวงเยว่มองมาทางเสวียนเทียนในใจของพวกเขาแปลกใจ เสวียนเทียนกับหวงสือเข้าสำนักกระบี่์ไปสามสี่ปีแล้วตลอดมาไม่โดดเด่นมาก ปีนี้พลังวัตรอยู่ดีๆ กลับทะยานสูงขึ้นมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวียนเทียน พลังวัตรพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับธนูแล่นออกจากแล่ง
“แต่เดิมอาการาเ็ในร่างกายของข้าไม่หายดีฝึกฝนได้ช้ามาตลอด เร็วขึ้นมาไม่ได้ ปีนี้เมื่อวันเพ็ญเดือนแปดข้าไปอาบน้ำที่บึงน้ำบนเขาด้านหลังสำนักนอกของสำนักกระบี่์ได้ยินว่าในบึงนั้นมีเงากระบี่เล่มหนึ่งแต่ว่าทุกคนที่ลงไปในบึงทำอย่างไรก็หาไม่พบ จึงได้ชื่อว่า ‘บึงซ่อนกระบี่’ คืนนั้นข้าเองก็เห็นเงากระบี่หลังจากอาบน้ำข้าก็หมดสติไป ต่อมาได้ผู้ตรวจตราเวรกลางคืนของสำนักช่วยไว้แต่ว่าไม่รู้เพราะเหตุผลกลใด อาการาเ็ที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างของข้าถึงหายดีั้แ่นั้นมา ข้าก็ฝึกฝนวิชากระบี่ราบรื่นไม่ติดขัด เรียนไม่นานก็เป็พลังวัตรยังสูงขึ้นตามไปด้วย หลังจากบรรลุพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดข้าออกไปฝึกฝนวิชาที่เทือกเขาเร้นลม ได้สมุนไพรทิพย์ ‘หญ้าฉีหวง’ มา ข้ากินลงไปหนึ่งใบ หลังกลับไปที่สำนักก็ให้น้องหวงสือกินเข้าไปหนึ่งใบพลังวัตรของพวกเราจึงก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น ตอนนี้ที่ตัวข้ายังมี ‘หญ้าฉีหวง’ อีกสามใบ ให้พี่น้องในตระกูลใช้ได้”
เสวียนเทียนเล่าเื่ทั้งหมดออกมาคร่าวๆเพียงแต่เก็บเื่กระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วไว้ แม้ว่าเสวียนเทียนจะมีอายุเพียงสิบสี่ปีแต่เป็คนที่ผ่านชีวิตมาแล้วสองชาติ จิตใจโตเป็ผู้ใหญ่ รู้ว่าเื่บางเื่ไม่พูดจะดีกว่ากระบี่หยกขาวเล่มน้อยเล่มนั้นเข้ามาอยู่กลางหว่างคิ้วของเสวียนเทียนเื่เช่นนี้แม้กระทั่งอาวุธวิเศษของชั้นนภาก็ยังทำไม่ได้เสวียนเทียนไม่เคยได้ยินเื่เช่นนี้มาก่อนต่อให้เป็เสวียนหงก็เกรงว่าคงไม่รู้เช่นกัน พูดไปก็เท่านั้น กลับกันอาจนำความวุ่นวายที่ไม่จำเป็มาให้ก็ได้
ในเมื่อกระบี่หยกขาวเล่มน้อยเล่มนั้นไม่มีใครตรวจหาพบเช่นนั้นก็ให้มันเป็ความลับตลอดกาลอยู่ในใจของเสวียนเทียนไปเสีย
“ถึงกับพบสมุนไพรทิพย์หญ้าฉีหวงเทียนเอ๋อร์ เ้ากับสือเอ๋อร์โชคดีไม่น้อย” หวงเยว่ฟังจบก็หัวเราะยินดี
เสวียนหงสบตากับหวงคุนซานทีหนึ่งทั้งสองคว้ามือซ้ายมือขวาของเสวียนเทียนขึ้นมาคนละข้าง จับชีพจรดู
ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนเป็ยินดีเสวียนหงพูดขึ้นว่า “เทียนเอ๋อร์ดูแล้ว ‘บึงซ่อนกระบี่’ คงมีความลับอะไรบางอย่างเ้าพบโชคครั้งใหญ่แล้ว ไม่เพียงอาการาเ็ในร่างจะหายไปหมดร่างกายยังมีสภาพพร้อมสมบูรณ์ที่สุด คุณภาพของพลังภายในแข็งแกร่งมากแม้ว่าพลังวัตรของเ้าเพียงแค่ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าแต่พลังภายในล้ำลึกยิ่งกว่าชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบ หรืออาจถึงขั้นเทียบได้กับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งชั้นวิถียุทธ์เป็พื้นฐานของเส้นทางการฝึกยุทธ์ ยิ่งพื้นฐานแข็งแกร่งเท่าไรวันหน้าความสำเร็จบนเส้นทางการฝึกยุทธ์ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น เทียนเอ๋อร์ความสำเร็จในการฝึกยุทธ์ของเ้าต้องก้าวเหนือพ่อเป็แน่บางทีอาจจะไปถึงขั้นที่บรรพบุรุษตระกูลเสวียนไม่เคยไปถึงมาก่อน สุดขอบของชั้นนภา”
หวงคุนซานมีสีหน้ายินดียิ่ง กล่าวว่า “พี่หง มีเทียนเอ๋อร์อยู่วันหน้าต้องมีโอกาส ล้างแค้นคนผู้นั้นแน่” พวกเขาเดินกลับไปยังบ้านตระกูลหวงในหมู่บ้านหวงปั้วพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อมาถึงนอกห้องโถงหลักของตระกูลหวงหวงคุนซานก็รีบเดินไปข้างหน้า นำเข้าไปในห้องโถงหลัก เสียงของเขาดังออกมาข้างนอก “ท่านพ่อ เทียนเอ๋อร์กลับมาถึงบ้านแล้ว”
“โอ้เทียนเอ๋อร์โตมาเป็อย่างไรบ้าง?” ไม่ทันไรเสียงแหบชราที่ตื่นเต้นดีใจเสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องโถงหลัก
ร่างของเสวียนเทียนสะท้านขึ้นมาเ้าของเสียงนี้ก็คือท่านตาของเสวียนเทียน หวงหย่วนเฉิง ระหว่างที่ถูกไล่ล่าถ้าหากไม่ได้หวงหย่วนเฉิงรับกระบี่นั้นแทนเสวียนเทียน เสวียนเทียนคงตายไปนานแล้ว
เพียงแค่ได้ยินเสียง เสวียนเทียนก็ััได้ว่าท่านตาหวงหย่วนเฉิงชราลงกว่าสี่ปีก่อนมากเสียงของหวงคุนซานยังคงดังขึ้นมาอีก “ท่านพ่อ เทียนเอ๋อร์โตมาสูงใหญ่แล้วเป็ผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแล้ว”
“ดี...! ดี...! ดี...!” เสียงแหบชราของหวงหย่วนเฉิงดังขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้เสวียนเทียนเดินตามเสวียนหงกับหวงเยว่สองสามีภรรยาเข้ามาในห้องโถงหลักตระกูลหวงด้านหน้าบนเก้าอี้เ้าบ้าน มีชายชราอายุใกล้เจ็ดสิบคนหนึ่งนั่งอยู่เส้นผมสีดำสีขาวแซมสลับกัน เผยให้เห็นกลิ่นไอของความชรา
หวงหย่วนเฉิงปีนี้อายุหกสิบแปดปีแล้วเขาเคยเป็ยอดจอมยุทธ์ชั้นปฐีขั้นหกคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าสำหรับแผ่นดินเสินโจวทั้งหมดแล้วสุดยอดจอมยุทธ์ชั้นนภาจึงจะนับว่าเป็สุดยอดแต่ยอดจอมยุทธ์ชั้นปฐีก็เพียงพอที่จะเป็าาของที่หนึ่งได้ตัวอย่างเช่นอาณาจักรเสินเตาสำนักดาบเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็เพียงสำนักขั้นหกเท่านั้นผู้าุโสูงสุดผู้มีพลังวัตรสูงสุดก็มีพลังวัตรเพียงชั้นปฐีขั้นสี่หวงหย่วนเฉิงก่อนจะได้รับาเ็ เป็คนที่ทั่วทั้งอาณาจักรเสินเตาได้แต่แหวนคอมองเป็คนระดับาาอย่างแท้จริง
แต่ว่า ั้แ่การไล่ล่าสังหารครั้งนั้นเมื่อสิบปีก่อนร่างกายได้รับาเ็สาหัส หวงหย่วนเฉิงแม้ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้แต่พลังวัตรก็ถอยหลังแล้วถอยหลังอีก ถอยจนมาอยู่ที่ชั้นเบิกนภาขั้นสอง
ยามนี้หวงหย่วนเฉิงเป็เทียนใกล้ดับแสงวัยโรยราราวกับแสงโคมไฟที่ริบหรี่ ลมพัดเพียงเบาๆ ก็ดับหายไปได้ เมื่อมองเห็นหวงหย่วนเฉิงดวงตาของเสวียนเทียนก็ฉายแววประหลาดใจ หวงหย่วนเฉิงชราลงกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ราวกับเดินมาถึงสุดบั้นปลายชีวิตมีเพียงใจที่ยึดติดบางสิ่งถึงทำให้เขายื้อมาจนถึงตอนนี้ได้
เขาเฝ้าคอยว่าวันหนึ่งตระกูลหวงจะสามารถยืนหยัดที่อำเภอเป่ยโม่ได้อย่างแท้จริงไม่ถูกข่มเหงจากตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลอีก เขาเฝ้าคอยว่าสักวันตระกูลหวงจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้งกลับคืนสู่ความรุ่งเรือง เขาเฝ้าคอยว่าสักวันเสวียนหงจะกลับคืนสู่ตระกูลเสวียนชำระแค้นได้สำเร็จ เขาเฝ้าคอยลูกหลานรุ่นหลังจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ มีคนสืบต่อวงศ์ตระกูล
ยังไม่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ความยึดมั่นในใจของเขานี้ก็ยากจะปล่อยวางลงได้
“เทียนเอ๋อร์กลับมาแล้ว สูงใหญ่โตขึ้นแล้วจริงๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านซ้ายของหวงหย่วนเฉิง
คนพูดคือท่านลุงสองของเสวียนเทียนบุตรชายคนรองของหวงหย่วนเฉิง หวงฉีซาน
ฝั่งซ้ายขวาของหวงหย่วนเฉิงแต่ละฝั่งมีชายอายุราวสี่สิบปียืนอยู่ ฝั่งซ้ายมือคือบุตรคนรองหวงฉีซานผู้ชายฝั่งขวามือดูไปแล้วอายุมากกว่าอยู่หลายปี อายุคงเกินสี่สิบแล้วคนผู้นี้คือหวงิซาน บุตรคนโตของหวงหย่วนเฉิง
หวงิซานกับหวงฉีซานเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามของตระกูลหวงทั้งสองแต่เดิมเป็ยอดจอมยุทธ์ชั้นปฐี ขั้นต่ำกว่าหวงหยวนเฉิงสองสามขั้นแต่ได้รับาเ็น้อยกว่าหวงหย่วนเฉิงอยู่บ้างดังนั้นพลังวัตรตอนนี้จึงสูงกว่าหวงหย่วนเฉิง
เทียบกับความเป็มิตรของหวงฉีซานหวงิซานเ็ากว่ากันมาก เพียงแค่มองเสวียนหงหวงเยว่กับเสวียนเทียนสามคนด้วยสายตาเ็าทีหนึ่งแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่น
หวงหย่ง บุตรคนโตของหวงิซานตายระหว่างทางที่ถูกไล่ล่าสังหาร นี่ทำให้ในใจของหวงิซานโทษว่าเป็ครอบครัวของเสวียนหงที่นำภัยร้ายมาสู่ตระกูลหวง
“เทียนเอ๋อร์คารวะท่านตาท่านลุงใหญ่ ท่านลุงรอง” เมื่อเข้ามาในโถงหลัก เสวียนเทียนก็ประสานมือพลางส่งเสียงทักทายไม่ข้ามหวงิซานแม้ว่าเขาจะเ็าใส่ก็ตาม
“มาๆๆ มาหาตานี่!” เมื่อเห็นเสวียนเทียน ดวงตาฝ้าฟางชราภาพของหวงหย่วนเฉิงก็ส่องประกายยกแขนที่ผอมแห้งเหี่ยวย่นข้างหนึ่งขึ้น กวักมือเรียกเสวียนเทียน
ั้แ่เสวียนเทียนเกิดมา ดูเหมือนกับว่าจะมีวาสนาผูกพันกับชายชราสองคนเป็พิเศษ
ที่ตระกูลเสวียน ท่านปู่เสวียนสงรักเขาประหนึ่งสมบัติล้ำค่าตั้งชื่อ ‘เสวียนเทียน’ ให้กับเขาด้วยตัวเอง
ที่ตระกูลหวงท่านตาหวงหย่วนเฉิงยิ่งรักห่วงใยเท่าทวี ในยามที่เสวียนเทียนมีอันตรายถึงชีวิตหวงหย่วนเฉิงไม่ลังเลแม้สักนิด เสียสละร่างกายของตัวเองรับกระบี่แทนเสวียนเทียนเป็กระบี่นั้นเองที่ทำให้หวงหย่วนเฉิงได้รับาเ็สาหัส ร้ายแรงถึงชีวิตทำให้พลังวัตรเสื่อมถอยอย่างใหญ่หลวง ไม่นานชีวิตก็เดินมาจนถึงบั้นปลายแล้ว
“ท่านตา!” เสวียนเทียนรีบเดินเข้าไปข้างกายของหวงหย่วนเฉิงจับมือผอมแห้งของหวงหย่วนเฉิงไว้
ถึงแม้ว่ามือข้างนี้จะหยาบสาก ลูบไปก็กระด้างมือแต่ว่าเสวียนเทียนกำไว้แน่นในใจของเสวียนเทียนมือข้างนี้เป็มือที่อบอุ่นที่สุดในโลก
“เทียนน้อย เ้าโตแล้วจริงๆ”
หวงหย่วนเฉิงมองเสวียนเทียนแล้วพึมพำขึ้น “ประสบความสำเร็จแล้วหล่อเหลาแล้ว หลานของข้าหวงหย่วนเฉิง ดีจริงๆ...!”
“ดี...! ดี...! ดี...!” หวงหย่วนเฉิงมองเสวียนเทียน สุดท้ายคำชมทั้งหมดก็กลายเป็คำๆ เดียว
“ท่านพ่อหลายวันมานี้ท่านคอยเทียนเอ๋อร์กลับมาทุกวัน วันนี้ ในที่สุดก็สมหวังแล้วเทียนเอ๋อร์ยังไม่ทันอายุสิบห้า ก็กลายเป็ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักนอกของสำนักกระบี่์แล้วน่ายินดี น่ายินดี” หวงฉีซานหัวเราะเบิกบานอยู่ด้านข้าง
หวงิซานเห็นหวงหย่วนเฉิงชมเสวียนเทียนไม่หยุดปากหวงฉีซานก็ชื่นชม เขาหงุดหงิดจนสะบัดหน้าไปอีกด้าน พูดออกมาเสียงติดเ็าว่า “ลูกของข้าหวงเวยปีนี้ก้าวสู่ชั้นเบิกนภาแล้ว กลายเป็ศิษย์ในของสำนักเทียมเมฆาไม่ใช่ศิษย์สำนักนอกจะเปรียบได้ วันนี้ก็คงกลับมาแล้วเหมือนกัน!”
ตอนนี้เองชายชราอายุราวหกสิบปีก็เดินเข้ามาในโถงหลัก พูดเสียงดังว่า “เรียนท่านผู้นำตระกูล ตระกูลหนิวตระกูลเฉิง ตระกูลจางทั้งสามตระกูลมาเยือน ขอพบท่านผู้นำตระกูลขอรับ”
ชายชราผู้นี้คือหวงจงหยวนเป็ข้ารับใช้ที่ติดตามข้างกายหวงหย่วนเฉิงมาั้แ่เล็กคนหนึ่งระหว่างของการถูกล่าสังหารได้รับาเ็ค่อนข้างหนัก แม้ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้วันนี้ก็เหลือพลังวัตรเพียงแค่ชั้นเบิกนภาขั้นสองเท่านั้น
ตระกูลหนิว เฉิง จางตระกูลใหญ่ทั้งสามมีท่าทีเป็ศัตรูกับตระกูลหวงซึ่งเป็ตระกูลที่เพิ่งตั้งตัวใหม่มาตลอดไม่ได้ไปมาหาสู่กันสักกี่มากน้อย วันนี้ทั้งสามตระกูลกลับส่งคนมาที่ตระกูลหวงต้องมีเื่ใหญ่อะไรสักอย่างแน่
ถึงแม้ว่าหวงหย่วนเฉิงจะมีพลังและฝีมือจะเทียบไม่ได้กับหวงิซานกับหวงฉีซานบุตรชายทั้งสองแล้วแต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลยังคงเป็เขาที่ครองอยู่ คนแม้ชรา แต่ความคิดไม่ได้เลอะเลือนไป
ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหวงกับตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลจะไม่ดี แต่เมื่อผู้อื่นมาเยือนถึงจวนย่อมไม่อาจปฏิเสธให้อยู่นอกประตูได้ หวงหย่วนเฉิงจึงพูดขึ้น “เชิญพวกเขาเข้ามา”
“ขอรับ!” หวงจงหยวนตอบรับคำหนึ่ง รีบถอยออกไปจากห้องโถงใหญ่
ตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลส่งคนมาเยี่ยมเวลานี้ไม่เหมาะคุยเื่วันวาน เสวียนเทียนจึงกลับไปข้างกายบิดามารดา
“ท่านพ่อ ตระกูลหนิว เฉิงจางสามตระกูลมองพวกเราเป็ศัตรูมาตลอด อยากกำจัดตระกูลหวงของเราให้หมดสิ้นใจจะขาดจะมาเยือนถึงจวนพร้อมกันด้วยเหตุใด?” หวงิซานถามขึ้น
หวงหย่วนเฉิงโบกมือ พูดขึ้นว่า “ในเมื่อเดาไม่ถูกก็ไม่ต้องเดาส่งเดช พวกเขามาแล้ว ย่อมบอกเหตุที่มาอย่างชัดแจ้งเอง”