บทที่ 23 สัตว์ปีศาจ
“นี่! เ้า...เ้า...”
มู่หรงซินกรีดร้องทันที นางทั้งอายทั้งโกรธ แต่ด้วยเหตุนี้นางกลับหาจุดสมดุลเจอ
มู่หรงซินเข้าไปใกล้หน้าอกของฉู่อวิ๋น ระดมพลังปราณด้วยมือซ้ายและดึงสายธนูออกมาเป็วงโค้ง ั์ตาคู่งามเบิกกว้าง!
“โธ่เอ๊ย! อ๊า——”
เมื่อมีเสียงะโดังขึ้น ปัญจศรจากคันธนูหยกก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังปราณจำนวนมากและถูกยิงออกไปด้วยแรงส่งอันสง่างาม ราวกับอัสนีฟ้าฟาด!
"กึง "
เห็นได้ชัดว่าลูกศรนี้มีพลังมากกว่าครั้งก่อน เมื่อยิงออกไปก็เสียดสีกับลมจนเกิดเสียง! มือขวาของฉู่อวิ๋นที่ถือธนูไว้ก็รู้สึกชาเช่นกัน
"ฟิ้ว--"
ปัญจศรพุ่งเจาะผ่านอากาศอย่างเร็วจนแทบมองไม่เห็น!
"โฮก!"
ในเวลานี้ หมีลายโลหิตอยู่ห่างจากทั้งคู่เพียงห้าหมี่ เมื่อเห็นลูกศรที่พุ่งมาด้วยพลังที่น่าใ มันก็ยื่นกรงเล็บขนาดั์ออกมาสกัดกั้น
แต่ศรที่ยิงไปทรงพลังมาก เกิดเสียง "ฉึก" ขึ้น มันแทงเข้าไปในอุ้งเท้าหมีโดยตรง แล้วพุ่งต่อไปยังหน้าอกของหมีลายโลหิตโดยไม่ออมแรงเลยสักนิด!
"ฉึก--"
ทันใดนั้นศรธนูก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงหลุมเืที่ใหญ่เท่าชามบนร่างของหมีลายโลหิต หัวใจแตกสลายและสิ้นชีวิตลง มันล้มลงดัง "ตึง" ต่อหน้าฉู่อวิ๋นและมู่หรงซิน
สัตว์ปีศาจระดับหก หมีลายโลหิต ตายแล้ว!
“น่ากลัวจริงๆ” เมื่อมองดูซากหมีตัวใหญ่และดุร้ายที่อยู่ตรงหน้า ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่ท่าทางของมู่หรงซินในตอนนี้กลับดูไม่ค่อยดีนัก นางขมวดคิ้วแน่น
“เ้า...เ้า...เ้า! ปล่อยข้า!” มู่หรงซินพูดด้วยความโกรธ
ฉู่อวิ๋นเพิ่งนึกออกว่าตนเองยังกอดมู่หรงซินอยู่ เขาปล่อยมือแล้วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
ฉู่อวิ๋นยื่นธนูหยกในมือขวาคืนให้ ยกยิ้มแล้วพูดว่า "อา ฮ่าๆ...เข้า...เข้าใจผิดแล้ว สถานการณ์เมื่อครู่อันตรายมาก แถมเ้าก็บอกให้เข้าใกล้เ้าอีกหน่อย ข้าก็เลยต้องทำเช่นนี้ อย่ามาโทษข้าเชียว!”
“เชอะ! หากมีครั้งต่อไป ข้ายิงมือซ้ายเ้าแน่!” ดวงหน้างามของมู่หรงซินเปลี่ยนเป็สีแดง นางหยิบธนูหยกกลับมา หันหลังไปจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยับย่นของตนเอง
เมื่อเห็นสีหน้าโกรธขึ้งของมู่หรงซิน ฉู่อวิ๋นก็อายที่จะพูดอะไรอีก
จากนั้นเขาก็นั่งลงทำสมาธิ เข้าสู่กระบี่บาป์และฟื้นฟูพลังปราณของตนเอง
แม้ว่าจะเอาชนะหมีลายโลหิตสัตว์ปีศาจระดับหกมาได้ แต่ก็อาจมีสัตว์ตัวอื่นๆ อยู่ใกล้ๆ นี้ ฉู่อิ๋นไม่อยากพึ่งมู่หรงซินมากเกินไปนัก
หลังจากนั้นไม่นาน มู่หรงซินก็สงบลง จากนั้นก็จำอะไรบางอย่างได้ และหันไปถามฉู่อวิ๋นทันที "ใช่แล้ว! พี่ชายข้าเล่า? เขาอยู่ไหน? เขาอยู่กับหลินหล่างใช่ไหม?"
"อ้อ พวกเขา..." ฉู่อวิ๋นลืมตาขึ้น ชี้ไปไกลๆ และพูดอย่างสบายๆ "พวกเขาถูกสัตว์ปีศาจระดับห้าหลายตัวล้อมอยู่ ข้าก็ไม่รู้สถานการณ์ของพวกเขาเหมือนกัน บางทีอาจจะกลายเป็ลาภปากของพวกสัตว์ปีศาจแล้วก็ได้”
ฉู่อวิ๋นไม่นึกอยากช่วยพวกเขานัก ทั้งสองคนเยาะเย้ยถากถางเขามาตลอดทาง ถึงขั้นมีเจตนาฆ่าด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะกระบี่อันยอดเยี่ยมของเขา ทั้งคู่คงถือโอกาสฆ่าเขาแล้วชิงดอกปี้หลิงสามกลีบไปแล้ว
การใจดีต่อศัตรูนั้นโหดร้ายต่อตนเอง ฉู่อวิ๋นเข้าใจความจริงข้อนี้ดี
เมื่อมู่หรงซินรู้ตำแหน่งของมู่หรงเหิงและหลินหล่างแล้วก็รีบวิ่งไปในทิศทางนั้นทันที แม้ว่ามือขวาของนางจะหักทั้งได้รับาเ็ภายในมากมาย แต่ก็ยังสามารถจัดการกับสัตว์ปีศาจระดับห้าได้อย่างง่ายดายด้วยิญญายุทธ์ปัญจศรของนาง
ส่วนเหตุผลที่เกือบจะถูกพยัคฆ์เตโชโจมตีเป็เพราะต้องยิงธนูสกัดหมีลายโลหิตไว้ จึงไม่มีเวลาคอยคิดเื่อื่น
สักครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นอาศัยิญญายุทธ์กระบี่บาป์ฟื้นฟูพลังปราณส่วนใหญ่ของเขา จากนั้นค่อยๆ เดินไปหาหลินหล่าง
เมื่อพวกเขากลับไปยังที่เดิม ก็เห็นซากศพของสัตว์ปีศาจแปดตัวเรียงรายกันอยู่บนพื้น พวกมันตายจนไม่อาจตายได้อีก หลินหล่างและมู่หรงเหิงนั่งอยู่บนพื้นอย่างอิดโรย ร่างกายมีทั้งหยาดเหงื่อ รอยแผล และรอยเื
ส่วนมู่หรงซินกำลังหยิบยาฟื้นฟูเืในแขนเสื้อออกมาแล้วมอบให้ทั้งคู่กลืนลงไป
“ไม่แย่นี่ ทักษะวิชาของคุณชายหลินเหนือกว่าที่คิดไว้จริงๆ ข้าบอกแล้วว่าด้วยพลังยุทธ์ของท่าน ฆ่าพวกสัตว์ปีศาจระดับห้าไม่กี่ตัวไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอก” ฉู่อวิ๋นค่อยๆ เดินเข้ามาหาทั้งสามคนพร้อมกับรอยยิ้ม
“เ้าคนน่ารังเกียจ! คนขี้ขลาด! ถ้าน้องหญิงซินมาไม่ทัน เราทั้งคู่คงถูกสัตว์ปีศาจสองตัวที่เหลือฉีกเป็ชิ้นๆ ไปแล้ว!” หลินหล่างมองฉู่อวิ๋นที่ปรากฎตัวด้วยแววตาอาฆาต เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่ห่วงอาการาเ็
เมื่อครู่ หลินหล่างและมู่หรงเหิงถูกล้อมรอบไปด้วยสัตว์ปีศาจระดับห้าแปดตัวและต้องต่อสู้อย่างหนัก
แม้ว่าหลินหล่างจะเป็เพียงนักรบระดับห้าในขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่ก็ยังมีไพ่เด็ด แต่ก็ต้องใช้พลังปราณไปอย่างมากถึงฆ่าสัตว์ปีศาจห้าหกตัวนั้นได้
ต้องรู้ก่อนว่าการต่อสู้แบบกลุ่มนั้นแตกต่างจากการต่อสู้แบบเดี่ยว การเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจแปดตัวในเวลาเดียวกันไม่ใช่เื่ง่ายสำหรับหลินหล่าง แถมเขายังได้รับาเ็มาไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาถูกโจมตีจากหมาป่าหางดาบ ทิ้งรอยเืไว้เป็ทางยาว
มู่หรงเหิงยิ่งน่าอนาถเข้าไปใหญ่ เสื้อผ้าของเขาเกือบทั้งหมดถูกฉีกเป็ชิ้นๆ และเต็มไปด้วยคราบเื ใบหน้าถูกสัตว์ปีศาจตัวไหนไม่รู้ฟาดเข้า ด้านหนึ่งที่ถูกฟาดจึงบวมเหมือนหัวหมู
แต่เขาก็รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ คงได้รับการช่วยเหลือจากหลินหล่างไม่น้อย
ฉู่อวิ๋นเหลือบมองหลินหล่างแล้วพูดล้อเลียน "เหตุใดคุณชายหลินถึงพูดเช่นนี้เล่า? ข้าเชื่อในความเก่งกาจของเ้า ข้าเลยทิ้งเ้ากับคุณชายมู่หรงไว้ที่นี่อย่างไรเล่า"
“แถมตอนนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ? ด้วยรอยแผลบนหน้าเ้า ในอนาคตพอเ้าออกไปไหน ผู้คนในระยะไม่กี่สิบหมี่ก็จะหวาดกลัวพากันถอยห่าง มีทั้งความเป็ลูกผู้ชาย ทั้งสง่างามไร้ผู้ใดเทียบได้!”
“เ้าตายแน่!” ดวงตาของหลินหล่างแปรเปลี่ยนเป็เ็า เขารวบรวมพลังปราณอย่างรวดเร็วเพื่อรวบรวมโหมวายุบนฝ่ามือ
แต่ด้วยการเคลื่อนไหวนี้ าแบนร่างกายของเขาก็ปริออก ทำให้เขาหยีหน้าด้วยความเ็ป
ตอนนี้เอง มู่หรงเหิงก็โกรธมาก เขาเปิดปากและพ่นคำหยาบคายออกมาสองสามคำ "ข้าจะช่าเ้า! เ้าไปจายชะ! น้องจ๋าว! รีบช่ามันเสีย!"
เห็นได้ชัดว่าเพราะหน้าบวม มู่หรงเหิงจึงพูดได้ไม่ชัดเจน เขาทำได้เพียงดึงมู่หรงซินไปข้างๆ แล้วชี้ไปที่ฉู่อวิ๋นหวังว่าจะนางฆ่าเขาให้
“เ้ากำลังพูดอะไรน่ะ? ข้าไม่เข้าใจ หน้าบวมขนาดนี้ก็หยุดพูดเถอะ” เมื่อมองดูมู่หรงเหิงที่หน้าบวมคล้ายหัวหมู ฉู่อวิ๋นก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก ทำให้มู่หรงเหิงกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็นั่งลงตรงนั้นแล้วสำรวจดูรอยแผลเป็บนหน้าอกของตนเองที่ถูกกรงเล็บพยัคฆ์เตโชโจมตี
“เฮ้อ” มู่หรงซินถอนหายใจให้กับความขัดแย้งระหว่างทั้งสามคน ถ้าเมื่อครู่ฉู่อวิ๋นอยู่ที่นี่ บางทีพวกเขาสองคนอาจจะไม่าเ็ขนาดนั้น แต่นางคงถูกพยัคฆ์เตโชกัดตายอย่างแน่นอน ไม่มีทางรอดมาถึงตอนนี้ได้
ไม่ว่าในกรณีใด ฉู่อวิ๋นเลือกได้ถูกต้องแล้ว
อย่างน้อยทั้งสี่คนก็ยังรอดชีวิต
“พวกท่านสองคนหยุดทะเลาะกันแล้วกินยาฟื้นฟูเืรักษาาแเสีย หากยังมีสัตว์ปีศาจระดับหกอยู่ใกล้ๆ อีก เราคงไม่รอดแล้วแน่” มู่หรงซินดุแล้วเดินไปที่ด้านข้างของฉู่อวิ๋น จ้องมองบริเวณอกของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านางด้วยดวงตาคู่งามอย่างฟุ้งซ่านเล็กน้อย
นั่นเป็หลักฐานว่าฉู่อวิ๋นได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ เขาเต็มใจที่จะใช้ร่างกายของตนเองสกัดกั้นการโจมตีของพยัคฆ์เตโชแทนที่จะปล่อยให้นางได้รับอันตราย
ใบหน้างามของมู่หรงซินเปลี่ยนเป็สีแดงเล็กน้อย นางยื่นมือเล็กๆ ออกมาแล้วยื่นยาฟื้นฟูเืให้ฉู่อวิ๋น
"ให้เ้า"
“ฮะ?” ฉู่อวิ๋นใเล็กน้อย หยิบยาฟื้นฟูเืมาแล้วกลืนยาโดยไม่พูดอะไร แล้วพูดว่า "ขอบคุณ"
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นเชื่อใจนางมาก มู่หรงซินก็รับรู้ถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
หลังจากนั้นนางก็รีบหันกลับมาบอกกับหลินหล่างและมู่หรงเหิงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าตอนที่โดนฉู่อวิ๋นเอาเปรียบนางย่อมปกปิดเอาไว้
หลังจากอธิบายเสร็จ ท่าทีของชายทั้งคู่ก็อ่อนลงเล็กน้อย แต่ความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อฉู่อวิ๋นยังคงไม่ลดลง
ไม่นาน อาการาเ็ของทั้งสี่คนก็ดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากค้นหารอบๆ และพบว่าไม่มีสัตว์ปีศาจแล้ว พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่ทะเลแห่งโอสถอย่างระมัดระวัง
มู่หรงเหิงและหลินหล่างคอยอยู่ที่บริเวณรอบนอก รวบรวมสมุนไพรหายาก ในขณะที่มู่หรงซินและฉู่อวิ๋นกำลังเตรียมตัวจะไปที่ใจกลางทะเลแห่งโอสถเพื่อเก็บดอกปี้หลิงสามกลีบมา
“ดีจัง คราวนี้ท่านแม่ข้าก็มีทางช่วยแล้ว!” เมื่อมองดูดอกไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลมตรงหน้า มู่หรงซินยิ้มแก้มปริแล้วเริ่มเดินไปข้างหน้า
หลังจากเข้าสู่พื้นที่ใจกลางของทะเลแห่งโอสถ นางก็เหยียบเข้ากับบางสิ่งที่นุ่มนิ่ม เสียงอุทานดังขึ้นพลางก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังแล้วมองดูที่พื้น
หลังจากการโจมตีของสัตว์ปีศาจที่โหดร้ายเมื่อครู่นี้ มู่หรงซินก็ไม่กล้าประมาทอีก ทั้งยังดำเนินการอย่างระมัดระวัง
“มีอะไรหรือ?” ฉู่อวิ๋นที่ติดตามอย่างใกล้ชิด เมื่อได้ยินเสียงร้องของมู่หรงซิน เขาก็รีบวิ่งไปหาทันที ก่อนจะมองไปตามนาง
มองเห็นก้อนขนเล็กๆ บนพื้น ขนาดเท่าลูกตะกร้อ ขนทั้งตัวมีสีเหลืองอ่อนแลดูนุ่มมาก มองแวบแรกดูเหมือนลูกตะกร้อขนเล็กๆ กลมๆ
“นี่คืออะไร?” ฉู่อวิ๋นพึมพำ
ในเวลานี้ เ้าก้อนขนตัวน้อยได้ลืมตาดวงโตคู่หนึ่งขึ้นมา มันทั้งอ่อนนุ่มและน่ารัก แต่ดวงตากลับดูไร้เดียงสามาก ราวกับน้อยใจที่ถูกเหยียบเมื่อกี้นี้
เมื่อมองดูเ้าหนูที่น่าสงสารตัวนี้ มู่หรงซินก็รู้สึกว่าหัวใจวัยเยาว์เต้นแรงขึ้นแล้วพูดขึ้นมาว่า "เ้าตัวน้อยนี้มาจากไหนกัน? น่ารักมาก!"
“เกิดอะไรขึ้น? น้องหญิงซิน?”
“น้องหญิง เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?”
หลินหล่างและมู่หรงเหิงหลังจากได้ยินเสียงของมู่หรงซินเมื่อครู่นี้ ก็รีบตามมา
เมื่อทั้งคู่เห็นลูกตะกร้อขนเล็กๆ บนพื้น ในตอนแรกพวกเขาก็สะดุ้ง หลังจากเพ่งมองดูแล้ว ทั้งคู่ก็เริ่มระดมพลังปราณคิดสังหารมัน
“เ้าสิ่งนี้คงเป็พรรคพวกเดียวกับสัตว์ปีศาจเมื่อครู่นี้ น้องหญิงซิน อย่าเห็นใจมัน!”
“ถูกต้อง สัตว์ปีศาจพวกนั้นทำหน้าของพี่บวม ถ้าพี่ไม่ฆ่ามันก็ไม่หายแค้น!”
ฝ่ามือของหลินหล่างควบแน่นมีดวายุ ส่วนมู่หรงเหิงก็ยกคันธนูกระดูกเหล็กขึ้นมา ทั้งคู่ต่างเตรียมท่าพร้อมสังหาร
“จิ๊ด——”
เมื่อเ้าก้อนขนตัวน้อยเห็นท่าทางดุร้ายของชายทั้งสอง มันก็ะโถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตากลมโตนองไปด้วยน้ำตา ทั้งตัวสั่นเทาและดูเหมือนจะหวาดกลัวมาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ทนไม่ไหว เขาชักกระบี่เศวตรรุ้งออกมา ยืนบังหน้าเ้าลูกตะกร้อขนเล็กๆ แล้วพูดว่า "เ้าตัวน้อยนี้ดูแล้วไม่ทำร้ายมนุษย์ พวกเ้าจะฆ่ามันโดยไม่ยอมไตร่ตรอง ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ”
“เชอะๆ เ้าเข้าข้างเ้าสัตว์ปีศาจตัวนี้หรือ?” ดวงตาของหลินหล่างเ็า มีดวายุบนฝ่ามือของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
มู่หรงเหิงยกธนูกระดูกเหล็กของเขาขึ้นชี้ไปที่ฉู่อวิ๋น และพูดอย่างเ็า "คุณชายอย่างข้าพูดว่าฆ่าก็คือฆ่า ดาวหายนะเช่นเ้ามายุ่งอะไรด้วย?"
ชั่วขณะหนึ่ง รังสีสังหารได้แผ่ออกมาอีกครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้