นายหญิงเสิ่นกำลังกินข้าวอยู่อีกด้าน ทว่ากลับชายตามองไปที่บุตรชาย แม้จะเห็นบุตรชายกินข้าวเงียบๆ แต่สายตาก็จับจ้องไปที่ลูกสะใภ้ตลอดด้วยท่าทีอ่อนโยน นางจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไรหรือ?” นายท่านเสิ่นกำลังดื่มสุรา เหลือบเห็นภรรยาแอบยิ้ม จึงอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“ลูกชายกับลูกสะใภ้ช่างเหมาะสมกันจริงๆ”
“ใช่ๆ” เขายิ้มรับคำไปอย่างนั้น
ขณะที่กู้เจิงกับชุนหงกำลังกินข้าวอยู่ ด้านนอกก็มีคนเดินเข้ามาะโบอกสองสามีภรรยาเสิ่นว่า “เ้าสี่ ภรรยาเสิ่นเยี่ยนอยู่ไหม? ข้างนอกมีคนถามหาน่ะ”
ใครถามหานางกัน? กู้เจิงมองออกไปด้านนอก “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจะออกไปดูนะเ้าคะ” นางว่าพลางเดินออกไป
ชุนหงก็เดินตามคุณหนูของนางออกมาด้วยเช่นกัน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าก็จะไปดูด้วยขอรับ” เสิ่นเยี่ยนก็ลุกขึ้นเหมือนกัน
คนที่มาหากู้เจิงเป็คนแปลกหน้า แต่ดูจากการแต่งกายแล้วน่าจะเป็สาวใช้จากตระกูลใหญ่ สาวใช้เมื่อพบกู้เจิงก็ย่อตัวคารวะนาง “บ่าว ‘เซี่ยเว่ย’ คุณหนูของข้าคือคุณหนูรองหนิงเ้าค่ะ”
เพราะเป็วันมงคล จึงมีคนเข้าออกบ้านอยู่ตลอดเวลา สาวใช้ผู้นั้นคล้ายไม่อยากถูกคนเห็น จึงก้มหน้าลงตลอด
“คุณหนูรองหนิงให้เ้ามาหาข้าหรือ?” ระหว่างตระกูลกู้กับตระกูลหนิงแม้จะยังคงไปมาหาสู่กันอยู่ แต่เกิดเื่กับเจิ้งชินขึ้น จึงไม่ได้ไปบ่อยเหมือนแต่ก่อน
เสิ่นเยี่ยนออกมายืนดูอยู่ที่หน้าประตู เขาไม่ได้เดินเข้าไปใกล้พวกนาง แต่ก็ได้ยินบทสนทนาของพวกนางเป็่ๆ พอได้ยินคำว่าคุณหนูรองหนิงในใจก็คิดคาดการณ์ไว้คร่าวๆ
“คุณหนูรองหนิงไม่ได้สนิทกับคุณหนู” ชุนหงเอ่ยซุบซิบด้วยความสงสัย “จะมีเื่อะไรได้เล่าเ้าคะ?”
สาวใช้คารวะอีกครั้ง นางเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูของข้ารออยู่ที่โรงน้ำชาซูจี้ ขอคุณหนูใหญ่กู้ไปพบสักหน่อยได้ไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “พบกันตอนนี้ ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ไปจะดีกว่ากระมัง”
“คุณหนูของข้าบอกว่า นางเคยพบคุณหนูใหญ่ในวันสอบรับราชการ ทั้งยังคุยกันอย่างดี ในใจก็มองคุณหนูใหญ่กู้เป็เพื่อนมาตลอด นางเพียง้าหาคนคุยด้วยเท่านั้น เชิญคุณหนูใหญ่กู้ไปดื่มชาอุ่นๆ สักถ้วยเถอะเ้าค่ะ”
กู้เจิงทอดถอนใจ “หรือว่าคุณหนูของเ้าอยากจะพบน้องรองของข้า แต่ตระกูลกู้ไม่ยอมให้โอกาสนี้กับนาง นางคงไปพบพระชายาตวนมาแล้วกระมัง? แต่พระชายาตวนไม่ให้พบ ถึงได้มาหาข้า ใช่หรือไม่?”
สาวรับใช้คิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่กู้จะคาดเดาจุดประสงค์ของคุณหนูตนได้ในพริบตา นางอดวิงวอนขึ้นไม่ได้ “นับแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น คุณหนูของข้าก็กลุ้มอกกลุ้มใจทั้งวัน อารมณ์ไม่ดีนัก นางไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เ้าค่ะ ขอคุณหนูใหญ่ไปพบหน้านางสักหน่อยเถอะเ้าค่ะ”
“คุณหนูของเ้าอารมณ์ไม่ดี แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณหนูใหญ่ของข้า” ชุนหงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“บ่าวขอร้องคุณหนูใหญ่ล่ะเ้าค่ะ” สาวรับใช้ผู้นั้นพูดพลางจะคุกเข่าลง
กู้เจิงรีบประคองนางไว้ ที่นี่มีคนมากมาย มาคุกเข่าจะทำให้คนเข้าใจผิดเอาได้ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไป แต่ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน เดิมทีข้าเป็เพียงบุตรสาวอนุของตระกูลกู้เท่านั้น เื่สำคัญเช่นนี้ จะมีที่ให้ข้าพูดได้อย่างไรกัน กลับไปบอกคุณหนูรองของเ้าให้ลืมน้องรองข้าเสียเถอะ”
“ไม่เ้าค่ะ” จู่ๆ คุณหนูรองหนิงก็เดินออกมาจากตรอกแคบ
กู้เจิงมองคุณหนูรองหนิงที่สวมชุดสาวใช้ด้วยความตะลึงงัน นางมองปราดเดียวก็รู้ว่าคุณหนูรองหนิงแอบแต่งชุดสาวใช้เพื่อจะหนีออกมาจากบ้าน
“พี่กู้เจิง ข้าจะต้องพบเจิ้งชินให้ได้ ข้าอยากถามเขาให้ชัดเจน เขาบอกข้าแล้วว่าจะแต่งงานกับข้า” หนิงซิ่วอิงขอบตาแดงระเรื่อ
กู้เจิงปวดหัวขึ้นมาทันที นางเหลือบมองเสิ่นเยี่ยนอย่างขอความช่วยเหลือ แต่ไม่คิดว่าสามีคนนี้จะส่งยิ้มบางๆ ให้นางแล้วกลับไปกินข้าวต่อ ที่นี่คนเดินไปมา ไม่ใช่ที่ควรจะพูดกันจริงๆ นางได้แต่เอ่ยกับหนิงซิ่วอิงว่า “เ้าบอกว่าจะไปดื่มชาที่ร้านน้ำชาซูจี้ไม่ใช่หรือ งั้นเราไปกันเถอะ”
โรงน้ำชาซูจี้เป็โรงน้ำชาขนาดเล็กตั้งอยู่ทางประตูทิศใต้ ไม่อาจเทียบกับโรงน้ำชาอวิ๋นเซียงได้ แต่ก็มีชื่อเสียงไม่น้อยในแถบนี้
หลังจากเข้าไปในห้องเล็กทางปีกหนึ่งของโรงน้ำชา น้ำตาของหนิงซิ่วอิงก็ไหลออกมา สาวใช้รีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้
กู้เจิงนั่งเงียบๆ ไม่พูดไม่จา นางหยิบน้ำชาขึ้นมาจิบเป็ครั้งคราว
“พี่กู้เจิง ท่านช่วยข้าหน่อยเถอะ” หนิงซิ่วอิงสะอึกสะอื้น
กู้เจิงมองนางแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ซิ่วอิง วันนี้เ้าออกมาเช่นนี้ หากผู้อื่นเห็นเข้าเ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าจะมีผลเช่นไรตามมา”
หนิงซิ่วอิงพยักหน้า “ถ้าพ่อของข้ารู้เข้า ต้องตีข้าตายแน่ แต่ข้าไม่ยอมหรอกเ้าค่ะ คุยกันไว้ดิบดี ทำไมมันถึงเป็เช่นนี้”
“น้องรองบอกเ้าว่าจะแต่งงานกับเ้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”
“เมื่อเดือนก่อนตอนที่ข้าไปหากู้อิ๋งที่จวนกู้ เขาก็บอกข้าเช่นนี้เ้าค่ะ”
ในยุคสมัยนี้ การที่ชายหญิงมอบของขวัญให้กันถือเป็การตกลงใจ แต่การที่น้องรองของนางพูดประโยคนี้ออกมา ก็น่าจะแสดงว่าเขาชอบหนิงซิ่วอิงมากจริงๆ
“ซิ่วอิง ลืมน้องรองของข้าไปเสียเถอะ ระหว่างพวกเ้ามันเป็ไปไม่ได้” กู้เจิงได้แต่พูดเช่นนี้
“นั่นเป็ความผิดของฟู่ผิงเซียง ทำไมท่านกลับให้ข้ากับเจิ้งชินมากินผลไม้ขม* นี้ด้วยล่ะ?” น้ำตาของหนิงซิ่วอิงเอ่อท้นออกมาอีกครั้ง
(*เปรียบเปรยว่า ทนทุกข์ทรมาน พบกับความยากลำบาก)
กู้เจิงได้แต่เอ่ยว่า “มันเป็การตัดสินใจของพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย เมื่อเป็เช่นนี้แล้ว เ้าก็กลับไปเถอะ”
“พี่กู้เจิง” จู่ๆ หนิงซิ่วอิงก็คุกเข่าลงตรงหน้ากู้เจิง “ขอร้องท่านไปบอกเจิ้งชินให้เขามาพบข้าสักหน เขาจะต้องมาแน่ ได้หรือไม่เ้าคะ?”
กู้เจิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ข้าทำไม่ได้ เ้ารีบลุกขึ้นเถอะ” การแต่งงานในยุคสมัยนี้ล้วนขึ้นอยู่กับคำสั่งของพ่อแม่ ถ้านางช่วยหนิงซิ่วอิงเื่ไปบอกความ ก็เท่ากับนางทำร้ายเจิ้งชิน
“ข้าไม่ลุกขึ้น พี่กู้เจิง นั่นเป็ทั้งชีวิตของข้า การที่สตรีจะหาคนดีสักคนมันยากเพียงใดท่านไม่รู้หรือ ข้ากับเจิ้งชินต่างรู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกัน เข้าใจกัน ใส่ใจกัน ให้ข้าแต่งงานกับคนอื่นข้าไม่ยอม” หนิงซิ่วอิงร้องไห้ด้วยความเ็ป
ดูท่าทุกครั้งที่หนิงซิ่วอิงมาพบกู้อิ๋งที่จวนกู้ จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้องรองด้วยแน่ ไม่อย่างนั้นจะรักกันลึกซึ้งขนาดนี้ได้อย่างไร แต่เื่นี้กู้เจิงก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ตอนที่กำลังลำบากใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีชายสองคนบุกเข้ามา
หนิงซิ่วอิงพอเห็นคนแปลกหน้าก็ใรีบลุกขึ้นมาหลบอยู่ด้านหลังกู้เจิง นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างลนลาน
“พวกเ้าเป็ใคร?” กู้เจิงถามอย่างระแวดระวัง
มีเสียงเยาะหยันดังขึ้นจากหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุม นางเพิ่งเดินเข้ามา “ใครกันร้องร่ำไห้ ช่างน่าสงสารจริงๆ"
“ฟู่ผิงเซียง” กู้เจิงคิดไม่ถึงว่าจะเจอฟู่ผิงเซียงในโรงน้ำชาแห่งนี้ นางมาทำอะไรที่นี่?
ฟู่ผิงเซียงถือเตาอังมือเล็กๆ สวมเสื้อคลุมที่ทำจากขนจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์ ย่างก้าวเข้ามาในห้องอย่างนุ่มนวลสูงส่ง ท่วงท่าสง่างามของนางนั้นไม่เข้ากันกับที่นี่เลย
กู้เจิงรู้สึกว่าเสื้อคลุมของฟู่ผิงเซียงดูคุ้นๆ พอลองนึกดูดีๆ นั่นมิใช่ชุดที่องค์หญิงสิบเอ็ดใส่ในวันแต่งงานของกู้อิ๋งหรอกหรือ?
“เป็เ้า?” หนิงซิ่วอิงเมื่อเห็นฟู่ผิงเซียงก็เดินออกมาจากด้านหลังกู้เจิง นางพูดเสียงเข้มว่า “เ้ายังจะมีหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก”
“เ้าเป็ใคร?” ฟู่ผิงเซียงมองหนิงซิ่วอิงอย่างดูแคลน “บ่าวตัวเล็กๆ กล้าพูดกับข้าเช่นนี้หรือ?”
“ฟู่ผิงเซียง อย่าแกล้งทำเป็ไม่รู้จักข้า”
“หนิงซิ่วอิง เ้าแต่งตัวเช่นนี้ยอมให้ตัวเองเป็คนชั้นต่ำ ก็ไม่ต้องมาโทษคนอื่นที่แกล้งทำเป็ไม่รู้จักเ้าหรอก”
“ฟู่ผิงเซียง ทำไมเ้าถึงต้องทำร้ายข้า?”
“ทำร้ายเ้า? ข้าเคยทำร้ายเ้าั้แ่เมื่อไหร่?” ฟู่ผิงเซียงยิ้มหวาน
“เ้าถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ วันนั้นคือแผนการของเ้า ใช้ชื่อข้านัดเจิ้งชินมาพบกัน ถึง...”
“อ้อ เ้าหมายถึงกู้เจิ้งชินสินะ ไม่ใช่ว่าเขาถูกใจสาวใช้ของเ้าหรอกหรือ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“เ้ามันชั่วช้า ไร้ยางอาย”
กู้เจิงได้ยินบทสนทนาของพวกนาง แต่สายตากลับมองประเมินชายสองคนที่มากับฟู่ผิงเซียง สองคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเคร่งขรึม มองปราดเดียวก็รู้ว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็อย่างดี เมื่อก่อนฟู่ผิงเซียจะพาสาวใช้มาด้วย แต่ครั้งนี้กลับพาผู้คุ้มกันที่เป็บุรุษมาด้วย
ฉับพลันนั้น ฟู่ผิงเซียงยกมือขึ้นตบลงบนหน้าหนิงซิ่วอิง
เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น หนิงซิ่วอิงถูกตบอย่างแรง
ทุกคนต่างไม่ทันได้ตั้งตัว แม้แต่กู้เจิงยังเองก็ยังใ
“เ้าคิดว่าเ้าจะหนีไปอยู่ที่ไหนดีอีก?” ฟู่ผิงเซียงมองไปที่คุณหนูรองหนิงอย่างเ็า “ตระกูลหนิงของเ้าซื้อตัวสาวใช้ของข้าและญาติผู้พี่ตระกูลวัง หลังจากทำเสื้อผ้าของข้าเปียกแล้วก็ไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ญาติผู้พี่ตระกูลวังก็รอข้าที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นอยู่ก่อนแล้ว ทำให้คนมากมายในโรงเตี๊ยมเห็นข้าอยู่กับบุรุษในห้อง ทำลายชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของข้าปานนี้ พวกเ้า้าจะบีบบังคับให้ข้าตายสินะ”
เื่ฟู่ผิงเซียงกับญาติผู้พี่ของนาง ก่อนหน้านี้กู้เจิงได้ยินคนซุบซิบนินทามาอยู่บ้าง ตอนนั้นนางคิดว่าฟู่ผิงเซียงเป็คนที่หยิ่งทะนงมาก จะเข้าไปพัวพันกับญาติผู้พี่ได้อย่างไร ยามนั้นสงสัยว่านายหญิงเว่ยซื่อคงทำอะไรลงไป กลับกลายว่าเป็ฝีมือของคนตระกูลหนิงหรือนี่?