"เอ๊ะ?" กู่ไห่ลืมตาขึ้น
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น ร่างพลันถูกปล่อย ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร่วงหล่น ในที่สุด เสี่ยวโหรวก็ทนไม่ไหว และล้มลงไปข้างๆ เขา
เมื่อมองดูโดยรอบ ก็พบเข้ากับกองทัพมดจำนวนมหาศาล ราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
สีหน้ากู่ไห่เปลี่ยนไปทันที ที่เห็นความรู้สึกสุดท้าย บนใบหน้าของอสรพิษน้อย ก่อนที่นางจะสลบไป
หลังจากที่เสี่ยวโหรวเห็นว่าอีกฝ่ายตื่นแล้ว ก็ไม่อาจฝืนทนต่อไปได้อีก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ท้ายที่สุด บนริมฝีปากกลับปรากฏรอยยิ้ม
“เสี่ยวโหรว!” กู่ไห่ร้องเรียกด้วยความใ พลางโอบกอดร่างของอสรพิษน้อยไว้ในอ้อมแขน
ตูม!
จากนั้นไม่นานนัก พลังชี่ก็ะเิออกจากร่างเขา ทำให้พวกมดที่อยู่รอบตัวลอยกระเด็นไปในพริบตา
หางของเสี่ยวโหรว เต็มไปด้วยาแที่มีเืซึม บนปากแผลเ่าั้ ยังมีมดเกาะ และกำลังกลืนกินเืนางอย่างตะกละตะกลาม
“เดรัจฉาน!” ชายหนุ่มจ้องมองพวกมันอย่างโกรธเกรี้ยว
กู่ไห่ประคองอสรพิษน้อย ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ปลดปล่อยพลังชี่ออกไปด้านหน้า ทว่าพลังชี่เหล่านี้ ไม่ได้เผสานเข้ากับพลังชี่แท้ในร่างเขา แต่กลับกลายเป็อณูพลังชี่จำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับเม็ดหมากที่ถูกเรียงบนกระดาน
ตูม!
ตอนนั้นเอง กระบี่ชี่ก็ปรากฏออกมาจากอณูพลังชี่ที่น่าทึ่งเ่าั้
หากมองให้ดีๆ จะพบว่ามวลพลังชี่ขนาดเล็กเ่าั้ ถูกจัดเรียงคล้ายกับรูปหมากของค่ายกลกระบี่์ก่อนหน้านี้ เพียงแต่พลังของชายหนุ่มอ่อนแอกว่ามาก
แม้ว่าพลังจะอ่อนแอ แต่กระบี่ชี่ที่ปรากฏ ก็ยังร้ายกาจมากอยู่ดี
ตูม!
กระบี่ชี่พุ่งไปข้างหน้า มดนับไม่ถ้วน ถูกบดขยี้ใต้คมกระบี่ทันที
จากนั้นชายหนุ่มก็ก้าวไปข้างหน้า เหยียบลงบนกระบี่ชี่ และะโออกจากวงล้อม
ปังๆๆ!
กู่ไห่พาเสี่ยวโหรวที่หมดสติ ทะยานหนีไปอย่างรวดเร็ว
อสรพิษน้อยไม่อาจรับมือกับฝูงมดได้ เพราะนางอ่อนแอมาก แต่กู่ไห่นั้น อยู่ในระดับก่อ์ขั้นที่สามตอนปลายแล้ว ะโเพียงไม่กี่ที ก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
ชายหนุ่มก้มลงไปมองฝูงมดจำนวนมาก ที่รวมตัวกันอยู่ในหุบเขา
ฟิ้ว!
กู่ไห่รีบช่วยเสี่ยวโหรว จัดการมดที่เกาะอยู่ตรงาแที่หางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบยารักษาแผลสดออกมาจากช่องว่างมิติ และทาเบาๆ ลงบนาแ
อสรพิษน้อยที่สลบอยู่ หลุดเสียงร้องด้วยความเ็ป
เมื่อมองใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยน้ำตาของเสี่ยวโหรว ั์ตาของชายหนุ่มก็ปรากฏแววเสียใจ "หากรู้ว่าอย่างไรก็ไม่อาจช่วยข้าได้ เ้าก็ไม่ควรจะฝืนตัวเองถึงเพียงนี้"
กู่ไห่ค่อยๆ ทายาให้นาง เดาได้ทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น และเหตุใดจึงมีมดจำนวนมากอยู่เบื้องหน้าเขา
บางที ตัวการอาจจะเป็พลังที่กระจายออกมา จากการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของหมากบนกระดาน เหนือผลึกสีขาวในหว่างคิ้วของเขา
หลังทายาให้เสี่ยวโหรวเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ลูบศีรษะนาง ก่อนจะหันไปมองฝูงมดที่กำลังปั่นป่วนทางด้านล่าง สายตาพลันปรากฏแววเย็นเยียบ
กู่ไห่ยื่นมือเข้าไปหยิบหินิญญา จากช่องว่างมิติ
แครกๆ!
หินิญญาในมือ ถูกบีบจนกลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
"เ้าเดรัจฉาน แม้ว่าพวกเ้าจะไม่มีจิตสำนึก แต่ข้าก็ไม่ละเว้น" กู่ไห่กล่าวอย่างเ็า
เขาแบ่งหินิญญาส่วนที่แตกออกมา และหุ้มมันด้วยพลังชี่ จากนั้นก็จัดเรียงเป็รูปหมาก
ตูม!
เศษเล็กๆ ที่ห่อหุ้มด้วยพลังชี่ เริ่มลุกไหม้ทันที
ปัง!
ชายหนุ่มขว้างลูกไฟ ที่ดูราวกับะเิเพลิงออกไป
ซ่าๆๆ!
ทันใดนั้นมดจำนวนมากก็ถูกเผาผลาญสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นเปลวไฟยังคงลุกไหม้ต่อไป
เศษหินิญญาจำนวนมาก ถูกจัดเรียงในค่ายกลอย่างต่อเนื่อง พวกมันเชื่อมโยงเข้ากับพลังชี่ ทำให้เกิดเป็ลูกไฟขึ้นทีละดวง ลูกไฟทยอยตกลงมาจากฟากฟ้า เหมือนฝนดาวตก เผาฝูงมดอันวุ่นวายเบื้องล่างไปสิ้น
ตูมๆๆๆ!
เกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ขึ้น ทันทีที่ลูกไฟพุ่งกระแทกพื้น ภายใต้ค่ายกล ไฟลุกลามและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่เศษหินิญญายังไม่หมดพลัง เปลวไฟก็จะยังคงลุกไหม้ต่อไปเรื่อยๆ
ฟู่!
กระทั่งซากมดก็ยังถูกเผาเช่นกัน ฝูงมดจำนวนมหาศาลขยับหนี แต่สายไปแล้ว เปลวเพลิงพวยพุ่งไปบนท้องฟ้า และค่อยๆ แผ่ปกคลุมทั่วหุบเขาไร้โศก จนกลายเป็เตาไฟในพริบตา ทั่วฟ้าอาบไปด้วยสีแดงเพลิง
พรึ่บๆๆ!
ทะเลเพลิงแผ่ปกคลุมทั่วหุบเขา
บางทีอาจเป็เพราะฤทธิ์ของยารักษาแผล เสี่ยวโหรวจึงตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ
อสรพิษน้อย ฟื้นสติเพราะความเ็ป นางเห็นกู่ไห่กำลังปล่อยลูกไฟลงไปเผาฝูงมดจำนวนมหาศาล
แม้จะเปลืองแรงเปล่า แต่เขาก็ยังทำ
เสี่ยวโหรวมองอีกฝ่ายด้วยความมึนงง เมื่อเห็นว่ากู่ไห่ปลอดภัย รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที เมื่อเห็นเขาระบายโทสะ และแก้แค้นแทนตน โดยการปล่อยลูกไฟไปเผาฝูงมด ก็มีความสุขยิ่ง
"ผู้มีพระคุณ ขอบคุณท่านมากเ้าค่ะ" อสรพิษน้อยกล่าวอย่างอ่อนแรง
"เสี่ยวโหรว เ้าฟื้นแล้ว! ดียิ่ง... ใช้หินิญญานี่สิ!" ชายหนุ่มหยิบหินิญญาอีกก้อนออกมา และมอบให้นาง
"ไม่เป็ไรเ้าค่ะผู้มีพระคุณ ชีวิตเสี่ยวโหรวต่ำต้อย ไม่กล้ารับหินิญญาล้ำค่านี้หรอกเ้าค่ะ ขอแค่ผู้มีพระคุณปลอดภัยก็ดีแล้วเ้าค่ะ" อสรพิษน้อยตอบ น้ำเสียงโรยแรง
“มีข้าอยู่ จะไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายเ้าได้”
เสี่ยวโหรวนอนอยู่ในอ้อมแขนของกู่ไห่ มองดูเปลวไฟซึ่งแผดเผาฝูงมด ั์ตาของนางก็ปรากฏความรู้สึกบางอย่าง
นางเป็ปีศาจงู จึงไม่ใคร่ชอบไฟนัก แต่เมื่อมองเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่ตอนนี้ แทนที่จะเกลียด กลับชอบเสียด้วยซ้ำ เพราะผู้มีพระคุณ ได้จุดเปลวไฟเหล่านี้ เพื่อแก้แค้นให้กับตน มันจึงดูงดงามยิ่งกว่าทิวทัศน์ใดๆ
"ทะเลเพลิงนี้สวยมากเลยเ้าค่ะ" นางเอ่ยชม จากนั้นจึงทำท่าคล้ายจะหลับไปอีกครั้ง เนื่องจากอ่อนเพลีย
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที เมื่อรู้ว่าเสี่ยวโหรวได้รับาเ็สาหัส เสียเืมาก และอาจตายได้ทุกเมื่อ กู่ไห่จึงหันหน้าไปมองท้องฟ้า
พลันต้องเบิกตาโต ก่อนโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “อสูรเมฆา? ต้นท้อร้อยปี? ลูกท้อสีทอง? บางทีหากได้กินลูกท้อสีทองพวกนั้น เ้าอาจหายดีก็เป็ได้”
กู่ไห่หยิบหมากสีทอง และยื่นมือออกมา
...
บนท้องฟ้า
ปัง!
าระหว่างอสูรเมฆายังดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม เวลานี้อสูรเมฆาไม่ได้มีแค่ไม่กี่ตัวแล้ว แต่กลับมีเกือบหนึ่งพันตัว ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังมีขนาดค่อนข้างใหญ่อีกด้วย
อสูรเมฆาเก้าเศียรยังคงยืนเฝ้าอยู่เบื้องหน้าต้นท้อร้อยปี ตอนนี้มันมีขนาดถึงหกร้อยจั้งแล้ว นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรอสูรเมฆากว่าสามร้อยตัวอยู่ด้านหลังของมันด้วย
โฮก!
อสูรเมฆาเก้าเศียรอ้าปากส่งเสียงคำรามออกมา เหล่าสัตว์อสูรเมฆาที่เฝ้าดูแลต้นท้อร้อยปี ต่างก็ส่งเสียงร้องอย่างดุร้ายเช่นกัน
"หึ! เหล่าคนจากภายนอก พวกเ้าสามารถหาหมากสีทองมาได้ก็จริง แต่คิดหรือว่า มีแค่ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มาขัดขวางพวกเ้า?
แม้บรรดาผู้าุโไม่ยอมยื่นมือเข้ามายุ่ง แต่ยังมีชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ พวกเขาได้รับเลือกให้เป็ศิษย์ของอี้เทียนเก๋อ แต่ยังไม่ใช่ศิษย์สำนักเต็มตัว จึงสามารถช่วยข้าได้ หึ! มา... ดาหน้าเข้ามาเลย!" คุณชายเก้าที่อยู่บนศีรษะอสูรเมฆาเก้าเศียร ะโด้วยสีหน้าดุดัน
อสูรเมฆาสามร้อยตัวนี้ มีขนาดถึงห้าร้อยจั้ง แต่ละตัวล้วนทรงพลังยิ่ง บนศีรษะของพวกมัน มีชาวพื้นเมืองยืนอยู่ และกำลังกวาดตามองไปรอบด้าน ซึ่งมีอสูรเมฆาเจ็ดร้อยตัว กระจัดกระจายเป็กลุ่มเล็กๆ ปิดล้อมอยู่
อย่างไรก็ตาม อสูรเมฆาเจ็ดร้อยตัวนี้ก็เล็กกว่าเป็เท่าตัว ที่ใหญ่ที่สุดคืออิงหลง ซึ่งมีขนาดเพียงห้าร้อยจั้งเท่านั้น ส่วนสัตว์อสูรเมฆาตัวอื่นๆ นั้นด้อยกว่ามาก
ผู้ที่ยืนบนศีรษะอิงหลงคือเกาเซียนจือ ด้านหลังของเขามีอสูรเมฆาหลายสิบตัว ทุกคนได้รวมตัวเป็พันธมิตรชั่วคราว และจัดตั้งกลุ่มย่อยขึ้นมา ทางหนึ่งเพื่อโจมตีกองทัพอสูรเมฆาเก้าเศียร ส่วนอีกทางก็เพื่อป้องกันคนอื่น ไม่ให้กลืนกินอสูรเมฆาของพวกเขา
สายตาของพวกเขา ต่างจับจ้องต้นท้อร้อยปีที่อยู่ใจกลางวงล้อม
ส่วนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่ม คือศิษย์หออี้ผินที่นำโดยเิไท่! ใต้เท้าของเขาคือัั์ ที่มีขนาดเล็กกว่าอิงหลงของเกาเซียนจือเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ที่สำคัญนี่เป็กลุ่มใหญ่ที่สุด ซึ่งมีกำลังคนถึงสามร้อยคนทีเดียว
ในแต่ละกลุ่มย่อย จะมีคนที่แข็งแกร่งร่วมอยู่ด้วย เวลานี้ ทุกคนต่างจ้องกลางวงล้อมด้วยดวงตาแดงก่ำ
"ทุกท่าน!" เิไท่ะโ
ทุกคนหันไปมองไปเขาทันที
“หากแยกกันต่อสู้ ไม่ช้าก็เร็ว พวกเราคงต้องถูกฝ่ายนั้นกลืนกิน มิสู้ร่วมกันโจมตี จะต้องทำลายทัพฝ่ายตรงข้ามได้แน่ ส่วนการแบ่งสันลูกท้อร้อยปี ค่อยเจรจากันหลังจบศึก ทุกท่านคิดเห็นเช่นไร?" เิไท่ะโ
"ตกลง!"
"ตกลง!"
"ตกลง!"
เสียงะโดังก้องฟ้า
โฮก!
อสูรเมฆาทั้งหลายร้องคำรามพร้อมกัน
ฟิ้ว!
อสูรเมฆาจำนวนมาก พุ่งไปกลางวงล้อม และทะยานเข้าหาคุณชายเก้า
"ฆ่า!" คุณชายเก้าร้องสั่ง
โฮก!
กลุ่มอสูรเมฆาใต้บัญชาของคุณชายเก้า ก็ส่งเสียงคำรามเช่นกัน
ฟิ้ว! ปัง!
เสียงะเิดังกึกก้องนภา และสะท้อนไปทั่วสารทิศ เกือบทุกคนในดินแดน ต่างพากันจับจ้องการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้
...
บนยอดเขาลูกหนึ่ง
จักรพรรดิเซียนต้าิจ้องมองการต่อสู้อย่างเงียบๆ พร้อมถือคทาห้าสีไว้ในมือ
“ข้าแต่จักรพรรดิเซียนต้าิ เรายังไม่พบร่องรอยของจักรพรรดินีหนี่วาเลยขอรับ” ชายชุดดำที่มีตราพระอาทิตย์บนอก กล่าวรายงานอย่างเป็กังวล
“ค้นหา และจับตาดูต่อไป นางต้องโผล่มาแน่” ชายถือคทาสั่งเสียงเคร่ง
“ทางด้านอี้เทียนเก๋อ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดหรือ?” เขาเอ่ยถามอีก
"ยังขอรับ หลังจากศิษย์อี้เทียนเก๋อ ที่ก่อความวุ่นวายในคราแรก ถูกผู้าุโใหญ่จัดการไป ศิษย์สำนักทั้งหมด ก็แค่เฝ้าจับตาดูเท่านั้น ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาแทรกแซงขอรับ"
จักรพรรดิเซียนต้าิยิ้มเย็น พลางกล่าว "ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าแทรกแซงหรือ? เช่นนั้นก็ดี ผู้าุโใหญ่? ตาเฒ่าผู้นั้นมีความอดทนยิ่ง!"
...
ณ ลานแห่งหนึ่ง
ภิกษุชรา และผู้าุโใหญ่ในชุดดำ ยืนอยู่ในลานเงียบๆ ทั้งยังจ้องมองศึกใหญ่บนท้องฟ้า
“ต้นท้อร้อยปี... จะไม่เข้าไปแทรกแซงหน่อยหรือ? ท่านเต็มใจให้เป็เช่นนั้น จริงหรือ?” อรหันต์เหลียนเซิงถามพร้อมรอยยิ้ม
หลังเงียบไปชั่วครู่ ผู้าุโใหญ่ก็ตอบว่า "อรหันต์เหลียนเซิง ท่านมาที่นี่ เพื่อชมดูเื่ตลกของอี้เทียนเก๋อหรือ?"
"อาตมาไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่ลำแสงห้าสีก่อนหน้านี้ คงเป็จักรพรรดิเซียนต้าิกระมัง? ท่านไปทำสิ่งใดให้ขัดเคืองหรือ? เขาไม่ควรมาอยู่ที่นี่ มิใช่หรือ?" ผู้ทรงศีลกล่าว พลางขมวดคิ้ว
"จักรพรรดิเซียนต้าิ? เนตรรู้แจ้ง? น่าแปลกที่ค่ายกลไม่อาจซ่อนต้นท้อจากสายตาเขาได้ หึ! ไม่รู้ว่าเขา้าจะทำสิ่งใด" ผู้าุโใหญ่ตอบเสียงเคร่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้