“มิกล้าๆ ข้าน้อยเพียงแค่โชคดีคิดได้เล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านั้น ท่านผู้าุโสามารถทำความเข้าใจในพลังกฎเกณฑ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถเบิกฟ้าผ่าปฐี อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ามีปัญญาสูงส่งอย่างแท้จริง!” เย่ชิงหานรีบตอบกลับไปอย่างถ่อมตน แต่ภายในใจรู้สึกละอายใจอย่างถึงที่สุด ใครบอกล่ะว่าเป็คำตอบที่เขาคิดออกมาได้เอง นี่มันเป็ภูมิปัญญาของคนจีนที่ตกผลึกมากว่าห้าพันปีที่เขานำมาใช้เท่านั้นเอง
ไม่ได้สนใจต่อลู่ซีอีก เย่ชิงหานมองดูโจทย์ปัญหาข้อที่สองต่อ แต่หลังจากอ่านจบใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็ดำคล้ำขึ้นมาในทันที
“โจทย์ปัญหาข้อที่สอง... จ้าวเกาะน้ำแข็งและไฟที่ขึ้นชื่อเื่เป็ผู้ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ไปตรวจตราดูคุกขุมขังนักโทษที่อยู่บนเกาะ เขาถามเด็กหนุ่มคนหนึ่งว่าทำความผิดอะไรมา? ถูกคุมขังเป็เวลากี่ปี? เด็กหนุ่มตอบไปว่าเขาลอบสังหารจ้าวเมืองของเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งซึ่งก่อกรรมทำเข็ญทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงถูกตัดสินโทษคุมขังไปตลอดชีวิต ท่านจ้าวเกาะรู้สึกว่าเขาน่าสงสารอายุยังน้อยแต่ต้องถูกคุมขังในคุกไปตลอดชีวิตเช่นนี้ แต่เขาทำผิดกฎหมายบ้านเมืองฆ่าคนตามอำเภอใจ ตามหลักกฎหมายบ้านเมืองแล้วจะไม่ลงโทษก็ไม่ได้ ครั้นแล้วจ้าวเกาะจึงสั่งกำชับต่อหัวหน้าผู้คุมคุกว่าให้ลดระยะเวลาโทษจำคุกของเขาลงครึ่งหนึ่ง จ้าวเกาะพูดกำชับด้วยความเมตตาเสร็จก็จากไป แต่หัวหน้าผู้คุมคุกกลับร้อนใจขึ้นในทันที ให้ลดระยะเวลาโทษจำคุกตลอดชีวิตลงครึ่งหนึ่งแล้วมันคือจำนวนเท่าไรกัน? คำถามของโจทย์ปัญของข้อนี้ก็คือ...ถ้าหากเ้าเป็หัวหน้าผู้คุมคุกแห่งนี้เ้าจะทำเช่นไรถึงจะทำให้จ้าวเกาะน้ำแข็งและไฟพอใจได้?”
เย่ชิงหานกลัดกลุ้มขึ้นในทันที โจทย์ปัญหาข้อนี้มีลักษณะคาบลูกคาบดอกคลุมเครือไม่ชัดเจน จ้าวเกาะเข้มงวดเถรตรงถ้าหากไม่ทำตามคำสั่งหัวหน้าผู้คุมอาจจะเดือดร้อนเองได้ แต่ว่าระยะเวลาครึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตลอดชีวิตมันคือเท่าไรกันล่ะ? เพราะไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเ้าเด็กหนุ่มคนนี้จะมีอายุอยู่ได้กี่ปี? เห็นได้ชัดว่าโจทย์ปัญหาข้อนี้เป็โจทย์ปัญหาที่ไม่มีคำตอบ
ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวันก็คิดหาสายสนกลในไม่ได้แม้แต่น้อย เย่ชิงหานจึงคิดที่จะหันไปพูดคุยกับลู่ซีเพื่อหาเบาะแสของคำตอบสักหน่อย ลองดูว่าจะสามารถได้ข้อคิดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อเขามองไปยังลู่ซี ลู่ซีรีบชิงเปิดปากพูดขึ้นก่อนทันที “เ้าหนู เ้าอย่าคาดหวังให้ข้าบอกใบ้สิ่งใดแก่เ้าเลย คำตอบของโจทย์ปัญหาข้อนี้ข้ารู้ เพียงแต่ข้าไม่สามารถบอกเ้าได้ มิฉะนั้นแล้วข้าจะถูกฆ่าตายเช่นกัน!”
เอ่ออ...
ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียว? เย่ชิงหานกระตุกจมูกขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านผู้าุโ แน่นอนว่าข้าไม่คิดที่จะให้ท่านบอกคำตอบแก่ข้า เพียงแต่ข้าแค่อยากรู้ว่าเกาะน้ำแข็งและไฟเป็สถานที่เช่นไร มีอะไรแปลกพิเศษบ้าง? อืม...ยังมีหินพลังเทวะ เกาะที่ไม่เคยหลับใหลอะไรพวกนี้ที่อยู่ในโจทย์ข้อที่หนึ่งอีก ท่านจะอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าคืออะไร?”
ลู่ซีเมื่อเห็นว่าเย่ชิงหานถามเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ซึ่งไม่ได้ผิดกฎแต่อย่างใดจึงพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล “สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในดินแดนแห่งเทพ เกาะที่ไม่เคยหลับใหลและเกาะน้ำแข็งและไฟล้วนอยู่ในทะเลดวงดาราซึ่งถือว่าเป็หมู่เกาะที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างเล็กน้อย หินพลังเทวะเป็สิ่งที่มหัศจรรย์ล้ำค่าที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายด้าน ดังนั้นดินแดนแห่งเทพจึงใช้หินพลังเทวะแทนเงินตราในการซื้อขายแลกเปลี่ยน ส่วนสภาพโดยรวมภายในเกาะน้ำแข็งและไฟข้าไม่รู้แน่ชัด เพราะข้าไม่เคยเข้าไปและไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปอีกด้วย!”
ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไป? ดูท่าเกาะน้ำแข็งและไฟจะสุดยอดไม่เบาทีเดียว เย่ชิงหานซึมซับสิ่งที่ได้ฟังอยู่สักพักแต่รู้สึกว่าจะไม่ได้เบาะแสของคำตอบใดๆ ออกมาเลย คิดไปคิดมาเริ่มรู้สึกแปลกใจจึงได้เอ่ยถามลู่ซีขึ้น “ท่านผู้าุโ ท่านมีพลังฝีมือแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ทำไมถึงยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปยังเกาะน้ำแข็งและไฟอีก? หรือว่าเกาะแห่งนั้นห้ามบุคคลภายนอกเข้าออก?”
“ฮึ! พลังฝีมือของข้าเพียงเท่านี้หากพูดถึงโลกจักรวาลชั้นนอกอย่างทวีปัเพลิงของพวกเ้าแน่นอนว่าคือผู้ที่มีพลังฝีมือในระดับสูงส่ง แต่เมื่ออยู่ที่ดินแดนแห่งเทพ เหอะๆ ข้ามันแค่พวกพลังฝีมือระดับล่าง เ้ารู้ไหมว่าอะไรที่มีมากที่สุดในดินแดนแห่งเทพ? ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตเทพ์ยังไงล่ะ ต่อจากระดับขอบเขตเทพ์ก็จะเป็ขุนพลเทพ์ าาเทพ์ จักรพรรดิเทพ์...เป็ต้น จ้าวเกาะน้ำแข็งและไฟเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ เขาตั้งเงื่อนไขขึ้นมาว่าถ้าหากพลังฝีมือไม่ถึงระดับขอบเขตาาเทพ์ห้ามมิให้ขึ้นไปบนเกาะ แล้วอย่างนี้เ้าคิดว่าข้าจะเข้าไปได้อย่างนั้นรึ?
ลู่ซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าหากเย่ชิงหานทะลวงผ่านด่านของูเาสุสานทวยเทพไปไม่ได้ละก็ เขารู้เื่พวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด แต่ถ้าหากเขาทะลวงผ่านไปได้ละก็ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องไปยังดินแดนแห่งเทพแน่นอน ถ้าเช่นนั้นบอกให้เขารู้ล่วงหน้าก่อนคงไม่เป็ไร ดังนั้นจึงได้เริ่มพูดอธิบายออกมาให้เขาหังอย่างละเอียด
ระดับขอบเขตเทพ์ ขุนพลเทพ์ าาเทพ์ จักรพรรดิเทพ์! สูงขึ้นไปยังมีระดับขอบเขตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก?
เย่ชิงหานตกตะลึงขึ้นในทันที เขาแค่พูดคุยเล่นๆ เพียงเท่านั้นแต่ไม่คาดคิดว่าลู่ซีจะบอกสิ่งที่น่าตื่นตระหนกเช่นนี้ออกมาให้เขาฟัง เทพของทวีปัเพลิงเมื่ออยู่ในดินแดนแห่งเทพถือว่าเป็พวกมีพลังฝีมือระดับล่าง? ถ้าเช่นนั้นดินแดนแห่งเทพจะยิ่งใหญ่และสุดยอดมหัศจรรย์มากมายเพียงใด?
“แล้ว...ท่านเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพไม่ใช่ว่าเป็มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่หรอกรึ? เขาอยู่ในระดับขั้นขอบเขตใด?” เย่ชิงหานนึกถึงเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพขึ้นมาในทันที เย่รั่วสุ่ยบอกกับเขาว่าม่านพลังป้องกันของูเาสุสานทวยเทพนอกจากท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ต่อให้เป็จ้าวเทวะผู้ปกครองของนครแห่งเทพก็ไม่สามารถทำลายผ่านเข้ามาได้ ท่านเทพผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เ้าลองเดาดู หากเ้าใช้ความคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนสักหน่อยก็น่าจะรู้!” ลู่ซียิ้มขึ้นอย่างลึกลับ สายตามองมาที่เย่ชิงหานอย่างรู้สึกสนุกสนานพร้อมกับพูดขึ้น
“ข้าน่าจะรู้?”
เย่ชิงหานมึนงงขึ้นมาในทันที ข้าจะรู้ได้อย่างไร? ข้ากับเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพไม่ได้รู้จักคุ้นเคยหรือเกี่ยวข้องอะไรกันเสียหน่อย! เอ๊ะ...เดี๋ยวๆ รู้สึกว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่ ข้าได้รับแหวนจักรพรรดิิญญาของเขามา แหวนจักรพรรดิิญญา? จักรพรรดิิญญา?
“เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์?” เย่ชิงหานดวงตาเบิกกว้างขึ้นไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ตนเองคิดขึ้นมาได้จึงร้องออกมาด้วยความใ
“แหะๆ หากจะพูดให้ถูกต้องอย่างแท้จริงก็ต้องบอกว่าเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์อีกด้วย แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เ้ารู้มากไปก็ไม่มีประโยชน์อันใดและยังห่างไกลเกินไปสำหรับเ้าในตอนนี้ สิ่งที่เ้าควรทำในตอนนี้คือหาทางผ่านด่านโจทย์ปัญหาแห่งโชคชะตาให้ได้น่าจะดีกว่า!” ดวงตาของลู่ซีปรากฏแสงแห่งความเคารพบูชาออกมา สำหรับหุนตี้ผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพผู้นี้เขารู้สึกเคารพบูชาออกมาจากใจจริง
โอ้์! ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์!
เย่ชิงหานกลืนน้ำลายลงคอไปหลายคำ ร่างกายเริ่มสั่นขึ้นเล็กน้อย แค่ระดับขอบเขตเทพ์ยังสุดยอดขนาดนี้แล้ว เขาคาดเดาไม่ออกจริงๆ ว่าระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ที่มีระดับสูงกว่ามากมายหลายขั้นขอบเขตนั้นจะแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากมายเพียงใด?
ในขณะเดียวกันดวงตาก็ปรากฏความสงสัยขึ้นมาเป็อย่างมากว่า หุนตี้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นแล้วทำไมแหวนจักรพรรดิิญญาที่อยู่บนนิ้วของเขาถึงมีระดับพลังอยู่เพียงแค่สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น? ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่สมกับชื่อ “แหวนจักรพรรดิิญญา” ที่ถูกเรียกขานเลยด้วยซ้ำ
หรือว่าจะเป็ของเลียนแบบอีกแล้ว?
คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์เย่ชิงหานจึงเริ่มหันกลับมาครุ่นคิดถึงโจทย์ปัญหาแห่งโชคชะตาข้อที่สองต่อ แต่คิดอยู่วันกว่าๆ ก็ยังไม่ได้เบาะแสเค้าลางใดๆ ออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย ด้วยความอับจนปัญญาเขาจึงหลับตาลงเตรียมที่จะพักผ่อนสักหน่อย เนื่องจากใช้สมองมากเกินไปทำให้เกิดการอ่อนเพลียทางด้านความคิดและจิตใจ
เพียงแต่...เมื่อเขาหลับตาลงพลันนึกอะไรขึ้นมาได้จึงลืมตาขึ้นแล้วเบิกตากว้างอยู่เช่นนั้น จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วหันไปทางลู่ซีพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น “ท่านผู้าุโ ข้าขอถามท่านอีกสักคำถามหนึ่ง ดินแดนแห่งเทพมีกลางวันและกลางคืนหรือไม่?”
“หืม?” ลู่ซีที่กำลังนั่งเข้าสมาธิอยู่เมื่อได้ฟังเย่ชิงหานถามคำถามออกมาอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้ แม้ภายในใจจะแอบสรรเสริญอยู่เงียบๆ แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาให้เห็น ทำเพียงแค่พูดขึ้นอย่างราบเรียบ “แน่นอนว่ามี แต่กลางวันและกลางคืนของดินแดนแห่งเทพจะยาวนานกว่าโลกจักรวาลชั้นนอกอย่างทวีปัเพลิงมาก ระยะเวลาตอนกลางวันของหนึ่งวันในดินแดนแห่งเทพจะเท่ากับระยะเวลาของโลกจักรวาลชั้นนอกอย่างทวีปัเพลิงครึ่งเดือน!”
“แหะๆ!”
เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังจึงลุกขึ้นทันทีแล้วเดินไปพูดขึ้นต่อแผ่นป้ายศิลา “คำตอบคือ ถ้าหากข้าเป็หัวหน้าผู้คุมคุกละก็ ข้าจะให้เด็กหนุ่มที่ถูกคุมขังกลับบ้านในตอนกลางวันแล้วถูกคุมขังในตอนกลางคืน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนให้เขากลับบ้านในตอนกลางคืนแล้วถูกคุมขังในตอนกลางวัน ทำเช่นนี้สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปมาจนกระทั่งถึงวันที่เขาตายไป! ตอบคำถามเสร็จสิ้น”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้