ปีหน้าหลังสอบเกาเข่าเสร็จจะไปศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ไหนเดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานยังลังเลระหว่างเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง
ทว่าหลังจากเธอได้ตัดสินใจลองคบหาดูใจกับโจวเฉิว คงไม่สามารถมีรักทางไกลจากคนละมุมโลกไปตลอดได้ตาชั่งในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเอนเอียงไปยังฝั่งปักกิ่งถึงขั้นตั้งมั่นความคิดไว้ ทั้วเซี่ยจื่ออวี้และหวังเจี้ยนหัวมิใช่อยู่ในปักกิ่งเช่นกันหรือเธอต้องไปเจอสองคนนี้เสียหน่อยนะ!
โจวเฉิงเหมือนทำได้แค่ยิ้มแหยแล้ว
เขารักใครภรรยาเป็เื่ที่ไม่ควรหรือ ภรรยาก็ดีต่อเขาเช่นกันนี่
ไปหยางเฉิงครั้งนี้ช่างมีความหมายเหลือเกิน ระหว่างการเดินทางได้ส่งเสริมการสานความสัมพันธ์ของโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานโดยตรงเมื่อโจวเฉิงกลับถึงซางตูเขาได้ทำสิ่งหนึ่งที่เกินความคาดหมายของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็อย่างมากเขาหยิบกระเป๋าเอกสารออกมาจากใต้ที่นั่งคนขับบนรถขนสินค้ามอบให้เซี่ยเสี่ยวหลานทันที
น้ำหนักของสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานถือไว้นั้นแปลกพิกล เมื่อเปิดออกมาดูล้วนคือเงิน!
ธนบัตรต้าถวนเจี๋ยแต่ละปึกซ้อนกัน น่าจะมีจำนวนหลายหมื่นหยวน
โจวเฉิงราวกับยังไม่พอใจที่จำนวนน้อยเกินไป “เมื่อฉันกลับปักกิ่งฉันจะส่งสมุดบัญชีธนาคารของตัวเองให้เธอหมดเลย”
ผู้ชายทำงานหาเงินดูแลครอบครัวและส่งมอบเงินเก็บคือหลักการที่มีเหตุผลสำหรับโจวเฉิง สภาพแวดล้อมซึ่งเขาได้ซึมซับั้แ่วัยเยาว์เป็แบบนี้แม้แต่ตระกูลโจว บิดาของเขาก็ไม่ดูแลเงินทอง เื่ในบ้านล้วนให้มารดาของเขาเป็ผู้รับผิดชอบ
จากคำกล่าวของบิดาเขา บุรุษผู้จดจ้องแต่เื่เงินทองขี้ประติ๋ว จะมีอนาคตได้อย่างไร?
มอบบ้านให้สตรีดูแล ทั้งจะไม่ขัดสนข้นแค้น ยังสามารถรวบรวมจิตใจไว้เพื่อยืนหยัดต่อหน้าที่การงาน
เขาอุตส่าห์พบภรรยาที่ถูกใจแล้ว เงินที่หามาย่อมมอบให้ภรรยาจัดการได้เสี่ยวหลานให้เขาใช้เงินเท่าไรเขาก็ใช้เท่านั้น เธอคงไม่ปล่อยเขาหนาวเหน็บหิวโหยอยู่ร่ำไป
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกซาบซึ้งมากทีเดียวแต่ไม่ใช่เพราะโดนเงินหลายหมื่นหยวนล่อลวงจนตาพร่า เปรียบเทียบกับพวกคนดูตัวที่พบหน้ากันก็ถามเื่เพิ่มชื่อลงในบ้านเธอโจวเฉิงคนนี้น่ารักเกินไปแล้ว เื่เงินทองเธอสามารถหาเองได้ เธอไม่ละโมบกับเงินหลายหมื่นหยวนนี้ของโจวเฉิงแม้ตอนนี้เงินจำนวนหลายหมื่นหยวนหากคำนวณด้วยความเร็วในการขึ้นราคาของอสังหาริมทรัพย์จะเทียบเท่าจำนวนเงินหลายล้านหยวนในอนาคตได้ก็ตาม
“เงินฉันไม่รับ ความตั้งใจฉันรับไว้แล้ว ถ้าเงินเก็บในมือเธอเยอะเกินและไม่มีเวลาจัดการ ฉันแนะนำว่าให้เธอเปลี่ยนเงินเป็อสังหาริมทรัพย์มากที่สุดเท่าที่ทำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือบ้านในปักกิ่ง อย่าไม่ชอบที่จะมีบ้านไว้มากมายเลย!”
หรือจะบอกว่าสตรีมักซาบซึ้งได้ง่ายดายกันนะ โจวเฉิงนำเงินออกมาหลายหมื่น แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังคงส่ง ‘คำแนะนำอันล้ำค่า’ สุดแสนมีประโยชน์ออกไป
คนในยุคนี้ไม่มีความคิดเกี่ยวกับการสะสมอสังหาริมทรัพย์พนักงานและคนงานในเมืองล้วนรอคอยสวัสดิการที่อยู่อาศัยจากรัฐครอบครัวโจวเฉิงน่าจะมีเครือข่ายเยอะพอตัว ต้องไม่ขาดแคลนบ้านเรือนสำหรับอยู่อาศัยแน่นอนแต่เื่ในอนาคตใครจะล่วงรู้ได้กัน หากครอบครัวโจวเฉิงประสบกับความขัดข้องสวัสดิการที่มาจากอำนาจและอิทธิพลเกิดช่องว่างขึ้นมาอย่างกระทันหัน การสะสมอสังหาริมทรัพย์ไว้ยังพอทำให้สถานะทางการเงินมีรากฐานอันแ่าอยู่บ้าง
ไม่ยักยอกและไม่ทุจริต สินทรัพย์ถาวรที่ลงทุนลงแรงเพื่อให้ได้มาอย่างจริงจังไม่มีใครสามารถกังขาได้
โจวเฉิงฉลาดเพียงใดก็มองภาพใน 30 ปีให้หลังไม่ออกเขาเข้าใจว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกังวลเื่ทั้งสองคนจะไร้บ้านอาศัยหลังแต่งงาน นั่นจะเป็ไปได้อย่างไรกันการแบ่งสรรที่อยู่อาศัยต้องรวมเขาด้วยอยู่แล้ว ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากไปอยู่หน่วยงานกับเขาแต่เขายังจะขาดแคลนบ้านสำหรับทำเรือนหออีกหรือ?
ช่างเถอะ โต้เถียงเื่แบบนี้กับเสี่ยวหลานไปทำไม ในเมื่อเธอโปรดปรานบ้านเรือนเขาก็ซื้อบ้านเรือนให้เสีย
“ธุรกิจทางนี้ของเธอไม่ได้้าใช้เงินจำนวนมากหรือ? เงินซื้อบ้านฉันมีอีกส่วนหนึ่ง เธอจะตั้งแผงลอยข้างทางตลอดไปก็ไม่ได้ ควรมีหน้าร้านถาวรสักแห่งเป็ของตนเองไว้”
เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงไม่ยอมรับเงิน “หน้าร้านไม่ต้องใช้เงินมากมายเท่าไรเปิดร้านก็ไม่ได้รีบร้อนในวันนี้เดี๋ยวนี้ รอฉันสำรวจตลาดให้ชัดเจนก่อนเถอะ”
เสื้อผ้าทำกำไรได้ แม้ชาติก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เชี่ยวชาญด้านการแต่งตัวทว่าประสบการณ์มากมายเสริมสร้างสุนทรียภาพที่เหมาะสมให้แก่เธอ
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานจะราบรื่นตลอดไปเธอจำเป็ต้องเรียนรู้เช่นกัน ต้องทดสอบความ้าของตลาด ต้องรู้ทันจิตใจของลูกค้าถึงจะเป็รากฐานว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงได้หรือเปล่าเปิดร้านรึไม่เปิด ร้านเปิดบริเวณไหน กลับไม่สำคัญนัก
-------------------------------
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ได้ตั้งใจอธิบายว่าความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเฉิงพัฒนาแล้วแต่หลิวเฟินและคังเหว่ยก็คาดเดาสถานการณ์ได้อยู่ดี
โดยเฉพาะโจวเฉิง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานท่าทางที่โอนอ่อนตามเซี่ยเสี่ยวหลานทุกคำพูดนั้น ช่างไม่มีหลักการเอาเสียเลย
โจวเฉิงและคังเหว่ยตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะออกเดินทางกลับปักกิ่งโจวเฉิงจะไปขายเสื้อผ้าที่ถนนกับเซี่ยเสี่ยวหลานชุดที่เซี่ยเสี่ยวหลานเลือกไว้มีโอกาสได้ใส่ออกไปจนได้
กลิ่นอายวัยรุ่นหลั่งไหลมาอยู่เบื้องหน้าโจวเฉิงตกตะลึงจนมือเท้าไร้ความรู้สึก
ควรเป็เช่นนี้ นี่คือการแต่งกายที่เหมาะกับเสี่ยวหลานเธอไม่ควรโดนเสื้อผ้าเก่ามอมแมมปกปิดความสวยละมุนละไมไว้
“สวยจริงๆ ”
กางเกงยีนส์ห่อหุ้มสะโพกผายและเรียวขาตรงยาวเสื้อคลุมตัวสั้นยิ่งขับสัดส่วนของรูปร่างให้ชัดเจนการแต่งกายชุดนี้เจือจางความยั่วเย้าของเซี่ยเสี่ยวหลาน และนำเสนอความมีชีวิตชีวาดั่งวัยรุ่นของเธอแทน
หญิงสาวสะสวยและจิ้งจอกแสนสวยคือคำวิจารณ์คนละประเภทกันเซี่ยเสี่ยวหลานในตอนนี้ถือว่าเป็อย่างแรก
หลิวเฟินก็บอกว่าสวยเช่นกัน
หลิวหย่งและหลี่เฟิ่งเหมยกลับหมู่บ้านชีจิ่งไปนานแล้วด้วยความช่วยเหลือของคังเหว่ยเงินทุนที่ลงไว้กับคนอื่นของหลิวหย่งจึงนำกลับมาได้อย่างง่ายดาย ไม่พร่องจากจำนวน 5000 หยวนที่หลิวหย่งประเมินไว้แม้แต่น้อย คนอื่นยังมอบอั่งเปาให้แก่หลิวหย่งด้วยกล่าวว่าครั้งนี้ทำให้เขาขวัญหนีดีฝ่อแล้ว
พวกเขาเข้าใจผิดว่าหลิวหย่งพบกับผู้สนับสนุนที่มีอิทธิพลเข้าเลยสุภาพเรียบร้อยยอมให้หลิวหย่งถอนตัวจากกลุ่มได้อย่างราบรื่น
น้ำใจที่หลิวหย่งติดหนี้ไว้มากมายเหลือเกินแต่เขาไม่เห็นด้วยกับเื่ระหว่างโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลาน ด้วยน้ำใจที่ติดไว้เขาตอบแทนไม่ไหวดังนั้นจึงไม่อาจเผชิญหน้าโจวเฉิง ถือโอกาสกลับชนบทไปเสียดื้อๆ
โจวเฉิงไปขายเสื้อผ้าสตรีกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ภาพฉากนั้นสวยงามยิ่งนักคังเหว่ยถึงกับไม่กล้าจินตนาการ
“พี่ ผมอยู่เฝ้ารถรอดีกว่า”
โจวเฉิงก็ไม่้าให้คังเหว่ยไปเป็หลอดไฟ [1] อยู่แล้ว ที่เขาช่วยเซี่ยเสี่ยวหลานขายสินค้าเป็เพราะเอ็นดูเซี่ยเสี่ยวหลานและเพื่อมีเวลาสานสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น
ที่เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไว้ไม่มีผิดเสื้อไหมพรมสองแบบซึ่งเธอขายออกไปได้ในครั้งแรกมีคนเลียนแบบแล้วของลอกเลียนแบบที่ไวที่สุดก็สวมใส่บนร่างกายแล้ว คนลอกเลียนแบบไม่ใช่ใครอื่นใดเป็ร้านตัดเสื้อที่เธอเคยเช่ายืมเตารีดก่อนหน้านี้นั่นเอง
อีกฝ่ายเจอเซี่ยเสี่ยวหลานก็แสดงท่าทางอัธยาศัยดีทีเดียวเซี่ยเสี่ยวหลานมองเสื้อนอกขนสัตว์ที่แขวนไว้ในร้านความคิดในการจะเช่ายืมเตารีดอีกครั้งสลายไปโดยพลัน
สายตาของช่างตัดเสื้อร้ายกาจยิ่งนัก เซี่ยเสี่ยวหลานเคยรีดเสื้อผ้าในร้านพวกเขาก็ขโมยแบบเสื้อผ้าที่เธอรับซื้อกลับมาเสียแล้ว เสื้อนอกขนสัตว์ที่แขวนในร้านตัวนั้นเป็ฉบับลอกเลียนแบบเพียงแต่ซางตูน่าจะหาซื้อผ้าขนสัตว์สีขาวได้ยากมากคนตัดเสื้อถึงไม่ได้ทำฉบับลอกเลียนแบบระดับสูงที่แท้จริงออกมา
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าหลีกเลี่ยงลำบาก คนเขาวางแผนจะลอกเลียนแบบเสื้อผ้าที่เธอเลือกต่อไปแต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้ใจดีถึงเพียงนั้น
เตารีดไม่ขอยืมแล้ว เธอหันกลับแล้วจากไปทันที
ตอนนี้เงินสำหรับซื้อเตารีดก็พอมีอยู่บ้าง ลานบ้านอวี๋กว้างขวางเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ขาดแคลนสถานที่จัดรีดสินค้า
“เอ้า อะไรกันนี่คุณ คุณรอก่อน...”
พนักงานตัดเสื้อหญิงท่าทางไม่พอใจทีเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ
คนตัดเสื้อหญิงไม่ทันมองเห็นเสื้อผ้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำมาในรอบนี้ รู้สึกเศร้าใจเป็อย่างยิ่งชุดที่เซี่ยเสี่ยวหลานใส่นั่นก็ดูดี แต่น่าเสียดายว่าของสวยงามปรากฏออกมาแวบเดียวไร้หนทางลอกเลียนแบบโดยสิ้นเชิง
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้าไม่สู้ดี ผ่านไปครู่ใหญ่ตัวเธอก็อารมณ์เย็นลงโกรธเคืองอะไรกัน นั่นก็ไม่ใช่การออกแบบของเธอเสียหน่อย
ทว่าโจวเฉิงมองสาเหตุได้ทะลุปรุโปร่งสุดท้ายแล้วก็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานถูกความจำกัดด้านเงินทุน ขนาดธุรกิจเล็กเกินไป
หากเธอสามารถรวบรวมคน เลือกสรรแบบเสื้อที่ดีแล้วทำการแยกส่วนแบบเสื้อผ้าด้วยตนเองก่อนที่ผู้อื่นจะทันรู้ตัวก็คงยึดครองตลาดของเมืองซางตูไว้ได้คนอื่น้าเลียนแบบเท่าไรก็ไร้ซึ่งหนทางอยู่ดี
“เพราะเธอมีแววตาที่ดี”
โจวเฉิงปลอบใจเธอ
ไม่ใช่เพราะเธอมีแววตาที่ดีหรอกหรือแผงลอยเสื้อผ้าของเซี่ยเสี่ยวหลานหายไปไม่กี่วันปรากฏตัวอีกครั้งก็ดึงดูดคนผ่านทางได้อย่างรวดเร็วเธอยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเป็โฆษณาที่มีชีวิต เสื้อนอกสีพื้นได้รับความนิยมมากเสื้อนอกพิมพ์ลายดูล้าสมัยง่าย ทว่าเสื้อนอกลายตารางกลับน่ามองทีเดียว
เสื้อคลุมความยาวเลยเอวพอดี ไม่เพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาวแน่นอนแต่พอสวมใส่บนร่างของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วน่าชมถึงเพียงนั้น ช่างมีความน่าดึงดูดเหลือเกิน
แต่ไหนแต่ไรเมื่อสตรีซื้อสินค้าก็ไม่เป็ไปตามเหตุผล
ผู้คนที่เข้ามาล้อมจึงถามหาแบบเดียวกับบนตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเป็อย่างแรก
“ตัวละเท่าไร?”
“98 หยวน คุณพี่สะโอดสะองกว่าฉัน ต้องใส่ขนาดกลาง หยิบให้คุณหนึ่งตัวเลยไหม?”
“เสื้อนอกขนสัตว์ในห้างสรรพสินค้าแค่ร้อยกว่าหยวนเองตัวนี้ใช้ผ้าเท่าไรกันเชียว!”
ไม่ย่อมเยาจริงๆ
สีหน้าชื่นชมของลูกค้าหญิงเปลี่ยนไปแล้ว ทว่ายังคงชอบมากอยู่ดีจึงต่อราคากับเซี่ยเสี่ยวหลาน ต่อได้โหดร้ายพอสมควร อยู่ดีๆ ขอให้ราคาที่ 70 หยวน ราคานี้ขายออกไปก็ทำกำไรได้ แต่กำไรนั้นไม่มากมายนัก
เซี่ยเสี่ยวหลานใจหิน คนทำธุรกิจย่อม้าผลประโยชน์ หากลดราคามากจนเกินไปนั่นเป็การช่วยเหลือโดยเปล่าเสียจริง
สุดท้ายลดเพียงสามหยวน ลูกค้าหญิงเกือบไม่ซื้อ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงมอบถุงมือให้คู่หนึ่งถึงประคับประคองธุรกิจต่อไปได้
จากนั้นผู้คนมากมายก็ล้อมเข้ามา เดี๋ยววานโจวเฉิงหยิบชุดนี้ให้พวกเธอเดี๋ยวก็ถามขนาดกางเกงยีนส์กับโจวเฉิง มาเพื่อกระเซ้าเย้าแหย่โจวเฉิงชัดๆเซี่ยเสี่ยวหลานหมดคำจะพูดกับผู้หญิงเหล่านี้แล้ว มอบถุงมือขนให้เช่นเดิมแต่ราคาไม่ยอมลดน้อยลง
เธอไม่รู้ตัวเลย ภาพที่ตนเองและโจวเฉิงขายสินค้าอยู่บนถนนได้ถูกใครคนหนึ่งจับจ้องไว้ในสายตา
“...นั่นคือเซี่ยเสี่ยวหลานใช่ไหม?”
เชิงอรรถ
[1]电灯泡 หลอดไฟ หมายถึง คนที่เป็ส่วนเกินของคู่รัก
