ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่คำ โอวหยางโพ่จินก็หลับไปแล้ว ไม่นานเสียงกรนก็ดังขึ้น หลงเหยียนครุ่นคิดมากมายว่าตนต้องทำอย่างไรถึงเอาชนะและเข้าเป็สมาชิกตระกูลอู่ตี้ได้ ต่อให้ต้องลำบากและเสียสละมากกว่านี้เขาก็ยอม
“สิงโตน้อย เ้าไปขโมยเงินทั้งหมดบนตัวเขาให้ข้าหน่อยหนึ่งพันตำลึง ฮึ ตัวข้าไม่มีทางให้เ้าแม้แต่ตำลึงเดียว เ้าประเมินคนต่ำเกินไปแล้ว”
สิงโตน้อยช่างน่ารักจริงๆ มันส่ายหางแล้วเดินตรงไปที่โอวหยางโพ่จิน
ไม่นานหลงเหยียนก็นั่งขัดสมาธิ เริ่มฝึกวิชาหมัดทะลวง เวลาผ่านไปเร็วนัก เช้าวันรุ่งขึ้นก็มาถึงแล้ว หลงเหยียนลืมตาขึ้น ประกายรอยยิ้มที่มุมปาก
เวลานี้เอง มีคนมาต้อนรับหลงเหยียนและคนอื่นๆ ั้แ่เช้าแล้ว ขณะที๋โอวหยางโพ่จินลืมตา หลงเหยียนก็หายตัวไปแล้ว ส่วนบนตัวเขา นอกจากเหรียญเจ็ดสี ของมีค่าทั้งหมดก็หายสิ้น
เห็นเช่นนั้นหน้าเขาก็ลุกเป็ไฟ ด้านนอกห้อง ทุกคนกำลังเตรียมความพร้อม และเมื่อโอวหยางโพ่จินเห็นหลงเหยียน เขาก็เดินเข้าไปด้วยความโมโห หลงเหยียนหันมายิ้มให้
“ไอ้หนุ่ม เงินของข้าล่ะ?” รังสีพลังที่แข็งแกร่งขั้นที่เก้าแผ่กระจายใส่ตัวหลงเหยียนทันที
“อยู่ในกระเป๋าข้า ทำไม? เ้ามันคนสารเลว จะให้ดีทำตัวเที่ยงตรงหน่อย!” ขณะที่หลงเหยียนพูด ร่างกระตุกวาบ สะบัดรังสีพลังของโอวหยางโพ่จินออกไป
กิริยาของหลงเหยียนในวันนี้ต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง
เวลานี้ ผู้ฝึกลั่วซางก็เดินตรงมาที่หลงเหยียนและคนอื่นๆ ต่อให้โอวหยางโพ่จินใจกล้าเพียงใด ก็ไม่กล้าหาเื่หลงเหยียนในตอนนี้ ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้
เห็นสีหน้าแดงเถือกคล้ายจะะเิของโอวหยางโพ่จิน ก็ทำให้หลงเหยียนสะใจนัก ทุกคนเงยหน้าขึ้นราวกับมั่นใจในตัวเองมาก
จากนั้นลั่วซางก็พูดเสียงดัง “วันนี้คนที่ต้องพาพวกเ้าเข้ารับการสอบคือข้า ฉะนั้นข้าจะดูความสามารถของพวกเ้าทุกคนอย่างยุติธรรม อย่างไรก็ตาม การสอบของตระกูลอู่ตี้ในปีนี้เข้มงวดมากกว่าปีที่ผ่านมามาก ระดับอันตรายเพิ่มยิ่งขึ้น พวกเ้าทุกคนล้วนมีเหรียญเจ็ดสีอยู่ในมือ หากผู้ใดไม่อยากสอบต่อ สามารถเอ่ยขึ้นมาได้เลย เมื่อไรที่เข้าสู่ถ้ำ หากมีอันตรายถึงชีวิต ใช้พลังปราณควบคุมเหรียญเจ็ดสีจะสามารถช่วยให้พวกเ้าปลอดภัย”
ลั่วซางพูดจบก็กวาตามองทุกคนครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองหลงเหยียนด้วยสายตาเ็า “โดยเฉพาะคนที่มีพลังระดับต่ำ พวกเ้าต้องระวังด้วยล่ะอย่าฝืนตัวเอง ไม่อย่างนั้น หากตายั้แ่ต้นคงหมดสนุกแน่… เช่นนั้นก็เริ่มเดินตามข้ามาได้เลย”
ลั่วซางหันหลังกลับ จากนั้นทุกคนเดินตามหลังเขา ลั่วเฉิงเดินเข้าไปเป็คนแรก พูดคุยกับลั่วซางอย่างสนุกสนาน ระหว่างนั้นก็หันมามองหลงเหยียนในกลุ่มคนเป็พักๆ
โอวหยางโพ่จินที่ถูกเย้ยรู้สึกโมโหยิ่งกว่าเดิม เ้าหลงเหยียนนั่นกล้าท้าทายเขา ทุกคนไม่มีใครพูด เดินตามหลังอย่างเงียบเชียบ คนพวกนั้นล้วนมาเพื่อแข่งขันกัน แล้วจะสนทนากันอย่างสนิทสนมได้อย่างไร
“ไอ้หนุ่ม นี่เ้ากล้าฉวยโอกาสตอนข้าหลับมาขโมยเหรียญเงินข้าหรือ จะว่าไปแล้ว ข้าคงไม่ต้องลงมือหรอก เ้าเห็นผู้คุมสอบหรือไม่ เหมือนเขาเกลียดเ้ามากเหลือเกิน ส่วนบุรุษข้างกายเขามีพลังระดับชีพัขั้นที่เก้าสูงสุด ต่อให้เ้าใช้ิญญาอสูรแปลงกาย ทว่าพละกำลังก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย มีหรือจะสู้พลังขั้นที่เก้าได้ ฮ่าๆๆ เ้ารอถูกฆ่าตายเถอะ”
หลงเหยียนมองเขาแล้วเอ่ย “เช่นนั้นก็มาดูกันว่าเราสองคน ผู้ใดจะสิ้นลมก่อนกัน” เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว อยู่ๆ หลงเหยียนก็ยื่นขาออกไปขวางเท้าโอวหยางโพ่จินล้มหน้าคะมำ บรรยากาศจมเข้าสู่ความขบขันทันใด
หลงเหยียนร่างกะพริบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน เมื่อเห็นใบหน้าจอมอวดดีของลั่วเฉิง หลงเหยียนก็ประกายความเยือกเย็นออกมาทางแววตา
‘มีเื่กับข้า ตัวข้าไม่สนหรอกว่าพี่ชายเ้าจะเป็ใคร หากมีโอกาสที่เหมาะสม ข้าต้องสั่งสอนเ้าให้งามหน้า หากเป็ไปได้ การสังหารเ้าก็ยังดีเกินไปสำหรับเ้าด้วยซ้ำ’
ไม่นานลั่วซางก็นำทุกคนเดินมาถึงจุดหมาย ด้านหน้าของหลงเหยียนกับคนอื่นๆ ปรากฏถ้ำขนาดใหญ่ ถ้ำนี้น่าจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แล้วลั่วซางก็หันกลับมามองทุกคน
“ถึงแล้ว ข้าจะบอกกฎระเบียบคร่าวๆ ให้ฟัง การแข่งขันแบ่งออกเป็สอง่ ่แรกคือเข้าไปในถ้ำ ในถ้ำจะมีถ้ำเล็กๆ อีกมากมาย ในถ้ำเล็กๆ เ่าั้ เมื่อเดินหน้าต่อไปจะพบศพจำนวนมาก ทว่าศพพวกนั้นขยับได้ทั้งหมด บ้างก็เป็ศพที่มีการโจมตีแข็งแกร่ง พวกเ้าต้องเด็ดศีรษะของพวกมัน แล้วพวกมันก็จะไม่ขยับอีก ผ่าหน้าอกออกแล้วควักหัวใจพวกเขาออกมา หัวใจพวกนั้นเหือดแห้งไปนานแล้ว แข็งเหมือนก้อนหิน คิดว่าข้าคงไม่ต้องอธิบายต่อแล้ว”
“ผู้ใดที่ได้หัวใจเยอะที่สุด ก็ออกมาจากทางออกอีกด้านหนึ่ง ยังมีอีกข้อที่สำคัญมาก ถ้ำที่ต้องเข้าไปล้วนมีเส้นทางและลักษณะพื้นที่ซับซ้อน พวกเ้าจำต้องทำความคุ้นเคยกับเส้นทาง การทดสอบจากตระกูลคือการดูปฏิกิริยาและการรับมือของพวกเ้า รวมทั้งความสามารถและพละกำลัง จากห้าสิบคน เราจะคัดเลือกเพียงสิบคนเท่านั้น”
ทุกคนเริ่มฮือฮาเมื่อได้ยินว่าการทดสอบด่านแรกคือต้องรับมือกับคนตาย ทันใดนั้น พวกเขาก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
คนตายที่ยังดิ้นได้ บางคนเคยได้ยินมา เล่ากันว่าทุกปีตระกูลอู่ตี้จะส่งคนของสำนักหนานกงไปตามหาคนที่สมควรตาย หรืออาจเป็คนที่ตายแล้ว ไม่เช่นนั้นก็เป็คนทรยศในตระกูลอู่ตี้ หลังจากพวกเขาตายแล้วจึงนำพวกเขามาสร้างเป็กองทัพต่อสู้
คนตายพวกนี้แขนขาแข็ง ไม่ก้มหน้า ตาไม่กะพริบ ขาแข็งทื่อ ร่างกายไม่เน่าเปื่อย อีกทั้งยังไม่มีความคิดเหมือนมนุษย์ อาหารหลักของพวกเขาก็คือเืสดจากสัตว์หรืุ์ ล้วนเป็สิ่งที่พวกเขาชอบทั้งนั้น มีคนในตระกูลอู่ตี้กระทำความผิดใหญ่หลวงจึงถูกส่งมาที่นี่ จากนั้นก็ขังไว้ในถ้ำ ปล่อยให้สิ้นไปตามธรรมชาติ
และในถ้ำแห่งนี้ยังมีศพผู้เป็าาด้วย มันถูกเรียกว่าบรรพบุรุษศพ ร่างสูงสามเมตร พละกำลังไร้เทียมทาน มีเพียงล้มเขาในตอนท้าย ถึงสามารถผ่านด่านไปยังด่านต่อไป”
“เข้าใจกันหรือไม่?”
ทุกคนะโขานรับ “เข้าใจแล้ว”
หลงเหยียนนึกในใจ ‘คนตายศพแข็ง นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าได้ยินเื่นี้ คิดว่าในนั้นต้องมีศพเยอะแน่ ข้าต้องระวังให้มาก’
ในสายตาทุกคน หลงเหยียนคือผู้ที่มีพละกำลังต่ำที่สุด ถึงอย่างไรเขาก็มีิญญาัเป็กำลังหนุน ทั้งยังมีวิธีการรับมือมากมาย เชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้น เขาต้องสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคนแน่ หลงเหยียนเตรียมพร้อมแล้ว
หน้าถ้ำเต็มไปด้วยความมืดมิด นักรบหลายคนเปิดปากถ้ำ กลิ่นเหม็นโชยออกมาระลอกหนึ่ง มันเป็กลิ่นที่ปนกลิ่นคาวของโลหิต ให้ความรู้สึกน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ได้ เมื่อกลิ่นโชยไปทั่ว บ้างก็ร้องไห้ด้วยความกลัว
แม้กระทั่งลั่วซางเองก็ยังไม่รู้ว่าถ้ำนี้ใหญ่เท่าไร ทุกคนวางของไว้ด้านนอก มีคนช่วยเฝ้าทรัพย์สินให้ มอบถุงผ้าเฉียนคุนให้คนละใบ ถุงผ้าเฉียนคุนนี้คล้ายคลึงกับของหลงเหยียนไม่มีผิด ราชสีห์หิรัณย์หดตัวให้เล็กลงมาก ฉวยโอกาสตอนคนไม่เห็น เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเสื้อตรงหน้าอกของหลงเหยียน
ลั่วเฉิงแสดงสีหน้าที่พึงพอใจตลอด โอวหยางโพ่จินเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนพวกเขามั่นใจในตัวเองสูงนัก คาดว่าลั่วเฉิงคงรู้ข้อมูลมาจากพี่ชายบ้างแล้ว
“ส่วนด่านที่สอง คาดว่าต้องสำเร็จจากด่านแรกให้ได้ก่อนถึงจะมีการประกาศ”
หลงเหยียนครุ่นคิด สายตาหยุดลงบนตัวลั่วเฉิงอีกครั้ง เขามองหลงเหยียนด้วยสายตาเย็นเยือก แม้ไม่พูดก็รู้ว่าในใจคงโมโหจนพูดไม่ออก ‘คิดว่าเขาคงอยากให้ข้าตายอยู่ด้านในนั้นมากสินะ ขอโทษด้วย ข้าคงต้องทำให้เ้าผิดหวังแล้วละ’
ด้านหลังลั่วเฉิงมีชายหนุ่มตระกูลอู่ตี้ยืนล้อมอยู่หลายคน คนเ่าั้มีพลังระดับชีพเทพทั้งนั้น สองคนในนั้นมีพลังระดับชีพเทพขั้นที่หนึ่งหรือสอง และเกรงว่าลั่วเฉิงน่าจะมีพลังสูงกว่าพวกเขาเล็กน้อยกระมัง อย่างน้อยก็ขั้นสาม นั่นก็คือระดับชีพมนุษย์ขั้นสูง พวกเขาเป็ตัวแทนของพละกำลัง กดทับคนที่เข้ามาใหม่
นี่เป็เพียงูเาในมุมหนึ่งของแขนงสำนักตงฟางกเท่านั้น ไม่อยากคิดเลยว่าตระกูลอู่ตี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด ทำให้หลงเหยียนนึกถึงเว่ยเวย หรือว่าระดับพลังของนาง?
ทุกคนยืนอยู่ที่ปากถ้ำ หลงเหยียนโชคดีที่แยกตัวออกจากโอวหยางโพ่จินได้
ลั่วซางพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “ฟังคำสั่งจากข้า ออกเดินทางเถิดหนุ่มน้อยทั้งหลาย ดูว่าใครจะเป็ยอดอัจฉริยะตัวจริง”
--------------------