“โต๊ะมุมตัวนี้กับเก้าอี้ขายเท่าไร?”
หลินหวั่นชิวถูกใจโต๊ะมุมตัวหนึ่ง รู้สึกว่านำไปวางในห้องโถงที่บ้านสองลานได้
พนักงานตอบว่า “ทำจากไม้เนื้อดี ขาโต๊ะสลักด้วยลายประณีต หากเป็ของใหม่ต้องมีห้าตำลึงเงินเป็อย่างน้อย”
เจียงหงหย่วนขมวดคิ้ว “ไม่ต้องพูดเื่ไร้สาระ ข้ามาซื้อของเก่า เหตุใดจึงพูดถึงของใหม่?”
พนักงานอยากร้องไห้ นี่คือกระบวนการในการทำธุรกิจนะ!
แต่เขาค่อนข้างกลัวเจียงหงหย่วน รีบตอบว่า “ตัวนี้ขายสองตำลึงขอรับ”
หลินหวั่นชิว “หนึ่งตำลึงเถิด ถ้าให้ราคานี้ข้าจะซื้ออย่างอื่นเพิ่มอีก ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะไปดูร้านอื่นเสียก่อน”
พนักงานร้อนใจ “เอ่อคือ ไท่ไท่ช่างรู้จักต่อราคา แต่ว่าหนึ่งตำลึง…”
“จะขายก็ขาย ไม่ขายก็ไม่ซื้อ เหตุใดถึงชักช้าอ้ำอึ้ง?”
ทั้งที่เสียงเจียงหงหย่วนไม่ได้ดัง ทว่าน้ำเสียงกลับไม่สบอารมณ์ ทำเอาพนักงานใตัวสั่น ตอบทันทีว่า “ขาย!”
ถึงจะขายตำลึงเดียวพวกเขาก็ยังได้กำไรอยู่ แต่แค่ได้น้อย
“เช่นนั้นคงต้องขอบคุณเสี่ยวเกอมากแล้ว” หลินหวั่นชิวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม สองสามีภรรยา คนหนึ่งรับบทโหด คนหนึ่งรับบทใจดี เข้าคู่กันอย่างเป็ธรรมชาติ
หลินหวั่นชิวเลือกของอย่างอื่นอีก ห้องโถงต้องใช้ต้อนรับแขก เครื่องเรือนที่นางเลือกจึงมีแต่ของดี
ส่วนของในห้องเป็ของที่ใช้เอง นางเลือกแบบที่เป็ไม้เนื้อดีและทนทาน ไม่จำเป็ต้องมีลายสลักประณีต ด้วยเหตุนี้ราคาจึงถูกลงเยอะ
นางเลือกเครื่องเรือนจากจำนวนห้องภายในบ้าน เพียงครู่เดียวก็มีของเป็กอง
“หย่วนเกอ บ้านที่ชนบทจะใช้เตียงทำใหม่ แต่ในเมื่อบ้านในอำเภอแค่เช่าอยู่ เช่นนั้นก็ซื้อเอาเถิด อย่างไรเครื่องนอนที่ปูก็เป็ของใหม่อยู่แล้ว…”
เนื่องจากเจียงหงหย่วนเคยยืนยันว่าจะเอาเตียงใหม่ พอถึงคราวซื้อเตียงจึงต้องถามความเห็นเขาก่อน
“อืม”
ถือว่าเขาเห็นด้วยแล้ว
หลินหวั่นชิวเลือกเตียงไปหกหลัง หงหนิงกับหงป๋อคนละหลัง บ้านแบบสองลานมีห้องเยอะ นางวางแผนว่าจะแยกห้องนอนกับเจียงหงหย่วน ด้วยเหตุนี้จึงซื้อเพิ่มสองเตียง
นางว่าจะซื้อบ่าวใช้ด้วย ดังนั้นจึงซื้อเพิ่มอีกสองเตียง
เจียงหงหย่วนมองหลินหวั่นชิวเลือกของ แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองถูกใครบางคนวางแผนให้ไปนอนคนเดียวเสียแล้ว!
นอกจากเตียง หลินหวั่นชิวยังเลือกซื้อของอีกหลายอย่าง อย่างเช่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้ ตั่ง ตู้และชั้นวางขนาดต่างๆ …นี่เป็ธุรกิจใหญ่ ทำเอาพนักงานดีใจมาก
ราคาที่คิดออกมาในตอนสุดท้ายคือยี่สิบแปดตำลึงกว่า
“ยี่สิบห้าตำลึง! ข้าซื้อเยอะเช่นนี้ควรให้สิทธิพิเศษ” หลินหวั่นชิวพูดหลังจากพนักงานคิดเงินเสร็จ
พนักงานทำหน้าขมขื่น กำลังจะพูดกระไรแต่ถูกเจียงหงหย่วนมองมาก็ไม่กล้าทันที “ทั้งสองท่านรอประเดี๋ยว ข้าต้องไปถามเถ้าแก่เสียก่อน!”
นี่ก็คิดตามราคาที่ต่ำที่สุดแล้ว แต่สะใภ้น้อยนางนี้กลับต่อราคาอีก พนักงานจึงตัดสินใจเองไม่ได้
ผ่านไปสักพัก พนักงานเดินกลับมา บอกว่าเถ้าแก่ตกลงกับราคายี่สิบห้าตำลึง
หลินหวั่นชิวจ่ายเงินไปก่อนสิบตำลึง อีกสิบห้าตำลึงจะจ่ายตอนของมาส่งและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
พนักงานชมหลินหวั่นชิวด้วยรอยยิ้ม “ไท่ไท่ช่างละเอียดรอบคอบยิ่งนัก” แต่ในใจกลับคิดว่า เสี่ยวฟู่เหรินนางนี้จะร้ายกาจเกินไปแล้ว ต่อราคาเก่งและทำงานอย่างรอบคอบ
“ซื้อของเยอะ ย่อมใช้เงินเยอะเช่นกัน ควรต้องระวังเสียแล้ว” หลินหวั่นชิวยิ้ม จากนั้นทิ้งที่อยู่บ้านตัวเองให้พนักงาน นัดหมายเวลาส่งสินค้าเสร็จก็จากไปพร้อมกับเจียงหงหย่วน
“หย่วนเกอ อาศัย่ที่ยังมีเวลา พวกเราไปซื้อหม้อกระทะถ้วยชามที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ดก่อนเถิด จากนั้นค่อยไปซื้อพวกเครื่องนอนจากร้านผ้า”
“อืม” เจียงหงหย่วนตอบตกลง ของพวกนี้ซื้อในตลาดตะวันตกไม่ได้ ต้องซื้อของใหม่
“พวกเราซื้อยายสักคนเถิด” หลินหวั่นชิวพูด “วันใดท่านกลับมาดึกจะได้มีคนช่วยเปิดประตู”
ห้องในบ้านสองลานไม่เหมือนที่บ้าน ประตูใหญ่อยู่ห่างจากเรือนประธานค่อนข้างไกล ตรงกลางมีกำแพงภาพกั้น
“ได้” อย่างไรตลาดตะวันตกก็เป็ที่ขายคนอยู่แล้ว เลือกได้พอดี
อายุเฉลี่ยของคนในสมัยโบราณไม่ได้สูงนัก คนอายุสามสิบบางคนก็เป็ย่าเป็ยายเสียแล้ว อย่างมากคนที่เป็ยายจึงมีอายุเพียงสี่สิบ
ไม่มีหน้าร้านสำหรับขายคน ทุกคนยืนอยู่สองข้างทางกันหมด มีหญ้าปักอยู่บนหัว นายหน้ายืนอยู่ห่างไประยะหนึ่ง ต่างคนต่างเฝ้าอยู่ด้านหลังคนที่ตัวเองจะขาย
ทั้งคู่ค่อยๆ เดินดูไปตลอดทาง ท้ายที่สุด หลินหวั่นชิวเลือกสตรีหน้าตาธรรมดา มือเต็มไปด้วยรอยหยาบกร้านแต่ยังสุขภาพดีคนหนึ่ง
นางถามที่มาของยายอย่างละเอียด บ้านเกิดของยายคนนี้ประสบภัยพิบัติ สามีและลูกชายตายขณะหนีมา เหลือนางเพียงผู้เดียว นายขายตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด ทำงานรับใช้ในครอบครัวในอำเภอครอบครัวหนึ่งมาห้าปี ต่อมาครอบครัวนี้จะย้ายไปอยู่หัวเมือง พาคนไปมากขนาดนั้นไม่ได้ ด้วยเหตุนี้บ่าวใช้ส่วนหนึ่งจึงถูกขาย
หลินหวั่นชิวจ่ายเงินห้าตำลึงซื้อตัวมา สาวใช้ที่สีหน้าตาดีขายราคาแพง เด็กรับใช้ที่ยังหนุ่มและแข็งแรงก็แพงเช่นกัน แต่คนที่อายุมากแล้วราคาถูก
ซื้อยายในราคาห้าตำลึงก็นับว่าสูง เพราะมียายบางคนที่ขายแค่หนึ่งถึงสองตำลึง
แน่นอนว่ามียายอายุยี่สิบสามสิบปีเช่นกัน ยายพวกนั้นถูกขายออกมาจากครอบครัวร่ำรวย บางคนออกมาจากบ้านขุนนางด้วยซ้ำ
พวกเศรษฐีประจำถิ่นชอบซื้อยายประเภทนี้ ซื้อกลับไปแล้วช่วยสอนกฎให้ลูกสาวหรืออบรมบ่าวใช้สตรีได้
แต่หลินหวั่นชิวอยากซื้อแบบที่ใช้ได้จริง ย่อมไม่สนใจมองยายประเภทนี้
สัญญาขายตัวยังคงเป็สัญญาทางการเช่นเคย หลินหวั่นชิวให้เจียงหงหย่วนพายายกลับไปและรอให้คนมาส่งเครื่องเรือนที่บ้าน ส่วนนางไปซื้อของที่จำเป็ต้องใช้จากร้านเบ็ดเตล็ด และให้คนไปส่งที่บ้าน
จากนั้นไปร้านผ้ากับร้านเสบียง ซื้อของแล้วให้พนักงานไปส่งที่บ้านเช่นกัน
ระหว่างทางมีผักกวางตุ้งขาย นางซื้อติดมือกลับไปสองกำ เดินผ่านแผงขายซาลาเปาก็ซื้อซาลาเปาไส้เนื้ออีกยี่สิบกว่าลูก เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้วและไม่มีสิ่งใดตกหล่นอีก ซื้อทุกอย่างที่ควรซื้อครบแล้วก็กลับบ้าน
กลับมาถึงบ้าน เครื่องเรือนกำลังถูกขนเข้าข้างใน ของจากร้านเบ็ดเตล็ดมาส่งพอดีเช่นกัน
ยายสวีตักน้ำมาเช็ดฝุ่นในเรือนประธาน ดูแล้วทำงานคล่องแคล่วเรียบร้อยดี
ยายคนนี้กลัวจะถูกครอบครัวเ้านายขายอีก พอมาอยู่บ้านเ้านายใหม่จึงพยายามให้ดีที่สุด ความรู้สึกที่ต้องนั่งรอให้คนมาเลือกซื้ออยู่ข้างถนนช่างไม่ดีนัก
