ในทะเลจิตสำนึกเงียบสงัดราวกับป่าช้า
ณ เวลานี้เองจั๋วอวิ๋นเซียนสองคน หนึ่งสีขาว หนึ่งสีดำ กำลังยืนเผชิญกัน ทำให้รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“เ้า เป็ผู้ใดกัน?”
จั๋วอวิ๋นเซียนมองคนที่หน้าตาเหมือนกับเขาด้านหน้า ในใจรู้สึกหนาวสั่น
เงาสีดำหัวเราะอย่างชั่วร้าย “นามของข้าก็คือจั๋วอวิ๋นเซียน”
“ไม่ ข้าต่างหากคือจั๋วอวิ๋นเซียน! เ้า...เป็ใครกันแน่!”
ตอนนี้จั๋วอวิ๋นเซียนยังคงจมอยู่กับความโศกเศร้าจากการตายของลุงเยี่ยน แต่เขาไม่เคยรู้สึกสับสนเท่าตอนนี้มาก่อน เขาแทบจะสูญเสียความนึกคิดไป
เงาสีดำกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เอาเถอะ ชื่อจั๋วอวิ๋นเซียนถูกเ้าใช้มาสิบกว่าปีแล้ว ข้าจะถือว่าเป็ของเ้า หรือเ้าสามารถเรียกข้าว่าเทียนเสียก็ได้...มันมีความหมายว่าปีศาจร้ายจากนอกโลก”
“ปีศาจร้ายจากนอกโลกหรือ? เ้ามิใช่สิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินเซียนฉยงหรือ?”
จั๋วอวิ๋นเซียนึกถึงตำนานโบราณเื่หนึ่ง ก่อนยุคสมัยโบราณ โลกยังคงสมบูรณ์แบบ ทว่านอกโลกนั้นยังมีโลกอีกใบหนึ่ง ที่นั่นมีปีศาจน่ากลัวอาศัยอยู่ มันเกิดจากความเคียดแค้นในฟ้าดิน จึงกลืนกินเืเนื้อของสิ่งมีชีวิตเป็อาหาร ถ้ามันเข้าสิงสำเร็จจะเกิดใหม่เป็มนุษย์ เพื่อทำลายทุกสรรพชีวิต!
“จั๋วอวิ๋นเซียน เ้ากล่าวถูกต้องแล้ว ข้ามิใช่คนของที่นี่จริงๆ...”
น้ำเสียงของเทียนเสียค่อนข้างล่องลอย “ข้ามาจากสถานที่อันห่างไกล ที่นั่นทั้งเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งมาก ขั้วอำนาจต่างๆ พอไม่มีอะไรทำก็จะหาเื่...ถึงแม้จะคล้ายกับโลกใบนี้ แต่กลับมีการสืบทอดวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน...”
เทียนเสียเว้นจังหวะครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวเตือนตัวเอง “พูดมากเกินไปแล้ว ดูท่าข้าจะมิได้คุยกับใครมานานเกินไป ไม่ชินเลยจริงๆ...ความจริงแล้วข้ามาถึงโลกใบนี้อย่างไม่คาดคิด จากนั้นเกิดใหม่ในร่างกายนี้ ตอนนั้นร่างกายนี้ยังเป็เพียงทารก ไม่มีจิตสำนึกของตัวเอง แต่ิญญาของข้าเสียหายเกินไปจึงต้องจำศีล ด้วยเหตุนี้...จึงมีเ้าเกิดขึ้นมา”
เทียนเสียพูดตรงมาก ตรงจนทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกผวา
จั๋วอวิ๋นเซียนอดนึกถึงสถานการณ์ของตัวเองมิได้ สามิญญาขาดหนึ่ง ไร้พร์แต่กำเนิด หากเทียนเสียมิได้โกหก เช่นนั้นอีกฝ่ายน่าจะเป็สาเหตุิญญาที่ขาดหายไป อีกทั้งยังมีภูมิหลังไม่ธรรมดาด้วย
เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนไม่พูดไม่จา เทียนเสียกล่าวต่อว่า “ข้าไม่รู้ว่าเ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่ หากให้อธิบายง่ายๆ ก็คือข้าเข้ามาในร่างนี้ก่อนจะมีเ้า ดังนั้น...”
จั๋วอวิ๋นเซียนพูดแทรกอีกฝ่าย “ดังนั้นเ้าอยากจะบอกว่าเ้าถึงจะเป็จั๋วอวิ๋นเซียนที่แท้จริง ส่วนข้าเป็เพียงของเลียนแบบที่กำเนิดจากจิตสำนึกขึ้นมาเองหรือ?”
“ไม่ เ้ามิใช่ของเลียนแบบ”
เทียนเสียกล่าวอธิบายอย่างตั้งใจ “หากเ้าไม่มีสติปัญญา หลังจากข้าตื่นแล้วก็สามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ ทว่าตอนนี้เ้าคือตัวตนที่เป็อิสระ มีสติปัญญาสามารถคิดเองได้ เป็สิ่งมีชีวิตอย่างสมบูรณ์”
“เช่นนั้นเ้าอยากจะบอกสิ่งใด?”
“เ้าเคยได้ยินเื่เข้าสิงหรือไม่?”
“เ้าอยากจะเข้าสิงเปลี่ยนร่างหรือ?”
จั๋วอวิ๋นเซียนอารมณ์ไม่มั่นคงเพราะการตายของลุงเยี่ยน กลับกันเขาเฉยชากับความเป็ความตายมาก
เทียนเสียกล่าวอย่างมั่นใจ “หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว ร่างกายนี้ควรเป็ของข้า ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างอึดอัด...ข้าอยากเกิดใหม่เป็มนุษย์จึงต้องสิงร่าง”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยายามสงบอารมณ์และประครองสติเอาไว้ “หากข้าคาดเดาไม่ผิด เ้าน่าจะตื่นนานแล้วกระมัง? ั้แ่เมื่อใดกัน?”
“ตอนที่เ้าจุดเพลิงิญญาได้”
“เช่นนั้นที่ตราประทับของข้ากลายเป็ระดับสุดยอดก็เป็เพราะเ้าหรือ?”
“มิผิด”
“เช่นนั้นเหตุใดเ้าไม่เข้าสิงข้าเลยเล่า?”
เมื่อได้ยินคำถามของจั๋วอวิ๋นเซียน เทียนเสียเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ข้า้าร่างกายที่สมบูรณ์แบบ หากใช้กำลังเข้าสิง อาจจะทำร้ายิญญาได้ ด้วยนิสัยยอมหักไม่ยอมงอหากมิได้เป็เซียนก็ยอมตายของเ้า มีเื่อะไรบ้างที่เ้ามิกล้าทำ? เช่นนั้นข้า้าให้เ้ายอมถูกข้าเข้าสิง”
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกซับซ้อน ประการหนึ่งเป็เพราะเขากังวลกับเทียนเสียมาก อีกประการหนึ่งคงเพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคย เหมือนกับเป็พี่น้องฝาแฝด...เพียงแต่อีกฝ่ายกลับคิดจะเข้าสิงเขาอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น
ในเวลานี้เทียนเสียกล่าวอีกครั้ง “จั๋วอวิ๋นเซียน เ้าไม่อยากแก้แค้นหรือ? เ้าไม่อยากช่วยบิดาของเ้าหรือ? เ้าไม่อยากปกป้องพี่สาวของตัวเองหรือ? คืนร่างกายให้ข้า เติมเต็มิญญาทั้งสาม ข้าจะสามารถก้าวเหนือสรรพสิ่ง! ถึงตอนนั้นข้าจะช่วยเ้าสังหารศัตรูทุกคน!”
เสียงของเทียนเสียคล้ายแฝงด้วยเสน่ห์ล่อลวงอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ผู้คนมิอาจปฏิเสธได้
แก้แค้น! แก้แค้น! ข้าต้องแก้แค้น!
ในสมองของจั๋วอวิ๋นเซียนเต็มไปด้วยความแค้นจนเกือบจะตอบรับ…แต่ใน่เวลาสุดท้าย เขาก็อดกลั้นเอาไว้ได้
การตายของลุงเยี่ยนกระทบจิตใจของเขาอย่างมาก ทำให้จิตใจของเขาเกิดช่องโหว่ ถึงทำให้เทียนเสียแทรกเข้ามาได้ ยังดีที่จิตใจของเขายกระดับนานแล้ว เรียกได้ว่ามีจิตใจกระจ่างแจ่มชัด มีปณิธานตั้งมั่น จึงมิได้รับผลกระทบจากคำพูดสวยหรู!
ดังคาด การเติบโตล้วนต้องแลกมากับค่าตอบแทน เพียงแต่กระบวนการนี้ทรมานมาก ทรมานจนทำให้ผู้คนยากจะรับไหว
“จั๋วอวิ๋นเซียน เ้าคิดเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”
เทียนเสียก็ไม่ได้รีบเร่ง เพียงรอคอยคำตอบของจั๋วอวิ๋นเซียนเงียบๆ
ในทะเลจิตสำนึก มิอาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของเวลา ต่อให้ที่นี่ผ่านไปสิบปีร้อยปี แต่ด้านนอกผ่านไปชั่วพริบตาเท่านั้น
……
ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดจั๋วอวิ๋นเซียนก็ถามว่า “เทียนเสีย ถ้าข้าถูกเ้าสิง เช่นนั้นข้าก็จะหายไปใช่หรือไม่?”
“จะพูดเช่นนี้ก็มิได้!”
เทียนเสียกล่าวล่อลวง “เดิมทีพวกเราก็มีหนึ่งร่างสองิญญาอยู่แล้ว หลังจากหลอมรวมกันแล้วเ้าก็คือข้า ข้าก็คือเ้า เหตุใดต้องแบ่งแยกด้วย?”
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนส่ายศีรษะ เขาหันไปสบตาอีกฝ่ายตรงๆ “ขอโทษด้วย ข้ามิอาจให้ร่างกายเ้าได้”
“โอ้?”
สำหรับการตัดสินใจของจั๋วอวิ๋นเซียน เทียนเสียเหมือนมิได้ประหลาดใจนัก กลับเอ่ยปากถาม “เ้าไม่อยากแก้แค้นแล้วหรือ? ไม่อยากช่วยบิดาแล้วหรือ? ไม่อยากปกป้องพี่สาวแล้วหรือ?”
“ข้าอยาก ข้าอยากสิ…”
จั๋วอวิ๋นเซียนเผยสายตายึดมั่น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “แต่ข้าอยากเป็ตัวของตัวเอง ข้ายังมีเื่มากมายมิได้ทำ ข้ายังมีความปรารถนาที่ทำไม่สำเร็จ ข้าอยากเป็เซียน มีชีวิตนิรันดร์ มีอิสรเสรี ก้าวเหนือทุกสรรพสิ่ง!”
……
เมื่อความคิดของจั๋วอวิ๋นเซียนกระจ่างชัด ธารดาราในทะเลจิตสำนึกก็เดือดพล่าน
เมื่อเห็นภาพนี้เทียนเสียหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ “มิเสียทีที่เป็ิญญาของข้า เป็เด็กที่น่าสนใจไม่น้อย หวังว่าเ้าจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง…ข้าจะมอบของขวัญให้เ้าชิ้นหนึ่ง นับว่าเป็ของขวัญแรกพบ แต่ข้าเชื่อว่า ต้องมีสักวันที่เ้ายอมตกลง เพราะเ้า…อ่อนแอมากเกินไป”
เมื่อพูดจบแล้วเทียนเสียก็หายไปในอากาศ
จากนั้นปณิธานที่น่ากลัวก็หลอมรวมกับธารดารา ธารดาราที่เดือดพล่านส่องแสงประกายไร้สิ้นสุด!
“ฮึม!”
ดวงดาวถูกจุดแสงสว่างดวงแล้วดวงเล่า ส่องประกายระยิบระยับ
จั๋วอวิ๋นเซียนมิอาจนับได้ว่ามีดวงดาวส่องแสงกี่ดวง เพราะธารดาราทั้งสายล้วนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ท้ายที่สุดค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็รูปร่าง ’ดอกไม้ตูม‘ ดอกหนึ่ง
“นี่…คือตราประทับหรือ?”
จั๋วอวิ๋นเซียนจิตใจสั่นสะท้าน เหม่อลอยไม่ได้สติ เขาเพิ่งเคยเห็นตราประทับแปลกประหลาดเช่นนี้เป็ครั้งแรก ไม่รู้ว่าหลังจากดอกบัวบานแล้วจะรูปร่างเป็เช่นไร
