ปกติไช่เว้ยตงหยิ่งผยองจนชิน แต่ตอนนี้กลับดูนอบน้อม และระมัดระวัง
จู่ๆ สองพ่อลูกไช่เหิงผิง กับไช่เว้ยตงก็ปรากฏตัว ทำให้ฉินหลางสามารถเดาออกคร่าวๆ แล้วว่าวู๋เวินซ๋างชวนเขาทานข้าวเพราะอะไร แต่ในเมื่อที่นี่เป็บ้านของวู๋เวินซ๋าง ฉินหลางจึงต้องรอว่าวู๋เวินซ๋างจะแสดงอะไรให้เขาดูอีก
“ตาไช่ พวกนายสองพ่อลูกนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนนะ ฉันกินข้าวกับแขกเสร็จแล้วเราค่อยคุยกัน” วู๋เวินซ๋างทิ้งสองพ่อลูกไช่เหิงผิงกับไช่เว้ยตงไว้ในห้องรับแขก เห็นได้ชัดว่าเขา้าสั่งสอนให้ทั้งคู่หยิ่งผยองให้น้อยๆ ลงหน่อย
ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง กว่าฉินหลางและวู๋เวินซ๋างจะกินข้าวเสร็จ จากนั้นวู๋เวินซ๋างก็พาหญิงชรากลับเข้าไปในห้อง แล้วค่อยมาที่ห้องรับแขกพร้อมกับฉินหลาง
“ท่านวู๋ครับ ผมรู้ว่าท่านงานยุ่ง งั้นผมพูดตรงๆ เลยนะครับ ผมพาลูกชายผมมาขอโทษท่านครับ” ไช่เหิงผิงพูดขึ้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน วู๋เวินซ๋างเป็นายกเทศมนตรี ไช่เหิงผิงจึงต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเป็ธรรมดา
“ตาไช่ เธอพูดอะไรแบบนั้น เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับฉัน มาขอโทษฉันทำไม” วู๋เวินซ๋างหัวเราะเบาๆ “อีกอย่าง คนนี้คือฉินหลาง เป็หลานชายฉัน เพิ่งจะย้ายมาที่ชีจงได้ไม่กี่วัน เอ้อ ลูกชายนายก็เรียนที่ชีจงใช่ไหม ไม่แน่เขาอาจจะรู้จักกันก็ได้”
“คุณอาวู๋ครับ พวกเราเรียนห้องเดียวกันครับ” ไช่เว้ยตงพูดแทรกขึ้นมาคำหนึ่ง
“ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ใครให้แกพูดแทรก!” ไช่เหิงผิงตาขวางใส่ลูกชายตัวเอง แล้วจึงหันไปพูดกับวู๋เวินซ๋างว่า “ท่านวู๋ครับ เด็กคนนี้ไม่มีมารยาท ท่านอย่าถือสาเลยนะครับ”
“ตาไช่ ดูพูดเข้าสิ ฉันจะถือสาเด็กได้ยังไง” วู๋เวินซ๋างพูดไปหัวเราะไป ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “เพียงแต่ เด็กนี่ไม่มีมารยาทขนาดนี้ เธอเป็พ่อก็น่าจะสั่งสอนซะบ้างนะ เด็กไม่รู้มารยาท เธอก็ไม่รู้ด้วยหรือไง! หลานชายฉันเพิ่งย้ายมาที่ชีจงได้ไม่นาน ก็ได้ยินว่าวันนี้มีคนมารังแกเขาซะละ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เ้าไช่ เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ผม...” ไช่เว้ยตงรู้ว่าวู๋เวินซ๋างถามตน ทว่ากลับพึมพำไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง เพราะเขาไม่ชินกับวิธีการพูดอ้อมค้อมของวู๋เวินซ๋าง แม้เขาจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดมากเท่าไร แต่ก็มั่นใจว่าวู๋เวินซ๋างรู้เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้แล้ว ในเมื่อรู้เื่หมดแล้ว ทำไมวู๋เวินซ๋างจะต้องมาถามอีก?
เพี๊ยะ!
ไช่เว้ยตงยังไม่ทันจะพูดอะไร ก็โดนพ่อตัวเองตบบ้องหูอย่างจัง แม้ตบนี้จะเสียงดังมาก แต่ความจริงนั้นกลับไม่ได้แรงเท่าเท่าไร แม้เขาจะตบให้ดูเป็พิธีเท่านั้น แต่ด้วยความที่ใบหน้าของไช่เว้ยตงยังไม่หายดี ดังนั้นจึงทำให้เขาเจ็บจนร้องโอดโอยอยู่ดี
“ตาไช่ ทำไมเธอต้องโมโหใส่เด็กด้วย?” วู๋เวินซ๋างพูดเบาๆ “ฉันแค่ถามเฉยๆ เด็กก็คือเด็กต่อให้ทำอะไรผิดไปจริงๆ เธอค่อยกลับไปสอนเขาดีๆ ก็ได้”
“ใช่ครับ ท่านวู๋พูดถูกครับ” ไช่เหิงผิงพยักหน้ารัวๆ
เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้ไช่เหิงผิงโมโหมาก ลูกชายของเขาหาเื่ใครไม่ว่า ดันหาเื่คนของวู๋เวินซ๋างซะงั้น ส่วนภรรยาของเขาก็ดันไปมีเื่ผิดใจกับจ้าวจื้อเหว่ยอีก แค่วันเดียวก็มีเื่ผิดใจกับสมาชิกพรรคการเมืองถึงสองคน มิหนำซ้ำหนึ่งในนั้นยังเป็มือวางอันดับสองของเมืองเซี่ยหยางอีกด้วย นี่มันเป็ลางร้ายชัดๆ เลย ถ้าไม่สามารถลบล้างเื่บาดหมางที่เกิดขึ้นวันนี้ ต่อไปเขา ไช่เหิงผิงคงอยู่ในเมืองเซี่ยหยางอย่างสงบสุขต่อไปไม่ได้อีกแน่นอน
ดังนั้นแม้ไช่เหิงผิงจะรักลูกชายตัวเองมาก เวลานี้ก็ยังคงต้องตบบ้องหูไช่เว้ยตงอยู่ดี
แม้ไช่เว้ยตงจะรูปร่างกำยำ สูงกว่าพ่อเขาอยู่มาก แต่โดนตบกลับไม่กล้าหือไม่กล้าอือเลยแม้แต่น้อย เพราะพ่อเขาได้บอกไว้ก่อนแล้วว่าถ้าวันนี้วู๋เวินซ๋างไม่ให้อภัยเขา คาดว่าไช่เว้ยตงอาจจะต้องถูกส่งไปดัดสันดานไม่ปีก็ครึ่งปีเป็แน่ เพราะไม่ว่ายังไงวันนี้ไช่เว้ยตงก็เอามีดออกมาใช้ แล้วยังทำให้ซุนปอได้รับาเ็ด้วย ถ้าหากดำเนินคดีตามกฎหมาย ดีไม่ดีอาจจะต้องโดนจับข้อหา ‘ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดนเจตนา’ ถ้าโดนตบเพียงทีสองทีแล้วเื่นี้จะปล่อยผ่านไปได้ ไช่เว้ยตงก็ต้องยอม
“ฉินหลาง ขอโทษนะ!” ในเวลานั้นเอง จู่ๆ ไช่เว้ยตงก็ลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าฉินหลาง ก้มหน้ารับผิด แต่ดูออกว่าเขาขอโทษแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก
“พอแล้ว ไช่เว้ยตง” ฉินหลางก็ี้เีจะดูสองพ่อลูกนี้แสดงละครแล้ว “ฉันไม่ชินกับการพูดอ้อมค้อมแบบท่านนายกเทศมนตรีวู๋ ดังนั้นฉันจะพูดกับนายตรงๆ วันนี้ฉันตบหน้านายไปสองที เพราะก่อนหน้านี้นายยุให้จ้าวกวงมาหาเื่ฉัน ยังปล่อยข่าวลือให้ร้ายฉัน นอกจากนี้ วันนี้นายยังอยากจะใช้มีดแทงฉันอีก ดังนั้นนายโดนฉันตบสองทีมันก็สมควรแล้ว ไม่ถือว่าฉันรังแกนาย ในเมื่อนายมาขอโทษฉันแล้ว เื่ที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้แล้วไปเถอะ แต่ถ้าต่อไปมีเื่แบบนี้เกิดขึ้นอีก นายอย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน!”
แม้คำพูดฉินหลางจะโเี้ไปหน่อย และตรงไปบ้าง แต่ไช่เว้ยตงกลับฟังเข้าใจแล้ว เขาจึงพยักหน้ารัวๆ
“เ้าฉิน เป็มิตรกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนหน่อยสิ จะพูดแบบนี้ได้ยังไง” คำพูดอาจเหมือนวู๋เวินซ๋างกำลังตำหนิฉินหลางอยู่ แต่แท้ที่จริงแล้วเขากลับพูดไปหัวเราะไป
“ไม่เป็ไรครับ เ้าฉินพูดจาตรงไปตรงมา แสดงว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว” ไช่เหิงผิงรีบพูดขึ้น จากนั้นหันไปพูดกับฉินหลางว่า “เ้าฉิน ไม่ต้องห่วงนะ ต่อไปฉันจะควบคุมลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ให้ดีๆ เอง!”
“โอเค ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พวกเธอสองพ่อลูกรีบกลับไปเถอะ” วู๋เวินซ๋างเห็นว่าไช่เหิงผิงกับไช่เว้ยตงก้มหน้ารับผิดแล้ว นั่นก็บรรลุวัตถุประสงค์ของเขาแล้ว จึงไม่อยากเสียเวลากับสองพ่อลูกนี้ต่อ
“ก็ดีครับ ท่านวู๋ งั้นพวกเรากลับก่อนนะครับ” ไช่เหิงผิงยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวลา ก่อนจะหันไปพูดกับฉินหลางอีกสองสามคำตามมารยาท
เมื่อออกมาแล้ว ไช่เหิงผิงอยากจะตบบ้องหูไช่เว้ยตงอีกสักที แต่ว่าเห็นหน้าที่บวมเป่งของไช่เว้ยตงแล้ว เขาก็เลิกล้มความตั้งใจ เปลี่ยนเป็ตำหนิว่า “ก่อนหน้านี้พ่อบอกแกว่ายังไง เจอฉินหลางแล้ว ให้แกก้มหน้ารับผิดกับเขาดีๆ ไม่ใช่รึไง ท่าทีต้องดูจริงใจ แกไม่ได้ยินเหรอ!”
“ผมก็ยอมรับผิดแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ไช่เว้ยตงก็ยังคงไม่เต็มใจอยู่ดี
เพี๊ยะ!
สุดท้ายเขาก็อดที่จะตบไช่เว้ยตงไม่ได้อยู่ดี ก่อนจะพูดอย่างเย็นเยือก “แม่ม! พวกแกสองแม่ลูกรนหาที่ตาย อย่าดึงบิดาเข้าไปเกี่ยวด้วยสิโว้ย! แกไม่เห็นวู๋เวินซ๋างปกป้องเ้าเด็กนั่นจะตาย แกจะต้องยอมทั้งปากทั้งใจ! ถ้าแกยังกล้าลงไม้ลงมือกับเขาอีกละก็ บิดาจะเป็คนแรกที่เล่นงานแก!”
ไช่เว้ยตงเห็นพ่อตัวเองเดือดมากขนาดนี้ จึงไม่กล้าเถียงอะไรอีก เขาพูดเบาๆ ว่า “งั้น... ผมกลับไปอ่านหนังสือที่บ้านก่อนนะครับ”
“อ่านหนังสืออะไรล่ะ! ยังต้องไปขอโทษจ้าวจื้อเหว่ยที่บ้านอีก—เป็เพราะแกกับแม่แกแท้ๆ เลย วันๆ หาแต่เื่!” ไช่เหิงผิงสบถอีกครั้ง
ในขณะที่ไช่เหิงผิงและไช่เว้ยตง สองพ่อลูกเดินทุลักทุเลไปยังบ้านของจ้าวจื้อเหว่ยนั้น วู๋เวินซ๋างกับฉินหลางก็เริ่มสนทนาอีกครั้ง
“เ้าฉิน พวกเขาสองพ่อลูกมาขอโทษแล้ว เธอสบายใจขึ้นรึยัง?” วู๋เวินซ๋างถามฉินหลางด้วยรอยยิ้ม
“ท่านวู๋อยากฟังความจริงหรือคำโกหกครับ?” ฉินหลางถามกลับ
“พวกเราก็นับว่าเป็คนกันเองแล้ว ก็ต้องความจริงสิ”
“ความจริงก็คือ—เทียบกับให้พวกเขามาขอโทษ ผมรู้สึกว่าตอนตบหน้าไช่เว้ยตง ผมยังสบายใจมากกว่า”
“ฮ่าๆ~ นี่เป็ความจริง! วัยรุ่นก็คือวัยรุ่น” วู๋เวินซ๋างพูดไปหัวเราะไป “เพียงแต่ตบเขาหนึ่งที กลับสร้างปัญหาไม่น้อยเลยนะ ตรงกันข้ามครั้งนี้สองพ่อลูกนั่นมาก้มหน้ายอมรับผิดแบบนี้แล้ว กลับแปลว่าพวกเขาจะไม่กล้าหาเื่เธออีกแล้ว เข้าใจใช่ไหม? ไช่เหิงผิงคนนี้พื้นเพเป็คนเซี่ยหยางอยู่แล้ว ถึงตอนนี้พ่อตาของเขาจะเกษียณอายุแล้ว แต่อย่างน้อยก็เคยเป็นายทหารฝ่ายเสนาธิการในระดับมณฑล ฉันต้องไว้หน้าเขาบ้าง”
“เื่นี้ผมรู้ครับ วิธีการจัดการกับทุกปัญหาของท่านวู๋ ละเอียดอ่อนมากครับ” ฉินหลางยิ้มจางๆ จากนั้นก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา แกะต่อหน้าวู๋เวินซ๋าง เอาเมมโมรี่การ์ดออกมาแล้วยื่นให้กับวู๋เวินซ๋าง “ท่านวู๋ครับ ที่ท่านช่วยผมขนาดนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็เพราะของที่อยู่ข้างในนี้ ในเมื่อของชิ้นนี้ทำให้ท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมเอาให้ท่านเลยก็แล้วกันครับ อีกอย่าง ท่านวางใจได้ ของที่อยู่ในนี้ผมไม่เคยส่งออกไปให้ใคร และไม่ได้คัดลอกไว้ด้วยครับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้