แต่นางยิ่งกว่ายินดีเสียอีก
เฟิงซื่อมีความสุขมากจริงๆ ทุกวันนี้นางก็เห็นความปลี่ยนแปลงของหลินซานหลาง ลูกสาวทั้งสองคนก็เอามาเล่าให้ฟัง ทั้งยังรู้ว่าหลินซานหลางอยากศึกษาเล่าเรียน หากเขามาเป็ลูกชายนางจริง เช่นนี้หลินต้าเหอก็ไม่ต้องรู้สึกต่ำต้อยเพราะไร้บุตรชายแล้วไม่ใช่หรือ?
กระทั่งสองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางยังตื่นเต้นมาก หากหลินซานหลางมาเป็ลูกบุญธรรมของบ้านสอง เช่นนี้บิดามารดาพวกนางก็หมดปัญหาเื่ไร้บุตรชายแล้วใช่ไหมเล่า?
พวกนางสองพี่น้องจะมีพี่ชายน้องชายหรือไม่อันที่จริงไม่สำคัญ เื่สำคัญคือเป็ไปเพื่อให้บิดามารดาสบายใจต่างหาก
อีกอย่าง หลินซานหลางเองก็เป็ลูกหลานสกุลหลิน เป็ญาติกันเองอยู่แล้ว จะมีอะไรเหมาะสมกว่านี้อีก?
“ไม่! ไม่ได้แน่นอน!” หลินต้าซานออกตัวก่อนใคร คำรามเกรี้ยวกราดใส่หลินซานหลาง “ข้าไม่มีทางตกลง! หลินชุนเย่ เ้าช่างดีนัก!”
หลินชุนเย่คือชื่อทางการของหลินซานหลาง นี่เป็ครั้งแรกที่หลินฟู่อินได้ยินคนเรียกชื่อเต็มของเขา
อย่างกับว่าหลังจากหลินซานหลางและหลินฟู่อินกลับจากเมือง ทั้งคู่ก็คล้ายกลายเป็คนอื่น ไม่ใช่เด็กชายี้เีที่รู้แต่กินนอนรอความตายอีกแล้ว
“ท่านพ่อ มิใช่ทั้งท่านทั้งท่านแม่ต่างก็อยากให้ข้าไปเป็ลูกบุญธรรมหรือ?” สีหน้าเด็กหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลง เพียงอธิบายด้วยท่าทีราวกับเป็เื่ปกติ “ดูสิ ถึงพี่ใหญ่จะกลายเป็ลูกบุญธรรมผู้อื่นแล้ว แต่มิใช่เพียงผู้อื่นเลี้ยง บ้านเราก็ยังคอยสนับสนุนพ่อแม่บุญธรรมของพี่ใหญ่เหมือนเลี้ยงคนสามคน ตอนนี้พี่ใหญ่ยังไม่ได้เป็ซิ่วไฉ แต่เมื่อสอบได้สำเร็จคงต้องแต่งงาน ไม่ว่าจะแต่งงานก็ดี จะสอบก็ดี ทั้งหมดล้วนแต่เป็เงินเป็ทองทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ส่วนทางพี่รอง แม้จะทำงานที่ร้านในเมืองแต่ก็ใกล้ถึงวัยหาเ้าสาวแล้ว ยังมีข้า มีน้องสาวสองคนที่เริ่มใกล้ถึงวัย ทั้งหมดนี่จะเป็เงินเท่าไรกัน?”
ได้ยินว่ายังต้องเลี้ยงดูผู้อื่น สีหน้าหลินต้าซานก็แดงจนกลายเป็ดำ
ที่หลินซานหลางพูดนั้นถูกต้องจนไม่รู้จะถูกอย่างไร ทั้งเ้าตัวยังเป็คนที่ลำบากที่สุดในบรรดาลูกชายทั้งสามคน
จึงเป็อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาตามน้ำไปกับแผนของจ้าวซื่อ
แต่ที่เขา้า ไม่ใช่ให้หลินซานหลางไปสืบทอดบ้านหลินต้าเหอ!
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้เื่บ้านใหม่ของหลินต้าเหอ นั่นเป็หลินฟู่อินลงมือช่วยมากกว่าคนบ้านเฟิงเสียอีก ในเมื่อหลินฟู่อินช่วยคนบ้านสองสร้างบ้านหลังใหญ่ได้ขนาดนั้น เหตุใดจึงไม่รับหลินซานหลางไปเป็พี่บุญธรรม หรือให้หลินซานหลางรับ่ต่อกิจการบ้านสามเพื่อช่วยบ้านนางแทนเล่า?
“ไม่! ที่เราเคยคุยกันไว้คือหากอยากเป็ลูกบุญธรรม ก็ไปเป็ลูกบุญธรรมของอาสามของเ้าโน่น!” หลินต้าซานไม่คิดใช้เหตุผล จงใจพูดผิดๆ ซึ่งๆ หน้า
เห็นเช่นนั้นดวงตาของหลินต้าเหอก็หม่นลง ความหวังที่ลุกโชนดับมอดลงอีกครั้ง
ถึงอย่างไรคนก็เป็บิดาแท้ๆ ของหลินซานหลาง หากเ้าตัวไม่ยินยอม เช่นนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้
แต่หลินซานหลางไม่รีบร้อน กระทั่งหลินฟู่อินยังมีรอยยิ้มเหยียดหยัน
ตอนนี้เองอู๋ซื่อจ้าวซื่อก็เดินเข้ามาด้วย จ้าวซื่อดูวิตก แต่เมื่อเห็นสามีตนไม่ยินยอมก็โล่งใจ
ใครมันจะอยากถูกบ้านสองรับเลี้ยงกัน ดูสองคนนั้นซื่ออย่างกับอะไร ถ้าไปจริง ชาตินี้ก็ไม่ต้องลืมตาอ้าปากกันแล้ว!
นางยังคิดจะให้หลินซานหลางไปสืบทอดบ้านสาม เช่นนี้นางจะได้ใช้ชีวิตดีๆ ในบั้นปลาย!
“ท่านพ่อ อย่างที่ข้าบอก โอกาสที่อาสามยังมีชีวิตอยู่นั้นสูงมาก ทั้งเขายังมีลูกชายแล้ว เหตุใดต้องอยากรับเลี้ยงข้าด้วย?” หลินซานหลางมองตาบิดา ขยับเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ทำให้หลินต้าซานผงะถอยโดยไม่รู้ตัว “มิใช่พวกท่านพูดเองหรอกหรือว่าบ้านสองไร้บุตรชาย? เช่นนั้นข้าสมควรสืบทอดบ้านสองต่อจากท่านอาสองจึงจะเหมาะสมที่สุด ไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
ไม่ต้องรอให้หลินต้าซานพูด หลินซานหลางก็มองหน้าปู่หลินแล้วถาม “ท่านปู่ คิดว่าใช่หรือไม่?”
ปู่หลินลูบเคราตัวเอง ในดวงตาคล้ายมีเมฆครึ้มก่อตัว
แน่นอนว่ามีเหตุผล!
เมื่อหลินฟู่อินรู้ถึงความตั้งใจของหลินซานหลาง นางก็ละอายใจขึ้นมาครู่หนึ่ง
นางเคยเข้าใจหลินซานหลางผิดมาก่อน
ที่จริงสิ่งที่หลินซานหลางคิดนั้นถูกต้องที่สุด ในเมื่อบ้านใหญ่อยากให้เขาไปเป็ลูกบุญธรรมบ้านอื่น ไปเป็ลูกบุญธรรมบ้านสองย่อมดีกว่าบ้านสาม
ที่จริง จะให้บ้านนางรับเขาเข้ามาเป็ลูกบุญธรรมตอนนี้ไม่เหมาะสม แต่หากเป็บ้านสอง เช่นนี้ก็ลงตัว ทุกคนยินดี
เห็นสีหน้ากระตือรือร้นของอาสองอีกครั้ง หลินฟู่อินก็เชื่อว่าหากหลินซานหลางได้เป็ลูกบุญธรรมบ้านนี้จริง คงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่นอน
อย่างน้อยหลินเฟิน หลินฟาง หลินต้าเหอรวมถึงภรรยาต่างก็ออกปากสนับสนุนการร่ำเรียนของหลินซานหลางั้แ่อีกฝ่ายยังไม่ได้เป็ลูกบุญธรรมบ้านนั้น
ยิ่งหลินฟู่อินคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเื่นี้ดีมาก และตัวหลินซานหลางเองก็ไม่ใช่หมาป่าตาขาว ดังนั้นนางจึงวางแผนจะช่วยเหลือคนบ้านสองกับพี่ซานหลางเสียหน่อย
รอยยิ้มจริงใจผลิขึ้นบนริมฝีปาก หลินฟู่อินก้าวออกมาจับแขนปู่หลินที่ไม่รู้ว่าครั้งนี้นางจะทำอะไรอีก ได้แต่มองด้วยสายตาเหม่อลอย
“ท่านปู่นั่งลงแล้วฟังรายละเอียดจากปากข้าก่อนดีหรือไม่เ้าคะ?” หลินฟู่อินหัวเราะ
ปู่หลินถูกหลินฟู่อินช่วยประคองนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ใจกลางห้อง
หลินเฟินหลินฟางเห็นน้องสาวลงมือเคลื่อนไหวก็ดวงตาแวววาวขึ้นมา ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความวางใจแล้วจึงเดินไปที่ข้างกายเฟิงซื่อ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงหลินฟู่อิน “ท่านปู่ ข้าคิดว่าเื่นี้พี่ซานหลางคิดถึงท่านลุงใหญ่และท่านลุงสองมาแล้วจริงๆ จึงได้ถือจังหวะนี้ขอไปเป็ลูกบุญธรรมของลุงสอง ท่านปู่คิดว่าหากไม่ใส่ใจอะไร พี่ซานหลางจะเอาแต่อยู่ที่บ้านวันๆ ไม่ทำอะไรไม่ใช่หรือเ้าคะ? พออายุถึงวัยเมื่อไร แม้พี่ซานหลางจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เพื่อชื่อเสียงสกุลหลินบ้านเดิม ไม่ว่ายังไงท่านก็ต้องหาทางจัดงานแต่งงาน หาลูกสะใภ้มาให้พี่ซานหลางจนได้ใช่หรือไม่?”
ดวงตาของปู่หลินทอวาบ กระทั่งหลินต้าซานที่กรุ่นโกรธก็ยังเงียบไป
แม้แต่แม่ผัวลูกสะใภ้อู๋ซื่อจ้าวซื่อก็ยังไม่เข้ามาขัด ได้แต่กลอกตาคิดในใจ
หลินฟู่อินฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “ท่านจะบอกว่าไม่ใส่ใจพี่ซานหลางก็ไม่ได้ เื่นี้ยังไงก็ให้สกุลหลินโดนดูถูกไม่ได้ ลูกชายบ้านไหนไม่อาจหาเงินแต่งภรรยาได้บ้างเล่า?”
ในตอนที่หลินฟู่อินพูดเช่นนี้ หางตานางบังเอิญเห็นหลินต้าหลางเดินยกมือไพล่หลังออกมาจากห้องหนึ่งในบ้านหลักพอดี
ดวงตานางหรี่ลงน้อยๆ รอยยิ้มยิ่งกดลึก “ท่านปู่ ท่านลุง ท่านป้า ไม่ใช่ว่าข้า ผู้เยาว์บ้านสามอยากจะพูดเช่นนี้หรอกนะเ้าคะ ข้าเองก็ทำไปเพื่อตระกูลเช่นกัน! ลองคิดดูเถิดเ้าค่ะ หากพี่ใหญ่ไม่ได้เป็ซิ่วไฉก็แล้วไป แต่หากได้เป็ขึ้นมา แล้วมีข่าวออกไปว่าคนในบ้านทำไม่ดีต่อลูกชายคนเล็กเพื่ออนาคตของลูกคนโต ชื่อเสียงที่ออกไปย่อมไม่ดีแน่!”
หลินฟู่อินลากเอาทุกคนในบ้านใหญ่ออกมาอ้าง ทำให้เหตุการณ์ดูใหญ่โตว่าหากหลินซานหลางเกิดล้มเหลวไร้อนาคตขึ้นมาจะเป็อย่างไร เพื่อให้เขาได้ไปบ้านสอง
แน่นอนว่าอู๋ซื่อและจ้าวซื่อไม่เข้าใจความหมายของหลินฟู่อิน รู้แต่ว่าคำที่ออกมานั้นไม่มีคำดีๆ คำว่าหากหลินต้าหลางไม่ได้เป็บัณฑิตอะไรนั่น… พอได้ยินประโยคนี้ก็พานให้โกรธวูบขึ้นมา!
แต่ปู่หลิน หลินต้าซานและหลินต้าหลางล้วนเข้าใจดี
โดยเฉพาะหลินต้าหลาง บ้านหลังนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนและเข้าสอบนั้นต้องใช้เงินทองมากมายเพียงใด หากบ้านใหญ่ไม่ช่วยสนับสนุนอยู่ บ้านซิ่วไฉชรานั่นย่อมไม่มีปัญญาสนับสนุนเขา
แต่หากบ้านใหญ่้าหาภรรยาให้หลินเอ้อร์หลางและหลินซานหลาง ก็ต้องมีเงินสินสอด ยังต้องหาซื้อสินเดิมให้น้องสาวทั้งสองคนอีก เช่นนี้จะยังเหลือเงินค่าเล่าเรียนของเขาอีกหรือ?