เซี่ยเสี่ยวหลานตื่นแล้วก็ไม่กล้ามองหน้าโจวเฉิง เพราะเธอตื่นมาพบว่าตัวเองหมอบนอนหลับอยู่บนขาคนอื่นบนเข่าของโจวเฉิงยังมีร่องรอยที่น่าสงสัยอยู่ดวงหนึ่ง น่าจะเป็น้ำลายของเธอที่ไหลขณะหลับ?
เซี่ยเสี่ยวหลานแทบทรุด ทำไมเธอหลับน้ำลายไหลได้กันนะ ท่าทางขณะหลับของเธอไม่ใช่ดูดีมาตลอดหรือ!
โจวเฉิงไม่มีท่าทางที่ผิดปกติแม้แต่น้อยไม่นำเื่เซี่ยเสี่ยวหลานหลับบนขาของตนมาหยอกล้อเซี่ยเสี่ยวหลานจึงได้ไม่ถึงขั้นหลบหนีไปด้วยความอับอาย
การกระทำเช่นนี้ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนคลุมเครือมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถือว่าโจวเฉิงเป็เื่ใหญ่ เพราะในใจเธอมั่นคงเที่ยงตรงส่วนตอนนี้น่ะหรือ ราวกับมีบางอย่างที่อธิบายยากเกิดขึ้นเล็กน้อย
มาถึงหยางเฉิงครั้งนี้มิใช่เช้ามืด แต่เป็พลบค่ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานคุ้นเคยเส้นทางสัญจรของหยางเฉิงแล้วและเธอก็ไม่กลัวว่าบริเวณใกล้สถานีรถไฟจะมีอันตราย เนื่องจากมีโจวเฉิงอยู่ด้วย
ครั้งนี้ไป๋เจินจูไม่ต้องทำหน้าที่คนนำทางอีกแล้ว เพราะเพียงโจวเฉิงคนเดียวก็สามารถแบกกระเป๋าสินค้าหลายใบได้อย่างง่ายดาย
หลี่เฟิ่งเหมยไม่รับเงินที่เซี่ยเสี่ยวหลานคืนกลับไป ด้านหลิวเฟินรู้ว่าเธอนำเข้าสินค้าจำเป็ต้องใช้ต้นทุนจำนวนมากจึงไม่คิดหยุดพักการทำงานหาเงิน อย่าว่าแต่ก่อนที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะเดินทางไกลขนาดย้ายมายังซางตูแล้วก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะไปโรงงานสกัดน้ำมันวันละหลายหนกากน้ำมันซึ่งเดิมทีกองรวมกันดุจดั่งูเาลูกน้อย ถูกหลิวเฟินนำออกไปจนเป็ช่องโหว่เธอขนกากน้ำมันขายทั่วทุกสารทิศ เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางรอบนี้หลิวเฟินได้ให้เงินเธอ 300 หยวน
ตอนแรกครั้งก่อนนำเงินหนึ่งพันแปดร้อยกว่าหยวนกลับมาเซี่ยเสี่ยวหลานเช่าห้องใช้ไป 120 หยวนย้ายบ้านก็ซื้อเครื่องนอนหมอนมุ้งและถ้วยโถโอชามอีก เธอเหลือเงินจำนวนเต็มคิดเป็ต้นทุน 1600 หยวน รวมกับส่วนที่หลิวเฟินให้ 300 หยวน รอบนี้เซี่ยเสี่ยวหลานพกเงินมา 1900 หยวน
แน่นอนว่าในจำนวนเงินนี้มีเงินหกร้อยกว่าหยวนเป็ของหลี่เฟิ่งเหมย
หลี่เฟิ่งเหมยไม่้าเงินที่แบ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรวมต้นทุนและกำไร มาร่วมหุ้นในการรับซื้อสินค้าครั้งที่สอง
ต้นทุนเกือบ 2000 หยวนสินค้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถซื้อได้ย่อมมากกว่าครั้งแรกเสื้อไหมพรมคอติดขอบลูกไม้และหน้าอกเย็บด้วยลูกปัดหลากสีขายดี เสื้อไหมพรมใบเมเปิ้ลสีเขียวก็ขายดีเช่นกันทว่าครั้งที่สองเซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดนำเข้าเลย สินค้าเธอขายได้รวดเร็วสิ่งที่ใช้ประโยชน์มาั้แ่ต้นก็คือแบบเสื้อผ้าอันแปลกใหม่หนึ่งสีขายสองชุดยังพอได้เมืองขนาดใหญ่อย่างซางตูไม่เกิดการสวมเสื้อผ้าชนกันโดยง่ายดายนัก
อยู่ดีๆ จะให้ซื้อแบบหนึ่งจำนวนหลายสิบตัว เธอไม่ได้ทำการค้าส่งเสียหน่อย!
สิ่งของราคาสูงเพราะหายาก อะไรก็ตามจำนวนเยอะย่อมไม่ล้ำค่าถ้าไม่ปฏิบัติตามหลักโดดเด่นไม่มีใครเหมือนนั้นเสื้อไหมพรมของเซี่ยเสี่ยวหลานจะขายได้ถึงตัวละสามสิบกว่าหยวนหรือ?
อีกอย่างหนึ่ง เพื่อนร่วมชาติเชี่ยวชาญการปลอมแปลงลอกเลียนที่สุดต่อให้เสื้อสองแบบนั่นแปลกใหม่สักเท่าไร ขอเพียงมีต้นฉบับเป็แม่แบบเกรงจะมีคนถักรุ่นเลียนแบบใกล้เคียงของแท้ออกมาถ้าสาวน้อยสาวใหญ่พากันสวมใส่ออกมาเดินตามท้องถนน เซี่ยเสี่ยวหลานยังขายราคาสูงให้แก่ใครได้อีก!
“คราวนี้ฉันจะซื้อเสื้อคลุมขนสัตว์หลายตัวหน่อย”
ฤดูหนาวของอวี้หนานเย็นเยือกเซี่ยเสี่ยวหลาน้าขายเสื้อกันหนาวมากกว่า
แต่เธอวนเวียนในแผงลอยค้าส่งมาสองรอบแล้ว พบว่าที่นี่ไม่มีการค้าส่งเสื้อกันหนาวจำนวนมากเท่าไรจริงๆหยางเฉิงมีสภาพอากาศเป็ที่รู้จักกันดี ฤดูหนาวไม่เคยหิมะตกความ้าของคนท้องถิ่นต่อประสิทธิภาพเครื่องแต่งกายฤดูหนาวจึงไม่มากมายขนาดนั้น
โจวเฉิงเห็นเธอพยายามเลือกเฟ้นเสื้อผ้าอย่างตั้งอกตั้งใจปลายจมูกผุดเหงื่อออกมา
“เธอก็เลือกให้ตัวเองสักสองตัวสิ”
หญิงสาววัยรุ่นชอบแต่งตัวทั้งนั้น โจวเฉิงคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานช่างสมถะเหลือเกิน
เธอหน้าตาสะสวยเช่นนี้ ไม่คิดจะแต่งองค์ทรงเครื่องให้จิ้มลิ้มพริ้มเพราบ้างหรือ?
เมื่อก่อนสถานะไม่เอื้ออำนาย แต่ตอนนี้สภาพคล่องทางการเงินเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ทำการค้าขายเสื้อผ้า แต่กลับไม่เก็บไว้ให้ตนเองสักชุด
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าควรสวมใส่อย่างไรถึงจะน่ามอง
ทว่าใบหน้านี้เรียกความสนใจมากพอแล้วหากยังตั้งใจแต่งตัวก็อาจจะก่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ถูกไม่ควรได้
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า “เสื้อผ้าใหม่ใช้ได้ไม่นาน”
โจวเฉิงไม่เห็นด้วย เสื้อผ้ามิได้มีไว้เพื่อให้คนสวมใส่หรือใส่จนเก่าแล้วก็ค่อยเปลี่ยนใหม่สิ
“ฉันว่าถ้าเธอใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ พวกมันจะขายได้ไวยิ่งขึ้นนะ”
ในประเทศยังไม่นิยมการเชิญดาราเป็ตัวแทนถ่ายโฆษณา แต่ในต่างประเทศดาราผู้ดูดีสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายได้ใบหน้านี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานแม้ถ่ายภาพยนตร์ยังไร้ปัญหาเปลี่ยนแปลงลักษณะการแต่งกายเสียหน่อย ก็คือหญิงสาวนำสมัยดีๆ นี่เองรูปแบบเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ขึ้นเรือนร่างมีแนวโน้มจุดประกายความกระหายจับจ่ายอันแรงกล้าของลูกค้าสตรี
เป็นางแบบให้กับธุรกิจของตนเอง?
ระหว่างคุณธรรมและการทำกำไร เซี่ยเสี่ยวหลานเลือกอย่างหลังด้วยความแน่วแน่
เธอสำรวจบนแผงค้าส่ง ข้ามเสื้อไหมพรมรัดรูปคอเต่าเ่าั้ สุดท้ายเลือกเสื้อไหมพรมถักตาห่างคอกลมสีเหลืองนวล สำหรับเสื้อคลุมก็ละวางเสื้อขนสัตว์ยาวปานกลางสีพื้นไว้และเลือกเสื้อนอกสั้นประดับกระดุมเขาสัตว์ลายตารางสีแดงท่อนล่างคือกางเกงยีนส์ขาม้าเล็ก
เซี่ยเสี่ยวหลานจินตนาการผลลัพธ์โดยคร่าวๆ ที่ตนเองสวมใส่ออกมาได้ ลูกค้าสตรีประจำซางตูไม่รู้สึกแปลกตานักเป็การจับคู่ซึ่งพบได้ไม่บ่อยในประเทศทว่าในละครญี่ปุ่นมีการแต่งกายที่คล้ายคลึงกันเซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าตนเองมีรูปลักษณ์อ่อนหวานทรงเสน่ห์ ทุกวันนี้เธอเพิ่งอายุ 18 ปี ไม่จำเป็ต้องแต่งตัวจนดูผู้ใหญ่เกินงาม
แน่นอนว่าเธอยัง้ารองเท้าสีขาวเรียบง่ายอีกหนึ่งคู่
กางเกงยีนส์เป็จุดสำคัญในการนำเข้าสินค้าครั้งนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานคนทั่วโลกล้วนกำลังสวมใส่กางเกงยีนส์ ในประเทศก็เริ่มเป็ที่นิยม
ผ้าพันคอและถุงมือราคาไม่แพง เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อติดมือกลับไปจำนวนหนึ่ง
เงินที่พกติดตัวถูกใช้จ่ายไปจนหลงเหลือเพียงหนึ่งร้อยกว่าหยวนเซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่มีอารมณ์ที่จะเตร็ดเตร่อยู่ในหยางเฉิงอีก คิดเพียงจะกลับซางตูทันที
“ไป๋เจินจูที่มารับฉันคราวก่อน เป็คนน่าเชื่อถือสินะ?”
“ใช่ แต่ฉันไม่เคยพบเขามาก่อน”
โจวเฉิงมีจิตใจระแวดระวังไม่น้อย เกรงกลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเข้าใจผิด
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จับคู่ไป๋เจินจูและโจวเฉิงเข้าด้วยกันอยู่แล้วเธอเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“พูดแบบนี้เธอไม่เคยหลอกลวงคนอื่นจริงสิ!”
โจวเฉิงยืดตัวตั้งตรง “ฉันไม่เคยหลอกลวงคนอื่นคราวหน้าให้เธอดูหนังสือรับรองของฉันได้เลย”
ก่อนจะมายังหยางเฉิง หลิวหย่งได้พูดคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว รวมทั้งเื่ที่โจวเฉิงและคังเหว่ยช่วยชีวิตเขาไว้อย่างไรทั้งสองคนทำธุรกิจอะไร ไปจนถึงโจวเฉิงกล่าวว่าตนเองไม่ได้ลักลอบขนสินค้าเถื่อนบุหรี่ หรือธุรกิจที่โจวเฉิงทำ ก็คือโอกาสทางการค้าซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานได้ค้นพบก่อนหน้านี้ทว่าไร้เครือข่ายและเงินทองสำหรับการลงทุน
เกินความคาดหมายว่าเธอกับโจวเฉิงคิดในสิ่งเดียวกัน ไม่โจวเฉิงคิดได้ว่องไวกว่าเธอ ก่อนเธอจะเกิดใหม่ โจวเฉิงก็ริเริ่มธุรกิจบุหรี่แล้วยาสูบเป็สินค้าผูกขาด โจวเฉิงมีความกล้าบ้าบิ่นมากพอ ปัจจุบันจึงทำเงินได้เป็กอบเป็กำ
ดูจากขนาดธุรกิจของโจวเฉิงโรเล็กซ์ราคาหลายพันหยวนก็ไม่ถือเป็การสิ้นเปลืองอะไร
โจวเฉิงเต็มไปด้วยปริศนา ทำไมเขาถึงทำธุรกิจได้เล่า?
โจวเฉิงเห็นสีหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานเริ่มเคลือบแคลงอีกแล้วเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรกันเห็นได้ชัดวันสองวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ชิดขึ้นกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีแท้ๆ
เป็เพราะอาชีพของเขาเซี่ยเสี่ยวหลานจึงหลบกลับเข้าไปในเปลือกหอยอีกครั้งหรือ?
โจวเฉิงวิเคราะห์อยู่หลายตลบแต่ยังคงไม่เข้าใจ “เธอไม่ชอบอาชีพนี้หรือ?”
โจวเฉิงเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว หากภรรยาของเขาไม่ชอบ และให้เขาเปลี่ยนอาชีพเสียตอนนี้ล่ะ?!
“ไม่ใช่ ฉันทั้งชอบและนับถือ!” เซี่ยเสี่ยวหลานมีความตระหนักรู้ในจุดนี้
โจวเฉิงยังไม่ทันดีอกดีใจ ก็ได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวต่อว่า “นับถือไม่ได้แปลว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่ความสัมพันธ์ทางไกลระยะยาวมันลำบากมากโขโจวเฉิง เหมือนฉันจะชอบเธอขึ้นมานิดหน่อยแล้ว”
