บนเรือเหาะ
หลี่ฮ่าวหรานยิงธนูออกไป เพื่อหยุดความวุ่นวาย ซึ่งกำลังเกิดขึ้นที่พื้นดินเบื้องล่าง และทำให้เหล่าผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศต้องตะลึงงัน
ดวงตาของชายหนุ่มฉายประกายพึงพอใจ ตอนนี้เขากำลังปลาบปลื้ม กับความรู้สึกที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ ด้วยลูกธนูเพียงดอกเดียว มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ
“ทุกคนฟังให้ดี! ที่นี่ได้ถูกกองกำลังเฉินจีหยิงเข้าควบคุมแล้ว จงถอยห่างออกไปร้อยลี้!” เสียงะโดังมาจากเรือเหาะ
เหล่าผู้ฝึกตนเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันเกิดอาการหวาดหวั่น
เมื่อครู่ เป็าาโจรสลัดแห่งทะเลตะวันออก ลั่วเทียนเกอ
ต่อให้จินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยวยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังไม่อาจต่อกรกับหลี่ฮ่าวหรานได้... พวกเขามิใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้!
เมื่อมองดูลูกธนูสีทอง ที่ยังปักคาอยู่บนกำแพงหิน ผู้คนพลันใจสั่นสะท้าน
“โฮก!”
หางชีพจรัขนาดใหญ่ ยังคงขยับไปมาอยู่ตรงหน้า แต่ความปรารถนาที่จะในตอนนี้ กลับถูกมอดดับ ด้วยลูกธนูสีทองดอกนั้นไปเสียแล้ว
เหล่าผู้ฝึกตนค่อยๆ ล่าถอยออกไปไกล ตามที่คนของเฉินจีหยิงบอกอย่างรวดเร็ว
“โฮก!”
เื้ัของพวกเขา ปรากฏร่างของป้าเซี่ย ที่กำลังพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง พร้อมเสียงคำรามดังลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว
หลี่ฮ่าวหรานทะยานเข้าหาชีพจรัอย่างสุดกำลัง เพียงพริบตา เรือเหาะของเขาก็บินมาถึง
ชายหนุ่มก้มหน้ามองเบื้องล่าง เห็นหางชีพจรัขนาดพันจั้งใต้หินหลอมเหลว ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกผนึกไว้ด้วยกระดองเต่า
“ผนึกกระดองเต่า? มิใช่ััได้ถึงชีพจรั แต่ป้าเซี่ยรับรู้ได้ถึงกระดองเต่านี้?” หนึ่งในคนของกองกำลังเฉินจีหยิงกล่าว ด้วยความประหลาดใจ
ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “เป็เพียงส่วนหาง มิใช่หัวั? “
“นายท่าน แม้เป็เพียงหาง แต่ก็ใช่ว่าจะััได้โดยง่าย ทั้งยังดูเหมือนหางชีพจรันี้ จะหลุดออกมาจากผนึกกระดองเต่า” ผู้ติดตามคนหนึ่งกล่าวอย่างกังวล
“กระดองเต่านี่ เคยถูกหลอมเป็อาวุธวิเศษมิใช่หรือ?”
“นายท่าน ป้าเซี่ยมาแล้ว!” จู่ๆ สมุนอีกคนก็ะโด้วยความร้อนรน
หลี่ฮ่าวหรานหันไปมองป้าเซี่ย ด้วยแววตานิ่งเรียบ “ไม่ว่าจะเป็หางัหรือผนึกกระดองเต่า ทุกสิ่งล้วนเป็ของข้า เ้าสัตว์เดรัจฉาน... แน่จริงก็เข้ามา!”
ระหว่างเอ่ย ชายหนุ่มก็ยกคันธนูคู่ใจขึ้นมาอีกครั้ง เล็งปลายศรไปยังเต่าั์ที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งกำลังพุ่งตรงมาอย่างบ้าคลั่ง
“โฮก!” อสูรทะเลั์ถลึงตา พลางทะยานเข้าใส่เรือเหาะด้วยความโกรธแค้น
ตูมๆๆ!
ทางตะวันตกของเกาะจิ๋วหวู่ จู่ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหว
...
บนยอดเขา
คุณชายเก้า และกลุ่มคนใต้อาณัติชะงักฝีเท้า ก่อนมองดูการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไป ด้วยสายตาสงบนิ่ง
ในตอนนี้ หลี่ฮ่าวหรานกำลังต่อสู้กับอสูรทะเลป้าเซี่ย การต่อสู้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โคลนมากมายกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้คนภายนอกยากที่จะเห็นสถานการณ์ ได้ยินเพียงเสียงคำรามของมนุษย์และป้าเซี่ยเท่านั้น
“คุณชายเก้า หลี่ฮ่าวหรานผู้นั้น... ช่างเป็ลูกธนูที่ทรงพลังยิ่ง!” ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ย
คุณชายเก้าเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนกล่าว “การทะนงตน ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป!”
“คุณชายเก้า พวกเราจะ...”
“ไม่จําเป็! ตราบใดที่คิดจะแย่งชิงชีพจรั ก็ถือว่าร่วมศึก ในยามนี้ หลี่ฮ่าวหรานได้เข้าสู่สมรภูมิการแข่งขันแล้ว
เพื่อสิ่งที่ผู้าุโกวนฉีได้ทิ้งเอาไว้ เขาย่อมทำทุกวิถีทาง และไม่หนีไปไหนแน่... ไปกันเถอะ!” คุณชายเก้ากล่าว พลางยิ้มเยาะ
“ขอรับ!”
...
ผืนป่าบนูเา
เิไท่อุ้มร่างของเฟิงหลิงที่ตื่นแล้ว เข้าสู่อ้อมแขน ก่อนมองไปยังลานกว้างที่กำลังเกิดการต่อสู้ เสียงคำรามดังกึกก้อง แว่วมาแต่ไกล
“หลี่ฮ่าวหรานแห่งกองกำลังเฉินจีหยิง ยี่สิบปีผ่านไป เ้าก็ยังเอาแต่ใจเช่นเดิม!” เิไท่มองการต่อสู้ตรงหน้าอย่างเ็า
“กู่ไห่ ฮึ่ม! ดี... ดีมาก… ดีมากจริงๆ ผู้าุโกวนฉีทิ้งกระดานหมากยี่สิบเก้าเส้นไว้ เ้าก็ยังแก้มันได้.. เหอะ! แม้จะชนะเพียงหนึ่งหมาก ก็ถือว่าเชิงหมากเ้าไม่ธรรมดา... ช่างโชคดีจริงๆ!
หากยังอยู่ที่นั่นต่อ คนที่ต้องม้วยก็คงเป็เ้า.. ฮึ่ม! คิดไม่ถึง ว่าจะหนีรอดไปได้อีกครั้ง” เิไท่กล่าวเสียงต่ำ นึกเจ็บใจไม่น้อยกับเื่ครานี้
เฟิงหลิงที่อยู่ด้านข้าง มองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ นางลูบใบหน้าที่แสดงความโกรธเกรี้ยวอย่างอ่อนโยน
...
ในป่าอีกแห่งหนึ่ง
เว่ยหยางพาร่างไร้สติของหลี่เหว่ย มาหยุดอยู่ที่ป่าลึกทันที เมื่อได้ยินเสียงคำรามของั ที่ดังขึ้นไกลๆ
“เริ่มแล้วหรือ? ภารกิจของพรรคต้าเฟิงจบลงแล้ว ท่านประมุข สัญญาของท่าน พวกเราทำสำเร็จแล้ว ผนึกชีพจรัเอาไว้รุ่นต่อรุ่น
เช่นนั้น ข้อจำกัดในร่างกายของเราจะหายไปใช่หรือไม่? ข้ามีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อมันแล้วใช่หรือไม่? แม้รู้ว่านี่เป็เพียงหมากตาหนึ่ง แต่ข้าก็ยินดีที่จะเป็เม็ดหมากของท่าน” เว่ยหยางเอ่ย พลางทอดถอนใจ
ก่อนหันไปรอบๆ บรรจงลูบศีรษะของหลี่เหว่ยอย่างแ่เบา ััเข้ากับลายสักหนามที่อยู่บนนั้นเข้า
“ศิษย์ของข้า หลี่เหว่ย ข้าจะปลุกเ้าให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง อาจารย์้าเ้า รีบฟื้นขึ้นมา เร็วเข้า!” เว่ยหยางกล่าวเสียงเบา
…
กู่ไห่และพวกในตอนนี้ ได้เดินทางออกจากพรรคต้าเฟิงมาไกลพอสมควร
เสียงคำรามของัดังขึ้นจากด้านหลัง แต่ชายหนุ่มหาได้สนใจไม่
“นายท่าน ชีพจรันั่น...” ซ่างกวนเหินเอ่ยเสียงแ่
“ชีพจรั? เราไม่มีพลังมากพอที่จะแตะต้อง... เดินทางต่อ” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” ซ่างกวนเหินพยักหน้า
“นายท่าน คิดว่าเว่ยหยางจะรับมือเิไท่ได้หรือไม่? เหตุใดก่อนหน้านี้จึง...” เฉินเทียนซานเอ่ยถาม พลางแสดงท่าทีกังวล
“แผนการของอาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ ซับซ้อนเกินไป ไม่เหมาะที่จะผูกมิตรหรือร่วมมือด้วย เ้าอย่าได้ประเมินเว่ยหยางต่ำเกินไป สามารถเลี้ยงดูเิไท่มาได้ขนาดนี้ ย่อมไม่ธรรมดา
เขาฝากข้อความถึงหลี่เหว่ย ว่าเฟิงหลิงคือกุญแจ และอย่าเปิดเผยจดหมายฉบับนี้ให้ใครรู้ โดยเฉพาะเิไท่ เขามองคนผู้นี้ออก และดูเหมือนจะคาดเดาได้แต่แรกแล้ว
ทว่า ในจดหมายกลับเขียนข้อความคลุมเครือนัก ต้องมีเื่หนึ่งปิดบังเิไท่ไว้แน่” ชายหนุ่มพูดเสียงทุ้ม
“หืม?” เฉินเทียนซานทำเสียงสงสัย
“เฟิงหลิงคือกุญแจ แต่ข้าเดาว่าหลี่เหว่ยก็คงจะเป็กุญแจเช่นกัน เท่ากับมีกุญแจอยู่สองดอก และเิไท่ก็ยังไม่รู้เื่นี้” กู่ไห่กล่าว
“หลี่เหว่ยก็เช่นกัน อย่างนั้นหรือ?”
“ยังจำรอยสักนั่นได้หรือไม่?”
ใบหน้าของเฉินเทียนซานแสดงความสับสน เห็นได้ชัดว่ากำลังใกับแผนการของเว่ยหยางและเิไท่
เหล่าคนโฉดเดินทางอย่างรวดเร็ว ตลอดเส้นทาง มีแมลงพิษนับไม่ถ้วนในป่าลึกแห่งนี้ ทุกคนจึงใช้พลังชี่ปกป้องร่างตนเองเอาไว้
…
สิบวันต่อมา ที่ริมทะเล
กองกำลังคนโฉดสามพันคนหยุดพักชั่วคราวที่ริมทะเล โดยมีเกาเซียนจือคอยดูแลความเรียบร้อยแทนกู่ไห่
ตอนนี้ ชายหนุ่มแอบลงไปยังก้นทะเลลึก
ที่ใต้ทะเล กู่ไห่สามารถจับปลาฉลามได้ และใช้เท้าซ้ายเหยียบกลางลำตัวของมัน ส่วนมือขวาก็ดึงกระบี่กระดูก ที่บัดนี้กลายเป็ซี่โครงสีดำของตนออกมา
เมื่อกระบี่กระดูกถูกปลดปล่อย ก็แผ่ไอสีดำไปทั่ว แม้ปลาฉลามจะถูกชายหนุ่มเหยียบไว้ แต่ก็ยังดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว
“กระบี่กระดูก? ข้ารู้สึกได้ถึงความกระหายของเ้า” ดวงตาของกู่ไห่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ฉึกๆ!
กระบี่กระดูกค่อยๆ แทงเข้าไปในร่างฉลามั์เพียงเล็กน้อย
“โฮก!!!” ฉลามใหญ่ดิ้นรนไปมาอย่างเ็ป
ฟึ่บ!
พลังชี่สีดำที่พลุ่งพล่านอยู่บนกระบี่กระดูก พุ่งเข้าสู่ร่างฉลามทันที ควันสีดำพลันแปรเปลี่ยนเป็หัวกะโหลก ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง
หัวกะโหลกนับพันทะยานเข้าสู่ร่างของปลาฉลาม
ตูม!
เพียงพริบตา เนื้อและเืของฉลามั์ ก็ถูกหัวกะโหลกเ่าั้กลืนกินจนหมดสิ้น เหลือเพียงโครงกระดูก
ฟิ้วๆ!
จากนั้นหัวกะโหลกขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองนับพัน ก็กลายเป็ควันสีดำ กลับเข้าไปในกระบี่กระดูกเช่นเดิม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กระบี่กระดูกเมื่อได้กินฉลามเข้าไป ก็ดูเหมือนจะฟื้นคืนพลัง ทั้งยังค่อยๆ ส่งพลังชี่หนึ่งส่วน เข้าสู่ร่างกายของกู่ไห่
“ฮึ่ม!”
กู่ไห่รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย ดวงตาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น
กระบี่กระดูกนี่กินเืเนื้ออย่างนั้นหรือ? อีกทั้งยังนำสิ่งที่กินไปฟื้นฟูพลังของตน? เมื่อได้กลืนกินก็จะหลอมให้เป็พลัง ส่งเข้าร่างที่ตัวเองแฝงอยู่หนึ่งส่วน?
“ช่างเป็กระบี่กระดูกที่ชั่วร้ายจริงๆ!” ชายหนุ่มกล่าวอย่างพิศวง
หลังตรวจสอบกระดูกของฉลามอย่างละเอียด ไม่เพียงเืเนื้อ แม้แต่ไขกระดูกก็เกลี้ยง เหลือเพียงกองกระดูกเท่านั้น
กู่ไห่สูดหายใจลึก ก่อนเดินลงสู่ก้นทะเลอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ก็เห็นฝูงปลาฉลามกำลังว่ายน้ำอยู่
ไม่รอช้า เขารีบเดินไปยังกลุ่มปลาฉลามทันที
ฉึกๆๆๆ!
กระบี่กระดูกได้พุ่งเข้าเฉี่ยวปลาฉลามตัวหนึ่ง เพียงทิ้งาแไว้แค่นั้น แล้วควันสีดำจำนวนมาก ก็ก่อตัวเป็หัวกะโหลกขนาดเล็ก เข้ากลืนกินปลาฉลามอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลืนกินจนหมด ก็เปลี่ยนเป็ควันดำ กลับเข้ากระบี่กระดูกเช่นเดิม
แครกๆๆ!
โครงกระดูกของฉลามมากกว่ายี่สิบตัว หล่นลงไปกองที่ก้นทะเล
พลังชี่สีดำกลับเข้าสู่กระบี่กระดูกแล้ว แม้จะมีรอยแตกนับไม่ถ้วนบนตัวกระบี่ แต่กลับอันตรายอย่างหาที่เปรียบมิได้
ปลาฉลามยี่สิบตัว ถือว่าเป็พลังที่น้อยเกินไป จึงทำให้พลังที่ชายหนุ่มได้รับน้อยตามไปด้วย แทบไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อร่างกายของเขาด้วยซ้ำ
“กระบี่กระดูกเล่มนี้ร้ายกาจนัก ทุกที่ที่มันไป จะหลงเหลือไว้เพียงกองกระดูกเท่านั้น พลังสังหารชีวิต พลังชี่แห่งการทำลายล้าง? นับจากวันนี้เป็ต้นไป ข้าจะเรียกเ้าว่า 'เจวี๋ยเซิง[1]' กระบี่เจวี๋ยเซิง!” กู่ไห่มองดูกระบี่กระดูกในมือ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ
“ฮึ่ม!” กระบี่กระดูกสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับ้าจะบอก ว่ามันพึงพอใจกับชื่อใหม่เป็อย่างมาก
ฉึกๆ!
ชายหนุ่มเสียบกระบี่เจวี๋ยเซิง กลับเข้าไปที่ทรวงอกเช่นเดิม เมื่อเข้าไปจนหมด มันก็เปลี่ยนเป็กระดูกซี่โครงของเขา
หากไม่เห็นกองกระดูกที่ก้นทะเล ก็คงไม่รู้ว่ากระบี่เจวี๋ยเซิงได้ถูกดึงออกมา
“ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้าคือกระบี่ของข้า” กู่ไห่ทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำ
ตูม!
ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็พุ่งร่างออกจากทะเล และว่ายน้ำกลับไปยังชายฝั่ง
บนชายฝั่ง เกาเซียนจือกําลังฝึกคนโฉดกลุ่มหนึ่งอยู่
“นายท่านกลับมาแล้ว!” ฮวางบูและพวก เดินเข้ามาหากู่ไห่ พลางส่งผ้าเช็ดตัวให้เขา...
“อืม!” ชายหนุ่มรับผ้ามาเช็ดร่างกายอันเปียกชุ่มของตน
“นายท่าน ข้าเพิ่งไปสืบข่าวมา ได้ความว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในเขตพรรคต้าเฟิงจบลงแล้ว!” เฉินเทียนซานรีบวิ่งเข้ามา
“หืม?” กู่ไห่หันไปมองอีกฝ่าย
“เมื่อชีพจรัหลุดออกจากผนึก หลี่ฮ่าวหรานและป้าเซี่ยได้ต่อสู้แย่งชิงกัน แต่สุดท้าย ชีพจรัก็หลุดพ้นจากผนึกกระดองเต่า และฝังตัวลึกลงไปในแผ่นดินเบื้องล่าง
ทั้งหลี่ฮ่าวหรานและป้าเซี่ย ต่างไม่มีใครได้ชีพจรั ส่วนกระดองเต่านั้น ได้ถูกป้าเซี่ยกลืนกินเข้าไปแล้ว” เฉินเทียนซานรายงาน
“ผนึกกระดองเต่า ถูกป้าเซี่ยกลืนกินไปแล้วอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว! เพราะไม่อาจชีพจรั ทั้งสองจึงเปลี่ยนมาแย่งกระดองเต่าแทน แต่ป้าเซี่ยชิงไปได้ จึงกลืนกินมันลงไป ซึ่งสำหรับป้าเซี่ยแล้ว จะช่วยเพิ่มพลังได้มากทีเดียว จากนั้น กระดองของป้าเซี่ยก็เกิดประกายแสงสีทองขึ้น
ส่วนหลี่ฮ่าวหราน เมื่อไม่อาจชีพจรัได้ ก็บันดาลโทสะ ไล่สังหารอสูรทะเลไปเกือบหมด”
“แล้วอย่างไรต่อ?”
“บนฝั่ง ป้าเซี่ยไม่อาจเอาชนะหลี่ฮ่าวหรานได้ อสูรทะเลสามพันตนที่พามา ล้วนตายสิ้นด้วยลูกธนูของกองกำลังเฉินจีหยิง หลี่ฮ่าวหราน้าสังหารป้าเซี่ย
แต่เพราะรู้ว่าตนไม่อาจสู้ได้ มันจึงวิ่งหนีไป โดยมีหลี่ฮ่าวหรานไล่ตามไปตลอดทาง
จนถึงชายฝั่ง เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย มันจึงใช้พลังแห่งท้องทะเล ในที่สุด ป้าเซี่ยก็สามารถต้านทานการโจมตีของหลี่ฮ่าวหรานเอาไว้ได้”
“บนบก มันมิใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ฮ่าวหราน แต่เมื่อถึงทะเล แม้จะเป็หลี่ฮ่าวหรานก็ทำอะไรเต่าั์ไม่ได้” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ใช่! หลังจากการต่อสู้กันสองวันสองคืน ในที่สุด หลี่ฮ่าวหรานจึงยอมล่าถอยกลับไป” เฉินเทียนซานเล่า
ชายหนุ่มมองไปยังทะเลเบื้องหน้า ก่อนผงกศีรษะ “หลี่ฮ่าวหราน ช่างมีพลังเหนือธรรมชาติ!”
“นายท่าน พวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อใด?” เฉินเทียนซานถาม
“อีกนานหรือไม่ กว่าจะกลับถึงจวนสกุลกู่ของข้า?” กู่ไห่ถามกลับ พลางมองอีกฝ่าย
“ด้วยความเร็วในการเดินทางของเราตอนนี้ น่าจะใช้เวลาราวครึ่งเดือน!” เฉินเทียนซานตอบ
“แจ้งทุกคน กินให้อิ่มและพักผ่อน อีกครึ่งชั่วยาม[2] เราจะออกเดินทาง” ชายหนุ่มสั่ง
“ขอรับ!” ทุกคนตอบ
-----------------------------------------
[1] เจวี๋ยเซิง (绝生) แปลว่า มฤตยู
[2] ครึ่งชั่วยาม เป็การนับเวลาของคนจีนสมัยโบราณ โดยแบ่งเวลาในหนึ่งวันเป็สิบสองชั่วยาม หนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมง
เพราะฉะนั้นครึ่งชั่วยาม จึงเท่ากับหนึ่งชั่วโมง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้