“โกหก เ้านักพรตชั่ว เ้าโกหก” คหบดีถึงกับอยู่ไม่ติดที่
“ใช่ เ้าโกหก ข้าเห็นกับตาว่านางไม่มีเืพรหมจรรย์” ภรรยาของคหบดีรีบเสริม
“ข้าเป็นักพรตของราชวัง ผ่านมาเห็นเหตุวุ่นวายพอดี จึงยื่นมือเข้าช่วย พวกเ้าว่าข้าจะโกหกเพื่ออะไรหรือ? เทพเ้าัได้แสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว การที่นางยังมีชีวิตอยู่ เป็เครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง พวกเ้าสามีภรรยามีิญญาร้ายตามติดมากมาย ไม่รู้ว่าฆ่าอนุในจวนไปแล้วกี่คน คหบดีอย่างพวกเ้า จะพูดอย่างไรก็ย่อมได้ แต่ไม่อาจลบล้างหลักฐานตรงหน้า”
“เ้า..เ้าหาว่าพวกข้าเป็จอมโกหกหรือ” คหบดีโกรธจัด ชี้หน้านักพรตด้วยมือสั่นเทา
ครอบครัวพวกเขาทำการค้ามาหลายปีเพื่อเลี้ยงครอบครัวจนมีเงินทองมากมาย มักถูกผู้คนนินทาลับหลังว่าเป็พวกไม่น่าคบ เพราะผู้ที่มีวาทศิลป์ในการขายมักถูกดูถูกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่ปกติไม่เคยมีใครกล้าพูดต่อหน้าเขาตรงๆ เช่นนี้ เขาจึงโกรธมาก
ภรรยาเอกของคหบดีเฒ่าเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นักพรตของราชวังจึงไม่อยากมีเื่ด้วย รีบห้ามสามีและกระซิบกล่อมสามีให้ใจเย็นก่อน สุดท้ายพวกเขาได้แต่กัดฟันกล่าวโทษตัวเอง
“เป็พวกข้าไม่ดีเอง เช้านั้นข้าดูไม่ถี่ถ้วนจึงเข้าใจผิดไป ต่อไปข้าจะระวัง ขอท่านนักพรตโปรดให้อภัย” ภรรยาคหบดีกล่าว
“ข้าจะให้บ่าวรับใช้รีบมารับตัวนางกลับขอรับ” คหบดีเฒ่ากล่าว
“ข้าไม่กลับ...” หลินโม่เหนียงพูดออกมาเป็ครั้งแรก
“ลูกแม่ เ้าเชื่อฟังสามีนะ เื่ที่เกิดขึ้นเป็เพียงเื่เข้าใจผิด ต่อไปก็อยู่บ้านสามีและเชื่อฟังพวกเขาก็พอ” แม่ของหลินโม่เหนียงรีบพูด นางกลัวว่าครอบครัวตัวเองจะได้รับผลกระทบอะไรอีก ตอนที่จับบุตรสาวถ่วงน้ำก็เพราะกลัวว่าท่านคหบดีจะไม่พอใจที่ได้บุตรสาวแปดเปื้อน และอาจมาทวงเงินที่ให้เป็ค่าสินสอดไปแล้ว
“ข้าได้พบเทพั เขาบอกให้ข้าบำเพ็ญเพียร ครองพรหมจรรย์ ห้ามพบผู้คนอีก” หลินโม่เหนียงรีบคิดเื่โกหก เพราะไม่อยากกลับไปเป็อนุ ยิ่งไม่อยากกลับไปบ้านพ่อแม่ที่จับตัวเองฆ่าถ่วงน้ำทั้งเป็
นักพรตหันมายิ้มให้เด็กสาว เขาพยักหน้ารับข้อเสนอของนาง แม้หลินโม่เหนียงจะเห็นว่าในแววตาของเขาไม่เชื่อเื่ที่นางพูดสักครึ่งคำ แต่เขาก็ยังจัดการทุกอย่างตามที่นางโกหก
หลินโม่เหนียงถูกพาไปอยู่บนยอดเขาสูงนอกเมือง บนยอดเขามีเพียงเรือนไม้ที่สร้างง่ายๆ ข้าวของเครื่องใช้ก็เป็ของทั่วไป เสื้อผ้าที่นักพรตเตรียมให้เป็เพียงผ้าฝ้ายหยาบ ไม่อาจเพิ่มความอบอุ่นบังลมหนาวได้แม้สักนิด แต่ด้านหลังเรือนกลับเป็สระน้ำที่มีน้ำตกสายเล็กไหลลงมา เป็ทิวทัศน์ที่งดงามมากยิ่งนัก
“เ้าอยู่ที่นี่ มีของใช้จำเป็ครบ เดือนหนึ่งจะมีทหารมาส่งอาหารแห้งให้เ้าหนึ่งครั้ง หน้าที่ของเ้าคือศึกษาและบำเพ็ญเพียรให้ได้” นักพรตกล่าว
“ข้าไม่ได้พบเทพั และข้าไม่ได้รับจุมพิตใดๆ ทั้งสิ้น” เด็กสาวสารภาพความผิด
“ข้ารู้”
“เช่นนั้น เหตุใดข้ายังไม่ตายเ้าคะ”
“ข้าไม่รู้ แต่การมีอยู่ของเ้าเป็ประโยชน์ต่อองค์จักรพรรดิ ดังนั้นเ้าจึงต้องอยู่ที่นี่ ต่อให้เ้าตาย ข้าก็จะต้องหาเ้าคนใหม่มาอยู่ที่นี่ต่อไป” นักพรตอธิบาย
หลินโม่เหนียงพยักหน้าเข้าใจ นางขอเพียงไม่ต้องกลับไปพบพ่อแม่และคนอื่นๆ ที่จะมองนางด้วยสายตาประหลาด การอยู่คนเดียว แม้จะเงียบเหงาและน่ากลัวบ้าง แต่ย่อมดีกว่าการเป็อนุของคหบดีเฒ่า
“ตอนแรกข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงยื่นมือช่วยสาวชาวบ้านเช่นข้า แต่พอคิดดูแล้ว ข้าเป็เพียงเครื่องมือเพื่อกำจัดตระกูลซานใช่หรือไม่เ้าคะ”
โม่เหนียงไม่ได้เป็คนโง่ นางคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคหบดีเฒ่าคุยอวดนักหนาว่าเขาเป็คนสนิทของอ๋องซาน ซึ่งก็มีข่าวลือว่าอ๋องซานซ่องสุมไพร่พลจำนวนมาก จักรพรรดิอาจระแวงว่าเขาจะก่อฏ จึงตัดกำลังด้วยการกำจัดแหล่งเงินทุนเช่นคหบดีเฒ่าก่อน นางเป็เพียงเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานหมากเท่านั้น
“หึ เ้าก็ไม่ได้โง่ แต่ข้าแนะนำว่าให้สงบปากไว้จะดีกว่า” นักพรตพูด
“ข้าจะถูกใครตามฆ่าหรือไม่เ้าคะ” นางกล่าวสิ่งที่กลัว
“ไม่ อ๋องซานไม่สนใจเ้า และเ้าเฒ่าตัณหากลับนั่นก็จะถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์จนอยู่ในเมืองหลวงไม่ไหว เนื่องจากเขาทำให้ท่านเทพัพิโรธ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล พืชผลไม่เจริญเติบโต ชาวบ้านจึงอดอยาก
และเมื่อเ้าเฒ่าคหบดีหนีออกนอกเมืองก็จะบังเอิญเจอโจรปล้น จนไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ จึงไม่มีผู้ใดสนใจส่งคนมาฆ่าเ้าอีก แต่น่าเสียดายที่ข้าเป็ผู้เอ่ยปากบอกว่าเ้าได้รับจุมพิตั
อีกทั้งเ้ายังแสดงตัวว่าต้องบำเพ็ญเพียรให้ได้ ข้าจึงพาเ้ามาที่นี่ อยู่ห่างไกลผู้คน สถานที่ที่เกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น หากมีเหตุจำเป็จนต้องเปลี่ยนตัว ข้าจะได้อ้างกับผู้คนว่าเป็ผลจากการบำเพ็ญเพียรทำให้หน้าตาของเ้าเปลี่ยนไป”
นักพรตอธิบายอ้อมๆ คล้ายเป็การทำนายอนาคตล่วงหน้า แต่นางและเขาต่างรู้ดีว่าเื่ที่เขาพูด ถูกวางแผนมาแล้วเป็อย่างดี ไม่ว่าอย่างไร คหบดีก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ และนางก็ไม่อาจออกไปจากที่นี่อีกชั่วชีวิต
“ข้าเข้าใจแล้วเ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก ข้าจะตั้งใจบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ตลอดไป” โม่เหนียงคุกเข่าขอบคุณนักพรต
