ภาพอันแปลกประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ยและซูเฟยเฟย เมื่อมือของซูเฟยเฟยััเข้ากับร่างของเด็กสาวคนนั้นคิ้วของเธอก็ขยับเล็กน้อยจนแทบจะสังเกตไม่เห็น.......... และระหว่างนั้นเองมือของซูเฟยเฟยก็หยุดชะงักแล้วสีหน้าแปลกๆก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ เธอลองเอื้อมมือไปด้านหน้าแต่กลับพบว่ามือของตัวเองััได้เพียงแก้วโปร่งใสเท่านั้นและไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่อาจเอื้อมมือออกไปด้านหน้าได้
“นี่..........เทียนเซี่ย เกิดอะไรขึ้น.......... ทำไมมือของฉัน..........เหมือนมีอะไรมาขวางอยู่ข้างหน้างั้นแหละ แต่ว่ามันไม่มีอะไรชัดๆ” ซูเฟยเฟยมองไปที่มองมือของตัวเองอย่างโง่งม จากนั้นเธอก็ลองยื่นมือออกไปที่ตำแหน่งเมื่อกี้อีกครั้ง.......... ฉากแบบเดิมปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของเด็กสาวตรงหน้าราวกับถูกปกคลุมด้วยลูกแก้วโปร่งใส ทำให้เธอไม่สามารถััร่างของเด็กสาวได้
สถานการณ์แปลกประหลาดที่แหกกฎธรรมชาติแบบนี้ทำให้ซูเฟยเฟยมึนงง เมื่อรวมเข้ากับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้เธอก็เริ่มมีความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน
เด็กสาวคนนี้จะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว........ ในคืนที่มีฝนตกและฟ้าผ่า เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา ดวงตาของเธอปิดสนิท ความนิ่งงันที่ไร้เสียง............แล้วยังสิ่งกีดขวางที่ไม่อาจใช้หลักการใดๆมาอธิบายได้อีก
เย่เทียนเซี่ยเอื้อมมือออกไปทางเด็กสาวคนนั้นดูบ้าง และสิ่งที่ทำให้ซูเฟยเฟยใก็คือการกระทำที่เหมือนกัน แต่มือของเย่เทียนเซี่ยกลับทะลุผ่านสิ่งกีดขวางนั้นเข้าไปัักับร่างของเด็กสาวคนนั้นและวางมือลงบนไหล่ของเธอได้
เพราะยืนเปียกฝนอยู่นานร่างของเด็กสาวจึงสั่นเทาด้วยความหนาวเย็น เมื่อมือของเย่เทียนเซี่ยััเข้ากับแผ่นหลังของเธอเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างของเธอสั่นเล็กน้อย ทันใดนั้นเด็กสาวผู้เงียบงันก็พุ่งเข้ามาด้านหน้าแล้วโผเข้าหาเย่เทียนเซี่ยอย่างแรงก่อนจะโอบกอดเขาเอาไว้อย่างแ่า..........
เย่เทียนเซี่ยและซูเฟยเฟยหันมามองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
“น้องสาว” เย่เทียนเซี่ยลูบไหล่ของเธอเบาๆแล้วลองเรียกเธอออกไป
“พี่.........ชาย.............”
เสียงสะอื้นเล็กๆที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสั่นเทาดังขึ้นมาจากปากของเด็กสาวที่โอบกอดเย่เทียนเซี่ยเอาไว้จนแน่น เสียงสองเธอนุ่มนวลเหมือนสายลม แต่กลับฟังดูบีบรัดอย่างเห็นได้ชัด........ ราวกับว่าคำๆนั้นได้ใช้พลังงานของเธอไปจนหมดแล้ว
พี่ชาย? ซูเฟยเฟยมองเย่เทียนเซี่ยด้วยสายตาแปลกๆ เธอกำลังจะถามว่า............ เธอคือน้องสาวของนายงั้นเหรอ? แต่จริงๆแล้วเธอเองก็รู้ดีว่าญาติพี่น้องของเย่เทียนเซี่ยลาโลกนี้ไปจนหมดแล้ว เพื่อของเขาก็มีแค่สามคน ไม่มีทางที่เขาจะมีน้องสาวโผล่ขึ้นมาได้แน่นอน
“ฉันไม่ใช่พี่ชายของเธอหรอกนะ น้องสาว เธอจำคนผิดแล้วล่ะ” เย่เทียนเซี่ยเผยยิ้มจนปัญญาให้ซูเฟยเฟยเมื่อเขาต้องพูดความจริงเช่นนี้กับเด็กหญิงตัวน้อย
“พี่........ชาย พี่คะ..........”
เธอยังคงกอดร่างของเย่เทียนเซี่ยเอาไว้แน่นก่อนจะพิงตัวเอาไว้กับอ้อมแขนของเขาแล้วร้องไห้ออกมาโดยไร้เสียง
ซูเฟยเฟยลองเอื้อมมือไปัักับร่างของเธออีกครั้ง เมื่อมือของเธอห่างจากร่างของเด็กหญิงเพียงไม่กี่เิเมันก็ไม่สามารถเอื้อมไปด้านหน้าได้อีก........... ปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อนี้ทำให้จิตใจของซูเฟยเฟยว้าวุ่น และมีความรู้สึกไม่สบายใจที่แสนจะคลุมเครือผุดขึ้นมา
“เทียนเซี่ย......... เธอแปลกมากเลย ทำไมฉันถึงจับตัวเธอไม่ได้ เป็ภาพลวงตางั้นเหรอ? หรือว่า.......เทียนเซี่ย นายดูสิ ไหล่ของเธอเหมือนจะมีจดหมายแปะอยู่ด้วย”
ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยเบนไปมองไหล่ของเด็กสาวคนนั้นตามคำเตือนของซูเฟยเฟย......... มันคือกระดาษแผ่นเล็กๆ เด็กสาวยืนอยู่กลางสายฝนเป็เวลานาน เสื้อผ้าทั่วทั้งร่างของเธอเปียกชุ่มไปหมด ถ้ามันเป็จดหมายปกติสายฝนที่เทลงมาแบบนี้คงจะลบเลือนตัวอักษรที่อยู่ด้านในของมันไปจนหมดแล้ว.......... แต่จดหมายที่ติดอยู่กับไหล่บนชายเสื้อของเธอนั้นกลับแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่หยดน้ำที่เปียกชุ่มอยู่้าก็ไม่มีเลยสักหยด
เย่เทียนเซี่ยลองใช้มือกดลงไปบนจนหมายฉบับนั้นแล้วมันก็ติดมากับมือของเขาอย่างง่ายดาย เย่เทียนเซี่ยเริ่มเปิดดูจดหมายฉบับนั้น............ ในนั้นเขียนข้อความสั้นๆไว้สองแถว
แถวที่หนึ่งมีตัวอักษรสี่ตัวเรียงกันว่า : เธอชื่อเสี่ยวซี
ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยหดเล็กลง ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้นดวงตาอันแข็งกร้าวของเขาก็กลายเป็สายตาอันอ่อนโยน........... และขณะเขากำลังตกตะลึงจดหมายฉบับนั้นก็ร่วงลงจากมือของเขาอย่างอ่อนแรงและตกลงบนพื้น
“เทียนเซี่ย?” ปฏิกิริยาตอบรับของเย่เทียนเซี่ยทำให้ซูเฟยเฟยส่งเสียงออกมาด้วยความกังวลและตื่นเต้น
เย่เทียนเซี่ยยกตัวเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปนอกประตู เขาวิ่งห่างออกไปประมาณสิบกว่าเมตรแล้วก็หยุดยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้ามืดดำที่มีสายฝนเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ไร้เสียง ไร้จิติญญา แม้ว่าเม็ดฝนจะตกลงมากระทบดวงตาอันอ่อนล้าของเขา ดวงตาของเขาก็ยังคงไม่กระพริบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาสูญเสียสติรับรู้ไปแล้ว
“เทียนเซี่ย! นายเป็อะไรน่ะเทียนเซี่ย!” ซูเฟยเฟยที่ถูกทำให้ใอย่างมากวิ่งตามเขาออกมาโดยไม่สนใจสายฝนที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่งและเสียงฟ้าร้องคำรามด้านนอก เธอกอดร่างของเขาเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทิ้งเธอเอาไว้แล้ววิ่งหนีไปอย่างกะทันหัน “เทียนเซี่ย อย่าทำให้ฉันใสิ นายเป็อะไรกันแน่”
ชั่วพริบตาเดียวซูเฟยเฟยที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนก็เหมือนจะไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นของสายฝนและเสียงฟ้าที่ผ่าลงมา หัวใจและความคิดทั้งหมดของเธอผูกติดไว้กับเย่เทียนเซี่ย........ คลื่นอารมณ์และปฏิกิริยาอันรุนแรงที่เขาแสดงออกมาเมื่อกี้นี้เคยเกิดขึ้นเพื่อคนๆเดียวเท่านั้น........... เซียนเอ๋อร์ของเขา
“เซียนเอ๋อร์...........”
เย่เทียนเซี่ยเงยหน้าขึ้นแล้วพึมพำกับท้องฟ้าเบื้องบน ก่อนจะใช้เสียงที่ดังที่สุดและใช้ความคิดถึงทั้งหมดของเขา ะโชื่อที่ประทับแน่นในิญญา ฝังอยู่ในใจ แล้ววนเวียนอยู่ในความฝันออกไป แล้วทันใดนั้นเสียงะโดังก้องของเขาก็ถูกสายฝนและเสียงฟ้าผ่ากลืนกินไปจนหมด เย่เทียนเซี่ยหลับตาลง สองมือของเขาบีบเข้าหากันแน่นแล้วเฝ้าถามตัวเองไม่หยุดด้วยเสียงอันแ่เบา...........
ทำไม............ทำไม............ทำไม............ทำไม............
หมายความว่าวันนั้นไม่ใช่ภาพลวงตา
ทำไม............ ทั้งๆที่เธออยู่ข้างกายของเขาแท้ๆแต่เธอกลับไม่ยอมมาพบเขา
ทำไม............
ทำไม............
ระหว่างพวกเรายังมีอะไรที่ไม่สามารถพูดคุยกันได้อีก ถ้ามีเื่ร้ายแรงอะไรที่ยากจะพูดออกมาจริงๆ.......... แล้วสิ่งนั้นมันคืออะไร อะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเราสองคนไม่อาจพบเจอกันได้อย่างนั้นเหรอ!?
เสียงะโกังก้องสั่นสะท้านเข้าไปถึงแก้วหูและจิติญญาของซูเฟยเฟย เธอปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความพร่ามัวลงไปทันทีแล้วไม่พูดอะไรอีกนอกจากโอบกอดร่างของเขาเอาไว้อย่างไร้เสียง............ การได้โอบกอดเขาเอาไว้แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็ที่ไหน ทุกนาทีทุกวินาทีก็ล้วนอบอุ่นและล้ำค่าเหลือเกิน............
ถ้าวันนึงเธอต้องจากเขาไป เขาจะรีบะโชื่อของเธอออกมาเสียงดังอย่างไม่สนใจอะไรอย่างนี้ไหมนะ?......... ถ้าเป็อย่างนั้น ต่อให้ต้องคิดถึงเขาไปตลอดชีวิต เธอก็คงจะมีความสุขไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
มันใดนั้นมือของเธอก็ถูกมือข้างหนึ่งกอบกุมเอาไว้ ซูเฟยเฟยลืมตาขึ้นมาแล้วมองเข้าไปในดวงตาที่แฝงความเหงาเอาไว้ภายในของเย่เทียนเซี่ย เส้นผมของเธอถูกสายฝนพัดพาจนยุ่งเหยิงไปหมดและมีบางเส้นที่ติดอยู่บนหน้าผากขาวของเธอ ระหว่างที่กำลังมองตากันเงียบๆอยู่นั้นสีหน้าแข็งกร้าวของเย่เทียนเซี่ยก็ค่อยๆอ่อนโยนลง จากนั้นเขาก็แย้มยิ้มให้เธอ มันเป็รอยยิ้มที่ทำให้เธอหัวใจเต้นแรง............ เพราะว่าดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็อ่อยโยนอย่างฉับพลัน มันเป็ความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน...........
“เฟยเฟย เป็แฟนฉันได้ไหม” เขาใช้มือช่วยปัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงจากน้ำฝนบนหน้าผากของเธอออกไปอย่างอ่อนโยน เสียงนั้นอ่อนโยนจนซึมลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ..........
ความสุขผ่านเข้ามาอย่างกะทันหันเกินไปแล้ว ซูเฟยเฟยนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ทั้งหมดนี่..............เธอแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ถ้าเธอตกลง ฉันจะอยู่เป็เพื่อนเธอ จะปกป้องเธอไปชั่วชีวิต ใครก็จะทำร้ายเธอไม่ได้อีก คนที่คิดจะทำร้ายเธอ ฉันจะทำให้พวกมันต้องชดใช้อย่างสาสมที่สุด ถ้าเธอไม่ตกลง............ ฉันก็จะติดตามเธอ จนกว่าเธอจะตกลง” เขาขยับเข้ามาใกล้แก้มของเธอแล้วกระซิบเบาๆอยู่ข้างหูของเธอ
ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไป กะทันหันเกินไป............ ซูเฟยเฟยยังไม่ทันเรียกสติกลับมาจากประโยคที่เขาะโเรียกชื่อเซียนเอ๋อร์ออกมาเลย แต่เธอกลับต้องงุนงงเหมือนตกอยู่ในความฝันภายใต้เสียงของเขาอีกครั้ง........ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาที เขายังใช้พลังทั้งหมดของเขาเรียกชื่อเซียนเอ๋อร์ของเขาอยู่เลย แล้วทำไมชั่วพริบตาเดียว เขากลับเหมือนลืมมันไปทั้งหมด ลืมสิ้นซึ่งความรู้สึกทั้งหมดของตัวเอง แล้วเริ่มต้นอีกความรู้สึกหนึ่งที่เขา้า..........
“เทียนเซี่ย..........” ซูเฟยเฟยยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง หยดน้ำที่ไหลรินอยู่บนใบหน้าของเธอไม่รู้ว่ามันคือน้ำฝนหรือน้ำตา เธอกระซิบออกมาแ่เบา “ผู้ชายพูดออกมาแล้ว.........ห้ามคืนคำนะ...........”
“อืม มันจะเป็อย่างนั้นตลอดไป ไม่อย่างนั้นก็ให้ฉันเป็บอดี้การ์ดข้างกายเฟยเฟยตลอดไปเลย” เย่เทียนเซี่ยใช้นิ้วก้อยของเขาเกี้ยวเข้ากับนิ้วก้อยของซูเฟยเฟยแล้วกระชับมันจนแน่น รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากของเขาไร้สิ่งแอบแฝง ไม่ใช้การหลอกลวง ไม่มีความฝืนใจใดๆทั้งสิ้น
ซูเฟยเฟยมองเย่เทียนเซี่ยนิ่งงัน ผ่านไปครู่ใหญ่เธอจึงพุ่งเข้าไปกอดเขาแล้วร้องไห้ออกมาท่ามกลางเสียงฝนและเสียงฟ้าร้อง.......... ไม่มีใครรู้เลยว่าครั้งแรกที่เธอตกหลุมรักผู้ชายมันจะเป็ความรักที่เ็ปถึงขนาดนั้น ไม่ว่าจะหัวเราะมากแค่ไหน แสดงความมีชีวิตชีวาออกไปมาเท่าไร แต่เธอก็อดคิดถึงความเ็ปที่เธอจะต้องเผชิญในอนาคตไม่ได้......... เธอรู้มาโดยตลอดว่าถ้าเธอจากเขาไปหัวใจของเธอคงจะต้องเ็ปโดยที่ไม่อาจเยี่ยวยาได้ตลอดกาล
เขามีความรักลึกซึ้งต่อเซียนเอ๋อร์ของเขาล้ำลึกถึงขนาดนั้น เธอคิดมาโดยตลอดว่าแม้ว่าเซียนเอ๋อร์ของเขาจะไม่กลับมาอีกเลยตลอดกาล เขาก็คงจะใช้ทั้งชีวิตของเขาเพื่อรอคอยเธอ.........หัวใจของเขาคงไม่อาจมีใครได้อีก
คิดไม่ถึงเลยว่า เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ความปรารถนาอันงดงามที่สุดของเธอจะกลายเป็จริงอย่างฉับพลันในตอนนี้ เขาให้สัญญาชั่วชีวิตกับเธอ
เธอไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็เพราะอะไร เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่......... เธอไม่อยากถาม และเธอก็ไม่อยากรู้ ถ้านี่คือความฝัน เธอก็ยินดีที่จะจมอยู่กับมันโดยไม่ต้องตื่นจากฝันนั้นอีกเลย
ฉากนี้ยังคงหยุดนิ่งอยู่กลางสายฝนเป็เวลานาน............
เด็กสาวในชุดกระโปรงสีม่วงยืนอยู่หน้าประตู เธอฟังเสียงสายฝนตกกระทบพื้นดินอย่างเงียบๆ ดวงตาของเธอยังคงปิดสนิทและมันก็ไม่เคยเปิดลืมขึ้นมาเช่นกัน
————
————
เมื่อกลับมาถึงห้องรับแขก ร่างของเย่เทียนเซี่ยและซูเฟยเฟยก็เปียกปอนไปด้วยน้ำฝน เย่เทียนเซี่ยยังดีอยู่ แต่ร่างของซูเฟยเฟยที่ถ้าไม่ใช่เพราะสวมเสื้อคลุมที่เรียกได้ว่าค่อนข้างหนาของเย่เทียนเซี่ยคลุมเอาไว้ ชุดนอนบางๆของเธอหลังจากเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนคงทำให้ซูเฟยเฟยไม่ต่างกับเปลือยเปล่าเลยทีเดียว
จดหมายที่ร่วงหล่นลงบนพื้นถูกเย่เทียนเซี่ยเก็บขึ้นมา ไม่รอให้ซูเฟยเฟยถามอะไรออกมาเขาก็พูดออกมายิ้มๆ “มันเป็ลายมือของเซียนเอ๋อร์ ้าเขียนไว้ว่าเธอชื่อเสี่ยวซี”
ซูเฟยเฟยพยักหน้าน้อยๆแล้วไม่ได้ถามอะไรมากมายแล้วเริ่มใช่สายตาสำรวจเด็กสาวที่ชื่อว่า “เสี่ยวซี” อย่างละเอียด
เย่เทียนเซี่ยเปิดจดหมายฉบับนั้นออกมาอีกครั้งแล้วมองตัวอักษรในบรรทัดที่สอง ตัวอักษะเ่าั้มีทั้งหมดสิบตัว.......... มันทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
ตัวอักษะทั้งสิบตัวนั้นก็คือ...........เป็ตายยังไงก็อย่าให้เธอลืมตาขึ้นมาเด็ดขาด!