คนตระกูลเสิ่นทุกคนที่อยู่รอบๆ ลานประลองต่างก้มหน้านิ่ง แม้เสิ่นเสวียนจะได้รับการยอมรับจากพวกเขา แต่ก็มิอาจทำให้พวกเขายอมแลกกับชีวิตตนเองได้
เสิ่นเสวียนถูกขังมาสามปี ไม่เคยได้วางรากฐานความไว้วางใจ ที่พอมีอยู่บ้างก็เพราะได้มาจากผู้นำตระกูลรุ่นก่อน นั่นคือท่านปู่ของเขา แม้ครั้งนี้เสิ่นเสวียนจะทำได้ดี แต่ยังคงไม่พอ
พวกเขาร่วมไว้ทุกข์ให้กับเสิ่นเสวียน นับแต่นี้ไปเสิ่นเสวียนจะได้เข้าสู่แผนผังตระกูลอย่างแท้จริง แต่ก็ทำได้แค่นี้เท่านั้น
“คมหมัดปะทุ!”
เสียงะโพลันดังขึ้นจากลานประลอง ทำให้คนตระกูลเสิ่นที่ก้มหน้าอยู่ต่างเงยหน้าขึ้นมอง
บนลานประลอง หานเฟิงกำลังบีบคอเสิ่นเสวียนอยู่ ้าสังหารเขาให้ตาย
ทันใดนั้นเอง ร่างของเขากลับยืนแข็งทื่อ สีหน้าตื่นใ กระทั่งสีแดงฉานในดวงตายังเบาบางลง
“นี่มัน!”
หานเฟิงมองเสิ่นเสวียนที่อยู่ตรงหน้าพลางกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก
เสิ่นเสวียนใช้พลังทั่วทั้งร่างแสดงพลังหมัดโจมตีเข้าใส่แขนของหานเฟิงจนหลุดจากมือที่บีบคอเขาอยู่ แล้วเขาก็ะโถอยห่างออกจากหานเฟิงกว่าสิบห้าฉื่อ
“เยี่ยมไปเลย!”
เสิ่นล่างที่นั่งอยู่ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เจี้ยนอู๋เฉินผุดลุกขึ้น สีหน้าตื่นใ
“ปะทุ!”
เสิ่นเสวียนะโด้วยน้ำเสียงเย็นจับขั้วหัวใจ หานเฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายที่ขยายใหญ่กำลังส่งเสียงอู้อี้อยู่ภายใน
“อุก! อุก! อุก!”
ทุกครั้งที่เกิดเสียง ร่างของหานเฟิงจะบิดเบี้ยวคล้ายลูกโป่งที่โดนปล่อยลม พร้อมกับพลังแผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“นายน้อย!”
ผู้าุโตระกูลหานที่ไม่เคยกล่าวอะไรออกมาเลยในตอนนี้เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว เขามาที่นี่กับหานเฟิง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหานเฟิงจะเป็แบบนี้ไปได้ เดิมทีคิดว่าจะได้เห็นเื่น่าประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าต้องเจอกับเื่น่าใแทน!
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์มองทุกอย่างบนลานประลองด้วยแววตาสับสน ตอนที่นางมองไปทางเสิ่นเสวียนอีกครั้ง แววตาได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้ว
ชายหนุ่มคนนี้ต่างจากเดิมมาก
เสียงอู้อี้ยังคงดังออกมาจากร่างของหานเฟิงไม่หยุด แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็เสียงะเิ ทุกครั้งที่ะเิจะมีเืไหลทะลักออกมาจากร่างของเขา ชโลมพื้นจนแดงฉาน
การะเิเกิดขึ้นต่อเนื่องกันหลายสิบครั้งจึงค่อยสงบลง ส่วนหานเฟิงหมดสตินอนหมอบอยู่ที่พื้นลานประลองไปแล้ว
“กินยาให้ได้พลังมา แต่ได้แค่นี้เองหรือ!”
เสิ่นเสวียนยันร่างตนเองให้ลุกขึ้นยืนบนลานประลอง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็น อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจพลังของโลกนี้อย่างแท้จริง ในตอนนี้เขาทำให้คนอย่างหานเฟิงเป็แบบนี้ได้เท่านั้น หากต้องสู้กับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง เขาต้องตายอย่างแน่นอน
เขายังจำเป็ต้องเพิ่มพลังขึ้นไปอีก
แค่ในตระกูลเสิ่น หากเสิ่นล่างคิดสังหารตนเอง คงหนีจากความตายไม่พ้น
“นายน้อย!”
ผู้าุโตระกูลหานเหาะขึ้นไปบนลานประลอง เห็นหานเฟิงนอนจมกองเือยู่ที่พื้นจึงตรวจอาการเขาในทันที สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าไอพลังทั่วทั้งร่างหานเฟิงอ่อนแรงลงจนอาจหมดไปได้ทุกเมื่อ
“บังอาจนัก! กล้าดีอย่างไรถึงทำกับนายน้อยของข้าเช่นนี้”
ผู้าุโตระกูลหานจ้องเสิ่นเสวียนด้วยแววตาวาวโรจน์ เจตจำนงสังหารฉายออกมาจากดวงตา
หากเื่นี้รู้ไปถึงผู้นำตระกูลจะต้องเกิดเื่ใหญ่ขึ้นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นเมืองอวี่ฮว่าจะเปลี่ยนไป
“ไร้สาระอะไร เ้าตาบอดหรือ”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายด้วยแววตาคมกริบ กล่าวเสียงเรียบ
“เ้า!...”
ผู้าุโตระกูลหานกล่าวได้เพียงเท่านี้ก็กัดฟันแน่น ไม่ได้คิดยั่วโมโหเสิ่นเสวียนอีก ตอนนี้เสิ่นเสวียนมีอำนาจที่จะกล่าวเช่นนี้จริงๆ แค่พลังที่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้เขาก็สู้ไม่ได้แล้ว และที่นี่ยังมีเสิ่นล่างที่ดูอยู่ด้วย หากต้องสู้กันจริงๆ คนที่เสียเปรียบก็คือเขาเอง
เื่ราวบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว มิอาจย้อนเวลากลับไปได้ ทำได้เพียงออกไปจากที่นี่
“หากนายน้อยเป็อะไรไป เสิ่นเสวียน เ้าต้องรับผิดชอบ”
ผู้าุโตระกูลหานแบกหานเฟิงขึ้นหลัง เขากล่าวกับเสิ่นเสวียนด้วยถ้อยคำรุนแรง จากนั้นเขาก็ะโลงจากลานประลองเดินเข้าไปหาเจี้ยนอู๋เฉิน แล้วกล่าว “คุณชายเจี้ยน นายน้อยของข้าาเ็หนัก ข้าต้องขอตัวก่อน ขออภัยด้วย”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็แบกหานเฟิงออกจากตระกูลเสิ่นไปอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเสวียนเอาชนะหานเฟิงได้ ทำให้ตระกูลเสิ่นได้รับเกียรติอย่างสูง ทว่าทุกคนกลับไม่ได้ดีใจเพราะเหตุนี้เลย ในทางกลับกัน สีหน้าของพวกเขาดูแย่มาก รวมไปถึงผู้าุโทั้งหลายด้วย
ผู้าุโตระกูลหานกล่าวไม่ผิดเลย หากหานเฟิงเป็อะไรขึ้นมาจริงๆ ตระกูลเสิ่นต้องแย่แน่ ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนทำให้หานเตากลายเป็คนสติไม่สมประกอบไปแล้ว สองเื่นี้รวมกันก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองตระกูลต้องสู้กันจนพินาศไปข้างหนึ่ง
“ผู้าุโใหญ่ ที่เหลือต้องให้ท่านจัดการแล้ว”
หลังจากเสิ่นเสวียนมองหานเฟิงจากไป ดวงตาของเขาก็พร่ามัว เขาหันมองเสิ่นล่างก่อนจะล้มลงไปบนลานประลอง หมดสติไปเช่นกัน
เมื่อครู่เขาคิดจะสังหารหานเฟิง แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าร่างกายเหมือนจะหมดพลังแล้ว บัดนี้เขาได้รับชัยชนะแล้ว ความเหนื่อยล้าจึงรุมเร้า ทำให้เขาหมดสติไป
“ท่านพี่!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเห็นเสิ่นเสวียนล้มลงไปจึงะโเสียงดัง นางไถรถเข็นออกไป อยากไปดูว่าเสิ่นเสวียนเป็อย่างไรบ้าง แต่โดนเสิ่นว่านซื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ดึงเอาไว้ เขาบอกเสิ่นเสี่ยวเม่ยว่าไม่เป็ไรหรอก ไม่ต้องขึ้นไป เพราะอาจรบกวนการรักษาของผู้าุโใหญ่ได้ เสิ่นเสี่ยวเม่ยได้ยินดังนั้นจึงสงบลง
ในขณะที่เสิ่นเสวียนหมดสติไป เสิ่นล่างเหาะขึ้นไปบนลานประลองแล้ว และตรวจอาการาเ็ของเสิ่นเสวียนอย่างละเอียด
หลังจากตรวจอาการแล้วก็ทำให้เขาใจนตะลึงงัน
แม้เสิ่นเสวียนจะแสดงพลังเกินขีดจำกัดของร่างกาย แต่ตรวจพบเพียงความเหนื่อยล้าเท่านั้น ทั้งร่างกายและจิตใจต่างเหนื่อยล้าจึงหมดสติไป และสิ่งที่ทำให้เขาใมากที่สุดคือ พลังที่ไหลเวียนไปตามชีพจรในร่างของเสิ่นเสวียนไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนทั่วๆ ไป นี่คือเหตุผลที่เขามองพลังของเสิ่นเสวียนไม่ออก
เขาเอายาฟื้นฟูพลังออกมาจากแหวนมิติหนึ่งเม็ดป้อนเข้าปากเสิ่นเสวียนไป เพื่อให้พลังของเสิ่นเสวียนค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา ไอพลังต่อสู้ของที่นี่รุนแรงมากเกินไป มิอาจโคจรไอพลังส่งเข้าไปในร่างได้เหมือนกับที่เสิ่นเสวียนทำให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย จึงต้องใช้ยารักษาเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าพลังของเสิ่นเสวียนค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็พลังชีวิต เสิ่นล่างจึงถอนหายใจออกมา เช่นนี้นับว่าช่วยชีวิตเขาไว้ได้แล้ว แต่เสิ่นล่างมิอาจช่วยฟื้นฟูพลังจิติญญาได้ เสิ่นเสวียนต้องฟื้นฟูมันขึ้นมาด้วยตนเอง หากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ นอนพักสักสองวันน่าจะฟื้นฟูได้เกือบสองส่วน
“ไม่เลว ไม่เลว”
ขณะนั้นเอง เสียงของเจี้ยนอู๋เฉินพลันดังขึ้น เสียงนั้นแฝงด้วยความชื่นชมและมีความร่าเริงผสมผสานอยู่ด้วย
เจี้ยนอู๋เฉินเหาะขึ้นไปบนลานประลอง หยุดอยู่ห่างจากเสิ่นล่างประมาณหนึ่งจั้ง
“นี่คือยาเรียกิญญาขั้นสี่ เอาให้เขากิน จะทำให้เขาฟื้นฟูพลังได้ทันที”
เจี้ยนอู๋เฉินเอายาสีเขียวมรกตออกมาจากแหวนมิติหนึ่งเม็ดแล้วส่งให้เสิ่นล่าง
“ยาเรียกิญญาขั้นสี่?”
เสิ่นล่างมองเม็ดยาสีเขียวมรกตในมือของเจี้ยนอู๋เฉินด้วยแววตาสับสน เขาเคยได้ยินชื่อยาเรียกิญญามาก่อน แต่ไม่เหมือนกับยาสีเขียวมรกตของอีกฝ่ายเลย การกระทำของเจี้ยนอู๋เฉินเหมือนเป็การแสดงน้ำใจ แต่อาจมีเจตนาแอบแฝง ยานี้กินเข้าไปแล้วไม่แน่ว่าจะดี
“ขอบคุณน้ำใจของคุณชายเจี้ยน ผู้นำเพิ่งกินยาเข้าไป อย่าให้เขากินยามากเกินไปเลย”
เสิ่นล่างประคองเสิ่นเสวียนขึ้นพลางก้มหัวกล่าวกับเจี้ยนอู๋เฉิน เขาไม่กลัวเจี้ยนอู๋เฉิน แต่กับสำนักกระบี่หากไม่ล่วงเกินได้ก็จะดีกว่า
“ดูเหมือนน้ำใจของข้าจะถูกปฏิเสธเสียแล้ว พวกเ้าตระกูลเสิ่นอยากเข้าร่วมสำนักกระบี่หรือไม่ ข้าสามารถเตะตระกูลหานออกไป ให้พวกเ้าเป็อันดับหนึ่งในเมืองอวี่ฮว่าได้”
เจี้ยนอู๋เฉินมองเสิ่นล่างพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เสิ่นล่างมีพลังขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังต้องหวาดกลัวเจี้ยนอู๋เฉินอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินคำของเจี้ยนอู๋เฉิน ทุกคนในตระกูลเสิ่นที่เดิมทีดูเศร้าโศกพลันหันมองด้วยความประหลาดใจ หากได้เข้าร่วมสำนักกระบี่จริงๆ ตระกูลหานจะเป็อะไรได้
“ขอบคุณความปรารถนาดีของคุณชายเจี้ยน แต่เื่ใหญ่เช่นนี้ต้องถามความเห็นจากผู้นำตระกูลของพวกข้าด้วย เชิญท่านกลับไปก่อนเถอะ!”
เสิ่นล่างประคองร่างเสิ่นเสวียนพลางกล่าวกับอีกฝ่ายเบาๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้