โจรอะไรกัน...มู่เทียนหนานนี่ สมองมีปัญหาหรืออย่างไรเมล็ดพันธุ์โสมพวกนั้นเธอก็ไม่ได้เป็คนขโมยมาเสียหน่อยทำไมปากของเขาถึงไม่ได้ห่างไกลไปจากคำว่าเลวเลยกันนะ
สีหน้าของหลินลั่วหรานเ็าขึ้นความกดดันที่เกิดขึ้นในห้องทำให้ทุกอย่างดูพร่าเลือน
เื่ของเหวินกวนจิ่งจัดการไปเรียบร้อยแล้วแน่นอนว่าเขาไม่อยากจะต้องอยู่ต่อโดยที่ไม่รู้จะเลือกฝั่งไหนดีจึงเอ่ยลาขึ้นมาก่อน “คุณหลิน เอาไว้ติดต่อกันนะครับ”
ผู้บังคับบัญชาฉินยิ่งเป็คนที่โตและมีวุฒิภาวะมากแล้วมู่เทียนหนานเองก็ไม่ใช่นักปราชญ์เขาจึงไม่เป็ห่วงความปลอดภัยของหลินลั่วหรานเท่าไรแล้วจึงไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเื่ของคนหนุ่มสาว ต่อให้เ้าเด็กชายตระกูลมู่นี่อยากจะไปสร้างความก่อกวนอะไรให้สาวน้อยหลิน อยากจะเป็แมลงเม่าบินเข้ากองไฟอีกทั้งเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกัน เหมือนเด็กชายตระกูลหลิ่วที่พบเห็นกันมาั้แ่เด็ก ดังนั้นจึงไม่ได้มีเื่อะไรเกี่ยวกับตัวเขาอีก!
“คนแก่จะต้องออกกำลังกาย ขยับแขนขาเสียหน่อย คุยกันไปนะฉันจะออกไปออกกำลังกายแล้ว!” เขาพูดพร้อมทั้งลงบันไดไปอีกทั้งยังสั่งนายทหารที่เฝ้าหน้าประตูเอาไว้ว่าหากด้านไหนไม่ได้มีเื่อะไรถึงตาย ก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งหน้าที่ของนายทหารก็คือการรับฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเมื่อได้รับคำสั่งก็ไม่ได้สงสัยอะไร ผู้บังคับบัญชาฉินจึงพาลู่ซานชุนออกไป“ออกกำลังกาย” เสีย
จะไม่ขอพูดถึงว่านายทหารที่เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างลู่ซานชุนถูกคนแก่ที่เต็มไปด้วยพลังอย่างผู้บังคับบัญชาฉินพาไป “ออกกำลังกาย” อย่างไร แต่จะขอพูดถึงเหตุการณ์ในห้องครั้งนี้ไม่ต้องมีใครมาเตือนมู่เทียนหนาน เขาก็รู้ตัวว่าตัวเองช่างน่าสงสารและได้ทำผิดไปแล้ว
“อะแฮ่ม ฉันว่านะ เราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว...” การกล่อมหญิงสาวเป็เื่ถนัดของมู่เทียนหนาน แต่เขาก็ไม่เคยพบคนที่นิ่งเฉยอยู่ตลอดเวลาอย่างหลินลั่วหรานอีกทั้งยังเป็นักปราชญ์ที่มีทักษะการต่อสู้ที่เหนือกว่าเขาไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็สิ่งที่เขาไม่อาจจะควบคุมได้
หลินลั่วหรานถูกใบหน้าขมขื่นนั้น ทำเอาแทบจะหลุดขำออกมาเธอจะไปถือสาอะไรกับเขา คิดดูแล้วคุณชายคนนี้ ก็ไม่เคยพูดจาดีๆ เลยสักครั้งแค่นี้ก็ทำให้คนอยากจะหัวเราะออกมาแล้ว
“คุณชายมู่ มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ ตอนที่อยู่รุยลี่นายก็ช่วยฉันแก้สถานการณ์ ถ้าเป็เื่ที่ฉันทำได้ ฉันก็จะช่วยเป็การตอบแทนน้ำใจ”
มู่เทียนหนานถอนหายใจออกมายาวๆ เขารู้สึกว่าหลินลั่วหรานที่เข้าใจคนอื่นแบบในตอนนี้น่ารักมากทีเดียว ใช่ไหมล่ะ นี่เป็ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้กับเขาทำไมระหว่างเราสองคนมันถึงได้...
“งั้นฉันจะพูดตรงๆ เลยนะ ฉันอยากจะให้เธอช่วยคนคนหนึ่ง” เมื่อพูดมาถึงเื่ที่ตั้งใจ ใบหน้าของมู่เทียนหนานก็ดูสงบลงและปลุกพลังบางอย่างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลินลั่วหรานเครียดขึ้นมาทันที เธอไม่ได้มีพื้นฐานความรู้ด้านการแพทย์ไม่ได้รู้การรักษาอะไรเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ตอนที่เป่าเจียพบกับอันตราย เป็เื่ที่เธอเลี่ยงไม่ได้เด็กฝึกศาสตร์มือใหม่อย่างเธอก็ดันไปช่วยเธอกลับมาได้เสียอย่างนั้นหากว่าไม่ได้มีการช่วยเหลือจากไข่มุกลึกลับหลินลั่วหรานก็คิดว่าตัวเองอาจจะได้เดินทางไปด้วยกันกับเป่าเจียแล้ว...ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าจะให้ไปช่วยคนหลินลั่วหรานก็ระแวงขึ้นมา
แต่ว่าก่อนหน้านี้เธอพูดเอาไว้เสียอย่างดี ตอนนี้จึงได้แต่หัวเราะออกไป “คุณชายมู่กำลังล้อเล่นอะไรเนี่ย ฉันเป็เพียงนักปราชญ์ตัวน้อยๆไม่ได้รู้เื่การรักษาอะไรเลย แล้วจะไปช่วยรักษาใครได้? นายเองก็รู้จักกับเหวินกวนจิ่งนี่ หากว่านักปราชญ์ทั่วไปสามารถช่วยได้ทำไมถึงต้องมาขอให้ฉันช่วยด้วยล่ะ?”
ใบหน้าของมู่เทียนหนานประดับด้วยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “สาวน้อยหลิน คนที่บริสุทธิ์ใจไม่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ หรอกนะรู้ดีอยู่แล้วแต่ทำเป็ไม่รู้ มันไม่ค่อยดีเท่าไรนะ...หลานสาวขงผู้บังคับบัญชาฉินหรือเพื่อนของเธอที่ชื่อว่าฉินเป่าเจีย เธอเป็คนช่วยเอาไว้ใช่ไหม? คนที่เกือบจะตายไปแล้ว ยังสามารถช่วยกลับมาได้ทำไมถึงบอกว่าตัวเองไม่รู้เื่การรักษาล่ะ?”
ท่าทางของหลินลั่วหรานเพิ่งจะโอนอ่อนลง เมื่อได้ยินเขาพูดดังนั้นก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ “นายตรวจสอบฉัน?”
มู่เทียนหนานโบกมือปฏิเสธ “อย่าอย่าเข้าใจผิดเชียวนะ...เพียงแค่วันที่เธอช่วยคนอยู่ที่โรงพยาบาลการปรับเปลี่ยนพลังธรรมชาติมีฤทธิ์สูง ผู้าุโคนหนึ่งของฉันผ่านไปทางนั้นพอดีถึงได้รู้ว่ามีคนกำลังปล่อยพลังรักษาคนอยู่...ไม่ใช่ว่าจงใจตรวจสอบเธอนะแต่เื่ของฉินเป่าเจีย ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พากันจับตามอง ั้แ่ที่เฉียดตายจนออกมาจากโรงพยาบาลก็เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น นอกจากว่าเธอจะอยู่ที่นั่นแล้วฉันก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะเป็ใครที่ช่วยฉินเป่าเจีย!”
ที่แท้มันก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากเกินไป
แต่หลินลั่วหรานก็ไม่ได้นึกเสียใจที่วันนั้นรวบรวมพลังมากมายมหาศาลเพื่อช่วยเป่าเจียแม้ว่าจะย้อนเวลากลับไปได้หลินลั่วหรานรู้ว่าจะมีคนรู้มากมายขนาดนี้เธอก็ยังคงเลือกแบบเดิม ชีวิตของเป่าเจียนั้นสำหรับเธอแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งอื่นภายนอกจะเข้ามารบเร้าได้ั้แ่แรก
แต่ว่า เื่นี้จะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!
หากว่าวันนี้ยอมรับกับมู่เทียนหนานไป แล้วไปช่วยคนที่เขา้าจะให้ช่วยคนที่มีอิทธิพลในเมืองหลวงก็น่าจะรู้กันหมด ใครจะไม่ปวดหัวการฝึกศาสตร์ของหลินลั่วหรานก็คงรู้ไปทั่ว เธอไม่อยากจะเป็คุณหมอให้กับเหล่าผู้มีอิทธิพลมากในประเทศหรอกนะ
เมื่อคิดถึงสิ่งสำคัญตรงนี้แล้ว หลินลั่วหรานก็ขมวดคิ้วพูด “คุณชายมู่ควรจะรู้ไว้นะ ฉันน่ะฝึกศาสตร์อยู่ในระดับที่ไม่ได้ห่างกันมากจากเหวินกวนจิ่งนักหรอกเื่ที่เขาทำไม่ได้ แล้วฉันจะไปทำได้ยังไง? ฉันจะบอกความจริงให้นะคนที่ช่วยเอาไว้ในวันนั้นไม่ใช่ตัวฉันเองหรอก...ตอนนี้หากจะอยากช่วยคนคนนั้นคงไม่มีความหวังเลยด้วยซ้ำ”
ที่แท้...ก็เหมือนอย่างที่พ่อพูดเอาไว้เลยการฝึกศาสตร์ของเธอสามารถปรับเปลี่ยนพลังในธรรมชาติเพื่อปล่อยพลังช่วยคนได้เป็เื่ที่น่ามหัศจรรย์มาก
หลังจากที่หลินลั่วหรานพูดจบ สิ่งเ่าั้ต่างเป็สิ่งที่มู่เทียนหนาน“คาดการณ์” เอาไว้แล้ว เขากลับรู้สึกดีใจที่หลินลั่วหรานพูดความจริงกับเขาเสียอีกที่แท้คนที่ช่วยคนในวันนั้นก็ไม่ใช่ตัวเธอ แต่เป็อาจารย์ในระดับรวมพลังที่ตอนนี้กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกของการฝึกศาสตร์หรือเปล่า?
“พวกเรารู้ว่าการจะช่วยคนต้องให้รุ่นก่อนช่วยเป็ข้อเสนอที่อาจจะไม่ดีเท่าไรแต่พวกเราตระกูลมู่จะหาสิ่งที่พอจะทดแทนกันได้มาแลกเปลี่ยนในตอนนั้นขอให้ไม่เอาเื่เก่าๆ มาใส่ใจจะได้ไหม?” เหมือนกับเหวินกวนจิ่งนี่เป็ความพูดจริงๆ ที่มู่เทียนหนานซ่อนเอาไว้ภายใต้การพูดจามากมายมู่เทียนหนานเห็นว่าท่าทางของหลินลั่วหรานถือว่าค่อนข้างดี จึงได้พูดเื่จริงๆออกมา
หลินลั่วหรานทำเป็ลำบากใจพร้อมกับพยักหน้าลงในความจริงเธอนั้นรู้สึกมีความสุขมาก เธอก็คือผู้าุโรุ่นก่อนที่พวกเขาพูดถึงแล้วสุดท้ายอะไรคือสิ่งแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมต่างก็เป็สิ่งที่หลินลั่วหรานสามารถจัดการเองได้ทั้งนั้น นี่เป็เื่ผลักดันมากทีเดียวที่จะทำให้เธอตัดสินใจว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยคนคนนั้น
แม้ว่าจะเลี่ยงไปแล้ว แต่หลินลั่วหรานก็ยังรู้สึกเศร้าอยู่เล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง การที่เห็นคนจะตายแต่กลับไม่เข้าไปช่วย มันคือ“เส้นทาง” ของเธออย่างนั้นเหรอ? คนที่มู่เทียนหนานอยากจะช่วยคนนั้นก็คงจะเป็คนสำคัญของเขาสินะ? คนคนนั้นจะสามารถรอได้ถึงวันที่เธอจะมั่นใจในความสามารถของตัวเอง และไปช่วยเขาไหมนะ?
แต่มู่เทียนหนานก็พูดแล้ว ว่าจะไปหาสิ่งที่สามารถทำให้ “ผู้าุโ”ยอมช่วยมาให้ได้ อย่าเพิ่งพูดถึงเลยว่าตระกูลมู่มีอิทธิพลแค่ไหนแต่ขอให้พูดถึงคนที่เขา้าจะช่วย เขาจะสามารถรอได้ถึงวันที่พวกเขาหา“ของวิเศษ” พบอย่างนั้นเหรอ? หลินลั่วหรานรู้สึกสงสัยขึ้นมา
เหมือนว่าจะเห็นท่าทางลังเลของหลินลั่วหราน มู่เทียนหนานจึงพูดเสริมขึ้นมา “แต่ว่าวันนี้ความจริงก็มีเื่อยากจะขอร้องเธอเธอรู้เื่หยกที่มีอะไรพิเศษที่เสี่ยซุยขายให้ฉันมาใช่ไหม?”
หลินลั่วหรานรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่เพียงแต่รู้แต่หยกก้อนนั้นเป็ฝีมือของเธอต่างหาก!
มู่เทียนหนานเห็นว่าเธอดูไม่สบายใจเท่าไร จึงพูดออกมาต่อ “ผู้าุโดึงดูดพลังธรรมชาติที่สงบและบริสุทธิ์มาช่วยคนฉันเชื่อว่ามันต้องมีทางแก้พลังที่มีอยู่ ในสิ่งที่ใช้การแทบไม่ได้...ดูจากความสำคัญที่ผู้าุโคนนั้นมีให้กับเธอหากจะให้เธอไปหาหยกที่มีพลังแบบที่เสี่ยซุยขายมาให้สักสองก้อนก็อาจจะพอเป็ไปได้ใช่ไหม ดังนั้นที่ฉันบอกว่าวันนี้ตั้งใจจะมาขอร้องให้ช่วยคนคนหนึ่ง ก็คือเื่นี้นี่แหละ”
หยกนั่น เป็สิ่งที่หลินลั่วหรานสามารถทำได้ตลอดเวลาแม้แต่ที่มาของมู่เทียนหนานต่างก็อธิบายให้เธอฟังหมดแล้ว หากว่าเธอยังไม่ตกลงก็คงจะไม่รักษาความสัมพันธ์เกินไป ดังนั้นเธอจึงถามลึกลงไปอีก “หยกแบบนั้น มีผลดีต่อคนที่นายจะช่วย...มากเลยเหรอ?”
มู่เทียนหนานพยักหน้าลง “สามารถยืดระยะเวลาาเ็ออกไปได้”
อย่างนั้นยังจะต้องพูดอะไรอีก หลินลั่วหรานพยักหน้าลง “ในเมื่อเป็แบบนี้ เื่นี้ฉันตกลง!”
มู่เทียนดีใจขึ้นมา อยู่ๆ หลินลั่วหรานก็นึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้ “ฉันอยากจะบอกนายไว้เื่หนึ่งนะ ความจริงเมล็ดโสมฉันได้มันมาแต่ว่าตอนนี้คืนให้ไม่ได้จริงๆ ถ้าฉันหาหยกมาให้แล้ว เื่นี้เราก็จบกันได้ไหม?”
หากหลินลั่วหรานขืนกัดฟันไม่ยอมรับ มู่เทียนหนานก็คงไม่อาจจะทำอะไรเธอได้แต่เื่นี้เธอเป็คนทำมันจริงๆบางทีเมล็ดโสมพวกนั้นอาจจะเป็สิ่งที่ใช้ช่วยคนคนนั้นก็ได้ มู่เทียนหนานถึงได้เครียดแบบนี้หลินลั่วหรานไม่อยากจะทำอะไรไม่ดี จึงอยากจะพูดออกไปให้ชัดเจน
จัดการเื่ “หยกแห่งพลัง” ได้เรียบร้อย มู่เทียนหนานก็อารมณ์ดีขึ้นมาเขาจึงโบกมือปฏิเสธอย่างใจกว้าง “เื่นั้นฉันเองก็ผิดเหมือนกันเพียงแค่เธอช่วยฉัน ต่อให้หาหยกมาไม่ได้ฉันก็จะไม่เอาเื่นี้มาทำให้เธอลำบากใจแล้ว!”
หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมา “ั้แ่ที่รู้จักกันมานี่เป็ครั้งแรกเลย ที่ฉันรู้สึกว่านายดูเป็คุณชายจริงๆ ขึ้นมาแล้ว!”
เธอนี่นะ ในตอนนั้นเองสีหน้าของมู่เทียนหนานก็ดูลึกลับขึ้นมาอีกแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้