ลมหนาวเย็นะเืถึงกระดูกพัดผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดไว้พัดมาตกกระทบบนใบหน้างามไร้ที่ติดุจหยกบนเตียง
เซี่ยยวี่หลัวที่หลับสบายมาตลอดขดตัวทีหนึ่งก่อนพลิกตัวด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย พร้อมบ่นพึมพำ “ลมมาจากไหนกัน”
ลม?
จู่ๆเซี่ยยวี่หลัวก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตัวเองปิดหน้าต่างสนิทแล้ว ลมพัดเข้ามาไม่ได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ลมยังเย็นถึงเพียงนี้หนาวจนเย็นะเืถึงกระดูก
ตอนนี้เป็่ฤดูร้อนจะมีลมเย็นถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
เซี่ยยวี่หลัวลืมตาอย่างฉับพลันดวงตาสีดำคู่โตดูมีชีวิตชีวาและสดใส นางกรอกตาวนไปมาหนึ่งรอบ
เมื่อสายตาคุ้นชินกับความมืดแม้ว่าภาพเบื้องหน้าจะดูพร่ามัว แต่ก็พอจะมองเห็นได้บ้าง
หลังคาเหนือศีรษะเป็สีดำสนิทเซี่ยยวี่หลัวนิ่งอึ้งเล็กน้อย
หรือว่าเมื่อคืนนางอ่านหนังสือจนล้าเกินไปใช้สายตามากเกินไปจนตาพร่ามัว?
เพดานห้องของนางควรจะเป็สีชมพูอ่อนนางเป็คนทาสีเอง ทั้งยังแขวนโคมไฟระย้าไว้เหนือศีรษะ นางเป็คนเลือกเองเมื่อลืมตาจะเห็นโคมไฟระย้าขาวบริสุทธิ์ดุจหยกและเพดานสีชมพูจะทำให้อารมณ์ดีเป็พิเศษไปทั้งวัน
เซี่ยยวี่หลัวคิดว่าตัวเองนอนจนสับสนมึนงงจึงหลับตาอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกสองครั้ง ก่อนลืมตาใหม่...
ภาพเบื้องหน้ายังคงเหมือนกับที่เห็นเมื่อครู่ไม่มีผิดเพี้ยน!
สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินทำให้เซี่ยยวี่หลัวใจนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
์ นี่นางไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม
ทำไมหลับไปหนึ่งตื่น ถึงย้ายจากห้องตัวเองมาอยู่ในสถานที่บ้านี่ได้
ที่นี่มันที่ไหนกัน!
เมื่อออกจากผ้านวมแสนอบอุ่นก็รู้สึกหนาวจนตัวสั่นเซี่ยยวี่หลัวดึงผ้านวมมาห่มบนตัว สายตาสอดส่องมองไปรอบๆจ้องมองสภาพแวดล้อมแปลกตาด้วยความรู้สึกตื่นตระหนกภายในดวงตาสีดำแจ่มชัดเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและใ
ห้องนี้ไม่ใหญ่นัก เครื่องเรือนภายในก็เรียบง่าย
โต๊ะสี่เหลี่ยมหนึ่งตัวตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ โต๊ะตัวเล็กกับตู้เป็แบบธรรมดาที่สุด ทำจากไม้ธรรมดาไม่ได้ทาสีด้วยซ้ำ ส่วนผ้านวมที่ตนเองห่มอยู่ด้านนอกเป็ผ้าฝ้ายสีฟ้าลายดอกไม้สีขาว นางยื่นมือไปลองบีบดูนั่นไม่ใช่ผ้านวมไหมอ่อนนุ่มเบาบางระบายอากาศได้ดีที่นางใช้ตามปกติแต่เป็ผ้านวมฝ้ายแบบหนา
ภายในห้องไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าแม้แต่ชิ้นเดียวไม่มีกระทั่งหลอดไฟธรรมดา บนโต๊ะมีเพียงตะเกียงน้ำมันหนึ่งอันในห้องเหมือนมีกลิ่นน้ำมันเผาไหม้ด้วย
เซี่ยยวี่หลัวใจนเบิกตากว้าง ความคิดหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวพลันผุดขึ้นในใจ
ตัวเองนอนอยู่ในบ้านโดนพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวมาขายยังพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง?
พอเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าตัวเองโดนลักพาตัวมาขายก็ใจนรู้สึกหนาวสะท้าน
หลังจากรู้สึกตื่นใครู่หนึ่งนางจึงสงบสติ รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป
ห้องพักที่ตัวเองอาศัยอยู่เป็ห้องพักเดี่ยวระดับสูงที่ทางสถาบันเตรียมไว้ให้คณาจารย์ที่โดดเด่นโดยเฉพาะหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องโถง หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องน้ำ
ประตูทางเข้ามีเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจะเข้าออกพื้นที่ต้องมีบัตรผ่าน ขึ้นลิฟต์ยังต้องยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือประตูห้องของตัวเองมีระบบรักษาความปลอดภัยสองชั้นที่ต้องใช้ลายนิ้วมือกับกุญแจพวกค้ามนุษย์แบบไหนกัน ที่จะสามารถผ่านระบบรักษาความปลอดภัยที่แ่าหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด ทั้งยังไม่ให้เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้ตัวลักพาตัวนางที่กำลังหลับสนิทออกจากห้องพักมาได้?
เซี่ยยวี่หลัวตรวจดูเครื่องเรือนต่างๆภายในห้องอีกครั้ง
ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ ตะเกียงน้ำมัน ปลอกผ้านวมสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวผ้านวมฝ้าย การตกแต่งภายในห้องดูเก่าและโทรม นางรู้สึกเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน
สมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็วจู่ๆก็นึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้ นางหันขวับไปมองด้านหลังตัวเองอย่างฉับพลัน
บนเตียงมีโต๊ะเตี้ยหนึ่งตัวบนโต๊ะมีกระจกทองแดงหนึ่งอันด้านล่างกระจกมีกล่องเครื่องสำอางที่ดูราคาถูกวางอยู่จำนวนหนึ่งข้างกล่องมีกระดาษหนึ่งแผ่น
แปลกพิกล แต่กลับรู้สึกว่าทุกสิ่งช่างดูคุ้นตานัก
เซี่ยยวี่หลัวหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาด้วยอาการสั่นเทิ้มหลังจากอ่านจบก็คอตกด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว
ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
เมื่อวานเป็วันหยุดของสถาบันหลังจากนางทำการทดลองในห้องทดลองเสร็จจึงกลับห้องพัก ทำอาหารรสเลิศมื้อหนึ่งอัพโหลดขึ้นบนเว็บเวยป๋อ สนทนากับแฟนคลับสักครู่ก็รู้สึกเบื่อจึงหานิยายเล่มหนึ่งมาอ่าน
นิยายถูกแต่งอย่างส่งเดชไม่มีสาระเซี่ยยวี่หลัวเพียงคิดว่าจะอ่านฆ่าเวลา แค่เพราะนางร้ายในเื่มีชื่อเหมือนตัวเองจึงเปิดดูคร่าวๆ เมื่ออ่านถึงตอนที่นางร้ายตายอย่างอนาถ ก็เลิกอ่านแล้ว
ยังไม่ได้อ่านตอนจบด้วยซ้ำ ทว่าใช้เส้นผมคิดยังรู้เลย ว่าเนื้อเื่หลังจากนั้นตอนจบพระเอกและนางเอกต้องต่างฝ่ายต่างรักมั่น มีความสุขไปชั่วชีวิตแน่นอน
น่าสงสารที่นางร้ายผู้มีชื่อแซ่เหมือนนางต้องตายอย่างน่าเวทนา แต่ก็ถือว่าสมเหตุสมผล หญิงเนรคุณชั่วช้าเช่นนี้สมควรจะโดน์ลงทัณฑ์
ดีจริงๆ!
นางทะลุมิติมากลายเป็นางร้ายในนิยายที่สมควรตายผู้นั้น!
เซี่ยยวี่หลัวเปิดดูกระดาษในมืออีกครั้งตัวหนังสือที่เขียนด้วยหมึกสีดำถูกขีดเขียนบนกระดาษสีขาว ลายมือหวัดแต่กลับดูทรงพลังเขียนแรงจนหมึกทะลุถึงด้านหลังกระดาษพอจะดูออกว่าขณะนั้นบุคคลที่เขียนจดหมายฉบับนี้ถูกเซี่ยยวี่หลัวทำให้โมโหถึงขีดสุด
ในหนังสือนิยาย ภายหลังเซียวยวี่ประสบความสำเร็จก็กลายเป็คนโเี้อำมหิต เหลี่ยมจัดเืเย็นดูจากตัวหนังสือเหล่านี้ ในภายภาคหน้าเขาต้องกลายเป็คนแบบนั้นแน่นอน
จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนจากด้านขวาไปด้านซ้ายตัวอักษรสามตัวฝั่งขวาสุดช่างดูสะดุดตายิ่งนัก
''หนัง สือ หย่า''
นี่น่าจะเป็หนังสือหย่าตามที่เขียนไว้ในนิยายนางร้ายร่ำไห้โวยวายทั้งคืน ในที่สุดก็ได้หนังสือหย่ามาจากพระเอก และยังเป็หนังสือหย่าแบบมีเงื่อนไขด้วย
หากพระเอกสอบเป็ซิ่วไฉ [1] ไม่ได้หนังสือหย่าฉบับนี้ก็จะมีผล แต่หากสอบติด...
นี่คือเล่ห์เหลี่ยมของนางร้ายหากสอบติด ยังจะหย่าทำไมอีก ย่อมต้องเป็ฮูหยินซิ่วไฉต่อไป
หนังสือหย่าลงวันที่เป็ปีจิ่งเซวียนที่ห้าเดือนสองหากเซี่ยยวี่หลัวจำไม่ผิด ปีที่พระเอกสอบติดซิ่วไฉจนชะตาพลิกผันความจริงเป็ปีจิ่งเซวียนที่หก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปีนี้พระเอกสอบเป็ซิ่วไฉไม่สำเร็จแน่นอนและหนังสือหย่าฉบับนี้ อีกไม่นานก็กำลังจะมีผลแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวตื่นใจนแทบจะแยกทิศเหนือใต้ออกตกไม่ได้
เื่ราวในนิยาย นางเคยอ่านแล้วและยังจดจำได้อย่างแม่นยำ ภายหลังนางร้ายแยกจากพระเอกก็เหมือนโดนคุณไสยอย่างไรอย่างนั้นพบพานแต่โชคร้าย ชะตาน่าอนาถเกินจะบรรยาย ผ่านไปไม่กี่ปีก็ชะตาขาด
หรือว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นานแล้ว?
นางไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นโดยละเอียดเพียงเปิดอ่านแบบข้ามๆ แค่อ่านเื่ราวของนางร้ายที่มีชื่อแซ่เหมือนตัวเอง ที่สุดท้ายก็ตายอย่างอนาถ
ดั่งคำกล่าวที่ว่าผู้ที่ริอ่านเป็ปรปักษ์กับพระ-นาง ล้วนแล้วแต่มีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนจบ
หากเื่ราวดำเนินไปตามที่เขียนไว้ในหนังสือหนทางเดียวที่จะแก้ไขได้ก็คือ ห้ามล่วงเกินพระเอก ห้าม! เด็ด! ขาด!
แม้ไม่อาจได้ใจมาครองก็อย่าได้ทำร้ายกัน เมื่อมีสหายเพิ่มหนึ่งคน นั้นย่อมหมายถึงทางรอดที่มีเพิ่มขึ้น เมื่ออริคู่แค้นลดลงหนึ่งคน นั้นย่อมหมายถึงทางตันก็จะลดลงเช่นกัน หากไม่ล่วงเกินพระเอกก็อาจรอดพ้นจากอันตรายได้
ข้อดีของการเป็ผู้มีสติปัญญาสูงคือสามารถสงบจิตใจได้ในทุดที่ทุกสถานการณ์ ปรับตัวตามสภาพการณ์ที่เหลือเชื่อได้ทุกเมื่อเซี่ยยวี่หลัวปรับสภาวะจิตใจตัวเองได้อย่างรวดเร็ว คิดวิธีแก้ไขออกแล้ว
ท้องฟ้าด้านนอกยังมีหมอกปกคลุมน้ำหมึกบนหนังสือหย่ายังไม่แห้งสนิทดี น่าจะเพิ่งเขียนเมื่อคืน เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าเช้าวันนี้พระเอกจะเข้าไปในตัวเมือง ต้องสอบจนถึงเดือนห้าจึงจะสามารถกลับมาได้
เมื่อวานโวยวายทั้งคืนคาดว่าพระเอกคงโมโหจนแทบคลั่ง หากตอนนี้ยังไม่โผล่หน้าไปทำตัวเป็ภรรยาผู้อ่อนโยนและรู้ความอีกเกรงว่าพระเอกกลับมาคงไล่ตนออกจากบ้านเป็แน่
เซี่ยยวี่หลัวรีบลุกขึ้นเปิดตู้เสื้อผ้า
ภายในตู้มีเสื้อผ้าค่อนข้างเยอะนางหยิบเสื้อนวมสองชั้นลายดอกไม้สีฟ้ามาสวม ไม่ทันรวบผมด้วยซ้ำก็สาวเท้าพุ่งออกไปทันที
สายลมหนาวเย็นโบกพัดเข้ามาเซี่ยยวี่หลัวหนาวจนตัวสั่น
นางวิ่งไปถึงหน้าห้องเซียวยวี่เคาะประตู ไม่มีคนตอบ หลังจากผลักเปิดประตูห้องเข้าไป จึงเห็นว่าผ้านวมถูกพับไว้อย่างเป็ระเบียบ ดูท่าเขาคงไปแล้ว
ภายในห้องน้องชายน้องสาวของพระเอกก็ไม่มีคนอยู่เช่นกัน น่าจะไปส่งพี่ชายของพวกเขา
ตื่นสายเกินไป คนไปกันหมดแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวร้อนใจจนกระทืบเท้าหรี่ตาทีหนึ่ง ยกกระโปรงขึ้นก่อนสาวเท้าก้าวใหญ่วิ่งไปยังปากทางเข้าหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
เชิงอรรถ
[1] ซิ่วไฉ คือผู้สอบผ่านบัณฑิตระดับท้องถิ่น (ตำบล/อำเภอ/จังหวัด)