ต้นฤดูใบไม้ผลิในเดือนสองเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวไม่แน่นอน อากาศยังคงหนาวเย็น
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่วิ่งไปลมหนาวเย็นเยียบ นางวิ่งจนมีเหงื่อซึมชื้นทั่วตัววิ่งไปถึงปากทางเข้าหมู่บ้านในคราเดียว แต่กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงา
น่าจะเดินทางไปไกลแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวยังคงคาดหวังจะได้พบหน้าสักครั้งเมื่อวานตัวเองหาเื่โวยวายเกรงว่าภายในใจเซียวยวี่คงแค้นจนอยากถลกหนังเฉือนเอ็นนางออกมาต้มกินเสีย
ไปครานี้ใช้เวลานานถึงสี่เดือนกว่าหากปล่อยให้มีความทรงจำเลวร้ายแบบนี้ แค่คิดก็ทำให้โมโหจนกระอักเืได้ไม่ดีเสียเลย!
เซี่ยยวี่หลัวที่มีความปรารถนาจะอยู่รอดอย่างแรงกล้าวิ่งออกไปนอกหมู่บ้านต่อไม่รู้ว่าวิ่งไปนานแค่ไหน ในที่สุดก็ได้ยินเสียงคนกำลังสนทนากัน
“พี่รองท่านว่าครั้งนี้พี่ใหญ่จะสอบติดไหม?” เป็เสียงของเด็กผู้หญิงน้ำเสียงเบาบาง แฝงเร้นด้วยความกังวลใจ
“เราต้องเชื่อพี่ใหญ่พี่ใหญ่พยายามถึงเพียงนี้ เขาต้องสอบติดแน่นอน!” นั่นเป็เสียงเด็กผู้ชายอีกหนึ่งคน
เซี่ยยวี่หลัวฟังออกว่านั่นน่าจะเป็น้องชายน้องสาวของเซียวยวี่ผู้เป็พระเอก
ท้องฟ้ายังไม่สว่างมองเห็นไม่ค่อยชัดเจน เซี่ยยวี่หลัววิ่งไปจนถึงตรงหน้าเด็กสองคนนั้น เอ่ยถามต่อหน้า “พี่ชายเ้าละ?”
น้ำเสียงของนางเดิมทีมีเสน่ห์เย้ายวน แต่ก็แฝงเร้นด้วยความหยิ่งทะนง แต่ครานี้เพราะนางกำลังร้อนรนจิตใจเมื่อเอ่ยวาจาจึงเหมือนเป็การไต่ถามด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
เซียวจื่อเมิ่งกลัวจนรีบหลบอยู่ด้านหลังเซียวจื่อเซวียนความหวาดกลัวที่มีต่อเซี่ยยวี่หลัวฉายชัดอยู่ในดวงตาสีดำไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาและน่าเอ็นดูแบบที่เด็กผู้หญิงในวัยนี้ควรจะมี
เซียวจื่อเซวียนเหยียดแผ่นหลังจนตรงดุจด้ามพู่กันปกป้องเซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ด้านหลัง “พี่ใหญ่ไปแล้ว!”
“โอ้ย! ทำไมถึงวิ่งเร็วนัก!”นางบ่นเชิงตำหนิทีหนึ่งไปด้วย กระทืบเท้าไปด้วย ก่อนสาวเท้าวิ่งไปด้านหน้าต่อ
วิ่งไปหลายเมตรแล้วจึงหันกลับมากำชับเด็กสองคน“รีบกลับบ้านไป”
เมื่อเห็นว่านางวิ่งไปไกลแล้วเซียวจื่อเมิ่งจึงเดินออกจากด้านหลังเซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามพี่ชายด้วยท่าทีสงสัย “พี่รอง นางเป็อะไรไป?”
ผมเผ้าไม่ได้หวียุ่งเหยิงเสียยิ่งกว่าอะไร วิ่งจนเหนื่อยหอบหายใจแทบไม่ทันไม่เหลือภาพลักษณ์เดิมแม้แต่น้อย
เมื่อครู่ยังกำชับให้พวกเขารีบกลับบ้านเพราะกลัวว่าพวกเขาจะก่อเื่ข้างนอกหรือ?
“ใครจะไปรู้ พวกเรากลับกันเถอะ!”เซียวจื่อเซวียนหันมองเซี่ยยวี่หลัวที่หายไปท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมแวบหนึ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เพียงจูงมือเซียวจื่อเมิ่งกลับบ้านไป
เซี่ยยวี่หลัววิ่งไปนานก็ยังไม่พบคนคาดว่าเขาคงนั่งเกวียนออกไปไกลแล้ว มีเส้นทางหลายสาย ไม่รู้ว่าเขาไปเส้นทางใดตัวเองมีขาเพียงสองข้าง วิ่งให้ขาขาดก็ไล่ตามไม่ทัน
เมื่อไม่ได้พบเซี่ยยวี่หลัวจึงรู้สึกผิดหวังยิ่ง
นางรู้สึกกลัดกลุ้มนักคิดถึงจุดจบของนางร้ายในนิยาย เรียกได้ว่าน่าอนาถเสียยิ่งกว่าอะไรยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดที่ทำไมตัวเองถึงไม่ทะลุมิติมาให้เร็วกว่านี้อีกนิด
พระเอกไปแล้ว ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
จู่ๆเซี่ยยวี่หลัวก็นึกอะไรบางอย่างออก นางสาวเท้าวิ่งไปทางูเาเล็กลูกหนึ่ง
แม้จะเรียกว่าูเาแต่เป็เพียงเนินดินที่มีหญ้าขึ้นเต็ม จึงปีนขึ้นไปได้ง่ายมาก
เกวียนเทียมวัวเคลื่อนที่ไปด้านหน้าช้าๆเซียวยวี่นั่งอยู่บนเกวียน เขามีรูปลักษณ์หล่อเหลา ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อยดวงตาทั้งคู่มองตรงไปเบื้องหน้า ต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศยังคงหนาวเย็น ลมหนาวโบกพัดไม่สามารถหลบได้เลย
คนขับเกวียนคือท่านลุงสี่จากหมู่บ้านเดียวกันเขากำลังจะไปขายของในตัวเมือง จึงให้เซียวยวี่นั่งเกวียนไปด้วย
ระหว่างที่ท่านลุงสี่กำลังขับเกวียนก็หาเื่สนทนากับเซียวยวี่ไปพลาง ทันใดนั้น เขาก็หยุดเกวียน หันกลับมาถามเซียวยวี่“อายวี่เ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”
เซียวยวี่หนาวจนใบหน้าเย็นเหมือนก้อนน้ำแข็งแม้แต่ประสาทรับรู้ยังเกิดอาการชา ยิ่งไปกว่านั้นภายในใจเขากำลังครุ่นคิดเื่ต่างๆมาตลอด จึงไม่ได้ยิน “อะไรนะขอรับ?”
น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย
เมื่อคืน หญิงผู้นั้นอาละวาดจนเขาไม่ได้พักมาทั้งคืน
ท่านลุงสี่ไม่ได้เอ่ยตอบตั้งใจฟังอย่างละเอียด จากนั้นจึงหันไปมองเซียวยวี่ “อายวี่เหมือนข้าจะได้ยินเสียงคนกำลังเรียกเ้าอยู่!”
เรียกตนเองอยู่?
เซียวยวี่เงยหน้าอย่างฉับพลันดวงตาคู่ดำสนิทดุจน้ำหมึก แฝงเร้นด้วยความอ่อนล้าที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนรวมถึงอารมณ์ซับซ้อนที่ไม่ควรปรากฏในแววตาของชายหนุ่มวัยนี้
สายลมในเดือนสองหนาวเย็นเป็พิเศษโดยเฉพาะในยามเช้าตรู่ หนาวเหน็บจนแทบจะแทรกซึมเข้าถึงกระดูก
และวาจาบางอย่าง ก็โบกพัดมาตามสายลมเข้ามาในโสตประสาท แม้ฟังดูเลือนราง แต่ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
“เซียวยวี่ ข้าจะรอเ้ากลับมาเซียวยวี่ ข้าจะรอเ้ากลับมา เซียวยวี่...”
เซียวยวี่ได้ยินอย่างแจ่มชัดเมื่อฟังออกว่านั่นเป็เสียงของผู้ใด เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
นางจะมาหาเื่ทะเลาะวิวาทกับตนอีกหรือ?
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพลันปรากฏร่องรอยเย็นเยียบ
คราวนี้ท่านลุงสี่เองก็ได้ยินอย่างแจ่มชัดรู้ว่านั่นเป็เสียงภรรยาคนงามของเซียวยวี่ จึงหัวเราะพร้อมกล่าว “ข้าบอกแล้วว่ามีคนกำลังเรียกเ้าฟังจากเสียง ภรรยาของเ้ากำลังเรียกเ้าอยู่!”
เซียวยวี่ย่อมรู้ว่าใครกำลังเรียกตนเองอยู่
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยหันมองไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากแน่น แววตาไม่มีความอบอุ่นปรากฏเลยแม้แต่น้อย
เสียงเรียกยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องดังเข้าไปถึงจิตใจ
ท่านลุงสี่หัวเราะพร้อมกล่าว “อายวี่ ตอบกลับบ้างสิพวกเราได้ยินเสียงของนาง หากเ้าตอบกลับ นางเองก็ต้องได้ยินแน่นอน!”
สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นี้รักใคร่กันดีจริงแยกจากกันเพียงครู่เดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว
เซียวยวี่เม้มริมฝีปากแน่นขมวดคิ้วมุ่น หันมองไปตามทิศที่เสียงดังขึ้นแววตาฉายประกายดิ้นรนเป็บางครั้งเกลียดชังเป็บางคราว สุดท้ายเขาก็ละสายตาแววตากลับมาเย็นเยียบเหมือนเดิม กล่าวกับท่านลุงสี่ “ท่านลุงสี่ สายแล้วเรารีบไปกันเถอะ!”
ดูท่าเขาไม่คิดจะตอบกลับ!
ท่านลุงสี่ขานตอบหันมองไปทางต้นเสียงอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าของเซียวยวี่ไม่ดีนักก็ไม่ได้กล่าวอะไร ยกแส้ขึ้นเฆี่ยนวัวทีหนึ่ง วัวจึงออกเดินต่อ
เสียงะโเรียกยังคงดังแว่วมาตามสายลมเสียงเบาลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียว
เซียวยวี่ที่ฟังมาตลอดทางจนกระทั่งถึงจุดที่ไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแล้ว เขาจึงหันกลับไปอีกครั้งมองดูเส้นทางที่ตัวเองผ่านมาด้วยแววตาซับซ้อน
สีหน้าของเขาเย็นเยียบไม่มีความอบอุ่นแม้เพียงเสี้ยวเดียว ปากบางเม้มแน่น ไม่นานก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
รอเขากลับมาหรือ?
นางก็สมควรจะรอเขากลับมา
เมื่อเขากลับมา นางก็ควรไปได้แล้ว!
นางอยากให้เขารีบกลับมาเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะยิ่งกลับมาได้เร็วเท่าไหร่ นางก็จะได้ไปเร็วขึ้นเท่านั้น
นางอยากออกจากบ้านนี้มากเพียงใดกัน ถึงขนาดรอเพียง่คืนวันเหล่านี้ยังทนไม่ไหว
ช่างเป็คนเืเย็นไร้จิตใจเสียจริง!
สองพี่น้องที่กำลังจะเดินถึงทางเข้าหมู่บ้านได้ยินเสียงะโต่างก็หันกลับไปมอง เซียวจื่อเมิ่งมองเซียวจื่อเซวียน แม้เ้าของเสียงจะไม่อยู่เซียวจื่อเมิ่งก็ยังคงกลัวเล็กน้อย “พี่รอง นาง… นางเป็อะไรไป?”
เสียงเรียกเซียวยวี่นั่น เหมือนจะเต็มไปด้วยความอาวรณ์รักแต่สิ่งที่ซ่อนเร้นเป็น้ำผึ้งหรือยาพิษ เซียวจื่อเมิ่งไม่รู้ แต่เซียวจื่อเซวียนกลับรู้แจ้ง
เขาจับมือเซียวจื่อเมิ่งไว้แน่นพร้อมกล่าว“ไม่รู้เรากลับกันเถอะ!”
เซี่ยยวี่หลัวะโจนคอแหบแห้ง ก็ยังไม่ได้ยินคนตอบกลับนาง ทำให้เวลานี้นางรู้สึกท้อแท้ยิ่งนัก
หากไม่ได้ยินก็แล้วไปแต่หากได้ยินแล้วยังไม่ตอบกลับนางสักคำ แบบนั้นถึงจะเรียกว่าน่ากลัว!
เกรงว่าการอาละวาดอย่างไร้เหตุผลของนางคงหยั่งรากลึกลงไปภายในใจเซียวยวี่เสียแล้ว เขาจึงคร้านจะสนใจนาง