ถานอี้รู้ว่าวิชาแพทย์ของเยว่เฟิงเกอสูงส่งยิ่ง ขาและอาการาเ็ภายในของเขาก็เป็เยว่เฟิงเกอที่รักษาให้จนหาย
แต่พิษที่อยู่ในร่างของท่านอ๋องของพวกเขาคงอยู่ในร่างมานานเป็สิบปีแล้ว แม้แต่หมอเทวดาอย่างกงซุนหนานเสียนก็ยังไม่อาจขจัดพิษนี้ไปได้จนหมดสิ้น
ทุกครั้งที่เขามารักษาให้ท่านอ๋องก็ทำได้แค่กดอาการ่ที่พิษกำลังกำเริบลงไปเท่านั้น ทว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน สามารถหายได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรก
ถานอี้ขึ้นหน้าไปประสานมือคารวะเยว่เฟิงเกอ กล่าวว่า “พระชายา เป็พระองค์ที่ทรงช่วยรักษาให้ท่านอ๋องใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
เยว่เฟิงเกอเองก็ไม่คิดปิดบัง นางพยักหน้า “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้บังเอิญข้าหลอมยาถอนพิษไว้พอดี จึงได้นำมาใช้กับท่านอ๋อง”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดคำนี้ออกมา ชายทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ต่างก็มองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
แม้แต่ม่อหลิงหานที่สลบอยู่ก็ยังลืมตามองเยว่เฟิงเกอ
“หรือว่าพระชายาจะทรงทราบเื่พิษในร่างของท่านอ๋องมาโดยตลอด” ครั้งนี้เป็เฉียวเฟยที่เอ่ยถาม เขาตกตะลึงมากว่าพระชายารู้ได้อย่างไรว่าท่านอ๋องถูกพิษ
เยว่เฟิงเกอส่ายหน้า “ข้าเพิ่งรู้วันนี้ ท่านอ๋องถูกพิษไฟหนาว แต่ดีที่ข้าทำนายอนาคตได้ จึงได้หลอมยาถอนพิษเอาไว้ล่วงหน้า”
เยว่เฟิงเกอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง หางตานางเองก็เห็นชัดว่ายามนี้ม่อหลิงหานกำลังลืมตามองนางอยู่
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดจบ กงซุนหนานเสียนที่ยืนอยู่อีกด้านก็หัวเราะพรืด
“พระชายาทำนายอนาคตได้จริงหรือนี่” กงซุนหนานเสียนมองนางอย่างล้อเลียน โบกพัดในมือเบาๆ ท่าทางสบายอกสบายใจยิ่ง
ระหว่างทางที่เร่งรุดมานี้เขาได้ยินถานอี้และเฉียวเฟยพูดว่า ครั้งนี้พิษในร่างท่านอ๋องของพวกเขากำเริบรุนแรง ทั้งยังเร็วกว่าปกติถึงหนึ่งวัน
กงซุนหนานเสียนรู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน เขาเองก็ร้อนใจดังไฟสุมขณะติดตามคนทั้งสองมายังหอแปดทิศผ่านทางช่องทางลับ
แต่เมื่อมาถึงที่นี่ กลับพบว่าร่างกายของม่อหลิงหานดีขึ้นกว่าครึ่งแล้ว
ที่นี่มีแค่ม่อหลิงหานและพระชายาสองคน เขาสามารถเข้าใจเื่ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ต้องเป็พระชายาคนนี้ที่ถอนพิษในกายกว่าครึ่งนั้นให้ม่อหลิงหาน
แต่เมื่อได้ยินนางพูดออกมาว่าตนทำนายอนาคตได้ ถึงได้หลอมยาถอนพิษไว้ให้ม่อหลิงหานล่วงหน้า
คำพูดเช่นนี้ต่อให้พูดให้คนโง่ฟัง คนโง่ก็คงไม่เชื่อหรอก
เยว่เฟิงเกอถลึงตามองกงซุนหนานเสียน “เ้าขำอะไร เปิ่นกงมีความสามารถทำนายอนาคตได้ เ้าไม่ยอมรับอย่างนั้นหรือ”
เยว่เฟิงเกอแสดงท่าทีราวกับกำลังบอกว่า หากเ้าไม่ยอมรับก็มาสู้กันสักตั้ง ด้วยเหตุนี้ กงซุนหนานเสียนจึงยิ่งหัวร่อดังกว่าเดิม
ม่อหลิงหานทนมองต่อไปไม่ได้อีก ในที่สุดเขาก็ยันกายลุกขึ้นนั่ง ส่งเสียงปราม “กงซุนหนานเสียน ห้ามหัวเราะเยาะชายารักของเปิ่นหวางอีก”
คำพูดของม่อหลิงหานทำเอาเยว่เฟิงเกอตกตะลึงในทันที
เขาว่าอะไรนะ นางเป็ชายารักของเขา?
ปกติเขาไม่ได้เรียกนางว่าพระชายาหรือ จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็ชายารักั้แ่เมื่อใด?
เมื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอกำลังมองมาทางตนอย่างอึ้งๆ ม่อหลิงหานจึงยื่นมือออกไป พูดว่า “มานี่”
เยว่เฟิงเกอเดินขึ้นหน้าไปอย่างเลื่อนลอย สุดท้ายมือของนางก็ถูกม่อหลิงหานจับไว้แล้วลากเข้าสู่อ้อมแขนกว้าง
ตอนที่เยว่เฟิงเกอล้มลงในอ้อมแขนของม่อหลิงหาน ใบหน้านางพลันแดงก่ำขึ้นมาทันที
“ท่านอ๋อง ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยนะเพคะ” เยว่เฟิงเกอพูดพลางผลักม่อหลิงหานออก
“แล้วอย่างไร? ” ม่อหลิงหานไม่สนใจแม้แต่น้อย เขากอดเยว่เฟิงเกอเอาไว้แน่น ไม่มีความคิดที่จะปล่อยไป
ถานอี้และเฉียวเฟยที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ใช่เพิ่งเคยเห็นอะไรเช่นนี้เป็ครั้งแรก พวกเขาพร้อมใจกันก้มหน้าลงไป ไม่กล้าเงยหน้ามอง
ทว่า กงซุนหนานเสียนเพิ่งจะเคยเห็นเป็ครั้งแรก สหายรักของเขาม่อหลิงหาน ชายที่ไม่เข้าใกล้สตรีอันเนื่องมาจากเป็โรครักความสะอาดเข้าขั้นรุนแรง วันนี้กลับกำลังกกกอดพระชายาของตนต่อหน้าผู้อื่น?
แล้วอาการที่ไม่ยอมเข้าใกล้สตรีอันใดนั่นเล่า ไหนจะโรครักความสะอาดอีก?
กงซุนหนานเสียนอดอึ้งไปราวสองสามวินาทีไม่ได้ สายตาที่เขาใช้มองเยว่เฟิงเกอยิ่งลุ่มลึกขึ้น
“ในเมื่อตอนนี้ท่านอ๋องไม่เป็อันใดแล้ว กระหม่อมก็ไม่ขอรั้งอยู่ต่อไปแล้ว” กงซุนหนานเสียนพูดจบก็เตรียมจะจากไป
“รอเดี๋ยว” ม่อหลิงหานเรียกอีกฝ่ายไว้
กงซุนหนานเสียนหันกายกลับมามองม่อหลิงหาน
“เื่ในวันนี้ ขอให้พี่หนานเสียนเก็บไว้เป็ความลับด้วย”
ความหมายของม่อหลิงหาน กงซุนหนานเสียนเข้าใจดี
วันนี้อาการพิษกำเริบของม่อหลิงหานเกิดขึ้นล่วงหน้าหนึ่งวัน ทั้งยังได้พระชายาช่วยถอนพิษไปได้กว่าครึ่ง
หากเื่นี้แพร่ออกไปจนคนที่วางยาคนนั้นรู้เข้า อีกฝ่ายจะต้องคิดหาวิธีมาทำร้ายพระชายาอย่างแน่นอน
ม่อหลิงหานไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเยว่เฟิงเกอ การที่เขาปกป้องภรรยาเช่นนี้ยิ่งทำให้กงซุนหนานเสียนสนอกสนใจในตัวเยว่เฟิงเกอมากขึ้น
กงซุนหนานเสียนโบกพัด กล่าวว่า “เื่นี้ ขอท่านอ๋องโปรดวางใจ วันนี้ตัวข้าพักอยู่ที่เรือนจิ้งจู๋ตลอด ไม่เคยจากไปไหน”
ความแฝงของเขาคือ เขาไม่ได้เดินออกไปจากเรือนจิ้งจู๋แม้แต่ก้าวเดียว ยิ่งไม่มีทางมาที่จวนอ๋องแล้วได้พบกับเยว่เฟิงเกอและม่อหลิงหาน
ม่อหลิงหานผงกศีรษะให้กงซุนหนานเสียน “ขอบคุณพี่หนานเสียนมาก”
กงซุนหนานเสียนยิ้มน้อยๆ ไม่กล่าวอะไรก็หมุนกายเดินกลับเข้าไปในทางลับ
ถานอี้เองก็เดินตามเข้าไป เขาคุ้มครองกงซุนหนานเสียนกลับไปถึงเรือนจิ้งจู๋อย่างปลอดภัย ถึงได้กลับออกมา
เฉียวเฟยและถานอี้ต่างไม่อยากอยู่เป็ก้างขวางคอท่านอ๋องและพระชายา จึงรีบร้อนออกไปเฝ้าอยู่หน้าประตู
เมื่อเห็นว่าทุกคนจากไปแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้รีบร้อนดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของม่อหลิงหาน
“ท่านอ๋อง พิษในร่างพระองค์ยังไม่ถูกกำจัดออกไปจนหมด ข้าต้องไปที่โรงหมอในจวนอีกครั้ง เพื่อนำสมุนไพรมาหลอมยา” เยว่เฟิงเกอพูดขณะตั้งท่าจะเดินออกไปด้านนอก
ตอนนั้นเองม่อหลิงหานรีบจับมือนางไว้
“ให้เฉียวเฟยและถานอี้ไปนำมาให้ก็ได้ ชายารักอยู่เป็เพื่อนเปิ่นหวางที่นี่เถอะ” ม่อหลิงหานเรียกชายารักอย่างสนิทปาก ทำให้เยว่เฟิงเกออดขนลุกไม่ได้
ฉับพลันนั้นเขาเรียกเฉียวเฟยและถานอี้เข้ามา เมื่อคนทั้งสองเดินเข้ามา เยว่เฟิงเกอก็ไม่ให้เสียเวลา รีบบอกทันทีว่านาง้าสมุนไพรชนิดใดบ้าง
“พวกเ้าจงไปนำสมุนไพรเหล่านี้ที่โรงหมอ” ม่อหลิงหานออกคำสั่ง
เฉียวเฟยและถานอี้รับบัญชาแล้วเดินออกไป
ม่อหลิงหานดึงเยว่เฟิงเกอให้นั่งลงบนฟูก
“ตอนนี้ชายารักควรจะบอกได้แล้วหรือไม่ว่า เ้ารู้เื่พิษไฟหนาวนี้ได้อย่างไร? ” ม่อหลิงหานไม่มีทางเชื่อเื่ที่เยว่เฟิงเกอบอกว่าเห็นอนาคตได้อะไรนั่นหรอก
หากนางรู้อนาคตจริง เมื่อครู่คงไม่บอกว่าตนไม่รู้เื่ที่เขาถูกพิษมาก่อน
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าตอนนี้ไม่มีคนอื่นแล้ว ซึ่งม่อหลิงหานเองก็เป็คนที่นางสามารถพึ่งพาและไว้ใจได้ นางจึงเล่าเื่ที่ฮองเฮาถูกพิษไฟหนาวนี้เช่นกันออกมา
เมื่อม่อหลิงหานได้ยินว่าฮองเฮาเองก็ถูกพิษไฟหนาวเช่นกัน สายตาเขามีแววโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้น
เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่วางยาไม่เพียงหวังจะทำร้ายเขา แม้แต่ฮองเฮาก็ยังไม่เว้น
“เช่นนั้นวันก่อนที่ไปตำหนักฮองเฮา ที่เ้ากระซิบกระซาบกับน้องสามก็เป็เพราะเื่นี้หรือ? ” ม่อหลิงหานถามออกมาเบาๆ
เยว่เฟิงเกอนึกถึงท่าทางโกรธเกรี้ยวในวันนั้นของม่อหลิงหาน นางก็ถลึงตาใส่เขา
“พวกเราย่อมต้องสนทนากันด้วยเื่นี้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะให้สนทนากันเื่ใด”
เมื่อได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกว่าแค่คุยกับองค์ชายสามเื่พิษในร่างของฮองเฮา ไม่ใช่เื่ระหว่างชายหญิง ปมในใจของม่อหลิงหานก็ถูกคลายออกทันที
เขาควรจะรู้อยู่แล้ว ชายารักของเขาไม่ใช่สตรีใจง่ายที่รักใครไปทั่ว
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของม่อหลิงหานก็เผยให้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจ