“เ้ายอมรับความผิดด้วยตนเอง ข้าไม่ได้เป็คนบีบบังคับเ้านะ ในเมื่อยอมรับผิดแล้ว ก็ควรแสดงออกว่ารู้สึกผิดบ้าง ไม่ใช่พูดเพียงข้าผิดไปแล้วก็จะสามารถจบเื่นี้ได้” นางจางหลิ่วเชิดคางขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ ก่นด่าหญิงสาวที่ทรุดตัวอยู่บนพื้นเบื้องหน้านาง
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นร่ำไห้สะอึกสะอื้น ดวงตาแดงก่ำช้อนตามองหญิงนางนั้น “เช่นนั้น…จะให้จัดการกับเื่นี้อย่างไรเล่า”
นี่คือประโยคที่นางจางหลิ่ว้า มืออวบที่เท้าอยู่บนสะโพกพร้อมกับถ่มเสมหะข้นเหนียวใส่นางเฉินที่อยู่บนพื้นด้วยความหยาบคาย
“เห็นหรือไม่ เ้าจะต้องเลียเสมหะที่ข้าถ่มลงไปจนสะอาด พวกเราจึงจะยอมยกโทษให้กับคำพูดของเ้า มิฉะนั้น หึ! เ้าก็รอชดใช้เงินที่เสียไปได้เลย!”
นางเฉินผู้เศร้าโศกมองกองเสมหะบนพื้น นางโกรธจนหน้าแดง ตัวนางก็แค่พูดความจริงออกไปด้วยความโกรธไม่ใช่หรือ บอกว่านางจางหลิ่วไม่ควรจะมายุ่งเื่ส่วนตัวภายในห้องของผู้เป็ลูก ใครจะไปคิดว่านางจะถูกนางจางหลิ่วสาปแช่งเช่นนี้ ทั้งยังจะให้นางเลิกยุ่งกับบุตรสาวของตนเองอีก…
ยามนี้ก็ยังจะบีบบังคับให้ตัวนางเลียเสมหะ…นางนึกถึงบุตรสาวของตนเองที่มีชีวิตรันทดและยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง หลานสาวทั้งสามที่รอคอยด้วยความหิวโหย…นางเฉินสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อยๆ ก้มลงไปหาเสมหะที่น่าสะอิดสะเอียนทีละนิด
“จากความคิดของข้า ความผิดเื่นี้ของเ้า แค่เลียเสมหะถือว่าท่านแม่ใจกว้างเกินไป หากเป็ข้า ข้าจะขับไล่นางออกไป เพราะนางทำให้ตระกูลจางของพวกเราเสื่อมเสีย” หญิงสาวที่ปากคอเราะรายคนนั้นคือสะใภ้ใหญ่ของนางจางหลิ่ว นางกลอกตาพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยความเ็า คาดหวังว่าจะขับไล่ซูฉีเฉียวออกไปจากตระกูล
“พวกเ้ายัง้าอะไรอีก หากยังรังแกท่านแม่และพี่สาวของข้าอีก ข้าจะจัดการพวกเ้า” ซูอู่หลางทนดูต่อไปไม่ไหว เขาโกรธจนะโใส่หญิงทั้งสองคนตรงหน้า
ตัวเขาที่เพิ่งจะอายุสิบห้าปี รูปร่างซูบผอมอ่อนแอ แต่ในเวลานี้กลับโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวและดวงตาฉายแววโกรธเคืองออกมา แสดงให้เห็นว่าเขาทำอย่างที่ปากพูดได้แน่นอน
นางจางหลิ่วและโจวชุ่ยจู๋มองเด็กหนุ่มที่โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว ก่อนจะผงะไปชั่วขณะ
นางเฉินรู้ดีว่าการที่บุตรชายะโออกมาเช่นนี้ ก็เพราะเกรงว่าผู้เป็มารดาของเขาจะขายหน้า…และจะทำให้เื่ยุ่งยากมากขึ้น หากพวกนางพยายามจะขับไล่บุตรสาวของนางออกไปจากครอบครัวจริงๆ แล้วบุตรสาวของนางจะทำอย่างไร
นางเฉินรีบห้ามเสี่ยวอู่หลางเอาไว้ทันที “ข้าเลีย ข้าเลีย อู่หลางยังเด็ก หวังว่าท่านจะเมตตาเด็กที่ไม่รู้เดียงสาเช่นนี้”
นางจางหลิ่วรู้สึกได้ว่าเื่จะจบลงเช่นนี้ไม่ได้ ขณะที่นางตั้งใจจะพูดอีกครั้ง ตาเฒ่าจางที่สูบยาเส้นอยู่ในห้องมาตลอดก็เดินออกมาอย่างอดไม่ได้ “เอะอะโวยวายอะไรกัน ตอนนี้เหล่าซื่อก็ยังนอนอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าเป็ตายร้ายดีอย่างไร อย่าเพิ่งสร้างปัญหากันได้หรือไม่ ไม่เห็นหรือว่าชาวบ้านพากันออกมาดูหมดแล้ว”
ตาเฒ่าจางที่กลัวภรรยาที่ดุเหมือนเสือมาแต่ไหนแต่ไร วันนี้เขากลับเห็นว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ลงไปอีก จึงได้เลือกที่จะพูดออกไป
นางจางหลิ่วเมื่อเห็นว่าตาเฒ่ากล้าที่จะเอ่ยปากต่อต้านตนเอง นางจึงแทบจะเป็บ้าทันที ตาเฒ่าจางจ้องมองไปที่นาง “ลูกหกของเรากำลังจะหมั้นหมาย เ้าอยากให้คนนินทาก็บังคับให้นางกินเสมหะเสีย จิตใจคับแคบจริงๆ…”
คำพูดเ่าั้ทำให้นางจางหลิ่วเงียบไปทันที เป็เื่จริงที่บุตรสาวคนที่หกของนางกำลังจะหมั้นหมาย หากมีข่าวอื้อฉาวว่านางปฏิบัติไม่ดีต่อลูกสะใภ้ออกไปอีก…เกรงว่าทางฝ่ายชายอาจจะถอนหมั้นได้
เมื่อเป็เช่นนั้นนางจางหลิ่วจึงถ่มน้ำลายใส่หน้านางเฉินที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความไม่เต็มใจนัก “วันนี้ข้าจะไม่ติดใจเอาความเ้า ตัวซวยของตระกูลอย่างเ้า จะช้าหรือเร็วข้าจะต้องจัดการอย่างแน่นอน”
โจวชุ่ยจู๋ที่ไม่มีความสุขเพราะไม่มีความหายนะเกิดขึ้นก็กลอกตามองบน และหมุนตัวกลับเข้าบ้านพร้อมกับก่นด่าตามหลัง
เมื่อนางเฉินรู้ว่า่เวลาที่ยากลำบากได้ผ่านพ้นไปแล้ว จึงยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายบนหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็พบกับแววตาที่เปี่ยมด้วยความเศร้าโศก
“พี่ใหญ่!” ซูเสี่ยวอู่มองไปยังหญิงสาวนางนั้นก่อนจะเอ่ยปากเรียก
“ลูกรัก…ฟื้นแล้วหรือ…ฟื้นแล้วหรือลูก…” นางเฉินเห็นบุตรสาวที่แทบจะล้มลงหากลมพัดผ่านยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง หยาดน้ำตาไหลรินก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
ซูฉีเฉียวมองเบื้องหน้าของนางด้วยความว่างเปล่า บรรยากาศที่แปลกตาและผู้คนที่แปลกหน้า
สิ่งแรกที่นางนึกออกคือนางทะลุมิติมาอีกครั้งแล้ว
นางมีประสบการณ์ในการทะลุมิติมาแล้ว ทำให้ครั้งนี้นางสงบใจรอสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
นางเจ็บที่คอมาก เมื่อััดูก็พบกับรอยรัดรอบคอ ราวกับว่าได้เกิดเื่ที่น่ากลัวขึ้นกับร่างกายนี้มาก่อน ซึ่งนั่นเป็เหตุผลที่ทำให้นางมายังร่างนี้
แต่สิ่งที่ทำให้นางโกรธเคืองคือเื่ที่เกิดขึ้นนอกหน้าต่าง การโต้เถียงนั้นทำให้นางรู้ว่ามารดาของตนถูกแม่สามีทำให้อับอาย
ตอนที่นางเฉินถูกบีบบังคับให้เลียเสมหะนั้น นางเกิดความรู้สึกโกรธเคืองออกมาจากภายใน
นี่คือเื่ที่มนุษย์พึงกระทำต่อกันจริงๆ หรือ คนที่เป็มารดาเหมือนกัน กลับบีบบังคับให้อีกฝ่ายเลียเสมหะของตนเอง
ยังมีเื่ดีอยู่ตรงที่ผู้เป็สามียังเป็คนมีเหตุผล ทำให้เื่ที่ต้องเลียเสมหะนั้นไม่ได้เกิดขึ้น แต่ซูฉีเฉียวก็คิดบัญชีเื่นี้เอาไว้ในใจแล้ว
เมื่อได้ฟังนางเฉินและซูเสี่ยวอู่พูดถึงเื่ราวที่ไม่ลงรอยกัน ประกอบกับความทรงจำก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยปะติดปะต่อเท่าไรนัก ทำให้ซูฉีเฉียวได้รู้จักความเป็มาของตนเองในภพนี้
แม้ว่าในชาตินี้นางจะชื่อซูฉีเฉียวเหมือนกับชาติที่สอง
แต่ตัวของซูฉีเฉียวในชาตินี้กลับน่าสงสารเป็อย่างมาก
นางแต่งงานเข้ามาในตระกูลจาง ในวันงานได้ยินมาว่าบ้านของตระกูลจางถูกไฟไหม้
และวันที่รับเข้าตระกูล หมูของตระกูลจางก็ตาย
แม้ว่าฝ่ายเ้าบ่าวอย่างจางเฉาิจะทำอาชีพล่าสัตว์และทำนา แต่เขาก็ปฏิบัติต่อนางด้วยความอบอุ่นเสมอ
นางให้กำเนิดทายาทมาแล้วถึงสามคนแต่กลับเป็สตรีทั้งหมด ในยุคที่ชายเป็ใหญ่เช่นนี้ คงจะจินตนาการได้ว่าการให้กำเนิดบุตรสาวถึงสามคนนั้นจะเป็อย่างไร
ก่อนหน้านี้เพราะจางเฉาิได้รับาเ็จากการล่าสัตว์ แม่สามีอย่างนางจางหลิ่วจึงหาเื่มาตำหนิได้มากมาย เมื่อสองวันก่อนสุนัขตัวโปรดของพี่สะใภ้ใหญ่ตาย ทำให้คนในตระกูลจางกล่าวกันว่านางเป็ดาวแห่งลางร้าย
สำหรับเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นางไม่แน่ใจว่าเื่ราวเป็มาอย่างไร ซูฉีเฉียวจำได้เพียงสิ่งที่พี่สะใภ้ของนางเอ่ย จากนั้นพี่สะใภ้และแม่สามีก็ด่าทอนาง ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวจนแขวนคอตนเอง โชคดีที่บุตรสาวคนโตมาพบได้ทันเวลา ทั้งร่ำไห้และร้องะโเพื่อนำนางลงมา
นางเฉินสงสารผู้เป็บุตรสาวจึงเอ่ยปากต่อว่านางจางและสะใภ้ เพราะเหตุนี้นางจึงถูกบีบบังคับให้ต้องเลียเสมหะ…
“ลูกแม่ เป็เพราะแม่ไร้ประโยชน์ หากแม่ช่วยอะไรได้สักนิด ลูกก็คงไม่ต้องทนทุกข์เช่นนี้…”
เมื่อได้ฟังนางเฉินร่ำไห้ไม่ขาดสาย ซูฉีเฉียวก็รู้สึกเสียใจเป็อย่างยิ่ง ประการแรกนางรู้สึกเจ็บที่ลำคอ ประการที่สองนางรู้สึกได้ว่าร่างกายนี้เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
แม้ว่าจะยังอายุไม่เกินสิบเก้าปี แต่เพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ได้รับความเสียหายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ร่างกายนี้ได้รับความเหน็ดเหนื่อยจนทนไม่ไหว
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้เลย เื่เหล่านี้รอให้ข้าดีขึ้นสักหน่อยแล้วข้าจะจัดการเอง” นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทำให้นางเฉินที่ร่ำไห้อยู่ยอมหยุดลง
นางสะอึกสะอื้นมองไปยังบุตรสาว และพยักหน้าในท้ายที่สุด “ลูกสาวแม่ จำเอาไว้ว่าอย่ายอมให้แม่สามีมาบังคับให้เ้าหย่า หญิงสาวที่ยอมแพ้จะไม่มีทางมีทางออก หรือหากว่าหย่ากัน แล้วเด็กๆ ทั้งสามคนเล่าจะทำอย่างไร”
เพิ่งจะเอ่ยถึง ก็มีเสียงเบาๆ จากเด็กสาวตัวน้อยดังมาจากด้านนอก
ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเด็กตัวน้อยในอ้อมแขน นางเฉินเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปทักทาย
“ลูกเขย ลำบากเ้าที่ขาไม่ดีแล้วยังต้องมาดูแลลูกอีก ต้องตำหนิลูกสาวที่ตอนนี้ไม่สบาย มา มาให้ยายอุ้มเถิด”
ซูฉีเฉียวมองดูเงียบๆ… สามีของนาง หากจะพูดให้ถูกต้องก็คือสามีของเ้าของร่างเก่าต่างหาก ตอนที่ชายผู้นี้มองมาที่นางนั้น มันเป็อารมณ์ที่เรียบเฉยมองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร
ใบหน้าของชายคนนี้ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็คนเรียบง่ายและซื่อตรง เมื่อลองคิดดูแล้วเขาไม่น่าจะเป็คนเช่นนั้น
เพียงแต่ตอนที่มองไปยังชายคนนั้น ในใจของซูฉีเฉียวกลับเกิดความรู้สึกขยะแขยงที่พลุ่งพล่านอย่างไร้เหตุผล
ราวกับว่าเ้าของร่างเดิมรู้สึก…ต่อต้านชายที่อยู่เบื้องหน้า
นางเฉินอยู่ต่ออีกครู่หนึ่งก็กลับไป เพื่อให้พื้นที่กับซูฉีเฉียวและสามี
เมื่อมองลูกน้อยที่รอกินนมอยู่บนเตียง ซูฉีเฉียวก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา นางทะลุมิติมาก็มีลูกถึงสามคน ทั้งยังมีสามีที่นางไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ เช่นนี้จะเป็อย่างไรต่อกันนะ
เ้าของร่างนี้ก็ดูเหมือนจะต่อต้านบุรุษ อีกทั้งนาง…ไม่ได้รู้สึกมีความรักของผู้เป็มารดาต่อเด็กทั้งสามคนนี้เลย
ขณะที่นางกำลังเหม่อลอยครุ่นคิดด้วยความไม่เข้าใจอยู่นั้น…
“ภรรยา วางใจเถอะ ข้าจะรับผิดชอบเ้าเอง ขอแค่ผ่าน่หน้าสิ่วหน้าขวานนี้ไปก่อน ข้าก็จะปล่อยเ้าไป ส่วนลูกทั้งสามคน ข้าหวังว่าเ้าจะปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนลูกแท้ๆ ตามที่เคยตกลงกันไว้ ส่วนท่านแม่กับพี่สะใภ้ ผ่าน่เวลานี้ไปข้าจะพูดกับพวกนางเอง หากไม่เกิดเื่ใดใน่นี้อีก ข้าจะปล่อยเ้าไป” จางเฉาิถอนหายใจก่อนจะเอ่ยคำพูดเ่าั้ออกมา
“เอ๊ะ อะไรนะ” ซูฉีเฉียวมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าตนด้วยความงุนงง ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาพูดจาแปลกๆ
“เ้า…ลืมสัญญาของเราแล้วหรือ” จางเฉาิเองก็งุนงง การถูกรัดคอทำให้นางสูญเสียความทรงจำไปด้วยอย่างนั้นหรือ
“บางเื่ข้าน่าจะได้รับความกระทบกระเทือนจนทำให้นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ท่านช่วยเล่าเื่ก่อนหน้านี้ของพวกเราให้ข้าฟัง…อีกครั้งได้หรือไม่” เหงื่อของซูฉีเฉียวออกเยอะผิดปกติ การรู้เื่ของเ้าของร่างนี้น้อยเกินไปไม่ใช่เื่ดีเท่าไรนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนการแต่งงานระหว่างนางและชายตรงหน้าจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น
“พวกเรา…” จางเฉาิมองไปยังซูฉีเฉียวด้วยความสงสัย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก
หลังจากได้ฟังเื่ราวในอดีตจากจางเฉาิ ซูฉีเฉียวก็พูดอะไรไม่ออก
หลังผ่านเื่วุ่นวายมาครึ่งค่อนวัน นางก็ได้รู้ว่าร่างนี้ยังเป็เพียงเด็กสาวแรกรุ่น
์ ทำไมถึงได้วุ่นวายเช่นนี้ อีกทั้งร่างเดิมกับพ่อหนุ่มจางเฉาิที่อยู่เบื้องหน้าก็เป็แค่สามีภรรยาในนามกันเท่านั้น
ส่วนลูกๆ ทั้งสามคนก็เป็เด็กที่จางเฉาิรับมาเลี้ยง เด็กสาวสองคนเป็ลูกของสหายคนสนิทของเขาที่มีชีวิตรันทด ส่วนอีกคนเป็เด็กที่เขารับมาเลี้ยงด้วยความเมตตา
แน่นอนว่าเขาบอกกับคนอื่นๆ ว่าเด็กทั้งสามเป็ลูกของซูฉีเฉียว นั่นเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาทำอาชีพล่าสัตว์และอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านชิงซานในเขตใกล้เคียงมาโดยตลอด
ทั้งคู่เพิ่งจะพาลูกๆ ทั้งสามคนกลับมาบ้านเมื่อสามวันก่อน หลังจากกลับมาแล้วแม่สามีและลูกสะใภ้ก็เกิดความบาดหมางต่อกัน แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เื่ที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อคืนวานคนรักของเ้าของร่างเก่าได้กลับมา ทั้งคู่จึงลอบพบกันอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็ได้เกิดเื่ที่ซูฉีเฉียวนอนสลบไม่ได้สติอยู่บนเตียงขึ้นมา
เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ยังคงเป็ปริศนาอยู่จนกระทั่งยามนี้
อย่าว่าแต่ซูฉีเฉียวที่ไม่รู้เื่เพราะเพิ่งทะลุมิติมาเลย จางเฉาิเองก็ไม่รู้ยิ่งกว่านางเสียอีก จากการพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ ของเขา ดูเหมือนว่าตัวเขาและเ้าของร่างเก่าจะมีข้อตกลงปากเปล่าในการเป็สามีภรรยาปลอมๆ กันมาตลอด
นางช่วยเขาปิดบังเื่เด็กทั้งสามคน ส่วนเขาก็จะหย่ากับนางเมื่อถึงเวลาที่สมควร ปล่อยให้นางเป็อิสระและให้นางได้เติมเต็มความฝันกับคนที่นางรัก
ช่างดราม่าอะไรขนาดนั้น!
นางมีคำถามมากมายอยากจะเอ่ยถามชายคนนี้ว่าทำไมเขาถึงได้ยอมรับข้อเสนอที่ไร้สาระเช่นนี้ แต่งงานกันมาสามปีแต่ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน เขายังเป็ชายปกติอยู่หรือ ไม่รู้สึกมีความ้าบ้างหรือไร