ดวงตาของผู้ติดตามฉายแววประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าหลี่หรูอี้จะเฉลียวฉลาดเพียงนี้ สุดท้ายจึงได้แต่พยักหน้าช้าๆ
จ้าวอี้และคนอื่นๆ เดินตามหลี่ซานไปยังห้องใต้ดิน ด้านในมืดจนมองไม่เห็น จึงบอกให้หลี่หรูอี้ไปนำตะเกียงเข้ามา
หลี่หรูอี้ถือโอกาสตอนเดินไปหยิบตะเกียงที่ห้องโถงบอกกล่าวกับจ้าวซื่อที่รู้สึกหวาดกลัวจนไม่อาจสงบใจว่า “จวนอ๋อง้าซื้อแป้งย่างของพวกเราเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อทั้งแปลกใจและยินดียิ่ง นึกไม่ถึงว่าจวนอ๋องจะอยากซื้อแป้งย่างของพวกตน รองผู้ดูแลแห่งจวนอ๋องถึงกับออกเดินทางมาด้วยตนเองเช่นนี้ คราวนี้จะซื้อมากเพียงใดกัน?
จ้าวอี้เบิกตากว้างมองสำรวจห้องใต้ดินของบ้านหลี่ท่ามกลางแสงไฟสลัวของตะเกียงน้ำมัน
บ้านของคนทางเหนือมีห้องใต้ดินทุกบ้าน เพียงแต่ขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
ห้องใต้ดินของบ้านหลี่มีความยาวประมาณสิบสองจั้ง กว้างสิบจั้ง สูงแปดชุ่น หากเทียบกับบ้านของชาวบ้านทั่วไปนับว่าใหญ่มากแล้ว
ตอนนี้ด้านหนึ่งของห้องใต้ดินมีไหขนาดเล็กใหญ่เรียงรายอยู่เกือบร้อยใบ มีกลิ่นเปรี้ยวโชยออกมาจางๆ อีกด้านหนึ่งเป็โอ่งสูงครึ่งตัวคนหลายสิบใบ มีแผ่นหินวางปิดผนึกอยู่บริเวณปากโอ่ง
ในไหคือ ผักดอง ส่วนในโอ่งมีของจำพวกธัญพืช น้ำมัน ผลไม้แห้ง และผลไม้สด เป็ต้น คนบ้านหลี่กลัวเสบียงจะถูกหนูกิน จึงใช้แผ่นหินหนาครึ่งชุ่นมาวางปิดไว้้า
องครักษ์แห่งจวนอ๋องทั้งสองคนเดินมาเลื่อนแผ่นหินบนปากโอ่งหลายใบออกดู พบว่าด้านในเป็แป้งขาว ผลไม้ น้ำมัน และผลไม้แห้ง
“บ้านเ้าทำห้องใต้ดินได้ไม่เลวเลย” จ้าวอี้ยื่นมือออกไปตบแผ่นหิน ตัดสินใจแล้วว่าเมื่อกลับไปจะทำแผ่นหินมาวางปิดโอ่งในคลังเสบียงและห้องใต้ดินของจวนอ๋องบ้าง
หวังไห่ลองใช้มือยกแผ่นหินเพื่อกะน้ำหนัก คาดว่าหนักราวห้าสิบชั่ง แผ่นหินหลายสิบแผ่นที่ถูกขัดจนเรียบเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหนึ่งตำลึง บ้านหลี่ใช้เงินไปกับการรักษาเสบียงได้อย่างเหมาะสมจริงๆ
หลี่ซานมีสีหน้ารู้สึกผิด หลายวันก่อนตอนที่เขาเพิ่งกลับมาจากเมืองเยี่ยน ยังคิดว่าห้องใต้ดินมีขนาดใหญ่เกินไป อีกทั้งแผ่นหินที่ใช้ปิดปากโอ่งก็สิ้นเปลืองเงินทอง ยังชี้นิ้วตำหนิลูกๆ ไปแล้วด้วย
เมื่อพวกเขาออกมาจากห้องใต้ดินก็ไม่กลับไปที่ห้องโถงอีก
จ้าวอี้สีหน้าอ่อนลง กล่าวกับห่าวทงด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ทำตามที่เ้าว่าได้เลย”
“ขอบคุณท่านรองผู้ดูแลที่เชื่อมั่นในอำเภอฉางผิงขอรับ เื่นี้มอบให้ข้าน้อยจัดการเถิด ข้าน้อยจะทำให้ผู้สูงศักดิ์ทุกท่านในจวนอ๋องพึงพอใจแน่นอน” ห่าวทงเผยรอยยิ้มยินดี จากนั้นจึงเชิญจ้าวอี้เดินออกจากบ้านหลี่ด้วยท่าทีที่เคารพนบนอบ
ผู้ติดตามทั้งสองของห่าวทงไปรออยู่ที่บ้านหวังไห่ องครักษ์ทั้งสี่ของจ้าวอี้ก็อยู่ที่นี่ด้วย
เมื่อมากันครบแล้วทุกคน ก็ฝ่าฝนออกจากหมู่บ้านหลี่ไป ยกเว้นใต้เท้าหลิวและผู้ติดตามทั้งสองที่ยังไม่ได้ออกไปด้วย
พวกใต้เท้าหลิวทั้งสามคนย้อนกลับมายังบ้านหลี่อีกครั้ง คราวนี้กลับมาพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า
ใต้เท้าหลิวกล่าวยินดีกับหลี่หรูอี้ที่ได้รับพระราชทานรางวัลจากเหล่าไท่เฟยและหวังเฟยก่อน จากนั้นจึงกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ผู้สูงศักดิ์ในจวนอ๋องชอบขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ที่พวกเ้าทำมาก ท่านนายอำเภอจึงจัดแจงให้ข้าเป็ผู้รับผิดชอบการซื้อขาย ต่อไปนี้ข้าจะให้พวกเขาสองคนมารับขนมไหว้พระจันทร์รสหวานที่บ้านเ้าทุกวันสุดท้ายของเดือน จำนวนหกร้อยชิ้น จะจ่ายเงินให้พวกเ้าเดือนละสิบตำลึง”
หลี่ซานไม่รอให้หลี่หรูอี้เอ่ยปาก รีบตอบไปอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่ได้ขอรับ เช่นนี้ไม่ได้ ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของข้าน้อยชิ้นละสิบทองแดง หกร้อยชิ้นก็หกตำลึง ไม่ถึงสิบตำลึงขอรับ”
จ้าวซื่อได้ยินคำพูดของสามีที่ทำให้ครอบครัวมีรายได้ลดลงเดือนละสี่ตำลึง ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจยิ่งนัก ทว่าทำการค้าย่อมต้องซื่อสัตย์ สามีทำเช่นนี้นับว่าเข้าใจได้
หลี่หรูอี้คิดในใจว่า ท่านพ่อจะซื่อสัตย์เกินไปแล้ว ก่อนที่จะกระแอมออกมาสองครั้ง กล่าวไปว่า “ใต้เท้าเ้าคะ หากท่านจ่ายเงินเดือนละสิบตำลึง เพื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่เดือนละหกร้อยชิ้น ข้าน้อยสามารถเพิ่มคุณภาพของขนมไหว้พระจันทร์รสหวานได้เ้าค่ะ รับประกันเลยว่าจะมีรสชาติอร่อยกว่าที่ขายให้ผู้อื่นแน่นอน ท่านคิดเห็นอย่างไรเ้าคะ?”
สายตาของใต้เท้าหลิวมองสลับไปมาระหว่างใบหน้าของหลี่ซานและบุตรสาว ไม่นานก็หัวเราะเสียงดัง “เมื่อครู่หรูอี้กล่าวว่า พี่ชายทั้งสี่ของนางเรียนอยู่ที่สำนักศึกษา ข้าจ่ายเงินให้พวกเ้ามากขึ้น พวกเ้าก็นำไปซื้อตำรับตำราให้พี่ชายทั้งสี่ของนางเถิด”
“ขอบคุณใต้เท้าที่ใส่ใจเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้ยิ้มจนตาหยีแล้วค่อยกล่าวต่อไป “หลังจากนี้หากครอบครัวพวกเราทำอาหารชนิดใหม่ออกมาจะส่งไปให้ท่านชิมแน่นอน หากท่านคิดว่าดีก็ส่งไปให้ท่านนายอำเภอหรือจะมอบให้จวนอ๋องก็ได้เ้าค่ะ”
ใต้เท้าหลิวคิดว่าต่อไปนี้จะต้องนำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานไปส่งที่จวนอ๋องทุกเดือน ย่อมได้สานสัมพันธ์กับขุนนางในจวนมากขึ้น ในใจให้รู้สึกยินดียิ่งนัก “หรูอี้ฉลาดจริงๆ เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถิด”
หลี่หรูอี้เชิญใต้เท้าหลิวและผู้ติดตามอยู่กินข้าวที่บ้านก่อน ใต้เท้าหลิวเห็นหลี่ซานมีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา จึงคิดได้ว่าหากพวกตนอยู่กินข้าวที่บ้านหลี่อาจไม่สะดวกนัก ได้แต่กล่าวรับน้ำใจแล้วกลับไป
หลี่ซานรีบเดินออกไปส่งใต้เท้าหลิว หลี่หรูอี้บอกให้หลี่สือตามไปด้วย เจาไฉและจิ้นเป่าก็วิ่งกระดิกหางตามออกไป
ในบ้านเหลือเพียงสองแม่ลูก แต่ละคนล้วนมีสีหน้ายินดี
หลี่หรูอี้รู้สึกตื่นเต้นมาก แอบคิดในใจว่า เหล่าไท่เฟยและเยี่ยนหวังเฟยเป็ถึงผู้สูงศักดิ์ แต่ยังประทานรางวัลให้นางที่เป็เพียงสตรีชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง
จ้าวซื่อปลาบปลื้มใจยิ่งนักจนน้ำตาเอ่อขึ้นมา “ลูกสาวข้า รางวัลของเหล่าไท่เฟยและเยี่ยนหวังเฟยก็เก็บไว้เป็สินเดิมให้เ้าเถิด ต่อไปหากเ้าแต่งไปบ้านสามี บ้านสามีย่อมไม่กล้าดูถูกเ้าแน่”
หลี่หรูอี้ยิ้มตอบ “นับว่าเป็วาสนาที่ได้จากท่านพ่อและท่านอารองแล้ว พวกเขาไปทำงานสร้างกำแพงเมือง ข้าจึงคิดทำหมวกนิรภัยให้พวกเขา เช่นนี้จึงได้รับพระราชทานรางวัลจากเหล่าไท่เฟยและเยี่ยนหวังเฟยเ้าค่ะ”
ไม่นานหลี่ซานและหลี่สือก็เดินกลับมา พากันสนทนาถึงรางวัลและคำสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของจวนอ๋องพานให้ดีอกดีใจกันอีกคำรบหนึ่ง
หลี่ซานเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นระคนทอดถอนใจว่า “เดิมทีข้ายังกังวลเื่ค่าเล่าเรียนของลูกชายทั้งสี่ ตอนนี้ดียิ่งนัก บ้านเรามีรายได้ที่มั่นคงจากการขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานเข้ามาทุกเดือนแล้ว”
จ้าวซื่อส่ายศีรษะ นึกขำในความซื่อของสามี “ท่านนี่นะ เพียงท่านอ้าปากก็เกือบทำให้ได้เงินน้อยลงสี่ตำลึงแล้ว”
“นั่นเป็จวนเยี่ยนอ๋อง ไม่ใช่คนที่ชาวบ้านอย่างพวกเราจะไปหลอกลวงได้” ตอนที่หลี่ซานไปทำงานสร้างกำแพงเมืองอยู่ที่เมืองเยี่ยน ย่อมได้ยินเื่ราวเกี่ยวกับจวนเยี่ยนอ๋องมามากมาย ในใจจึงเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรง “หรูอี้ ที่เ้าบอกว่า จะเพิ่มคุณภาพของขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน คำพูดนี้จริงหรือไม่”
“จริงแท้แน่นอนเ้าค่ะท่านพ่อ” หลี่หรูอี้กล่าวด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “พวกเราต้องทำสัญญากับร้านธัญพืชในตำบลแล้วเ้าค่ะ สัญญาสั่งซื้อน้ำมันงาสดใหม่ทุกเดือน”
“ข้าจะไปตำบลจินจีเดี๋ยวนี้” หลี่ซานรีบสวมเสื้อคลุมและหมวกสานเดินออกไปทันที ยามนี้ฝนตกหนัก เขากลัวลาจะเปียกจึงไม่ได้ขับเกวียนไป ใช้การเดินเท้าไปแทน
หลี่หรูอี้มองไปยังเงาร่างกำยำท่ามกลางสายฝนของหลี่ซาน ะโไล่หลังไปว่า “ท่านพ่อ ท่านซื้อเนื้อหมูกับท่านอาจางมาสามชั่งด้วยนะเ้าคะ”
คราวนี้หลี่ซานไม่เสียดายเื่การใช้เงินอีกแล้ว ตอบกลับไปอย่างสุขใจว่า “ได้”
จ้าวซื่อหัวเราะ “หรูอี้ พวกเราขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานให้จวนเยี่ยนอ๋องเช่นนี้ เมื่อหักเงินทุนออกแล้วจะได้เงินเดือนละเท่าใดหรือ”
หลี่หรูอี้ยิ้มตอบ “อย่างน้อยก็หกตำลึงเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อเบิกบานใจยิ่งนัก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามต่อไปว่า “เ้าบอกว่า จะเพิ่มคุณภาพไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงทำเงินได้ถึงหกตำลึงอีกเล่า?”
หลี่หรูอี้กะพริบตาปริบๆ ก่อนเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ออกมา “ที่กล่าวว่าจะเพิ่มคุณภาพก็คือ ใส่น้ำมันงามากขึ้นเล็กน้อย ทำให้กลิ่นของขนมไหว้พระจันทร์รสหวานเข้มข้นยิ่งขึ้น เพียงเท่านั้นเ้าค่ะ” จากนั้นจึงกล่าวเสียงแ่ “หากขายถูกไป เกรงว่าคนจวนเยี่ยนอ๋องจะรู้สึกไม่ดี”
จ้าวซื่อหัวเราะเบาๆ “ลูกสาวข้าฉลาดเฉลียวจริงๆ”
“นึกไม่ถึงเลยว่า วันนี้คนของจวนอ๋องจะมาตรวจห้องครัวกับห้องใต้ดินของพวกเรา” หลี่หรูอี้เดินไปนั่งข้างหลี่สือ “ท่านอารอง โชคดีที่หลายวันมานี้ท่านออกแรงทำความสะอาดห้องครัวและห้องใต้ดิน”
จ้าวซื่อก็กล่าวชมเชยไปด้วย “หลี่สือดีจริงๆ”
หลี่สือดีใจจนฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวที่เรียงรายทั้งสองแถวชัดเจน “หรูอี้วันนี้จะกินเนื้อหรือ”
“เ้าค่ะ คืนนี้ข้าจะห่อเกี๊ยวไส้เนื้อ” เมื่อหลี่หรูอี้กระซิบบอกกับหลี่สือ และจ้าวซื่อก็ดีใจจนหัวเราะออกมา
ปกติจะกินเกี๊ยวกันใน่ปีใหม่เท่านั้น ครั้งล่าสุดที่กินเกี๊ยวกันก็เป็วันเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งเกี๊ยวที่กินกันก็เป็เกี๊ยวที่ใช้แป้งหยาบ ไข่ไก่ และต้นหอมมาทำเป็แผ่นเกี๊ยว ไส้ก็น้อยจนน่าสงสาร แม้จะเป็เช่นนั้นก็ยังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
จ้าวซื่อนึกถึงเื่ที่หวังไห่ช่วยพูดให้ครอบครัวของตนเมื่อครู่นี้ “ทำเสร็จก็เอาไปให้บ้านลุงหวังของเ้าชามหนึ่งเถิด”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้